สัญญาอมตะ ตอนที่ 8

กระทู้คำถาม
โดยเฉลี่ยผู้เป็นอมตะจะฝันเห็นอดีตประมาณสองอาทิตย์ครั้งแต่ช่วงนี้เห็นบ่อยกว่าเดิมจนผิดวิสัย เซธอยู่ตรงหน้าวิหารร้างของนักรบเทพ ซากปรักหักพังยืนตระหง่านกลางความมืดมิดไร้แสงจันทร์เหมือนเงาแห่งความตาย ผู้ยังไม่เป็นอมตะเช็ดน้ำตามองหาทางเข้าไปด้านในที่มีห้องลับอยู่ สถานที่สำหรับสื่อสารกับเทพแห่งอดีตกาลมีเรื่องเล่าถึงบางสิ่งที่ชุบชีวิตคนได้
 
            ของวิเศษสิ่งนั้นคือผลึกกาลเวลา หินวิเศษที่สามารถควบคุมเวลาของสิ่งต่าง ๆ ได้ตามต้องการ รวมถึงการย้อนเวลาคนตายให้คืนชีพด้วย!
 
            ความเศร้าโศกนำทางเขาจนพบกับช่องว่างหลังรูปปั้น ข้างในห้องแคบ ๆ เต็มไปด้วยแสงวูบไหวจากผลึกบนแท่น รู้ตัวอีกทีเขาก็ก้าวไปคว้ามันไว้ในอ้อมแขนแล้ว แก้วหลากสีดังสายรุ้งเลื่อมพรายสงบนิ่งเหมือนเด็กน้อย ๆ 
 
            ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งก้าวพ้นห้องลับความกดอากาศก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เหมือนสายโซ่เชื่อมระหว่างจุดนั้นกับภายนอกถูกสะบั้นออก! ชายหนุ่มเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาจึงไม่อาจรู้เหตุผลที่สิ่งนี้ยังคงอยู่ที่นี่ และเมื่อมันถูกนำออกไปก็ส่งผลกระทบถึงเหล่านักรบเทพที่กำลังส่งสัตว์ทดลองตัวสำคัญข้ามมิติไปยังดินแดนใหม่ ชื่อของสัตว์ร้ายตัวนั้นคือมังกรแสง ในอดีตมันคือขุนศึกอันเกรียงไกรของเทพปิศาจ!
 
            ความวิตกกลายเป็นความหวังเมื่อสิ่งวิเศษมีอยู่จริง เซธมุ่งหน้าสู่ทุ่งข้างหมู่บ้านที่เกิดการสังหารหมู่เมื่อตอนกลางวัน หลังเหตุการณ์ร้ายทุกสิ่งเงียบจนน่าวิตก แม้แต่ม้ายังไม่กล้าลงฝีเท้าวิ่งอย่างเต็มที่ราวระแวงระวังบางสิ่ง เมื่อถึงทุ่งหญ้าที่เรียงรายด้วยศพรอการเผาม้าก็หยุดลง ผู้ที่ยังไม่เป็นอมตะวิ่งไปหาร่างหญิงคนรักที่นอนแน่นิ่งรอคอยเขาอยู่ที่เดิม
 
            ร่างสูงโปร่งสั่นเทาเมื่อวางผลึกแก้วลงบนศพแล้วภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ ตัวผลึกแก้วอาจสัมผัสความแน่วแน่ได้จึงยื่นมือเข้าช่วย แสงอ่อน ๆ จากเส้นขอบของผลึกเปลี่ยนไปเหมือนระลอกคลื่นพร้อมสีเลือดของหญิงสาวที่ค่อย ๆ กลับมา บาดแผลร้ายแรงบนศพค่อย ๆ หายไปเพราะถูกย้อนเวลากลับไปก่อนสิ้นชีวิต ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นชีวิตกลับคืนกลางแสงคบไฟ
 
            หากเขานำผลึกแก้วออกมาในเวลาอื่นอาจไม่ส่งผลร้ายแรงเช่นนี้ เซธรู้ทีหลังว่าผลึกดังกล่าวถูกใช้เป็นสิ่งควบคุมกระแสเวลาในการเปิดปิดมิติ เมื่อถูกนำออกจากจุดเหมาะสมช่องมิติจึงปั่นป่วนส่งผลให้สัตว์ร้ายหลุดเข้าไปในเส้นทางแห่งกาลเวลาแทนที่จะไปยังจุดหมายที่ตั้งใจ ท่านผู้นั้นกล่าวว่าเป็นความหละหลวมของตนทว่าโทษทัณฑ์ก็ยังลงสู่ผู้นำมันออกมาอยู่ดี
 
