เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 18

ฉันมองใบหน้าดำของเจ้าดำ ที่มันอ้าปากลิ้นห้อยส่ายไปมา เมื่อมันทำท่าทางส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก และกระดิกหางไปมา เมื่อฉันเดินถือจานข้าวของมัน ไปวางไว้ที่มุมหนึ่งของห้องครัว ทำให้มันพุ่งตัวเข้าไปกินข้าวในจานอย่างรวดเร็ว

"กินช้าๆ ก็ได้ เจ้าดำ"

ฉันเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะก้มลงลูบหัวมันช้าๆ ทำให้มันเงยหน้ามาสบตาฉัน ดวงตาใส ตอนนี้มีแววแจ่มใสมากกว่า วันที่ฉันกับจักรินทร์ พบมันที่เกาะของชาวบ้านใกล้ๆ เกาะหน้า

"ทำอะไรอยู่ครับ" เสียงทุ้มถามมาจากด้านหลัง ก่อนที่คนพูดจะรวบเอวของฉัน ดึงเข้าไปสวมกอดทางด้านหลัง ทำให้ฉันสะดุ้งตกใจเพียงเล็กน้อย

"คุณจักร" ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ ก่อนที่จะรู้สึกถึงรอยจูบเบาๆ ที่ขมับด้านขวา จากคนที่กอดอยู่ด้านหลัง

"คุณทำอะไรไม่อายเจ้าดำมันบ้าง"

"จะอายทำไม" เขาเอ่ยเสียงหึๆ ในลำคอ

"มันเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน ไม่เห็นมันจะสนใจใครเลย.. หึ.. ว่าไงเจ้าดำ"

คนพูดเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าดำ หยุดกินและเดินไปหยุดที่คุณหมอ ที่นอกจากรักษาคนแล้ว ยังต้องมารักษาแผลให้เจ้าดำอีกด้วย เจ้าดำกระดิกหางไปมาทำให้จักรินทร์ ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ และก้มลงไปนั่งยองๆ ลูบหัวลูบหูเจ้าหมาน้อย ที่มันทำท่าดีใจเป็นอย่างยิ่ง

"ไงเราเจ้าดำ หายเจ็บแผลแล้วใช่ไหม" คุณหมอหมา.. เอ๊ย.. หมอจักร คว้าขาข้างขวาของมัน ที่ตอนนี้ แผลจากท่อนไม้หล่นทับมัน เมื่ออาทิตย์ก่อน เริ่มแห้งแล้ว แต่ยังต้องพันแผลไว้ กันมันเลียและแทะแผลเล่น

"น่าจะไม่เจ็บแล้วนะคะ เพราะเห็นว่าเดินได้ และวิ่งได้แล้วค่ะ" ฉันตอบแทนเจ้าดำ ที่มันหันหลังกลับไปกินข้าวในจานของมันต่อ

"คุณกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ จะได้มากินอาหารเย็นกัน" ฉันเอ่ยก่อนที่จะมองชายหนุ่มในชุดทหาร ที่ค่อยๆ ยืดตัวเองขึ้น เขาส่งยิ้มกว้างอย่างให้ฉัน อย่างมีเลศนัย

"อะไรคะ" ฉันถามออกไป

"ผมมีอะไรจะให้ ตอนแรกกะว่าจะให้คุณอาทิตย์หน้า แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว" เขาเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม คล้ายกับเด็กที่ไม่สามารถปกปิดความลับได้

"อะไรหรือคะ" ฉันคะยั้นคะยอถาม

"มานี่สิ" เขาจับมือฉันให้เดินออกไปจนถึงประตูบ้านก่อนที่จะหยุดเอาดื้อๆ

"คุณปิดตาก่อนสิ" เขาเอ่ยเสียงคล้ายเด็กที่ตื่นเต้น จนเก็บอาการไม่ถูก

"ทำไมต้องปิดตา"

"เอาน่าปิดตาก่อน"

เขาคะยั้นคะยอฉันอย่างหนักจนฉันต้องปิดเปลือกตาลง ก่อนที่จะรู้สึกถึงคนตัวโตเดินมาอยู่ที่ด้านหลังฉัน แล้วเอามือใหญ่มาปิดตาของฉันทั้งสองข้าง

"ค่อยๆ เดินนะครับ"

เสียงทุ้มจากริมฝีปากของเขา เป่าลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างหู ฉันค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า ตามแรงดันของร่างใหญ่ที่เดินตามฉันอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งมาถึงที่ประตูหน้าบ้าน

"เปิดตาได้แล้วครับ"

เสียงของคนพูดเอ่ยอย่างตื่นเต้น ที่น่าจะตื่นเต้นมากกว่าฉันเสียอีก ทำให้ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น จึงเห็นจักรยานสีขาวจอดอยู่ที่หน้าบ้าน มีโบสีแดงผูกอยู่ตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน

"จักรยาน" ฉันเอ่ยขึ้น

"ครับจักรยาน ผมสั่งจ่าพร้อยให้ไปซื้อมาจากในเมือง จ่าพร้อยเพิ่งเอาขึ้นเรือมาเมื่อกี้นี้ ตอนแรกว่าจะให้อาทิตย์หน้า แต่อดใจไม่ไหว เลยรีบเอามาให้คุณเลย"

"ทำไมต้องเก็บเอาไว้ให้อาทิตย์หน้าละคะ" ฉันจ้องมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มระบายไปทั่ว

"ก็อาทิตย์หน้านี้ ครบรอบหนึ่งเดือนที่เรา.. เอ่อ.." เขาพูดพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ฉัน เมื่อฉันนึกได้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ฉันก็รู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

"คุณจักร ไม่เห็นจำเป็นต้องให้อะไรหมอกก็ได้ค่ะ" ฉันเสเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่จะเดินเข้าไป ลูบๆ คลำๆ จักรยานสีขาวคันนั้น

"ที่จริงผมคิดอยู่นานแล้วล่ะ ว่าอยากจะหาจักรยานสักคันให้คุณ ก็ตั้งแต่คุณมาอยู่ที่เกาะหน้าได้สามอาทิตย์กว่าแล้ว คุณต้องเดินไปกลับที่ห้องคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้อินเทอร์เน็ตที่นั่นเกือบทุกวัน ทางก็ไกลอยู่ไม่ใช่น้อย"

เขาเดินเข้ามาใกล้มองมือของฉันลูบไล้จักรยานไปมา ก่อนที่จะรวบตัวของฉันเข้าไปกอดแน่นๆ ชั่วครู่ ก่อนที่จะคลายอ้อมกอด และเอาคางกดเบาๆ ที่กระหม่อมของฉัน ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า

"รู้ไหมว่า ผมรู้สึกผิดมากทุกๆ ครั้งที่เห็นคุณเดินไป เดินมา ที่บ้านกับห้องคอมพิวเตอร์ และยิ่งตอนที่เห็น คุณต้องเดินตากแดดร้อนๆ โดยที่คุณไม่เคยบ่นอะไรเลย ทำให้ผมคิดว่า ผมทำถูกหรือเปล่าที่ เอาคุณอยู่ที่เกาะหน้ากับผม"

"คุณจะรู้สึกผิดทำไมคะ ฉันไม่เห็นว่ามันจะหนักหนาอะไรเลยนะคะ แม้ว่าทางจากบ้านไปห้องคอมพิวเตอร์จะไกลหน่อย แต่ก็ไม่ลำบากอะไรเลย ตอนอยู่ที่บ้าน แม่ให้ฉันเดินรดน้ำต้นไม้ในสวน ร้อนก็ร้อน ฉันยังทนได้เลยค่ะ แค่เดินไปกลับจากที่นี่ไปห้องคอมพิวเตอร์ เรื่องเล็กค่ะ " ฉันดันตัวออกห่างเล็กน้อย เพื่อที่จะเงยหน้ามองเขาได้อย่างเต็มตา ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า

"อีกอย่าง ฉันว่าสนุกดีออก ได้เดินชมนกชมไม้ และอีกอย่างฉันชอบเดินไปดู คุณกับผู้กองพันวา ออกกำลังกายบ้าง ออกวิ่งบ้าง ฝึกการใช้ปืนต่อสู้บ้าง สนุกดีค่ะ" ฉันยิ้มกว้างให้เขา

แต่ก่อนที่ฉันจะทันตั้งตัว ริมฝีปากร้อนๆ ของเขาก็ประกบลงที่ริมฝีปากของฉัน ทำให้ฉันเบิ่งตาโพรงด้วยความตกใจ ดวงตาพร่างพรายแทบจะจับโฟกัสใบหน้าคม ที่อยู่ชิดติดใบหน้าของฉันไม่ได้ ทำให้ฉันค่อยหลับตาลง เมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากอุ่น ขยับไปมานวดคลึงริมฝีปากของฉันเบาๆ การกระทำของเขาทำให้ความรู้สึกของฉันค่อยๆ ล่องลอยไป ก่อนที่จะรู้สึกชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึก ถึงลิ้นอุ่นของเขาค่อยๆ ล่วงล้ำเข้ามาตวัดพันรอบลิ้นของฉัน และค่อยๆ นวดคลึงลิ้นของฉันไปมาอย่างนุ่มนวล จนความรู้สึกของร่างกายเบาโหวง แขนขาไร้เรี่ยวแรง จนแทบยืนไม่อยู่ทำให้ฉันต้องเอื้อมมือไปโอบรอบคอของคนที่รวบเอวฉันเข้าแนบร่างแข็งแรง สูงใหญ่กำยำของเขามากยิ่งขึ้น จนแทบจะไม่มีช่องว่างใดๆ ระหว่างเรา

