[ บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/40789979 ]
[ บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/40799747 ]
[ บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/40811467 ]
บทที่ 4 ...
.
.
ติ๊นากลับเข้าสำนักงานพร้อมด้วยคุณดุลยรัฐ
เพราะยังไม่ถึงเวลาบ่ายโมง ที่ทำงานจึงดูว่างเปล่า ติ๊นานำหน้าคุณดุลยรัฐไปยังห้องทำงานของตัวเอง ชายหนุ่มผู้มากับเงาหินหนักอึ้ง ทั้ง ๆ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าติ๊นากลับมองเห็นแต่เงาปุยนุ่น เขายื่นเอกสารสองสามแผ่นมาให้ "รายละเอียดเรื่องราคาครับ" ติ๊นาเอ่ยขอบคุณก่อนยื่นมือรับ
เห็นท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ จึงต้องเอ่ยชวนให้นั่งคุยกันก่อน คุณดุลยรัฐนั่งลงด้วยความยินดี
"แฟลชไดร์ฟตัวอย่างหินล่ะคะ?" ติ๊นานั่งลงกับเก้าอี้ตัวเองบ้าง
"โอว้... ขอโทษครับ" คุณดุลยรัฐล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบแฟลชไดร์ฟออกมายื่นให้
"เดี๋ยวติ๊นาขอโหลดลงเครื่องแป๊บนะคะ แล้วจะคืนให้"
"ไม่ต้องครับ ไม่ต้องคืน เพราะผมตั้งใจนำมาให้คุณติ๊นาอยู่แล้ว"
"ไม่เก็บไว้ใช้อีกเหรอคะ?"
"ผมมีหลายอันครับ ที่โหลดมาให้คุณติ๊นา เพราะต้องการรับประกันสเปกตามแฟลชไดร์ฟครับ"
"ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ "
อดคิดแว่บไปถึงเมื่อคืนไม่ได้ว่า
ถ้าคุณดุลยรัฐไม่แกล้งเก็บเจ้านี่กลับไป เขาจะชวนติ๊นาทานข้าวด้วยวิธีไหนนะ แวะมาหาบ่อยขึ้น? หรือโทรศัพท์มาหาบ่อยขึ้น? เมื่อคืนก็เริ่มทำเป็นใจดีสู้แม่เสือแล้ว ดึกขนาดนั้นเริ่มกล้าโทรมาด้วย คำราตรีสวัสดิ์ก่อนวางสายก็เพิ่งได้ยินครั้งแรก เมื่อคืนเหมือนแกล้งทำดูซื่อ ๆ แต่.. แต่ก็พอเหมาะพอควรนะ เพราะยังไม่เผลออวยพรให้ฝันดี
"ขำอะไรครับ? " คุณดุลยรัฐยิ้มคมเข้ม ติ๊นายิ้มขำขัน
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร"
"คุณติ๊นาเป็นคนแจ่มใสอยู่เสมอ รู้ตัวมั้ยครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า คุณติ๊นายิ้มกับมันได้หมด หัวเราะได้หมด แม้แต่กับข้าวบนโต๊ะอาหาร "
ถึงจะรู้สึกได้ว่า.. นั่นคือคำพูดรุกคืบ แต่ทำไมติ๊นาอยากฟังอีกนะ อยากฟังมากกว่านั้นจริง ๆ
คุณดุลยรัฐชวนคุยอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องไหนที่เขาเริ่มจะเท้าความถึงตำนาน ติ๊นาจะรีบพาเขาแฉลบไปเรื่องใหม่ทันที ไม่ใช่ไม่อยากฟังนะ แต่ติ๊นามีจุดอ่อน จุดอ่อนตรงที่ตัวเองสอบตกวิชาประวัติศาสตร์ สอบตกเรื่องตำนานทุกอย่างของกาแล็กซี่นี้
หากจะว่าไปแล้ว ติ๊นาควรจะต้องรักษาระยะห่างกับคุณดุลยรัฐเอาไว้ เพราะสังหรณ์ใจเหมือนกันว่า หากสถานภาพของคุณดุลยรัฐเปลี่ยนมาเป็นคู่สัญญากับบริษัทติ๊นาในวันใดวันหนึ่ง ความสนิทสนมซึ่งเพิ่มขึ้นของเราคงดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่เป็นแน่ เผลอ ๆ จะรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานด้วย
นั่นเป็นภาพในฐานะการร่วมงาน แล้วความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานล่ะ?