            “ตอนส่งอย่างอื่นหรือตัวอื่นไม่มีปัญหา พอเปลี่ยนมาส่งตัวอันตรายกลับเกิดเรื่องเสียอย่างนั้น” ท่านผู้นั้นบ่นตอนบอกเล่าว่าเหตุเกิดจากอะไร
 
            ในนาทีที่ชายหนุ่มกำลังดีใจการลงโทษของเสาค้ำจุนก็มาถึงในฉับพลัน! เส้นสายสีทองวิ่งลงมาจากท้องฟ้าเสียบลงบนตัวหญิงสาวที่กำลังได้ชีวิตใหม่! เลือดของนางพุ่งกระจายไปทั่วพร้อมเสียงร้องของเซธที่ถูกความสิ้นหวังกัดกินอีกครั้ง! 
 
            “รอก่อนฝ่าบาท!” เสียงของชายคนหนึ่งดังกลบเสียงสะอื้นไห้ ท่านผู้นั้นยืนหันหลังให้เซธเพื่อเผชิญหน้ากับเสาค้ำจุนที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง...
 
 
            ความฝันดังกล่าวทำให้ยามเช้าของผู้เป็นอมตะขุ่นมัว เซธไม่แปลกใจเลยที่พบคราบน้ำตาตอนกำลังสีฟันหน้ากระจก ครั้นทานอาหารเช้าหน้าที่ทำการรัฐเสร็จก็ต้องรีบหาอะไรทำให้ความเจ็บปวดจางลง เมื่อวานตอนก่อนไปแลกเงินเขาขอทำงานจัดเรียงหนังสือพร้อมกับหาข้อมูลที่ท่านผู้นั้นต้องการจึงตรงไปที่ห้องหนังสือเพื่อเริ่มงาน 
 
            ยามเช้าของเหล่าพนักงานเมืองวุ่นวายเหมือนทุกครั้ง และยิ่งเป็นจุดเด่นหนักขึ้นไปอีกเมื่อท่านผู้นั้นเอาเสาหินประดับอัญมณีเจ็ดต้นมาตั้งไว้บนสนามหญ้าจุดหนึ่ง ข้างเสาหินที่เรียงกันอย่างซับซ้อนคือโต๊ะทำงานที่มีเอกสารกองระเกะระกะ กลางเสาหินลักซูเรียใส่ชุดออกกำลังกายนั่งอย่างสงสัยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ นางกับท่านผู้นั้นร้องทักเซธตอนเดินผ่านไปยังห้องหนังสือ
            “นางต้องทำการตรวจสอบเรื่องเวทมนตร์กับข้า จำได้ไหม” ท่านผู้นั้นบอกเซธเผื่อเขาลืมว่าลักซูเรียมีนัดตรวจร่างกาย “ของพวกนี้อายุมากกว่าข้าอีก มันถูกจัดจำพวกเป็นของรักของหวง”
 
            “ฉันไม่เห็นว่าเสาโปเกพวกนี้จะทำอะไรได้ เอาแต่ส่งเสียงหึ่ง ๆ กับส่องแสงแปลก ๆ เหมือนไฟจราจรข้างถนน” ลักซูเรียคงนั่งนานจนหงุดหงิด อย่างน้อยท่านผู้นั้นก็อนุญาตให้นำน้ำดื่มเข้าไปดับไอร้อนเริ่มฤดูได้ ท่านผู้นั้นยิ้มให้นางอย่างรักใคร่
 
            “เสาที่เรียงรายเป็นอาณาเขตพวกนี้มีจุดประสงค์อยู่ พวกมันสามารถเชี่ยมโยงกับเวทมนตร์ในร่างของมังกรครึ่งมนุษย์เพื่อบังคับให้กลายร่างแล้วควบคุม วิธีนี้ต่างกับผู้ใช้เวทมนตร์ตรงที่มันมีผลสะท้อนกับเวทมนตร์จำเพาะทำให้สามารถอ่านค่าต่าง ๆ ได้ตามการเปลี่ยนสี และความละเอียดมนตรามีความเสถียรสูงกว่าคนจริง ๆ จึงมักถูกใช้เพื่อการศึกษา นั่นทำให้มันไม่มีผลกับพวกลูกผสมหรือสิ่งมีชีวิตอื่น” ท่านผู้นั้นทำให้ลักซูเรียรีบลุกจะหนีออกจากวงล้อม “นั่งมาป่านนี้น่าจะรู้แล้วว่ามันไม่มีผลอย่างนั้นกับเจ้า!” ท่านผู้นั้นเตือนให้นางนั่งต่อเหมือนเดิม
 