ความนุ่มนวลของลิ้นอุ่นๆ ที่ตวัดนวดคลึงลิ้นของฉันนั้นค่อยๆ เพิ่มความรัวเร็ว และเรียกร้องให้ฉันตอบสนองเขาบ้าง ทำให้ฉันค่อยๆ เริ่มตวัดลิ้นตวัดพันรอบลิ้นของเขาบ้าง ทำให้ฉันได้ยินเสียงครางเบาๆ ในคออย่างพอใจ ของฝ่ายตรงข้าม แต่ก่อนที่เราทั้งสองจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ เขาก็ถอนหายใจอย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนริมฝีปากของเขาออกจากฉันอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมจ้องมองลงลึกไปในดวงตาของฉัน

"ขอบคุณ ที่มาอยู่ที่นี่กับผม"

เขาเอ่ยก่อนที่จะประทับจูบฉันเบาๆ ที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง และถอนออกอย่างรวดเร็ว เขามองฉันด้วยสายตาระยิบระยับ ทำให้ฉันเริ่มเขินอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่เราทำ เมื่อครู่นี้ทำให้ฉันค่อยๆ ดันตัวออกจากเขาอย่างช้าๆ และเขาก็ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี

"ฉันว่าเราไปกินกันในบ้าน .. เอ๊ย... ไปกินข้าวกัน... เข้าไปกินข้าวกันในบ้านดีกว่าค่ะ" ฉันตะกุกตะกัก พูดผิดพูดถูก เอ่ยชวนเขาไป ทำให้เขามองใบหน้าเหลอหลาของฉัน ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง ทำให้ฉันรีบหันตัวเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว

-------------------------------------

ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะหยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะทำงานต่อจากที่ทำค้างไว้ เมื่อตอนกลางวัน ทำให้ฉันเห็นจักรินทร์นอนหลับอยู่บนที่นอน ตั้งแต่หัวค่ำ

ซึ่งสองสามวันมานี่ เขากับผู้กองพันวา ต้องร่วมลงฝึกซ้อมและควบคุม การออกกำลังกาย และการใช้อาวุธต่างๆ กับนายทหารทุกคนบนเกาะหน้า ไม่ว่านายทหารนั้นจะทำงานอยู่ฝ่ายช่างยานยนต์ และเรือยนต์ อย่างจ่าแสน หรือแม้แต่หน่วยพยาบาลก็ตาม เพราะตอนนี้เข้าถึงฤดูกาลฝึกซ้อมทักษะการทหาร ที่ทุกคนต้องฝึกซ้อมกันตามตารางที่กำหนด และมีระยะการฝึกซ้อมทั้งหมดสองอาทิตย์

ทำให้ช่วงนี้นายทหารทุกคนๆ นับตั้งแต่พลทหารยันนายพัน พากันเหนื่อยอ่อน เข้าบ้านพักและนอนหลับกันตั้งแต่หัวค่ำ เพราะต้องตื่นนอนกัน ตั้งแต่ตีสาม และต้องไปพร้อมรวมตัวกันตอนตีสี่

ซึ่งช่วงนี้แม่บ้านนายทหารทุกๆ คน ที่อยู่บนเกาะหน้านี้ จะต้องเป็นฝ่ายช่วยกัน ทำอาหารเลี้ยงนายทหารทุกคน ในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน เพราะนายทหารฝ่ายพลาธิการ ก็ต้องร่วมฝึกในโปรแกรมนี้ด้วย

ซึ่งแน่นอนว่า ฉัน...ที่คนอื่นแต่งตั้งให้เป็น... คุณนายผู้พัน... ต้องเป็นคนดูแลตารางอาหารทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับ รายการอาหารสด และอาหารแห้งอีกด้วย

ฉันคว้ากระเป๋าคอมพิวเตอร์ออกมานั่งลงที่โต๊ะอาหารในห้องครัว ก่อนที่เปิดกระเป๋าเพื่อที่จะหาเครื่องบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก หรือ USB เพื่อที่จะต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เพื่อที่จะทำรายงานค่าใช้จ่ายอาหารในอาทิตย์หน้า เพื่อที่จะส่งให้ผู้กองพันวา ในตอนเช้าวันพรุ่งนี้

แต่ว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ฉันจึงมานั่งทบทวนว่า ฉันน่าจะเอาเจ้า USB นั้นไปทำตกหล่น หรือทำหายที่ไหน จนกระทั่งคิดไปว่า ฉันน่าจะไปลืมมันไว้ที่ห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่ฉันใช้มันทำงาน

