สัญญาอมตะ ตอนที่ 25

กระทู้คำถาม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มังกรวิเศษหลุดเข้าอุโมงค์แห่งกาลเวลาเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าไปแตะต้องสิ่งวิเศษสำคัญ มันสามารถสลายและแยกตัวออกได้หลายร่างโดยทุกร่างมีพลังอำนาจเท่าเทียมกัน เจ้ามังกรหลบหนีผู้ทรงอำนาจทั้งสี่แยกตัวออกเป็นเจ็ดส่วนในเส้นทางแห่งกาลเวลา ชิ้นส่วนสีม่วงมีความวิวัฒน์ทางความคิดมากที่สุดต่อสู้กับพี่น้องอีกหกชิ้น ในช่วงเวลาแห่งการฆ่าฟัน ชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็ร่วงหลุดสู่ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน 
 
            ช่วงแรกแห่งความบ้าคลั่งของชิ้นส่วนสีม่วงมันสาดเวทมนตร์ร้ายแรงใส่ชิ้นส่วนอื่นภายใต้การยึดครองของพลังอำนาจสีดำ ชิ้นส่วนสีเหลืองถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนตร์ความร้อนสูงเหมือนน้ำมันดินคลุมเอาไว้ การดิ้นรนนั้นง่ายดายเมื่อผู้ทรยศหันไปหาชิ้นส่วนอื่นซึ่งหนีไปคนละทาง   
 
            การชะล้างที่ชิ้นส่วนสีเหลืองเลือกคือถ่ายเทลงผืนดินให้มากที่สุด หนวดรยางค์มากมายถูกสร้างเป็นสะพานส่งของเสียลงดิน พลังข้นดำผสมกับดินก่อเกิดปฏิกิริยาทางเวทมนตร์ประหลาดยากหาคำอธิบาย จุดต่อจุดเส้นต่อเส้นแห่งการสอดประสานระหว่างธาตุจากสองดินแดนเปลี่ยนบริเวณนั้นให้เป็นโครงข่ายสายแร่ทองคำขนาดใหญ่! 
 
            ชิ้นส่วนสีเหลืองสร้างร่างอย่างเร่งด่วน การมาถึงของมันอึกทึกเกินไปเพราะควันยามถ่ายโอนพลังงาน ไม่ช้าคงถูกพบตัวอย่างช่วยไม่ได้ อาจเป็นผู้อาศัยอยู่บริเวณนี้หรือหูตาแสนชั่วร้ายของสิ่งน่ากลัวจับใจ เกล็ดสีเหลืองทองตามแร่ทองคำรอบตัว หนวดมากมายจากเกล็ดเชื่อมเข้ากับพลังงานธรณีไปแล้วทำให้เปลี่ยนไม่ได้อีก เวทมนตร์ชั่วร้ายกลายเป็นของเหลวร้อนจัดสีทองไหลออกจากร่างมันไม่หมดด้วยซ้ำยามมีมนุษย์ผ่านเข้ามาพบเข้า 
 
            อวาร์ริเทีย คือชื่อของชิ้นส่วนสีเหลืองดังกล่าว มันรีบดิ่งลึกใต้ผืนดินแสวงหาจุดปลอดภัยจากสิ่งมีชีวิตทั้งมวล สิ่งแรกที่ควรทำคือตามหาพวกพ้องและผู้ทรยศ!
 
            อวาร์ริเทียมองเห็นและได้ยินทุกอย่างผ่านพื้นปฐพี ตั้งแต่การจากไปของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ผู้ปกครองเอนโวลา การหลบหนีของมังกรวิเศษต้นร่างดั้งเดิมและผู้ได้รับภารกิจตามล่าโดยไม่รู้จุดจบ เจ้ามังกรเหลืองเชื่อว่ามันกับพวกคือเหยื่อในเกมของเสาค้ำจุน คราวแรกมันคิดไปจัดการให้หมดปัญหาแต่สิ่งน่ากลัวอันฝังในความทรงจำอยู่กับผู้เป็นอมตะด้วย มันไม่อยากเสี่ยงจนกว่าจะพบพรรคพวกทุกตัว
 
            ด้วยความมานะทำให้มันพบพวกพ้องในที่สุด ชิ้นส่วนสีฟ้าหรืออาเซเดียถูกผนึกปิดตายอยู่ทางเหนือ ส่วนชิ้นส่วนสีแดงไอร่าหลบซ่อนรอเวลาอยู่ทางตะวันตก มันไม่พบชิ้นส่วนอื่นในช่วงเวลานี้ กลิ่นไอเบาบางของชิ้นส่วนสีม่วงนามซูเปอร์เบียสร้างคำถามว่าเหตุใดทางนั้นสร้างร่างได้เร็วนัก อวาร์ริเทียจึงออกจากที่ซุ่มซ่อนไปหาไอร่าเพื่อหาทางกำจัดผู้ทรยศ!
 
