เราฝึกสติแบบนี้ถูกหรือเปล่าคะ

สวัสดีค่ะ เข้าเรื่องเลยนะคะ
เราฝึกดูกายดูจิตอยู่ค่ะ คือพยายามรู้ตัว รู้ความคิด รู้อารมณ์ ก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง ทีนี้ เราสังเกตว่า เวลาเราดูจิต เห็นความคิดตัวเองแล้วเนี่ย พอความคิดมันดับลง จิตมันจะมารู้กายตลอดเลย เหมือนกับจิตมันไม่เคยว่างเลย พอไม่ดูจิตมันก็มาดูกาย อันนี้รู้สึกมันเป็นไปเอง ไอ้ตอนดูจิตยังมีบางทีตั้งใจดูบ้าง แต่ดูกายเนี่ยมันทำเอง เหมือนพอจับความคิดอะไรได้สักอย่าง มองดูความคิดนั้นดับลง จิตจะมากายทันที เราจะรู้สึกกายทันทีเลย มันแปลกๆไหมคะแบบนี้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่แปลกครับ เป็นสัมปชัญญะ จะกลายไปเป็นญาณในอนาคต
เวลาสัมปชัญญะมันเกิดขึ้นกระทำกิจการงานของมัน ก็จะเป็นดังนั้นแหละครับ

แต่ขณะที่ "จิตรู้กาย" นั้น ก็เป็นการรู้ทวารเดียวกันกับตอน "รู้ความคิด" นั่นแหละครับ

คือหมายความว่าเวลา "รู้ความคิด" นั้น มโนวิญญาณเป็นตัวรู้
ส่วนเวลา "รู้กาย" นั้น มโนวิญญาณก็เป็นตัวรู้อีก

สรุปคือมันเป็นทวารเดียวกัน เพียงแต่ "อารมณ์ของจิต" มันเปลี่ยนไปเท่านั้น
ก็คือ "ความคิด" และ "กาย"

เพราะอะไร ?

เพราะมโนวิญญาณนั้น รู้ธรรมารมณ์  และทั้ง "ความคิด" และ "กาย" ขณะนั้นล้วนเป็นธรรมารมณ์
"ความคิด" นั้นไม่ต้องลังเลเลยใช่ไหมครับ เพราะแน่ใจได้ว่าเป็นธรรมารมณ์

แต่ "กาย" นั้น เป็นธรรมารมณ์ได้อย่างไร ?

เพราะเมื่อวิญญาณทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือกล่าวง่ายๆ ว่า
เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รับสัมผัส เกิดขึ้นคราใด มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นรู้ตามปสาทเหล่านั้นไปด้วย

เช่นเวลาที่ความคิดดับไป แล้วตาเห็นตนเอง เท้าสัมผัสพื้นดิน ฯ ความคิดทางใจก็รับรู้เรื่องเหล่านั้นไปด้วย

คุณไปได้ดีแล้ว จับ "ทวาร" ให้ชัดครับ
เช่นความคิดดับไปแล้ว แต่ใช่ว่าการรับรู้ในทางนั้นจะดับไปด้วยก็หาไม่
แต่กลายเป็นว่า "อารมณ์ที่เป็นปสาท" ก็เข้ามาแทนที

พูดง่ายๆ ว่า การรู้ทางใจนั้น ตราบใดที่คุณยังรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน
ใจจะรับรู้ธรรมารมณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น "ความคิด" หรือ "กาย"
ธรรมารมณ์เหล่านี้ล้วนสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในใจไม่เคยพักเลยครับ

พูดไปก็จะเยอะ แต่ขอให้จับทวารทางใจเอาไว้ให้ดีๆ
หลักการก็มีอยู่ว่า ธรรมารมณ์กระทบใจ เกิด มโนวิญญาณรู้อารมณ์ทางใจ
ในขณะที่ความคิดดับไปแล้วมารู้กายคุณก็มีมโนวิญาณนั่นแหละเป็นตัวรู้

ดังนั้น จึงให้จับ "ทวาร" เอาไว้ให้ชัดๆ
เวลา "อาการรู้กาย" มันปรากฏนั้น มันก็เกิดทางใจเหมือนเมื่อตอนที่ "ความคิด" มันเกิดขึ้นใช่ไหมครับ ?

ทั้งความคิด ทั้ง กายนั่นแหละ เรียกว่า "ธรรมารมณ์" (เพราะมันโผล่ขึ้นมาทางใจ)

"ธรรมารมณ์" นั้นไม่ใช่แค่อารมณ์โกรธ โมโห ฉุนเฉียว รัก คิดเลข นึกถึงเพื่อน ฯลฯ เท่านั้น
แต่ยังรวมถึงอะไรๆ ที่ใจเรารู้ทั้งหมดนั่นแหละครับ

อาการของคุณนั้น ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ
เวลาที่ใจมันลอยไปคิด คุณก็ตามดู เมื่อความคิดนั้นดับ ก็กลับฐาน

ทำให้มาก เจริญให้มาก
เพราะเป็นสัมปชัญญะ และจะเป็นญาณในอนาคตครับ
แต่ให้รู้ว่า เป็นสภาวะธรรมที่กำลังเกิดถี่ยิบๆ และไม่ใช่เราครับ
แต่เป็นสภาวะธรรมล้วนๆ ที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นไปครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่