.
...พี่ตามหาคนงาม จากสารคามไปถึงเมืองขอนแก่น สืบหาเนื้อเย็นแต่ไม่เห็นหน้าแฟน จากขอนแก่นไปอุดรธานี...
พรนภาร้องเพลงอย่างคนอารมณ์ดีหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เช้าวันหยุดที่ไม่ได้ไปไหน ถึงจะเป็นวันหยุดก็ตื่นเช้าปกติเวลาที่เคยตื่นทุกวัน วันนี้เธอตั้งใจว่าจะอยู่ห้องไม่ออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ห้องเก็บกวาดห้องให้พี่เมธีดีกว่า ทำหน้าที่แม่บ้านสักวัน
ร้องเพลงไปพร้อมขยับตัวเต้นตามไปด้วยแบบตลก ๆ เธอสวมเสื้อพละของมหาวิทยาลัย จบมาหลายปีแล้วแต่ยังนำมาสวมใส่เสมอในตอนที่อยู่บ้านแบบนี้ ใส่เป็นชุดอยู่บ้านไปเลยหรือไม่ก็ใส่นอน สวมกางเกงขาสั้นผ้านิ่ม ๆ ใส่สบาย บิดตัวเต้นประกอบเพลงที่ร้องโดยไม่สนใจสายตาคู่หนึ่งที่มองมาเลย บิดตัวไปมาซ้ายขวาหน้ากระจก ร้องซ้ำไปซ้ำมาแค่ท่อนเดียวอยู่อย่างนั้น
“พี่ตามหาคนงาม จากสารคามไปถึงเมืองของแก่น สืบหาเนื้อเย็นแต่ไม่เห็นหน้าแฟน จากขอนแก่นพี่ไปอุดรธานี” ร้องไปพร้อมบิดตัวทำท่าทางสะบัดสะบิ้งประกอบเพลงที่ร้องหน้ากระจก ดูตัวเองไปด้วยเต้นไปด้วย
ร้องจบวกกลับมาร้องท่อนนี้อีกเรื่อย ๆ เนื่องจากตนเองไปฟังมาในแอพพลิเคชันติ๊กต่อก ซึ่งในแอพนั้นมันร้องไว้สั้น ๆ เพียงเท่านี้ เธอจึงร้องได้เพียงเท่านี้
“หาแก้วตาทั่วบาร์ทั่วคลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้หลับ พี่อยากจะพบคนดี ฮา ! “ หยุดหัวเราะก่อนจะร้องต่ออีก “หาจนทั่วอุดร น้องก็ไม่เห็นมี จากอุดรธานี พี่ไปตามที่หนองคาย ฮา “ หยุดหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้ง ร้องต่อเพลงให้พรนภาเสียเลย คนอะไรร้องเป็นอยู่ท่อนเดียว ร้องกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน
“เอาอีก ๆ พี่เมธีนภาชอบอ่ะ ร้องเพลงนี้เป็นด้วย พี่เมธีของเค้าน่ารักที่สุด ฮือ... ฮา “ พรนภายืนหัวเราะหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างสะใจเช่นกัน นึกไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ชอบที่เมธีต่อเพลงกับเธอ นาทีนี้เล่นกันเป็นเด็ก ๆ ลืมอายุกันไปเลย
“ถึงลำโขงพี่นั่งลงร้องไห้ หาจนทั่วแดนไทย น้องจากไกลหนีหาย จำจะข้ามลำโขงหาอนงค์แก้วใจ จะข้ามลำโขงไปหาทรามวัยที่เวียงจันทร์... ฮา! เพราะมั้ยล๊านักร้องมาเองเด๊ะหนิ “ พูดจบหัวเราะตัวเองเสียงดังลั่นไปอีก ต่อให้สักหน่อย ร้องไม่จบสักที
“เอาอีก ๆ ร้องให้จบเลย! เค้าอยากฟังพี่เมธีร้องเพลงให้นภาฟังหน่อย นะ ! น๊าพี่เมธี” ทำบิดตัวออดอ้อน เขินไปเขินมาทำเอียงอายให้เมธียอมจำนนท์ให้ได้