ยอมรับนะว่าตกหลุม.. ไม่ใช่ ไม่ใช่ ยอมรับนะว่าเป็นปลื้มตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเขามาเมื่องานครั้งที่แล้ว แม้ตอนนั้นจะยังมองไม่เห็นท่าทีอะไรจากชายหนุ่มเจ้าของโรงงานหินอ่อนคนนี้เลย แต่บุคลิกความเป็นคนตรงไปตรงมา รับผิดชอบกับเรื่องงานชนิดไม่มีขาดตกบกพร่อง ตรงนี้เองที่ทำให้ติ๊นาเริ่มมองเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า มันคืออะไร?
ติ๊นารู้จักกับคุณดุลยรัฐก่อนหน้าดนัยไม่กี่เดือน เราติดต่อกันก็แต่ในเรื่องงานเท่านั้น และก็ขาดการติดต่อไปหลายเดือน จนงานใหม่ที่
หาดตะวันรอนนี้เริ่มนับหนึ่ง ติ๊นาถึงได้โทรศัพท์ขอรายละเอียดสินค้าจากเขาอีกครั้ง เพื่อขอข้อมูลนำมาประกอบการออกแบบใหม่ '
บ้านศรีตรัง'
ท่าทีของคุณดุลยรัฐตอนนี้ก็เหมือนเริ่มเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน คิดถึงตรงนี้แล้ว ติ๊นาขอคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด จะไม่ให้คิดได้อย่างไร ในเมื่อสายตาที่มองสบตามาทุกครั้งนั้น ติ๊นาว่า.. ติ๊นาเห็นอะไรแวบ ๆ นะ อะไรที่ว่านั้นเป็นอย่างไรเหรอ ไม่รู้สิ ติ๊นาไม่บอกใครหรอก เพราะบอกไปแล้ว คนไม่เชื่อ พูดอย่างไรก็จะไม่ยอมเชื่ออยู่ดี แถมยังจะหาว่าติ๊นาคิดเองเออเอง ถ้าอย่างนั้นติ๊นาไม่บอกใครดีกว่า
"วันหยุดลองวีคเอนที่จะถึงนี้ คุณติ๊นาได้หยุดกี่วันครับ?" คำถามสุดแสนธรรมดา แต่ในห้วงภวังค์ซึ่งกำลังเข้าข้างตัวเอง ทำไมมันเหมือนหัวใจจะฟูฟ่องขึ้นมาปุบปับ ก็ไม่รู้
"ผมหยุดงานสามสี่วันครับ แต่โรงงานก็ยังทำงานปกตินะ"
"แล้วทำไม? เอ่อ..... ยังไงเหรอคะ?"
"อ๋อ.. ผมเกรงว่าเผื่อคุณติ๊นาต้องการอะไรเร่งด่วน ผมอาจจะนำมาให้ไม่ได้น่ะครับ"
โธ่ถัง...
ติ๊นาคิดไปโน่น
. . . ผมว่าจะชวนคุณติ๊นาไปเที่ยวต่างจังหวัดซักวันสองวันน่ะครับ . . .ไปดูต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา รับสายลม ไอหมอก . . หรือไปเดินเล่นบนหาดทรายริมทะเลที่ไหนสักแห่งก็ได้ . . . . ดีไหมครับ ? . . .