            “ตาคนน่ากลัวที่สุดในใต้หล้านั่นให้ฉันนั่งตรงนี้ตั้งแต่ฟ้าสาง ร่วมสามชั่วโมงได้ หากยังนั่งต่อฉันโดนแดดเผาตายแน่นอน...ทั้งที่ต้องเตรียมตัวไปเข้ากล้องแท้ ๆ” ลักซูเรียบ่นกะปอดกะแปดว่าน่าเบื่อสิ้นดี
 
            “ถ้าเบื่อจะลองเปลี่ยนวิธีก็ได้นะ แต่มันละเมิดสัญญาที่ว่าข้าจะไม่ไปยุ่งกับเจ้า” ท่านผู้นั้นหัวเราะออกมาจากกองเอกสาร ฝ่าบาทของเซธเงยหน้าดูลักซูเรียอีกหนหนึ่ง พอเห็นว่าเครื่องทำงานเสร็จแล้วจึงบอกให้ลุกออกไปได้
 
            ลักซูเรียถอยไปยืนข้างเซธอย่างหวาดกลัวเกินพอดี ท่านผู้นั้นอ่านสีกับเวทมนตร์ตกค้างบนเสาหินพวกนั้นแล้วก็บอกว่าได้อะไรบ้างจากการตรวจสอบ
 
            “คิดถูกแล้วที่ส่งมาตรวจกับข้าแทนที่จะเป็นเจ้างั่งนั่น...ความละเอียดของเวทมนตร์ในตัวต่างกับมังกรครึ่งมนุษย์แท้ การตอบสนองต่อสารอินทรีย์ต่ำจนใกล้เคียงมังกรมากกว่า การเปลี่ยนรูปร่างมีความแตกต่างในส่วนพื้นผิว ความถี่ของธาตุเป็นคนละแบบกับสายเลือดแท้ สรุปคือเจ้าเป็นมังกรครึ่งมนุษย์แค่ภายนอกเท่านั้นลักซูเรีย ทำได้อย่างมากก็เปลี่ยนร่างกลับไปกลับมา ข้างในของเจ้าเหมือนมังกรมากกว่า”
 
            ท่านผู้นั้นพูดจบก็คว้ากระดาษบันทึกเพื่อจดรายละเอียด ลักซูเรียไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายบอกว่านางด้อยกว่ามังกรครึ่งมนุษย์แท้ ๆ 
 
            “งานของข้าคือตรวจสอบว่าเจ้าเหมือนมังกรครึ่งมนุษย์มากน้อยแค่ไหน ข้าเคยสู้กับต้นร่างของพวกเจ้าทั้งเจ็ดมาแล้วจึงรู้ว่าพลังของพวกเจ้านั้นยอดเยี่ยม แม้จะถูกแบ่งเป็นเจ็ดก็ยังแข็งแกร่งกว่ามังกรทั่วไป แต่มันไม่เหมือนกับมังกรครึ่งมนุษย์!” ท่านผู้นั้นแก้ข้อกังขาว่ากำลังสบประมาทนาง “เสร็จแล้วลักซูเรีย ที่เลื่อนมาทำเช้าวันนี้เพราะเห็นบอกว่าจะไปถ่ายทำภาพยนตร์ละครอะไรสักอย่างต่างเมือง ข้าใช้ของพวกนี้จึงประหยัดเวลาได้โข มันไม่ได้ใช้งานมากว่าพันปีแล้ว”
 
            ลักซูเรียได้ฟังจึงกล่าวขอบคุณที่ทำให้เรื่องง่ายขึ้น ท่านผู้นั้นเสริมอีกว่าให้นางอยู่ในสายตาตลอดเพื่อป้องกันการหักหลังจนนางตายแล้วถ่ายพลังไปให้พี่น้อง เซธรู้สึกเหมือนท่านผู้นั้นวางแผนเรื่องการตรวจร่างกายของลักซูเรียเอาไว้แล้ว เพราะกว่าจะเดินทางนางมังกรครึ่งมนุษย์ก็คงไปทำงานจนตามพวกเขาไปไม่ได้
 
            “ทานข้าวหรือยังเซธ ฉันหิวมากเลย ตาคนน่ากลัวร้ายกาจจนหาที่เปรียบไม่ได้นั่นก็ยอมให้กินได้แต่น้ำ” 
 
            ด้วยความมีมารยาทเซธจึงพาลักซูเรียไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารหน้าที่ทำการรัฐอีกรอบ...
 