“ไม่ ! พอแล้วค่ะ อยากให้ร้องให้จบต้องมีค่าคายเด๊ะ ขวดน้อยขวดนึงไปซื้อมา “ พูดปนหัวเราะ นึกสนุกไปกับภรรยาคราวลูกคนนี้ด้วย ได้ทำอะไรที่ลืมอายุไปกับเธอก็มีความสุขและสนุกดี
บางครั้งเธอก็ทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้แสดงออกทุกความรู้สึกเหมือนกัน ไม่ต้องคอยเก็บความรู้สึกอะไรไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่ดีหรือไม่เข้าท่า สามารถปลดปล่อยได้ทุกความรู้สึกนึกคิดที่อยู่กับเธอ
เมธีร้องตามได้อย่างไรนึกสงสัยปนทึ่ง ลืมไปว่าเขาเกิด พ.ศ. อะไร ทั้งเธอและเขาหันมาหัวเราะให้กัน ความฮาบังเกิดภายในไม่กี่นาที หยอกเล่นกันหากใครได้มาเห็นคงต้องส่ายหัวให้ ด้วยอายุและวัยของแต่คนไม่เด็กเลย เขินก็เขินตลกก็ตลก เธอเองก็ไม่คิดว่าเมธีจะร้องเพลงนี้ได้ แถมยังร้องท่อนต่อไปให้ด้วย
เมธีนอนพิงหัวเตียงดูเธอเต้นบิดตัวไปมาไม่ยอมทำอะไรสักที แถมยังร้องเพลงอยู่ท่อนเดียวนี่หลายรอบแล้ว วันนี้เมธีเองก็อยู่ในชุดสบาย เสื้อฟุตบอลกางเกงฟุตบอลทีมโปรด พวกเขาตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่ออกไปไหน พักผ่อนที่ห้องนี่แหละ
“ทำไมพี่เมธีร้องได้อ่ะ“ ถามพร้อมหัวเราะชอบใจมาก ทั้งเขินทั้งอายทั้งตลก หันมามองสามีที่กำลังนอนมองตนเองอยู่บนเตียงนอน
“ทำไมน้องร้องได้อ่ะ ร้องอยู่ท่อนเดียวร้องบ่จบจักเทือเฮ้ย ฮา “ พูดหยอกเล่น เพราะไม่ได้ไปไหนจึงไม่รีบเร่งทำอะไร ปล่อยตัวตามสบายใชชีวิตแบบช้า ๆ สำหรับวันนี้
“เอ้า ! พี่เมธีคือเว้าให้คน ฮ่วย !” มองค้อนสามีคราวพ่อพร้อมหัวเราะอึกอักแบบเขิน ๆ “ก็นภาฟังมาแค่นี้อ่ะ ทำไมพี่เมธีร้องได้” ถามย้ำอีกครั้ง แต่อยากรู้เท่านั้นเอง ตื่นเต้นตรงที่เขาร้องเพลงนี้ได้ด้วย
“เอ๋า... พี่ร้องได้มันแปลกตรงไหนคะ น้องร้องได้สิแปลก ใครส่งให้ฟัง ไปฟังกับใครมา บอกมาเดียวนี้เลย” ทำหน้าตาจริงจังให้ จ้องมองใบหน้าเรียวมลได้รูปน่าเข้าไปหอมและฟัดยิ่งนัก แค่แกล้งเท่านั้นเอง เนื่องจากเพลงนี้มันเป็นเพลงเก่า วัยของพรนภาไม่น่าจะทันได้ฟัง
พรนภาเบิกตากว้างตกใจที่โดนกล่าวหา ตนเองไม่ได้ฟังจากใครมาเลย ฟังในติ๊กต่อกมาต่างหาก “บอกมาคนไหนส่งให้ฟัง” เขาถามย้ำอีก เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลน เป็นอาการลุกลี้ลุกลนแบบไม่ได้มีพิรุธ พยายามหาคำจะเถียงผู้ใหญ่แบบเด็กคนหนึ่ง เห็นอาการแบบนี้ของพรนภาแล้วตลกดี
“ไม่ได้ฟังจากใครมา ฟังจากติ๊กต่อกมา นักร้องคนนี้มันเอามาร้องใหม่” ไม่พูดเฉยเดินหยิบโทรศัพท์มือถือกดเข้าแอพพลิเคชันที่ว่าให้เมธีดูเป็นหลักฐาน จะมาใส่ร้ายกันแบบนี้ไม่ได้ ทำหน้าบึ้งให้ด้วยโทษฐานที่กล่าวหาเธอดีนัก
