ศาลาริมน้ำ11
ผมเกือบจะทำตามคำขอของเธอแล้ว ถ้าไม่ติดใจอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยไปอย่างรอบคอบ
“นวลจันทร์ รอให้ผมกลับบ้านไปได้ก่อนเถิดแล้วผมจะทำบุญไปให้ ตอนนี้เธอช่วยออกมาให้เห็นก่อนได้ไหม ว่าเธอเป็น เอ่อ “ ประโยคต่อมาผมเก็บไว้ในใจไม่ได้พูดจากปากให้ได้ยิน “ร่างเดียวที่ฉันเห็นเมื่อตอนเย็น”
“ช่างเรื่องมากจริง” น้ำเสียงนั้นมีแววขุ่นๆขึ้นมา ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะก่อนเสียงเย็นชากระด้างจะเปล่งออก
“ก็ได้ จะออกไปเดี๋ยวนี้ ให้ฉันกินตามที่บอกแล้วกัน”
ผมแทบกลั้นใจมอง ร่างนั้นค่อยๆก้าวออกจากความมืดทึมทืบทีละน้อย ออกมาสู่แสงสว่างแห่งไฟฉายในมือ ในที่สุดทั้งตัวของเธอผู้นั่นก็ข้ามพ้นออกมาจากความมืดให้เห็นได้ชัด
“คุณพระช่วย” ผมอุทานลั่นในใจ เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าอย่างเต็มตา ถึงแม้จะไม่ได้สยดสยองอย่างที่ผมหวาดเสียวว่าจะได้เห็น แต่มันหาใช่ผู้หญิงที่ผมได้พบปะพูดคุยเมื่อยามเย็นไม่
รูปหน้าเธอแป้น ขาวซีด ราวกับปราศจากเลือดหล่อเลี้ยง และไม่ใช่ลักษณะธรรมชาติของผิวพรรณตามกำเนิดแน่ มันเหมือนกับเจ้าตัวอยู่ในสถานที่ไม่พบแสงตะวันมาชั่วนาตาปี อีกทั้งสองแก้มก็ป่อง ไม่ใช่สิ ดูคล้ายไปทางอลึ่งฉึ่งเพราะบวมฉุมากกว่า
“จะมัวตะลึงอยู่ทำไม ก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันตายแล้ว ไม่งั้นคุณจะให้เครื่องเซ่นผีกับฉันหรือ ถึงของจะวางไว้ให้ ถ้าคุณพูดลอยๆ ไม่ถูกธรรมเนียม ฉันอยากกินอย่างไรก็ไม่ได้กิน เร็วๆเข้าเถอะ หิวเต็มที่แล้ว”
ร่างนั้นส่งเสียงเร่งเร้า มีกริยากระสับกระส่ายผิดธรรมชาติ ก่อนจะลดเสียงลงอย่างวิงวอน
“โธ่คุณ เอ่ยปากอนุญาตเสียทีให้ฉันกินได้”
ผมมโนภาพถึงหนอนไต่ยั้วเยี้ยในอาหารบูดเน่าแล้วก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ท่าทางเธอหิวกระหายถึงเพียงนี้แสดงว่าต้องอดอยากปากแห้งมาเป็นเวลานาน ไม่ได้รับผลบุญอุทิศเลย
อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำทานให้ผียังต้องมีพิธีรีตองยุ่งยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ที่สุดแล้วผมก็ปลงใจทำตามที่เธอขอให้เสร็จๆไป เพราะยังมีเรื่องสำคัญต่อจากนี้รออยู่
“ข้าพเจ้า นายฤทธิ์ไกร ขอแบ่งทานนี้ให้……”
ขณะพูดใกล้จบ สายตาเหลือบไปมองทางผู้หญิงที่ชื่อนวลจันทร์อย่างไม่ตั้งใจ แล้วเลือดในตัวผมก็แทบผนึกเป็นน้ำแข็ง
ลูกตาคู่นั้นแทบปูดโปนออกนอกเบ้า จ้องมองมาที่ท้องของผมอย่างกระเหี้ยนกระหือรือไม่วางตา แลบลิ้นออกเลียริมฝีปากแผล็บ
“พูดให้จบสิพ่อคุณ จะหยุดทำไม ฉันรอกินอยู่”