 
            ยามบ่ายคือช่วงเวลาแห่งความสุขของเซธ เขาได้นั่งห้องปรับอากาศที่รายล้อมด้วยหนังสือ ทั้งตำนานเมือง ประวัติศาสตร์ต่าง ๆ แล้วก็อารยะธรรมเก่าแก่ จนเขาเข้าใจว่าก่อนเขาเป็นอมตะเสาค้ำจุนเริ่มถอนตัวจากการเป็นฝ่ายปกครอง นั่นทำให้ประวัติศาสตร์มนุษย์ดิ่งลงเหวสู่ยุคอัศวินอยู่ร่วมสองร้อยปีจึงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ นักวิชาการต่างเรียกช่วงเวลานั้นว่าความมืดบอดสองร้อยปี ตรงนี้ท่านผู้นั้นอ้างว่ายื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการมอบเทคโนโลยีให้และลบเรื่องของเทพเจ้าให้เบาบางลง
 
            จากหนังสือหลายเล่ม เซธอ่านพบประวัติการก่อตั้งรัฐที่เป็นเมืองหลวงนี้ว่าเป็นเพราะแร่ทองคำมหาศาลเรียกเหล่าผู้แสวงโชคมารวมกันเมื่อสองร้อยปีก่อน มีเรื่องพิศวงเกี่ยวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่มีทองคำไหลออกจากเกล็ดและมุดดินหลบทันทีที่รู้ตัวว่าถูกพบเข้า นั่นต้องเป็นอวาร์ริเทียแน่! 
 
            มีหนังสือเล่มหนึ่งบันทึกเรื่องฝูงมังกรมนตราที่สูญพันธุ์ไปเมื่อแปดสิบปีที่แล้ว เซธกับท่านผู้นั้นเคยไปพักผ่อนในป่านั้นเมื่อสักร้อยห้าสิบปีก่อนหน้านี้ มันมีชื่อว่าป่าดำเพราะความอุดมสมบูรณ์ทำให้ป่ามืดครึ้มอยู่ชั่วนาตาปี มังกรพวกนั้นตายหมดเพราะการขยายตัวของเมืองและสายพันธุ์แปลกปลอม หลังจากนั้นป่าดำก็กลายเป็นที่รกร้างไร้สิ่งมีชีวิตอย่างเป็นปริศนา เขาคั่นหน้าสำคัญพวกนี้เอาไว้เผื่อท่านผู้นั้นอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม
 
            เมื่อนึกได้ว่าจะต้องไปล่ามังกรที่ทะเลฝั่งตะวันออกเขาก็ค้นหาโดยจำกัดบริเวณทว่าไม่พบเรื่องประหลาดน่าสงสัยแม้แต่เรื่องเดียว ทำให้เซธอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นกลลวงของอวาร์ริเทียที่ต้องการกำจัดพวกเขาก่อนจะสังหารพวกพ้องของมัน          
 
            ตกเย็นผู้เป็นอมตะขนหนังสือไปหาท่านผู้นั้นด้วยความซื่อตรงต่อคำสั่ง ฝ่าบาทของเซธกำลังรับแขกอยู่ในห้องทำงานของประธานาธิบดีจึงต้องนั่งรอหน้าห้อง ที่นั่นก็มีสิ่งที่ดีนั่งก้มหน้าง่วนอยู่กับหนังสือและสมุดจด หญิงผู้หน้าเหมือนกับโซลาน่ากำลังทำงานอย่างไม่สนใจสิ่งอื่น ขนาดเซธนั่งลงบนเก้าอี้ห่างจากนางไปสองตัวก็ยังคงไม่เงยหน้ามอง
 
            เซธทักเสียสองรอบกว่านางจะรู้ตัวว่ามีคนมานั่งใกล้ ๆ หญิงสาวบอกกับเขาว่ากำลังทำงานแปลที่ได้รับมาเมื่อวาน ท่าทางเกร็งเพราะได้มานั่งอยู่ในจุดสำคัญเกินไป
 
            “ฉันมากับพี่ชาย พอเขาคุยกับประธานาธิบดีเสร็จเราวางแผนจะไปดูภาพยนตร์เรื่องพิษมายากรรอบค่ำเอาไว้สองที่ พวกเราเราเป็นแฟนภาพยนตร์ของเบลล่าและนี่คือเรื่องล่าสุดของเธอ แล้วคุณมาพบประธานาธิบดีเหมือนกันหรือ” หญิงหน้าเหมือนคงอยากหนีจากบรรยากาศชวนอึดอัดหน้าห้องของประธานาธิบดีเต็มทีจึงชวนคุยไม่ยอมหยุด
 
            “ท่านผู้ช่วยประธานาธิบดีฝากหาข้อมูล” เซธตบกองหนังสือบนตักให้เห็น หญิงสาวมองด้วยความแปลกใจที่สมัยนี้ยังหาข้อมูลจากในหนังสืออยู่อีก “แล้วมาคุยกับท่านผู้ช่วยด้วยเรื่องอะไรหรือ”
 

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่