ขึ้นไปนั่งบนเตียงไม่พอนั่งบนตัวของเขาเลย ไม่สนใจว่าจะหนักหรือไม่หนักโทษฐานที่กล่าวหาเธอ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นสีหน้ายังคงบึ้งตึงเช่นเดิม เสียงหัวเราะของเมธีทำให้เธอหายโกรธและอยากหัวเราะ ทว่าต้องเก็บอาการไว้ ตอนนี้เธอกำลังงอนอยู่
“ดู ! “
“ไม่ดูค่ะ”
“จะดูหรือไม่ดู ! “ ทั้งสองยื้อแย่งกัน เมธีก็พยายามปิดตาตัวเองไม่ยอมดูหน้าจอโทรศัพท์กับเธอ ทั้งเสียงหัวเราะไม่รู้ของใครเป็นของใคร ไม่แน่ว่าดังเล็ดรอดออกไปนอกห้องหรือไม่ ส่วนตนเองก็พายามจะให้ดูให้ได้โดยที่ยังนั่งบนตัวของเมธีอยู่ “ดูให้เต็มสองตาเลยพี่เมธี ไอ้นักร้องเด็กคนนี้มันเอามารีโนเวทร้องใหม่” ยื่นหน้าจอให้เมธีดู เขานอนหงายส่วนเธอนั่งอยู่บนตัวเขา สุดท้ายเมธีก็ยอมดูจนได้
“อ่ะ ๆ ดูก็ได้ ไหนใครเอามาร้องใหม่” เขายอมดูกับเธอ ที่ยอมเพราะไม่อยากแกล้งต่อแล้วเกรงว่าเรื่องจะยาวและบานปลาย เกรงว่าเธอจะงอนเข้าจริง ๆ ไม่อยากเห็นคนที่รักไม่มีความสุข “รีโนเวทอะไร นั่นเขาใช้เรียกบ้านแล้วค่ะ น้องนี่มั่วจริงเลย” พูดจบหอมแก้มไปฟอดใหญ่ เพราะเธอกำลังนอนทับร่างของตนเองอยู่ เธอเองก็ปล่อยให้เขาดอมดมได้ตามอำเภอใจ
“กะซาง !” ทำหน้านิ่ง ๆ ออกบึ้งให้เขา “เอาเบิ่ง เบิ่งให้เต็ม ๆ สองตาเลย มาว่าเขาหยัง “ เปลี่ยนจากนอนทับตัวเมธีกลับมานั่งทับเหมือนเดิม ไม่สนใจว่าจะหนักไม่หนักด้วย
“ใคร ! ใครว่าน้อง พี่ไม่ได้ว่านภาเลยนะ พี่แค่ถามเฉย ๆ ว่าทำไมร้องเพลงนี้ได้แค่นั้นเอง “ ฉีกยิ้มให้คนหน้างอที่นั่งทับตนเองอยู่ งอนแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น “คนอิหยังถามซำหนิกะเครียด” ดันตัวเองลุกขึ้นใช้มือประครองตัวของพรนภาเอาไว้ไม่ให้หงายหลังขณะที่ตัวเองลุกนั่ง จูบริมฝีปากของพรนภาภรรยาสุดที่รักไปหนึ่งที เพราะตำแหน่งของปากมันอยู่ตรงกันพอดี
“พอทำผิดก็เป็นแบบนี้” พรนภาเช็ดริมฝีปากออก ไม่ยอมยิ้มให้ ขึงตาหน้าบึ้งจ้องใบหน้าเรียมเข้มไม่ละสายตา ทว่าภายในใจหายงอนตั้งนานแล้ว ต้องเก็บอาการไว้สักหน่อย ต้องให้เมธีง้อก่อนถึงจะหายงอน “นภาจับทางได้หมดแล้วเหอะ”
“ใคร ใครทำผิดอะไร พี่ถามเฉย ๆ พี่ยังไม่ได้ว่าน้องเลยสักคำ” พูดจบก็จูบอีกหนึ่งที “ทำไมตัวเองชอบว่าเค้าจัง” จ้องมองและยิ้มหวานให้ สวมกอดเธอเอาไว้อยู่อย่างนั้น ผู้หญิงธรรมดาที่แสนพิเศษในหัวใจเขา มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไม่เคยเบื่อเลยมีแต่รักมากยิ่งขึ้นทุกวัน