            ใช้เวลานานอย่างน่าเหลือเชื่อกว่าทั้งสองตัวจะพบซูเปอร์เบีย มันดูผิดแปลก ทรงอำนาจ พวกมันทุกตัวยึดครองธาตุซึ่งหักล้างกันเองแต่ผู้หักหลังกลับอยู่เหนือกว่าทุกตัว อำนาจของมันคือความมืดมิดคล้ายสิ่งที่น่ากลัวจับใจ หากคิดโค่นล้มก็ต้องใช้แสงสว่างหรือพลังที่เหนือขึ้นไปอีก!
 
            “หรือมันอาจกินพวกเราหมดทุกตัวแล้ว” ไอร่าตั้งข้อสังเกตแม้จะหวาดกลัวเพราะเส้นทางเดินของสิ่งที่น่ากลัวจับใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ซูเปอร์เบียไม่อยากแหย่เท้ารบกวนเครื่องมือตรวจจับของสิ่งน่ากลัวจากอดีตกาล นั่นทำให้พวกมันรอดหวุดหวิด 
 
            การพบกูล่าสร้างข้อสงสัยแสนน่ากลัว ถ้าซูเปอร์เบียไล่ตามพวกมันตามเส้นทางแห่งกาลเวลาแค่ช่วงแรกแล้วถอยกลับสู่อดีตล่ะ หากทำแบบนั้นมันจะสะสมพลังและความรู้เหนือกว่าพี่น้องตัวอื่น ตอนนี้พวกมันยังไม่พร้อมออกต่อต้านผู้ทรยศ อาเซเดียถูกผนึก กูล่ากลัวหัวหด ส่วนอีกสองตัวยังไม่ลงมาก่อนร่างด้วยซ้ำ!
 
            ในเมื่อบรรลุจุดหมายด้วยพลังตัวเองไม่ได้ก็ต้องขอแรงผู้มีภาษีมากกว่า ตัวเลือกมีสองทาง กลุ่มรื้อฟื้นเทพปิศาจกับนักรบเทพตนสุดท้ายซึ่งมันกลัวเข้ากระดูก ฝ่ายแรกดูเป็นมิตรแต่มันคิดนำพวกมังกรที่แบ่งตัวมาไปช่วงใช้เป็นอาวุธ สู้หาทางติดต่อกับสิ่งที่น่ากลัวจับใจดีกว่า อย่างน้อยมันก็มีเป้าหมายสร้างสันติให้ดินแดนนี้
 
            มังกรเหลืองก่นด่าโชคชะตาเพราะเงื่อนงำหลายชิ้นตามทางลอดหูลอดตาสิ่งน่ากลัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันต้องการพบอีกฝ่ายในสภาพควบคุมได้ หากอยู่ ๆ ไปยืนตรงหน้าการต่อสู้ต้องเกิดอย่างที่มันคิดทำกับซูเปอร์เบีย!
 
            เจ้ามังกรเหลืองเฝ้ามองมนุษย์ตลอดเวลา ความรู้จากวิญญาณบอกว่ามนุษย์นั้นเชื่อไม่ได้และเป็นบ่อเกิดเหล่าอสูรมืด แต่พอมองชัด ๆ แล้วก็ไม่ต่างกับเผ่าพันธุ์อื่นสักนิด มีทั้งผู้บอบบางและแข็งแกร่ง บางพวกดีบางพวกร้าย พอแร่ทองลดลงผู้คนก็หดหายกลับสู่ชีวิตตามปกติวิสัย มันบอกตัวเองว่าต้องการผู้คนเป็นตัวประกันยามสิ่งน่ากลัวจับใจมายังที่พำนัก  เจ้ามังกรเหลืองทำการปรับพื้นดินจนเหมาะกับการตั้งรกรากแล้วถ่ายเทพลังเวทมนตร์สู่พืชผลทั้งปวง เพราะพื้นดินมั่นคงมีอาหารสมบูรณ์ผู้คนก็รวมตัวอีกครั้งจากเมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเมืองใหญ่ และผนวกเข้ากับจักรวรรดิจนเป็นศูนย์กลางของสหพันธรัฐในเวลาที่มันพบกูล่า!
 
