ปั้นมโน เป็นตุเป็นตะ

กระทู้สนทนา
ผมลองแต่งเรื่องสั้นดู  ยังไงรบกวนวิจารณ์แสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^

เรื่องที่1 "ประทีปชีวิต"

มนุษย์ได้แต่เฝ้ามองหาแสงสว่างซึ่งเป็นทางออกของชีวิต  แต่แท้ที่จริงทุกทางออกมาจากแสงสว่างที่เกิดขึ้นในกายของเรา ทั้งสิ้น
                
    เสียงโหยหวนของผู้คนกลุ่มใหญ่จับตัวกันอยู่ในความมืดมิด พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่แย่งกันร้องบอกถึงปัญหาของตัวเอง ไม่มีใครฟังใครและไม่มีใครสนใจฟังพวกเขาเช่นกัน แต่ทุกคนก็ไม่หยุดที่จะพูด ไม่หยุดที่จะส่งเสียงร้อง ปะปนระคนผสานเสียงอื้ออึงจนฟังไม่เป็นภาษาคน  และไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลง
    แต่แล้วสภาวะแห่งความเครียดและความกดดันตรงนั้นเงียบลงพลันทันทีเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินโผล่มาหยุดข้างหน้า ในมือของเธอถือตะเกียงเปล่ามาหนึ่งดวง
“ขอไฟหน่อยค่ะ ”หญิงสาวตะโกนเข้าไปในกลุ่มแห่งความมืด
“ไม่มี”   หนึ่งในความมืดตอบ
“ขอไฟหน่อยได้ไหมคะ”
“ก็บอกว่าไม่มีไง” ความมืดเริ่มตวาดโมโหและกลับมาจับกลุ่มโหยหวน อีกครั้ง โดยไม่สนใจหญิงสาว  จนหญิงสาวเริ่มโกรธบ้าง เธอหน้าตาดุดันขึ้น และเริ่มด่าทอความมืด และแล้วเธอก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มความมืด ชุดของเธอกลายเป็นสีดำจนในที่สุดก็ถูกความมืดกลืนเข้าไปเป็นพวกเดียวกัน   มีกลุ่มหนุ่มสาวอีกสองสามคนมาพร้อมตะเกียงอีกดวง เหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นเดิม สุดท้ายก็ถูกกลืนเข้าไปเช่นกัน จนความมืดนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นๆและเสียงดังขึ้นๆ