“ก็เมื่อกี้อ่ะ เมื่อกี้พี่เมธีว่านภา ไปฟังจากใครมา !ใครส่งให้ฟัง ! ใครพูดเมื่อกี้นี้” ทำหน้าทะเล้นเลียนเสียงของสามี โดยมีเจ้าตัวหัวเราะตามคำที่เธอพูด ตนเองก็อมยิ้มคราวนี้ยอมยิ้มให้ มองใบหน้าเรียวเข้มไม่ละสายตาเช่นกัน ผมดำขลับ คิ้วหนา จมูกเป็นสัน ตาตี่ดูรวม ๆ แล้วดูดีที่สุด “ปล่อยนภาเลยนภาจะลุก” ทำทีเป็นจ้องไปจ้องมา เมธีเองก็จ้องคืนคงสงสัยว่าเธอจ้องตนเองอะไรขนาดนั้น “หงอกอ่ะพี่เมธี ! ฮา ต้องไปซื้อน้ำยามาย้อมแล้วเนี่ย”แกล้งคืนเสียเลย คนโดนแกล้งหัวเราะใหญ่
“อะไรเค้าพึ่งย้อมไปนะตัวเอง และก็ไม่ปล่อยหรอก จะกอดไว้อย่างนี้แหละ ถ้าบางคนไม่หายงอน” ไม่พูดเฉยออกแรงดันตัวของเธอเข้ามาให้แนบชิดตัวเองเข้าอีก
“ปล่อยนภา ! นภาจะไปปั่นผ้าค่ะ สายแล้วแหมะ “ ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดที่โดนแกล้งแบบนี้เสมอ คนแก่นี่ก็เอาใจอยากมากเหมือนกัน
เขาจูบเธออีกครั้งก่อนจะพูด ทว่าคนโดนจูบดูท่าจะหงุดหงิด ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ หรอก “หายงอนพี่ก่อน พี่ขอโทษค่ะ พูดหยอกเฉย ๆ แหมะ ฮ่วย...” ทำหน้าอ้อนหลับตาพริบ ๆ ให้เหมือนที่เธอเคยทำกับเขา พรนภาหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่ไปอีกครั้ง
“อือ ไม่งอนแล้ว “ พูดเบา ๆ อมยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนจะโดนหอมแก้มไปอีกรอบ “เอ๋าพี่เมธีแหมะ คือหอมคนดูแถะ” พูดเหมือนเด็ก ๆ ที่โดนผู้ใหญ่แกล้ง
“เอ้าอยากหอมแหมะ หอมบ่ได้บ่” ทั้งสองพูดกลั้วหัวเราะให้กัน เธอหายงอนเขาไปตั้งนานแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ระแวงอย่างที่พูดเลย แค่อยากแหย่เล่น ๆ เท่านั้นแหละ
ทั้งคู่เล่นกันอยู่บนเตียงนอนแบบไม่ต้องเร่งรีบอะไรเลย พักผ่อนอยู่ห้องใช้เวลาร่วมกันให้มีความสุขที่สุด เป็นตัวของตัวเองที่สุดอยากทำอะไรก็ทำ “ไหนคอน้องพี่ขอดูอีกซิ” พรนภาเงยหน้าให้เขาดู มือนิ่ม ๆ ของเขาสัมผัสลูบบริเวณลำขอของเธอ
“อยากหายอ่ะ อยากให้มันยุบ ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ถ่ายรูปออกมานี่เห็นชัดเลยนะพี่เมธี ไม่สวยเลย”
“สวย ! สวยที่สุดสำหรับพี่แล้วค่ะ “
“อะแฮ่ม ! โอ้ว! ไปกินน้ำดีกว่าสำลัก” เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ที่โดนเธอแซวประชด ก่อนที่เธอจะลุกออกจากเตียงเดินไปที่ตะกร้าเสื้อผ้าที่จะต้องนำไปซักในวันนี้
“เล่นเกมดีกว่า คุณแม่หิวมั้ย สาย ๆ ลงไปร้านส้มตำไก่ย่างกัน” ลุกขึ้นเดินไปหยิบอุปกรณ์เล่นเกมต่อเข้ากับทีวีเตะฟุตบอลอย่างสบายใจ ตอนนี้ยังเช้ามีเวลาเหลือเฟือที่จะมอบความรักและเวลาให้กันมากมาย “จะลงไปปั่นผ้าน่ะเปลี่ยนกางเกงด้วย เดี๋ยวผู้บ่าวมอง ไม่ได้นะของพี่ !”