มันไม่ใช่อย่างที่ติ๊นาคิดไว้สักเรื่อง แต่ถึงจะใช่ ติ๊นาก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว
คำพูดของแม่แว่วมาเสมอ ยามที่ติ๊นาต้องตั้งมั่นในสติ
. . . รักนวลสงวนตัว อย่ากลัวผู้ชายว่า . . . . พอแล้วติ๊นา พอ! ไม่คิดต่อแล้วล่ะ
"ติ๊นามีเบอร์โทรคุณดุลยรัฐอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องห่วงเลยค่ะ ถึงคุณดุลยรัฐจะอยู่ไหน คิดว่าคงยินดีรับสายติ๊นาอยู่แล้ว ใช่มั้ยคะ"
"ใช่ครับ คุณติ๊นาไม่ต้องห่วง"
เสียงนั้นบอกได้เลยว่า หนักแน่นดุจหินแกรนิตมหึมา
หลังจากคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้ว คุณดุลยรัฐจึงขอตัว บอกว่าจะแวะไปพบน้องชายแถว ๆ นี้ก่อน วันหยุดลองวีคเอนที่จะถึงมีวันสำคัญคือวันแม่ด้วย ตั้งใจจะไปเกลี้ยกล่อมน้องชายให้ไปเยี่ยมแม่ด้วยกัน คุณดุลยรัฐบอกว่า . .
หลายปีแล้ว ที่น้องชายไม่ได้กลับไปร่วมงานวันสำคัญอย่างนี้ .. งานตำแหน่งรองผู้จัดการห้างระดับนั้น น่าจะขอหยุดวันสำคัญของครอบครัวได้อยู่แล้ว หากเขาต้องการ . .
ติ๊นาได้ยินและรู้สึกสังหรณ์ใจพิกลกับอะไรสักอย่าง "คุณดุลยรัฐมีน้องชายทำงานที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเหรอคะ? " ติ๊นาถามด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
"ใช่ครับ!" คุณดุลยรัฐตอบหนักแน่น
"เขาเป็นรองผู้จัดการ แผนกลูกค้าสัมพันธ์"
ติ๊นาตัวแข็งทื่อ และยิ่งไปกว่านั้น
หัวใจมันทำท่าจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ เมื่อได้ยินคุณดุลยรัฐพูดต่อ
"แม่ตั้งชื่อให้ผมว่า ..ดุลยรัฐ พอมีน้องชายตามมา อยากให้ขึ้นต้นด้วยดอเด็กเหมือนกัน แม่เลยตั้งชื่อให้เค้าว่า ..ดนัย ครับ"
.............
.............
(มีต่อ)
☻ รักต้องเลือก ☻ บทที่ 4 ...
[ บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/40799747 ]
[ บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/40811467 ]
บทที่ 4 ...
เพราะยังไม่ถึงเวลาบ่ายโมง ที่ทำงานจึงดูว่างเปล่า ติ๊นานำหน้าคุณดุลยรัฐไปยังห้องทำงานของตัวเอง ชายหนุ่มผู้มากับเงาหินหนักอึ้ง ทั้ง ๆ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าติ๊นากลับมองเห็นแต่เงาปุยนุ่น เขายื่นเอกสารสองสามแผ่นมาให้ "รายละเอียดเรื่องราคาครับ" ติ๊นาเอ่ยขอบคุณก่อนยื่นมือรับ
เห็นท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ จึงต้องเอ่ยชวนให้นั่งคุยกันก่อน คุณดุลยรัฐนั่งลงด้วยความยินดี
"แฟลชไดร์ฟตัวอย่างหินล่ะคะ?" ติ๊นานั่งลงกับเก้าอี้ตัวเองบ้าง
"โอว้... ขอโทษครับ" คุณดุลยรัฐล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบแฟลชไดร์ฟออกมายื่นให้
"เดี๋ยวติ๊นาขอโหลดลงเครื่องแป๊บนะคะ แล้วจะคืนให้"
"ไม่ต้องครับ ไม่ต้องคืน เพราะผมตั้งใจนำมาให้คุณติ๊นาอยู่แล้ว"
"ไม่เก็บไว้ใช้อีกเหรอคะ?"
