สัญญาอมตะ ตอนที่ 2

กระทู้คำถาม
เซธใช้เวลาครึ่งคืนแรกในห้องพักแขกด้วยการบันทึกการเดินทางที่ทำเป็นช่วง ๆ ตลอดหกร้อยกว่าปี ทั้งเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาค้นพบวัตถุธาตุบางอย่าง มันตอบสนองต่อพลังของมังกรแสงที่หลุดเข้ามิติกาลเวลาในอดีตกาลทำให้พบเค้าเงื่อนร่างแยกส่วนหนึ่ง มันคอยบงการประธานาธิบดีอยู่เบื้องหลังด้วยเหตุผลบางอย่าง
 
            ผู้เป็นอมตะขีดเส้นลากจบย่อหน้าแล้วปิดหนังสือด้วยความหวังว่าการเดินทางของเขาจะถึงจุดสิ้นสุดเสียที เขาต้องสังหารหรือจับตัวตนใหม่ของมังกรแสงเพื่อคืนชีพให้โซลาน่าที่รัก 
 
            ใช้เวลาไม่กี่นาทีบนหมอนเซธก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับใหล ทว่าความฝันคราวนี้ไม่ใช่เรื่องราวกลับเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุพอ ๆ กับเขาตอนยังไม่เป็นอมตะ หญิงผู้นี้มีผมสีเขียวแปลกตาซึ่งหายากมาก ดวงตาสีอำพันลึกล้ำดั่งมหาสมุทร โครงหน้าเป็นคนยุคเก่าที่เห็นโหนกแก้มชัดเจน ผู้เป็นอมตะเคยเห็นหญิงสาวคนนี้ในภวังค์ฝันเป็นร้อย ๆ ครั้ง เขาไม่เชื่อว่านางเป็นมนุษย์เพราะความงามที่ชวนให้คลั่งไคล้อย่างเสียสติ
 
            หญิงสาวในห้วงภวังค์พูดออกมาเพียงคำเดียวว่า ‘ข้ารักท่าน’ หากเป็นช่วงก่อนโดนสาปให้เป็นอมตะเซธคงไม่สนใจเท่าตอนนี้เพราะเงื่อนไขของคำสาปจะทำงานทันที โซ่ตรวนแห่งคำสาปจะทำงานเมื่อลืมเลือนภารกิจ มีใจออกห่างเหล่าเสาค้ำจุน หรือละทิ้งรักเก่าไปมีรักใหม่ ทั้งนี้ความรู้สึกต่อหญิงปริศนาคนนี้เป็นแค่การหลงไม่น่านับรวมได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางคือใคร
 
            ทว่าตรวนเหล็กที่ฝังแน่นถึงวิญญาณทำงานทันที ผู้เป็นอมตะลืมตาโพลงอย่างตระหนกก่อนร่างสูงของเขาจะโค้งเกร็งด้วยทัณฑ์ทรมานที่ไม่เคยชาชินสักที
 
            ความทารุณของเซธเริ่มจากความหนาวเย็นบนผิวหนังทั่วร่างราวกับถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นเหล็กแช่แข็ง จากนั้นความเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งที่หนาวเย็นที่สุดก็ทิ่มแทงเข้าไปในผิวเนื้อถึงกระดูกประหนึ่งคมหอกเสียบลงไปติดค้างภายในทุกข้อกระดูก ความปวดร้าวทั่วร่างของผู้เป็นอมตะทำให้ต้องเค้นเสียงร้องด้วยความทรมานจากปอดที่จับตัวเป็นก้อนเพราะความหนาวเย็น ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนปวดแปลบสาหัสเหมือนมีคมมีดน้ำแข็งกรีดในคอตลอดเวลา ไม่ว่ามีเสียงอยู่เท่าไรเขาก็ปล่อยออกไปจนหมดเหมือนทุกครั้ง
 
            เมื่อความเยียบเย็นคลายลงความทรงจำเมื่อครั้งทำสัญญาก็เข้ามาในมโนสำนึกอีกครั้ง คู่สัญญาของเซธคือหัวหน้าของเสาค้ำจุนดินแดนแห่งนี้ในอดีตกาล ผู้เป็นเสมือนหัวหน้าและอาจารย์ของท่านผู้นั้น หากละเมิดสัญญาก็ย่อมต้องทรมานยิ่งกว่าถูกเผาทั้งเป็น
 
            การลงโทษนี้ดำเนินนานถึงสามนาทีกว่าทุกอย่างจะจบสิ้น ผู้เป็นอมตะนอนนิ่งด้วยความรวดร้าวทุกกล้ามเนื้อและข้อต่อจนไม่สามารถขยับได้ชั่วคราว ความทรมานนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากเห็นภาพหญิงสาวดังกล่าวสร้างข้อสงสัยตลอดว่าเพราะเหตุใดกันแน่ หรืออาจเพราะเขาถูกชักจูงให้เขวไปจากโซลาน่า หากเป็นอย่างนั้นอีกฝ่ายต้องทำมากกว่าบอกรักอย่างนี้
 
