สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
คำว่า พ่อแม่มีหน้ามีหน้าต้องรับผิดชอบ เพราะลูกไม่ได้ขอร้องมาเกิด
อืมมม เคยเจอเจ้าลูกชายวัย 10 ขวบพูดใส่แบบนี้เหมือนกัน เราก็อึ้งแป๊บนะคะ เพราะที่เค้าพูดก็ไม่ผิด
แต่แฟนเราอธิบายลูกชาย แบบเชิงวิทย์+พุทธศาสนาค่ะ
เราก็จำไม่ได้ทั้งหมด แต่เค้าพูดด้วยเหตุผล แล้วป้อนคำถามลูกนะคะ พูดด้วยความใจเย็น ไม่ใช่อารมณ์ใดๆเลย เราขำมากกว่าด้วยที่ลูกพูดด้วยอารมณ์ใส่เราแบบนั้น เพราะไปขัดจังหวะเค้าเล่นเกมส์ บอกให้ไปทำงานบ้าน ในหน้าที่รับผิดชอบ เริ่มวัยรุ่น ก็จะมีต่อต้าน ก็รับมือได้ค่ะ
จำไม่ได้ว่าพูดอะไร ยาวค่ะ อธิบายกันยาว คร่าวๆคือ เค้าบอกว่า แน่ใจเหรอว่าไม่ได้ขอร้องมาเกิด เพราะการเกิดเป็นเรื่องของจิต
ตัวพ่อแม่ เอง ก็ไม่ได้ขอร้องอยากให้ดวงจิตแบบ...(ชื่อลูก) มาเกิด แล้วมาเถียงมาคิด มาพูดแบบนี้ เพราะเรามีบุญมีกรรมร่วมกันไง
ตามหลักวิทย์ฯ การปฏิสนธิ เกิดขึ้น เป็นกายเนื้อ แต่ดวงจิต ที่จะมาจุติ นั้นมาเองตามแรงบุญกรรม บลาๆๆ ประมาณนี้ แล้วเค้าก็ป้อนคำถามลูกแหละค่ะ สอนลูกไปในตัวมาทั้งวิทยาศาสตร์ พุทธศาสนา ความเชื่อ เรื่องกรรม การกระทำ บุญ บาป แล้วสรุป ลูกก็ เถียงไม่ออก แล้วก็ยอมไปทำงานต่อ แต่โดยดี 55555555
เจอสามี เทศนาเข้าไป ลูก 2 คน คือ จนด้วยคำพูด ไม่เคยเถียงพ่อชนะเลยค่ะ (เหตุผลพ่อเค้าเยอะะะะะะะะะะะ)
เค้ามีคำถาม(เถียง) อะไรมา พ่อเค้ามีคำตอบให้หมดละคะ เพราะมันคือความจริงที่เค้าเถียงไม่ออก ก็ต้องยอมรับเหตุผลกันไป
ของแบบนี้ที่ต้องฝึกคือสติ ค่ะ สติที่จะจับความคิด และอารมณ์ของเราเอง ก่อนที่จะคุยกับใครค่ะ ว่าเราอยู่อารมณ์ไหน
อยากสอน หรือโกรธอยากลงโทษ หรือโมโห ไม่ได้ดั่งใจ แล้วบ่น พูด ใส่เค้าเป็นประโยคบอกเล่า แต่ไม่ได้สอน
การฝึกให้เค้าช่วยงานบ้าน คือฝึกเค้า ทำเพื่อตัวเค้าเองด้วย ก็สอน ก็บอกเค้าไปค่ะ เหตุผลอะไร ยังไง ป้อนคำถาม ปลายเปิดให้เค้าตอบ ฟังความคิดเค้าเยอะๆค่ะ
อืมมม เคยเจอเจ้าลูกชายวัย 10 ขวบพูดใส่แบบนี้เหมือนกัน เราก็อึ้งแป๊บนะคะ เพราะที่เค้าพูดก็ไม่ผิด
แต่แฟนเราอธิบายลูกชาย แบบเชิงวิทย์+พุทธศาสนาค่ะ
เราก็จำไม่ได้ทั้งหมด แต่เค้าพูดด้วยเหตุผล แล้วป้อนคำถามลูกนะคะ พูดด้วยความใจเย็น ไม่ใช่อารมณ์ใดๆเลย เราขำมากกว่าด้วยที่ลูกพูดด้วยอารมณ์ใส่เราแบบนั้น เพราะไปขัดจังหวะเค้าเล่นเกมส์ บอกให้ไปทำงานบ้าน ในหน้าที่รับผิดชอบ เริ่มวัยรุ่น ก็จะมีต่อต้าน ก็รับมือได้ค่ะ
จำไม่ได้ว่าพูดอะไร ยาวค่ะ อธิบายกันยาว คร่าวๆคือ เค้าบอกว่า แน่ใจเหรอว่าไม่ได้ขอร้องมาเกิด เพราะการเกิดเป็นเรื่องของจิต
ตัวพ่อแม่ เอง ก็ไม่ได้ขอร้องอยากให้ดวงจิตแบบ...(ชื่อลูก) มาเกิด แล้วมาเถียงมาคิด มาพูดแบบนี้ เพราะเรามีบุญมีกรรมร่วมกันไง
ตามหลักวิทย์ฯ การปฏิสนธิ เกิดขึ้น เป็นกายเนื้อ แต่ดวงจิต ที่จะมาจุติ นั้นมาเองตามแรงบุญกรรม บลาๆๆ ประมาณนี้ แล้วเค้าก็ป้อนคำถามลูกแหละค่ะ สอนลูกไปในตัวมาทั้งวิทยาศาสตร์ พุทธศาสนา ความเชื่อ เรื่องกรรม การกระทำ บุญ บาป แล้วสรุป ลูกก็ เถียงไม่ออก แล้วก็ยอมไปทำงานต่อ แต่โดยดี 55555555
เจอสามี เทศนาเข้าไป ลูก 2 คน คือ จนด้วยคำพูด ไม่เคยเถียงพ่อชนะเลยค่ะ (เหตุผลพ่อเค้าเยอะะะะะะะะะะะ)