ศาลาริมน้ำ2(ตอนจบ)
ผมเกือบจะทำตามคำขอของเธอแล้ว ถ้าไม่ติดใจอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยไปอย่างรอบคอบ
“นวลจันทร์ รอให้ผมกลับบ้านไปได้ก่อนเถิดแล้วผมจะทำบุญไปให้ ตอนนี้เธอช่วยออกมาให้เห็นก่อนได้ไหม ว่าเธอเป็น เอ่อ “ ประโยคต่อมาผมเก็บไว้ในใจไม่ได้พูดจากปากให้ได้ยิน “ร่างเดียวที่ฉันเห็นเมื่อตอนเย็น”
“ช่างเรื่องมากจริง” น้ำเสียงนั้นมีแววขุ่นๆขึ้นมา ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะก่อนเสียงเย็นชากระด้างจะเปล่งออก
“ก็ได้ จะออกไปเดี๋ยวนี้ ให้ฉันกินตามที่บอกแล้วกัน”
ผมแทบกลั้นใจมอง ร่างนั้นค่อยๆก้าวออกจากความมืดทึมทืบทีละน้อย ออกมาสู่แสงสว่างแห่งไฟฉายในมือ ในที่สุดทั้งตัวของเธอผู้นั่นก็ข้ามพ้นออกมาจากความมืดให้เห็นได้ชัด
“คุณพระช่วย” ผมอุทานลั่นในใจ เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าอย่างเต็มตา ถึงแม้จะไม่ได้สยดสยองอย่างที่ผมหวาดเสียวว่าจะได้เห็น แต่มันหาใช่ผู้หญิงที่ผมได้พบปะพูดคุยเมื่อยามเย็นไม่
รูปหน้าเธอแป้น ขาวซีด ราวกับปราศจากเลือดหล่อเลี้ยง และไม่ใช่ลักษณะธรรมชาติของผิวพรรณตามกำเนิดแน่ มันเหมือนกับเจ้าตัวอยู่ในสถานที่ไม่พบแสงตะวันมาชั่วนาตาปี อีกทั้งสองแก้มก็ป่อง ไม่ใช่สิ ดูคล้ายไปทางอลึ่งฉึ่งเพราะบวมฉุมากกว่า
“จะมัวตะลึงอยู่ทำไม ก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันตายแล้ว ไม่งั้นคุณจะให้เครื่องเซ่นผีกับฉันหรือ ถึงของจะวางไว้ให้ ถ้าคุณพูดลอยๆ ไม่ถูกธรรมเนียม ฉันอยากกินอย่างไรก็ไม่ได้กิน เร็วๆเข้าเถอะ หิวเต็มที่แล้ว”
ร่างนั้นส่งเสียงเร่งเร้า มีกริยากระสับกระส่ายผิดธรรมชาติ ก่อนจะลดเสียงลงอย่างวิงวอน
“โธ่คุณ เอ่ยปากอนุญาตเสียทีให้ฉันกินได้”
ผมมโนภาพถึงหนอนไต่ยั้วเยี้ยในอาหารบูดเน่าแล้วก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ท่าทางเธอหิวกระหายถึงเพียงนี้แสดงว่าต้องอดอยากปากแห้งมาเป็นเวลานาน ไม่ได้รับผลบุญอุทิศเลย
อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำทานให้ผียังต้องมีพิธีรีตองยุ่งยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ที่สุดแล้วผมก็ปลงใจทำตามที่เธอขอให้เสร็จๆไป เพราะยังมีเรื่องสำคัญต่อจากนี้รออยู่
“ข้าพเจ้า นายฤทธิ์ไกร ขอแบ่งทานนี้ให้……”
ขณะพูดใกล้จบ สายตาเหลือบไปมองทางผู้หญิงที่ชื่อนวลจันทร์อย่างไม่ตั้งใจ แล้วเลือดในตัวผมก็แทบผนึกเป็นน้ำแข็ง
ลูกตาคู่นั้นแทบปูดโปนออกนอกเบ้า จ้องมองมาที่ท้องของผมอย่างกระเหี้ยนกระหือรือไม่วางตา แลบลิ้นออกเลียริมฝีปากแผล็บ
“พูดให้จบสิพ่อคุณ จะหยุดทำไม ฉันรอกินอยู่”