“ค่าหวงบ่คือเว้ย... เค้ายังไม่หิวอ่ะ “
“ไม่ไปร้านกาแฟแน่นะวันนี้” ปรายตามองภรรยาเป็นเชิงคำถาม
“ม่าย ! เดี๋ยวโทรสั่งร้านสะดวกซื้อให้มาส่งเอา นภาขี้เกียจ อยากอยู่ห้องบ้าง” พูดพร้อมถือตะกร้าเสื้อผ้าของตนเองและของเมธีมาวางที่เตียงอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องล้วงดูของในถุงกางเกงหรือถุงเสื้อก่อนปั่นเสียก่อน ส่วนเมธีนั้นเริ่มเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย ปรายตามองแล้วนึกตลกสามีคราวพ่อ บางทีก็เยอะแค่อายุ
เธอค่อย ๆ ล้วงกระเป๋าเสื้อและกางเกงทีละตัว ๆ ต้องตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่พบเห็น ในนั้นมันมีเหรียญและธนบัตรใบต่าง ๆ อยู่ในนั้น “ฮา อะไรเนี่ย พี่เมธีนภาเก็บเงินได้ เย้ ! ฮา ”พูดพร้อมควานหาอีก เธอล้วงมันมากอง ๆ รวมกันไว้ได้ตั้งหลายบาท มีทั้งธนบัตรใบยี่สิบ เหรียญ ใบร้อยและสูงสุดใบห้าร้อย ไม่ได้หรอกเธอเก็บได้เธอไม่ให้คืนแน่นอนงานนี้
“เฮ้ย ! เงินพี่นี่หว่า ลืมเก็บออกแหมะ” เมธีเดินมาจะมาหยิบ ไม่ทันเธอฮุบเอาไว้ก่อน
“ไม่ได้หรอก ! จะมาเอาเงินนภาได้ไงนภาอุตส่าห์เก็บได้ “ ขมวดคิ้วมองตาเขียวปัดจ้องหน้าคนจะมาแย่งเงิน เธอเร็วกว่าฮุบเก็บไว้ได้ทัน
ฝันหวาน (Sweet Dream) 45
.
...พี่ตามหาคนงาม จากสารคามไปถึงเมืองขอนแก่น สืบหาเนื้อเย็นแต่ไม่เห็นหน้าแฟน จากขอนแก่นไปอุดรธานี...