"ผมมีหลายอันครับ ที่โหลดมาให้คุณติ๊นา เพราะต้องการรับประกันสเปกตามแฟลชไดร์ฟครับ"
"ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ "
อดคิดแว่บไปถึงเมื่อคืนไม่ได้ว่า
ถ้าคุณดุลยรัฐไม่แกล้งเก็บเจ้านี่กลับไป เขาจะชวนติ๊นาทานข้าวด้วยวิธีไหนนะ แวะมาหาบ่อยขึ้น? หรือโทรศัพท์มาหาบ่อยขึ้น? เมื่อคืนก็เริ่มทำเป็นใจดีสู้แม่เสือแล้ว ดึกขนาดนั้นเริ่มกล้าโทรมาด้วย คำราตรีสวัสดิ์ก่อนวางสายก็เพิ่งได้ยินครั้งแรก เมื่อคืนเหมือนแกล้งทำดูซื่อ ๆ แต่.. แต่ก็พอเหมาะพอควรนะ เพราะยังไม่เผลออวยพรให้ฝันดี
"ขำอะไรครับ? " คุณดุลยรัฐยิ้มคมเข้ม ติ๊นายิ้มขำขัน
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร"
"คุณติ๊นาเป็นคนแจ่มใสอยู่เสมอ รู้ตัวมั้ยครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า คุณติ๊นายิ้มกับมันได้หมด หัวเราะได้หมด แม้แต่กับข้าวบนโต๊ะอาหาร "
ถึงจะรู้สึกได้ว่า.. นั่นคือคำพูดรุกคืบ แต่ทำไมติ๊นาอยากฟังอีกนะ อยากฟังมากกว่านั้นจริง ๆ
คุณดุลยรัฐชวนคุยอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องไหนที่เขาเริ่มจะเท้าความถึงตำนาน ติ๊นาจะรีบพาเขาแฉลบไปเรื่องใหม่ทันที ไม่ใช่ไม่อยากฟังนะ แต่ติ๊นามีจุดอ่อน จุดอ่อนตรงที่ตัวเองสอบตกวิชาประวัติศาสตร์ สอบตกเรื่องตำนานทุกอย่างของกาแล็กซี่นี้
หากจะว่าไปแล้ว ติ๊นาควรจะต้องรักษาระยะห่างกับคุณดุลยรัฐเอาไว้ เพราะสังหรณ์ใจเหมือนกันว่า หากสถานภาพของคุณดุลยรัฐเปลี่ยนมาเป็นคู่สัญญากับบริษัทติ๊นาในวันใดวันหนึ่ง ความสนิทสนมซึ่งเพิ่มขึ้นของเราคงดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่เป็นแน่ เผลอ ๆ จะรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานด้วย
นั่นเป็นภาพในฐานะการร่วมงาน แล้วความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานล่ะ?
ยอมรับนะว่าตกหลุม.. ไม่ใช่ ไม่ใช่ ยอมรับนะว่าเป็นปลื้มตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเขามาเมื่องานครั้งที่แล้ว แม้ตอนนั้นจะยังมองไม่เห็นท่าทีอะไรจากชายหนุ่มเจ้าของโรงงานหินอ่อนคนนี้เลย แต่บุคลิกความเป็นคนตรงไปตรงมา รับผิดชอบกับเรื่องงานชนิดไม่มีขาดตกบกพร่อง ตรงนี้เองที่ทำให้ติ๊นาเริ่มมองเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า มันคืออะไร?
ติ๊นารู้จักกับคุณดุลยรัฐก่อนหน้าดนัยไม่กี่เดือน เราติดต่อกันก็แต่ในเรื่องงานเท่านั้น และก็ขาดการติดต่อไปหลายเดือน จนงานใหม่ที่หาดตะวันรอนนี้เริ่มนับหนึ่ง ติ๊นาถึงได้โทรศัพท์ขอรายละเอียดสินค้าจากเขาอีกครั้ง เพื่อขอข้อมูลนำมาประกอบการออกแบบใหม่ 'บ้านศรีตรัง'
ท่าทีของคุณดุลยรัฐตอนนี้ก็เหมือนเริ่มเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน คิดถึงตรงนี้แล้ว ติ๊นาขอคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด จะไม่ให้คิดได้อย่างไร ในเมื่อสายตาที่มองสบตามาทุกครั้งนั้น ติ๊นาว่า.. ติ๊นาเห็นอะไรแวบ ๆ นะ อะไรที่ว่านั้นเป็นอย่างไรเหรอ ไม่รู้สิ ติ๊นาไม่บอกใครหรอก เพราะบอกไปแล้ว คนไม่เชื่อ พูดอย่างไรก็จะไม่ยอมเชื่ออยู่ดี แถมยังจะหาว่าติ๊นาคิดเองเออเอง ถ้าอย่างนั้นติ๊นาไม่บอกใครดีกว่า
"วันหยุดลองวีคเอนที่จะถึงนี้ คุณติ๊นาได้หยุดกี่วันครับ?" คำถามสุดแสนธรรมดา แต่ในห้วงภวังค์ซึ่งกำลังเข้าข้างตัวเอง ทำไมมันเหมือนหัวใจจะฟูฟ่องขึ้นมาปุบปับ ก็ไม่รู้
"ผมหยุดงานสามสี่วันครับ แต่โรงงานก็ยังทำงานปกตินะ"
"แล้วทำไม? เอ่อ..... ยังไงเหรอคะ?"