     ท่ามกลางความโกลาหล  มีชายชุดสีเทาคลานออกมาจากกลุ่มความมืด มายังตะเกียงที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“ฉันมีไฟ” พร้อมกับเอื้อมมือมาจุดที่ชนวนตะเกียง
“ฉันต่างหากที่มีไฟ”  ไม่ทันใดชายอีกคนก็หนึ่งก็คลานตามออกมา แต่ไม่ทันที่จะได้จุดตะเกียงพวกเขากลับทะเลาะยื้อแย่งกันเพื่อจะจุดไฟ จนสุดท้ายก็ถูกความมืดลากเข้าไปเช่นเดิม  เหตุการณ์กลับไปเหมือนก่อนหน้า
     สักพักท่ามกลางความชุลมุน มีไฟแช็คกระเด็นออกมาจากกลุ่มความมืด  ความนิ่งเงียบเข้าครอบคลุมกินพื้นที่ชั่วขณะหนึ่ง
          “นั่นอะไร”  เสียงหนึ่งจากความมืดเอ่ยปากถาม
           “วัตถุประหลาด/...จานบิน/....เครื่องเพศ/...ไม่รู้ /...อีพวกโง่  เงียบ!!” การเคลื่อนไหวทุกอย่างชะงักราวมีเสียงเพลงแห่งความเครียดและความหวังถูกบรรเลงขึ้นกลบเสียงทุกอย่าง
                                         ---------
           **** อีกฟากหนึ่งของเฉดความมืด มันเป็นมุมมองใหม่ๆที่ดูเหมือนพลิกกลับสายตา ความมืดถูกหั่นออกเป็นส่วนๆ... แสงสว่างถูกจุดขึ้นทุกซอกมุม ทุกหนทุกแห่ง ละลานตาสว่างไสวกลางบรรยากาศความมืด ยกเว้นแต่เพียงตะเกียงที่ยังมืดสนิท สายตาทุกคู่จ้องมองล้อมรอบตะเกียงใบนั้น
ชายหนุ่มคนเดิมกล่าวขึ้น “ฉันมีไฟ” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็รีบบอก “ฉันก็มีไฟ”   หญิงสาวคนเดิมหยิบตะเกียงดวงนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆ  เธอนำไฟแช็คที่มีอยู่ในมือจุดเข้าไปในตะเกียง และยื่นตะเกียงนั้นส่งต่อไปให้ หนุ่มสาวกลุ่มนั้นหลังจากที่พวกเขารับตะเกียงไปแล้วบรรยากาศของความสว่างเกิดขึ้น สว่างขึ้น สว่างขึ้น จนสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน ทุกอย่างอย่างปรากฏชัด100%  สิ่งที่ทุกคนเห็นคือประตูหลายบานตั้งอยู่มากมายๆซึ่งทุกบานเปิดอ้ารอการก้าวผ่านอยู่แล้ว  
         “พาพวกเราออกจากที่นี่ที ได้โปรด” หญิงสาวเอ่ยปากขอร้องคนกลุ่มนั้น
         “ขอโทษนะฉันมองไม่เห็นทาง”
          “แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง”
          “เราไม่รู้”  







เรื่องที่ 2 "รักจะบาน อีกสักสามวัน"
                                        
เธอมีแค่ตัวตน  แต่ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง จนกว่า..

เราทั้งคู่เจอกันโดยบังเอิญที่เชิงบันไดตึก สภาพเธอดูสกปรกมอมแมม สิ้นกำลังไร้เรี่ยวแรงเหลือทน  เธอนอนนิ่งอยู่บนถุงขยะสีดำแต่ก็ยังปรากฏสิ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ วินาทีแรกที่สบตา ความสงสารครั้งแรกที่เห็น  ด้วยรู้สึกหวังดีจากใจที่ยังคงระลึกถึงเสมอ  ว่าจะสามารถพาเธอไปดูแลต่อจากเขาได้  ฉันอยากช่วยเหลือเธอเหลือเกิน...  

เธอถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี เพื่อนของเธอนั้นนอนนิ่งอยู่ข้างๆ  คาดว่าจากไปแล้ว  ฉันจึงไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนของเธอ   ทำได้เพียงแค่นำตัวเธอออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ   ตอนนี้เธอดูตกอยู่ในสภาวะที่อนาถใจซะเหลือเกิน คงขาดน้ำเติมชีวิตมาหลายวันแล้ว  คนเก่าของเธอช่างใจร้ายนัก ถึงทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้ คิดจะทิ้งก็ทิ้งได้ลงคอ   แต่เธอจงเชื่อใจเถอะว่าฉันจะไม่ใจร้ายกับเธอ และให้เธอมั่นใจได้เลยว่าฉันไม่มีวันทิ้งเธอได้ลง
                                             *****

ฉันมีตัวตน แต่ทำไมไม่มีใครเห็น แม้กระทั่งใบหน้า  หรือว่า...