            เซธหลับตาลงภาวนาให้ความเจ็บปวดที่เหลืออยู่หายไป ซาเรียออกมาในสภาพคนปกติเพื่อช่วยเพื่อนร่วมทางในช่วงเวลาแห่งการลงทัณฑ์ ผ้าห่มหนาหลายต่อหลายผืนวางทับร่างงอก่องอขิงให้อุ่นขึ้น จากนั้นนางก็หยิบผ้าพันคอจากกระเป๋าสัมภาระในช่องที่มิดชิดที่สุด มันเป็นผ้าทอหยาบประดับลูกไม้เก่าแก่ ผืนผ้าสีแดงย้อมจากรากไม้จางลงเล็กน้อยเมื่อผ่านเวลามาช่วงหนึ่ง
 
            “โซลาน่าอยู่ตรงนี้แล้ว นางอยู่กับเจ้าทุกเวลา ข้าสัญญาเอาไว้ว่าจะรักษาของต่างหน้านางไว้ให้ระหว่างการเดินทาง” ซาเรียยัดผ้าดังกล่าวเข้าไปในมือที่งอหงิกด้วยความหนาวเย็น 
 
            ทันที่ที่เซธสัมผัสผ้าผืนเดิมที่หญิงคนรักเคยใช้อาการก็ดีขึ้นราวกับมันช่วยเยียวยาได้ ความทรงจำระหว่างเขากับนางเป็นเหมือนแสงตะวันที่ฉายความอบอุ่นและความหวังให้เสมอมา ไม่ว่าจะพบเจอสิ่งใด ขอเพียงรู้ว่านางสามารถคืนชีพได้ก็จะมีแรงสู้อีกครั้ง
 
            “ข้าขอโทษอนาธอล บาปของพ่อมักมาลงที่ลูกเสมอ” ท่านผู้นั้นตอบอย่างนี้เมื่อเขาถามเกี่ยวกับแม่นางผมเขียวที่ทำให้คำสาปกำเริบ บัดนี้คำพูดดังกล่าววนเวียนอยู่ในหัวของผู้เป็นอมตะและกล่อมให้เขาหลับอย่างสงบ...
 
 
            สายจนแดดแรงกล้ากว่าเซธจะตื่นขึ้นโดยมีเรื่องความฝันไร้สาระอยู่เต็มหัว สิ่งที่เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนคือความทรมานยังฝังแน่นราวมันถูกตอกลงบนร่าง เขาอยากพักต่อทว่าตอนนี้ไม่มีเวลาให้นอนแล้ว เวลาทุกนาทีควรใช้ไปกับงานเท่านั้น
 
            ผู้เป็นอมตะใช้ความพยายามอย่างหนักในการเก็บที่นอนเพราะร่างกายยังร้าวระบมจากการลงทัณฑ์ ตอนนั้นประตูห้องเปิดออกให้ท่านผู้นั้นก้าวเข้ามาแล้วปิดมันดังเดิม ท่าทางท่านผู้นั้นคงชอบชุดสูทเสียแล้วเพราะไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปใช้ชุดทูนิกกับผ้าคลุมเหมือนเดิม ผู้ทรงอำนาจที่สุดยืนพิงผนังห้องมองเซธด้วยแววตาครุ่นคิด
 
            “ตอนนี้ข้าควบคุมประธานาธิบดีแทนอวาร์ริเทียแล้ว ยัยนั่นรู้ที่อยู่แน่นอนของลักซูเรียเท่านั้นส่วนตัวอื่นเจาะจงไม่ได้ ตอนนี้เราต้องตามหาลักซูเรียให้พบก่อนเจ้าผ้าคลุมสกปรก” ท่านผู้นั่นกอดอกแน่นคิดวางแผนเหมือนเคย “มันอยู่ที่เบลแมร์ ให้ตามหาเบลล่า อดัมส์”
 
            “พอจะระบุให้ชัดมากกว่านี้ได้ไหมฝ่าบาท” เซธถาม เขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง 
 
            “หมอนั่นอ้างว่าอยากเห็นฝีมือพวกเราทั้งสองฝ่ายจึงบอกแบบขอไปที แล้วให้หาเอง ไม่ว่าจะมีแผนอะไรแต่มันเป็นโอกาสจัดการเหล่ามังกรพวกนี้” ท่านผู้นั้นสรุป ยังคงกอดอกครุ่นคิดแผนที่ต้องการให้เซธทำอยู่ “ตอนนี้เตรียมตัวเดินทางไปเบลแมร์ ประเดี๋ยวเราต้องบินไป”
 
            เซธรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าบิน มันทำให้เขารู้สึกดีเสมอเมื่อได้อยู่บนท้องฟ้าแบบนั้น บนหลังพาหนะที่เรียกออกมานั้นทุกสิ่งสวยงามสดใส เขาหน้าเจื่อนลงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเครื่องบิน
 