เค้ามีคำถาม(เถียง) อะไรมา พ่อเค้ามีคำตอบให้หมดละคะ เพราะมันคือความจริงที่เค้าเถียงไม่ออก ก็ต้องยอมรับเหตุผลกันไป
ของแบบนี้ที่ต้องฝึกคือสติ ค่ะ สติที่จะจับความคิด และอารมณ์ของเราเอง ก่อนที่จะคุยกับใครค่ะ ว่าเราอยู่อารมณ์ไหน
อยากสอน หรือโกรธอยากลงโทษ หรือโมโห ไม่ได้ดั่งใจ แล้วบ่น พูด ใส่เค้าเป็นประโยคบอกเล่า แต่ไม่ได้สอน
การฝึกให้เค้าช่วยงานบ้าน คือฝึกเค้า ทำเพื่อตัวเค้าเองด้วย ก็สอน ก็บอกเค้าไปค่ะ เหตุผลอะไร ยังไง ป้อนคำถาม ปลายเปิดให้เค้าตอบ ฟังความคิดเค้าเยอะๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
ก็บอกลูกตรงๆ ว่าลูกอยู่ในบ้าน ต้องทำหน้าที่ตามสมควร
พ่อแม่ต้องหาเงินผ่อนบ้าน เป็นหน้าที่
ลูกต้องทำนุบำรุงบ้าน ตามหน้าที่ของผู้ขออยู่อาศัย
วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดอุปมาเชิงการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นธรรม
การที่ลูกอ้างว่า "ลูกไม่ได้ขอร้องมาเกิด" ขอให้ลูกวิพากษ์วลีดังกล่าว
หาเหตุผลอะไรก็ได้ เพราะพ่อแม่ขอทราบเหตุผลสนับสนุนคำว่า "หน้าที่ต่างตอบแทน" มันเกี่ยวข้องอะไรกับ "ไม่ได้ขอร้องมาเกิด"
จะโต้เคารมก็ได้ แต่ลูกต้องหาตรรกะที่เป็นสากลมาแย้งให้ได้
แต่จะบอกว่า แนวคิดของลูกที่ลูกคิดว่า "ไม่ได้ขอร้องมาเกิด" ไม่ใช่ค่านิยมสมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องเหมารวมเป็นความนิยม
อันที่จริงมันยังเป็นค่าที่ไม่นิยมซะด้วยซ้ำ
ส่วนใหญ่ ลูกที่มีลักษณะดังกล่าว เกิดจากการถ่ายทอดอุปนิสัยมาจากผู้เลี้ยงดู
ดังคำโบราณว่าไว้ว่า "ลูกคือผู้สืบสันดานของพ่อแม่" คำว่าสืบสันดานหมายถึงสืบสกุลและสืบทอด(ส่งทอด)อุปนิสัยต่อๆ กันมา
พ่อแม่ต้องหาเงินผ่อนบ้าน เป็นหน้าที่
ลูกต้องทำนุบำรุงบ้าน ตามหน้าที่ของผู้ขออยู่อาศัย
วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดอุปมาเชิงการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นธรรม
การที่ลูกอ้างว่า "ลูกไม่ได้ขอร้องมาเกิด" ขอให้ลูกวิพากษ์วลีดังกล่าว
หาเหตุผลอะไรก็ได้ เพราะพ่อแม่ขอทราบเหตุผลสนับสนุนคำว่า "หน้าที่ต่างตอบแทน" มันเกี่ยวข้องอะไรกับ "ไม่ได้ขอร้องมาเกิด"
จะโต้เคารมก็ได้ แต่ลูกต้องหาตรรกะที่เป็นสากลมาแย้งให้ได้
แต่จะบอกว่า แนวคิดของลูกที่ลูกคิดว่า "ไม่ได้ขอร้องมาเกิด" ไม่ใช่ค่านิยมสมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องเหมารวมเป็นความนิยม
อันที่จริงมันยังเป็นค่าที่ไม่นิยมซะด้วยซ้ำ
ส่วนใหญ่ ลูกที่มีลักษณะดังกล่าว เกิดจากการถ่ายทอดอุปนิสัยมาจากผู้เลี้ยงดู
ดังคำโบราณว่าไว้ว่า "ลูกคือผู้สืบสันดานของพ่อแม่" คำว่าสืบสันดานหมายถึงสืบสกุลและสืบทอด(ส่งทอด)อุปนิสัยต่อๆ กันมา
แสดงความคิดเห็น
คำว่า พ่อแม่มีหน้ามีหน้าต้องรับผิดชอบ เพราะลูกไม่ได้ขอร้องมาเกิด
แล้วพ่อแม่มีหน้ามีหน้าต้องรับผิดชอบ เพราะลูกไม่ได้ขอร้องมาเกิด
ควรทำยังไงกับความคิดนี้ มีความงงในความคิดนี้ ค่านิยมสมัยนี้
ขอคำแนะนำ ผู้ปกครองหน่อยๆๆ แก้ยังไงกับแนวคิดพวกนี้
ปล.ลูกเป็นผู้ชาย เรียนโรงเรียนชายล้วน ตรงปากคลองตลาด