            กระนั้นสิ่งน่ากลัวกับผู้ติดตามก็แค่ผ่านไปเฉย ๆ ไม่สนใจตรวจสอบสักนิด แถมผู้เป็นอมตะยังพกอาวุธวิเศษเอาไว้สำหรับล่าพวกมัน แทบไม่เห็นทางคุยอย่างสันติถ้าไม่ล่อมายังจุดเหมาะสม
 
            จนชิ้นส่วนสีเขียวอินวิเดียกลับสู่เวลาปกติ เจ้างูเขียวใจร้อนนั่นไม่มีความอดทนแม้เศษเสี้ยวพอเห็นว่าไม่มีหวังก็ละทิ้งทุกอย่าง ชิ้นส่วนสีน้ำเงินลักซูเรียนั้นครอบครองพลังขั้วตรงข้ามกับซูเปอร์เบียแต่ความทรงจำตอนหลบหนีของนางหายเรียบ แถมซูเปอร์เบียยังหานางพบพร้อมกันทำให้ไม่สามารถบอกความจริงได้ทั้งหมด ถ้าการติดต่อกับสิ่งน่ากลัวจับใจล้มเหลวนางจะเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายให้พวกมันรอดชีวิต!
 
            ราวโชคชะตามองเห็นความพยายามของอวาร์ริเทีย สิ่งน่ากลัวจับใจพบ ‘ร่องรอย’ ที่มันจงใจทิ้งให้ตามหาแล้ว คราวนี้ก็สร้างเรื่องให้ประเจิดประเจ้อมากขึ้นด้วยการควบคุมประธานาธิบดีคนใหม่ให้คดโกงทุกรูปแบบ แผนการให้มนุษย์ครอบครองเอนโวลาเป็นของเสาค้ำจุน หากมีปัญหานักรบเทพต้องมาดูแน่!
 
            “สิ่งที่น่ากลัวจับใจ...เจอกันจนได้” นั่นคือคำแรกของอวาร์ริเทีย มันรอมานานเกือบร้อยปีจนพบผู้ช่วยเหลือในที่สุด
 
            ดั่งบางอย่างต้องการขวางความสำเร็จของมังกรเหลือง พวกฟื้นฟูเทพปิศาจพบตัวมันพร้อมสิ่งที่น่ากลัวจับใจ คำแรกของพวกนั้นคืออยากให้มันกลับไปช่วยคืนชีพเทพปิศาจให้รุ่งเรืองอีกครั้ง เจ้ามังกรเหลืองจึงแสร้งวางเดิมพันให้สิ่งที่น่ากลัวจับใจไปพบมังกรตัวอื่น นอกจากถ่วงเวลาจากพวกฟื้นฟูเทพปิศาจยังได้ประเมินความสามารถของผู้เป็นอมตะ เพราะสิ่งน่ากลัวถูกผูกมัดว่าไม่สามารถทำอันตรายสิ่งใดได้ทำให้ความหวังไปตกกับผู้ติดตามแทน
 
            มันไม่สามารถช่วยอาเซเดียได้ทันทีเพราะมังกรฟ้าต้องคลั่งจนไปแก้แค้นด้วยตัวเองแล้วแผนจะพินาศ ลักซูเรียไร้ความทรงจำเกี่ยวกับซูเปอร์เบียจึงเหมาะเป็นตัวแรก
 
            ผลลัพธ์นั้นน่าสนใจ พวกเสาค้ำจุนเห็นการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ของนางจึงไว้ชีวิตเป็นตัวที่สอง หากเป็นแบบนี้คงนั่งปรึกษากันเกี่ยวกับปัญหาใหญ่ได้แน่ ตัวที่สองคืออินวิเดีย มังกรเหลืองต้องการเรียกสติมังกรเขียวให้ตื่นขึ้นพร้อมทดสอบเจ้าหนุ่มอมตะเรื่องการต่อสู้ มันดีกว่าที่หวังในบางแง่มุม อย่างความเมตตาจากนักรบเทพและมนุษย์ คงเรียกการเก็บมังกรน้ำใกล้ตายไว้สองปีว่าเมตตาไม่ได้แต่มนุษย์ธรรมดาก็ทำได้แค่นี้
 
            “เรามาเพื่อคุยเรื่องสิ่งที่พวกเราต้องการแท้จริง เรามายื่นข้อต่อรองแบบที่เจ้าชอบ” อวาร์ริเทียกับไอร่าไปพบสิ่งที่น่ากลัวจับใจกับนักรบเทพอีกตนในห้องพยาบาล ความจริงเกี่ยวกับผู้ทรยศในกลุ่มทำให้อีกฝ่ายยอมเปลี่ยนแผนทั้งหมด “พวกเราไม่เป็นภัยกับผู้ใดและไม่อยากตายด้วย หากต้องการฆ่ามังกรก็มีเพียงตัวเดียวที่สมควร!”
 
            แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ เสาค้ำจุนยอมจับมือกับพวกมันเพื่อลบข้อครหาเรื่องการย้ายเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนอกจากมนุษย์ออกไปจากเอนโวลา บทละครถูกเตรียมเอาไว้ว่าเจ้าหนุ่มอมตะจะตามฆ่ามังกรต่อไปทีละตัว เมื่อใกล้สิ้นลมจะทำการเปิดมิติส่งทุกตัวไปยังที่ปลอดภัยเตรียมร่วมมือกันจัดการซูเปอร์เบียตอนท้ายสุด หากซูเปอร์เบียรู้เข้าอาจชิงฆ่าพวกมันก่อนสักตัวไม่ให้เจ้าหนุ่มอมตะรับเวทมนตร์ธาตุจากอากาศได้เต็มที่ และกลุ่มรื้อฟื้นเทพปิศาจจะยิ่งมีโอกาสบังคับพวกมันไปใช้ต่างอาวุธมากขึ้น
 
            เจ้าหนุ่มอมตะทำหน้าที่ได้ดีใต้แผนของอวาร์ริเทียและสิ่งที่น่ากลัวจับใจ กูล่าไม่ยินยอมยิ่งทำให้การล่าดูสมจริงมากขึ้น ในเมื่อกลุ่มรื้อฟื้นเทพปิศาจเหลือแต่ตอก็ไม่ต้องเล่นละครอีกต่อไป มีสิ่งสุดท้ายที่เจ้ามังกรเหลืองห่วงไม่เลิก ซูเปอร์เบียอาจมาทำสัญญาลับกับเจ้าหนุ่มอมตะ แม้สิ่งน่ากลัวจะย้ำว่าตนป้องกันดีเยี่ยมแต่ไม่มีปราการใดไร้จุดอ่อน
 
            “สบายใจขึ้นรึยัง หมอนี่แทบสะอาดหมดจดจนเป็นเจ้าสาวให้ใครต่อใครได้เลย” สิ่งน่ากลัวจับใจกับเจ้าหนุ่มอมตะมาพบอวาร์ริเทียในเช้าวันตัดสิน พวกมนุษย์ด้านบนครึกครื้นราวกับรู้ว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ดวงตาสีพระจันทร์แดงของนักรบเทพตนสุดท้ายมีสะเก็ดความไม่แน่ใจแฝงอยู่ แต่ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้า “แล้วเลิกเรียกข้าว่าสิ่งน่ากลัวจับใจได้หรือยัง สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแล้ว เราเป็นพันธมิตร ไม่มีเหตุผลให้ฆ่าฟันกลางยุคแห่งสันติ การตายของซูเปอร์เบียจะดับความหวังของพวกที่คิดขึ้นมาเทียบมนุษย์!”
 
            อวาร์ริเทียเฝ้ามองมนุษย์ตลอดสองร้อยปี สองคนตรงหน้าแทบไม่ต่างกับคนอื่น ๆ เจ้าหนุ่มอมตะใส่เสื้อผ้ารัดกุมหากไม่บอกคงไม่รู้ว่าอายุมากกว่ามันเสียอีก สิ่งน่ากลัวจับใจสวมเสื้อคอปกกับกางเกงขายาวเหมือนพนักงานบริษัทไม่เหลือเค้าความร้ายกาจในความทรงจำเก่าแก่ให้เห็น แต่มันยังคงสั่นกลัวอยู่ดี 
 
            “อวาร์ริเทีย” เจ้าหนุ่มอมตะเอ่ยถาม เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันแบบตัวเป็น ๆ รัศมีบางอย่างเบื้องหลังดูแปลกไปจากคราวพบกันในภวังค์ “เราจำเป็นต้องสังหารซูเปอร์เบียจริง ๆ หรือ” 
 
            “คิดว่าข้าเคยพูดกับมันมากี่ครั้งตลอดสองร้อยปี ก้อนหินกับรูปปั้นยังโน้มน้าวให้เปลี่ยนความเชื่อได้ง่ายกว่า” อวาร์ริเทียส่ายหน้าว่าขั้นตอนการพูดคุยจบไปนานแล้ว เจ้าหนุ่มอมตะยังครุ่นคิดบางอย่างจนมังกรเหลืองสร้างวงเวทย์เคลื่อนย้ายบนพื้นเสร็จ...
 
 (มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่