            “เจ้าประธานาธิบดีนั่นมีเครื่องบินส่วนตัวอยู่ เจ้าต้องพักก่อนการปะทะ เมื่อคืนคำสาปออกฤทธิ์อีกแล้วนี่” ท่านผู้นั้นพูดเนือย ๆ “หรืออยากไปรถไฟ แต่จะช้าหน่อยนะ”
 
            เซธไม่ยอมขึ้นเครื่องจักรหน้าตาเหมือนหนอนยักษ์อัปลักษณ์นั่นเด็ดขาด
 
            “ข้าให้เวลาพักจนพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง ทำให้ร่างกายของเจ้าสมบูรณ์ที่สุดเพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ที่เบลแมร์ ส่วนข้าจะสั่งให้ผู้ทำการรัฐนั้นค้นหาคนชื่อนี้ คงได้ที่อยู่กว้าง ๆ สักเย็น ๆ โน่น”
 
            “รับบัญชาฝ่าบาท” ผู้เป็นอมตะตอบรับคำสั่งเหมือนทุกครั้ง ท่านผู้นั้นผงกหัวให้เล็กน้อยก่อนออกจากห้องไป ส่วนเซธคิดว่าควรนอนทั้งวันเพื่อให้ร่างกายพักมากที่สุด ก่อนอื่นต้องไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารนอกรั้วรัฐสภา
 
            เซธจำไม่ได้แล้วว่าเคยพักสบาย ๆ แบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไร ที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันหากมันนำมาซึ่งความเบื่อเหตุเพราะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี และเขาเชื่อเรื่องการใช้ชีวิตอย่างสมดุลจึงไม่ใส่ใจเรื่องกินแล้วนอน ตกบ่าย เซธก็หาวหวอดเพราะไม่มีอะไรทำ การนั่งเฉย ๆ ไม่อยู่ในรายการโปรดของเขา อย่างน้อยหากได้หนังสือใหม่ ๆ มาอ่านก็คงดี 
 
            ว่าแล้วผู้เป็นอมตะก็บุกเข้าห้องหนังสือประจำรัฐสภาของสหพันธรัฐ กลิ่นกระดาษเก่าอบอวลในอากาศกับชั้นหนังสือเรียงรายเป็นพัน ๆ เล่มทำให้เซธรู้สึกดี คอมพิวเตอร์ที่ใช้ค้นหาหนังสือก็มีกระดาษเขียนการใช้งานง่าย ๆ ติดไว้เขาจึงเพลิดเพลินกับเหล่าหนังสือตลอดบ่าย
 
            จนได้เวลาห้องหนังสือปิด เซธอยากยืมหนังสือกลับไปอ่านต่อจึงเดินไปหาพนักงานที่เตรียมเก็บของหลังโต๊ะให้บริการ เขาเหลือบไปเห็นนิตยสารวงการบันเทิงที่วางให้คนหยิบอ่านด้วย มันมีคำโปรยว่า ‘บทสัมภาษณ์พิเศษเบลล่า อดัมส์ ดาราสาวพันปีกับบ้านใหม่!’ 
 
            “มีอะไรให้ช่วยไหม” พนักงานห้องหนังสือคนนี้เป็นหญิงวัยรุ่นที่ติดบัตรพนักงานฝึกหัด เธอยิ้มให้เซธอย่างเป็นมิตร 
 
            “ขอยืมหนังสือกลับไปอ่านที่ห้องได้ไหม” เซธถามทั้งที่ตายังจดจ่ออยู่กับนิตยสารดังกล่าว พอเขารู้ตัวว่าเสียมารยาทจึงหันกลับไปมองหน้าเธอ
 
            หลังจากยืนยันตัวตนด้วยบัตรพิเศษเขาก็สามารถยืมหนังสือออกไปได้ ระหว่างพนักงานทำรายการยืม ผู้เป็นอมตะก็หยิบนิตยสารเล่มนั้นมาเปิดอ่านว่ามันมีค่าควรให้ความสนใจไหม 
 
            เนื้อหาที่เกี่ยวกับเบลล่าช่วงแรกพูดเกี่ยวกับผลงานที่ผ่านมาว่า เธออยู่ในวงการบันเทิงมาเกือบยี่สิบห้าปีทว่ายังสาวอยู่เหมือนเข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวเธอเคยอาศัยอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าพร้อมกันนั้นก็ทำงานนักแสดงและเรียนวิทยาลัยไปพร้อมกัน พอเรียนจบก็ออกมามีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งการสัมภาษณ์นี้จะพาเที่ยวชมบ้านหลังใหม่ที่ได้รับการออกแบบโดยผู้มีชื่อเสียง
 
            “ขอยืมเล่มนี้ด้วย ท่านพนักงาน” เซธวางนิตยสารเล่มนั้นให้พนักงานบันทึกข้อมูลลงเครื่องมือของห้องสมุด...
 
(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่