"อ๋อ.. ผมเกรงว่าเผื่อคุณติ๊นาต้องการอะไรเร่งด่วน ผมอาจจะนำมาให้ไม่ได้น่ะครับ"
โธ่ถัง...
ติ๊นาคิดไปโน่น . . . ผมว่าจะชวนคุณติ๊นาไปเที่ยวต่างจังหวัดซักวันสองวันน่ะครับ . . .ไปดูต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา รับสายลม ไอหมอก . . หรือไปเดินเล่นบนหาดทรายริมทะเลที่ไหนสักแห่งก็ได้ . . . . ดีไหมครับ ? . . .
มันไม่ใช่อย่างที่ติ๊นาคิดไว้สักเรื่อง แต่ถึงจะใช่ ติ๊นาก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว
คำพูดของแม่แว่วมาเสมอ ยามที่ติ๊นาต้องตั้งมั่นในสติ . . . รักนวลสงวนตัว อย่ากลัวผู้ชายว่า . . . . พอแล้วติ๊นา พอ! ไม่คิดต่อแล้วล่ะ
"ติ๊นามีเบอร์โทรคุณดุลยรัฐอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องห่วงเลยค่ะ ถึงคุณดุลยรัฐจะอยู่ไหน คิดว่าคงยินดีรับสายติ๊นาอยู่แล้ว ใช่มั้ยคะ"
"ใช่ครับ คุณติ๊นาไม่ต้องห่วง"
เสียงนั้นบอกได้เลยว่า หนักแน่นดุจหินแกรนิตมหึมา
หลังจากคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้ว คุณดุลยรัฐจึงขอตัว บอกว่าจะแวะไปพบน้องชายแถว ๆ นี้ก่อน วันหยุดลองวีคเอนที่จะถึงมีวันสำคัญคือวันแม่ด้วย ตั้งใจจะไปเกลี้ยกล่อมน้องชายให้ไปเยี่ยมแม่ด้วยกัน คุณดุลยรัฐบอกว่า . . หลายปีแล้ว ที่น้องชายไม่ได้กลับไปร่วมงานวันสำคัญอย่างนี้ .. งานตำแหน่งรองผู้จัดการห้างระดับนั้น น่าจะขอหยุดวันสำคัญของครอบครัวได้อยู่แล้ว หากเขาต้องการ . .
ติ๊นาได้ยินและรู้สึกสังหรณ์ใจพิกลกับอะไรสักอย่าง "คุณดุลยรัฐมีน้องชายทำงานที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเหรอคะ? " ติ๊นาถามด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
"ใช่ครับ!" คุณดุลยรัฐตอบหนักแน่น
"เขาเป็นรองผู้จัดการ แผนกลูกค้าสัมพันธ์"
ติ๊นาตัวแข็งทื่อ และยิ่งไปกว่านั้น
หัวใจมันทำท่าจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ เมื่อได้ยินคุณดุลยรัฐพูดต่อ
"แม่ตั้งชื่อให้ผมว่า ..ดุลยรัฐ พอมีน้องชายตามมา อยากให้ขึ้นต้นด้วยดอเด็กเหมือนกัน แม่เลยตั้งชื่อให้เค้าว่า ..ดนัย ครับ"
.............
.............
(มีต่อ)