ไอ้ผู้นั้น มันเอาฉันมาทิ้งไว้ที่นี่กับเพื่อน  เรากำลังจะขาดน้ำและสิ้นไปกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว  ผู้คนเดินขึ้นลงไปมา รีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ แทบจะเหยียบฉันแล้ว ทำไมไม่มีใครเห็นฉัน  เป็นเพราะอะไร หรือสิ่งที่คนอื่นมองเห็น มันจะเป็นเพียงอะไรที่ไม่ล่อใจ ให้หันมามองได้เชียวหรือ ฉันพยายามเรียกเพื่อนที่อยู่ข้างๆมาเกือบสิบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ฉันไม่สามารถเอี้ยวตัวไปมองหล่อนได้เลย เรี่ยวแรงที่เหลือน้อยเต็มทน ใครก็ได้ช่วยฉันที มีชีวิตแต่พูดไม่ได้ ฉันมีชีวิตนะ

    เงามืดฉาบทับร่างของฉัน ชายคนหนึ่งยืนอยู่เหนือร่างอันเหี่ยวเฉา มอมแมม เขายืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็คว้าฉันขึ้นในมือเดียว  เขาพูดกับฉันแต่ฉันฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร ลมไหวๆพัดอยู่ที่หัวฉัน บรรยากาศอบอ้าว เขานำตัวฉันไปทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกัน ทิ้งเพื่อนที่แน่นิ่งของฉันไว้เบื้องหลังกับเศษชีวิต
                                                      
                                                      *****

“ฉันจะร้องเพลงให้เธอฟังนะ เขาว่ากันว่าเธอชอบฟังเพลง”
“อุ๊ย! ตัวเธอเปียกหมดแล้ว ฉันขอโทษนะ”
“วันนี้ฉันไม่ว่างจริงๆ อยู่ตรงนี้ก่อนนะ แล้วเดี่ยวดึกๆมาอยู่เป็นเพื่อน”


                                                                            “ตานี่เสียงพิลึกดี ฉันไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้ โอ้พระเจ้า หลอนมาก”
                                                                   “อีตาบ้า! ฉันเปียกหมดแล้ว ดูสิ ระเบียงเลอะไปหมดแล้ว”
                                                                    “เธอไปทำงานของเธอเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”

*****
    ไม่มีเสียงตอบรับจากเธอมานานแล้ว  ทุกอย่างดูราวปกติ เธอยังเหมือนเดิมทั้งที่เราอยู่ด้วยกันมาเกือบ 3 เดือน ดูเหมือนเธอจะพอใจ แต่ไม่แสดงอาการอะไร และจนวันนี้ฉันก็ยังไม่เห็นใบหน้าของเธอ เธอคงจะไม่ใจร้ายกับฉันใช่ไหม หรือว่า...นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคนนั้นทิ้งเธอไป และเพื่อนของเธอด้วย ความอดทนของคนเรามีมากพอ แต่สำหรับฉันไร้ขีดจำกัด นานเท่าไหร่ฉันก็จะรอ รอที่จะเห็นหน้าเธอและวันนั้นฉันจะได้รู้จักชื่อของเธอด้วยเช่นกัน

“ฉันคิดว่าเธอต้องการปุ๋ย”
                                                         “รู้ได้ไง”
“ก็เธอไม่ยอมออกดอกสักที”
                               “คนบ้า ยังไม่ถึงเวลาต่างหาก”
                                                  
                                                         *****
       นับจากนี้ต่อไป ฉันต้องให้เธอผ่านแดด  ผ่านฝนอีกสักกี่หน ถึงเธอจะออกดอกให้ฉันได้ชื่นชม             ลำต้นของเธอตอนนี้ดูแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก เธอกับฉัน คนกับกล้วยไม้ ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ            ฉันจะดีใจมากกว่านี้ หากมีคนใจดีดูแลสายพันธุ์ของเธออีกนับหมื่น อย่างทะนุถนอมด้วยความรักและเอาใจใส่อย่างจริงจังและจริงใจ ความจริงใจที่หาได้ยากยิ่งของผู้คนในโลกนี้ แต่ฉันก็เชื่อ ว่ารักแท้ มันมีอยู่จริงเสมอ เธอว่าไงหละ..

เธอมีตัวตน ฉันเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว และจะรอเจอหน้าของเธออีกจนกว่า...เธอจะรีบบาน ก็คงอีกสักสามวัน
  
                               *** THE END ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่