ฉันมองนาฬิกาข้างฝา ที่บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ซึ่งถ้าเป็นในเมือง เวลาสองทุ่มก็ไม่ถือว่าดึกเท่าไหร่ แต่ที่เกาะหน้า ในเวลานี้ค่อนข้างจะเป็นเวลาที่ดึกสงัด ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ยังพอจะมีนายทหารนั่งดื่มเหล้า หรือคุยกันบ้าน ตามบ้านพักของตน แต่ในสองสามวันมานี้ นายทหารต่างๆ พากันเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ จะมีเพียงนายทหารยาม ที่คอยเฝ้ายาม และลาดตระเวนรอบๆ เกาะเพียงไม่กี่นาย

"จะรอให้เช้าก่อนแล้วค่อยไปเอา USB ที่ห้องคอมพิวเตอร์ ก็คงจะไม่ทันที่จะทำรายงานส่งผู้กองพันวา ตอนเช้า" ฉันพึมพำกับตัวเอง

"ออกไปเอาตอนนี้ดีกว่า"

ฉันคิดได้อย่างนั้น จึงผุดตัวลุกขึ้น ทำให้เจ้าดำที่นอนอยู่ใกล้ๆ ปลายเท้าของฉันดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ดำไปเดินเล่นกันไหม"

ฉันเอ่ยปากชวนเจ้าหมาน้อย ที่ตั้งแต่มันมาอยู่ที่เกาะหน้า และเริ่มที่จะเดินได้คล่อง มันก็เดินเข้าเดินออกบ้าน ไปเที่ยวซอกแซกที่นั่นที่จนทั่วเกาะ จนหิวนั่นแหละ มันถึงกลับเข้าบ้านมา

"ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ" ฉันก้มตัวลูบหัวมัน ซึ่งมันก็กระดิกหางดุกดิก ให้ฉันอย่างตื่นเต้นที่จะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก

ฉันคว้ากุญแจห้องคอมพิวเตอร์ ที่จักรินทร์ เอามาให้ฉัน เพื่อให้ฉันเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ต ในห้องคอมพิวเตอร์ได้ทุกเมื่อ และ เมื่อฉันออกมาที่นอกบ้านแล้ว จึงเห็นจักรยานจอดอยู่หน้าบ้าน

"ลืมไปเลยว่าคุณจักรให้จักรยานฉัน"

ฉันเอ่ยขึ้น และใบหน้าก็ร้อนผ่าวเมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น จนฉันต้องเผลอยิ้มอย่างลืมตัว จนต้องสะบัดหัวไปมา ก่อนที่จะขึ้นนั่งบนจักรยาน

"ดำพร้อมหรือยัง" ฉันเอ่ยถามเจ้าดำ ที่ยืนรีๆ รอๆ อยู่ใกล้ๆ

"หนึ่ง.. สอง.. สาม.. ไป! " สิ้นเสียงของฉัน เจ้าดำก็วิ่งปรู้ดไปข้างหน้าอย่างเร็ว ทำให้ฉันต้องปั่นจักรยานตามมันไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ฉันขับรถจักรยานไปตามทางลาดยาง โดยมีเจ้าดำที่วิ่งตามฉันบ้าง วิ่งออกหน้าบ้าง หยุดวิ่งบ้าง จนต้องเอ่ยเรียกมันเป็นระยะๆ จนกระทั่งวิ่งผ่านอาคาร

สำนักงาน กองบัญชาการ ที่อยู่ไม่ไกลกับอาคารของห้องสมุด และห้องคอมพิวเตอร์เท่าไหร่ แสงไฟส่องมาจากห้องเก็บอาวุธ ที่อยู่ชั้นล่างสุด ของอาคาร ที่เป็นที่เก็บปืน และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทำให้ฉันจอดจักรยาน แล้วมองดูแสงสว่างวับแวมนั้นอย่างเงียบๆ

ฉันเพ่งมองไปยังห้องที่มืดสนิท ที่บานประตูห้องที่ค่อยๆ เปิดออกมา แล้วเห็นเงาดำใครคนหนึ่ง โผล่หน้าออกมา และโบกมือไปมา ทำให้ร่างดำๆ ของอีกสองคน ที่คอยอยู่ที่ป่าละเมาะๆ ใกล้ๆ อาคาร วิ่งเร็วๆ ไปยังประตูของห้องเก็บอาวุธ

"ขโมย"

ฉันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจจนต้องใช้มืออุดปากตัวเอง เพื่อที่จะไม่ให้เสียงลอดออกไป ใจของฉันเต้นตึกตัก รัวระทึกกับสิ่งที่ฉันคิดคำนึง ฉันค่อยๆ วางจักรยานลงบนพื้นอย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆ วิ่งไป หลบหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ กับอาคารหลังนั้น

-----------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่