พรนภาร้องเพลงอย่างคนอารมณ์ดีหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เช้าวันหยุดที่ไม่ได้ไปไหน ถึงจะเป็นวันหยุดก็ตื่นเช้าปกติเวลาที่เคยตื่นทุกวัน วันนี้เธอตั้งใจว่าจะอยู่ห้องไม่ออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ห้องเก็บกวาดห้องให้พี่เมธีดีกว่า ทำหน้าที่แม่บ้านสักวัน
ร้องเพลงไปพร้อมขยับตัวเต้นตามไปด้วยแบบตลก ๆ เธอสวมเสื้อพละของมหาวิทยาลัย จบมาหลายปีแล้วแต่ยังนำมาสวมใส่เสมอในตอนที่อยู่บ้านแบบนี้ ใส่เป็นชุดอยู่บ้านไปเลยหรือไม่ก็ใส่นอน สวมกางเกงขาสั้นผ้านิ่ม ๆ ใส่สบาย บิดตัวเต้นประกอบเพลงที่ร้องโดยไม่สนใจสายตาคู่หนึ่งที่มองมาเลย บิดตัวไปมาซ้ายขวาหน้ากระจก ร้องซ้ำไปซ้ำมาแค่ท่อนเดียวอยู่อย่างนั้น
“พี่ตามหาคนงาม จากสารคามไปถึงเมืองของแก่น สืบหาเนื้อเย็นแต่ไม่เห็นหน้าแฟน จากขอนแก่นพี่ไปอุดรธานี” ร้องไปพร้อมบิดตัวทำท่าทางสะบัดสะบิ้งประกอบเพลงที่ร้องหน้ากระจก ดูตัวเองไปด้วยเต้นไปด้วย
ร้องจบวกกลับมาร้องท่อนนี้อีกเรื่อย ๆ เนื่องจากตนเองไปฟังมาในแอพพลิเคชันติ๊กต่อก ซึ่งในแอพนั้นมันร้องไว้สั้น ๆ เพียงเท่านี้ เธอจึงร้องได้เพียงเท่านี้
“หาแก้วตาทั่วบาร์ทั่วคลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้หลับ พี่อยากจะพบคนดี ฮา ! “ หยุดหัวเราะก่อนจะร้องต่ออีก “หาจนทั่วอุดร น้องก็ไม่เห็นมี จากอุดรธานี พี่ไปตามที่หนองคาย ฮา “ หยุดหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้ง ร้องต่อเพลงให้พรนภาเสียเลย คนอะไรร้องเป็นอยู่ท่อนเดียว ร้องกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน
“เอาอีก ๆ พี่เมธีนภาชอบอ่ะ ร้องเพลงนี้เป็นด้วย พี่เมธีของเค้าน่ารักที่สุด ฮือ... ฮา “ พรนภายืนหัวเราะหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างสะใจเช่นกัน นึกไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ชอบที่เมธีต่อเพลงกับเธอ นาทีนี้เล่นกันเป็นเด็ก ๆ ลืมอายุกันไปเลย
“ถึงลำโขงพี่นั่งลงร้องไห้ หาจนทั่วแดนไทย น้องจากไกลหนีหาย จำจะข้ามลำโขงหาอนงค์แก้วใจ จะข้ามลำโขงไปหาทรามวัยที่เวียงจันทร์... ฮา! เพราะมั้ยล๊านักร้องมาเองเด๊ะหนิ “ พูดจบหัวเราะตัวเองเสียงดังลั่นไปอีก ต่อให้สักหน่อย ร้องไม่จบสักที
“เอาอีก ๆ ร้องให้จบเลย! เค้าอยากฟังพี่เมธีร้องเพลงให้นภาฟังหน่อย นะ ! น๊าพี่เมธี” ทำบิดตัวออดอ้อน เขินไปเขินมาทำเอียงอายให้เมธียอมจำนนท์ให้ได้
“ไม่ ! พอแล้วค่ะ อยากให้ร้องให้จบต้องมีค่าคายเด๊ะ ขวดน้อยขวดนึงไปซื้อมา “ พูดปนหัวเราะ นึกสนุกไปกับภรรยาคราวลูกคนนี้ด้วย ได้ทำอะไรที่ลืมอายุไปกับเธอก็มีความสุขและสนุกดี
บางครั้งเธอก็ทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้แสดงออกทุกความรู้สึกเหมือนกัน ไม่ต้องคอยเก็บความรู้สึกอะไรไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่ดีหรือไม่เข้าท่า สามารถปลดปล่อยได้ทุกความรู้สึกนึกคิดที่อยู่กับเธอ
เมธีร้องตามได้อย่างไรนึกสงสัยปนทึ่ง ลืมไปว่าเขาเกิด พ.ศ. อะไร ทั้งเธอและเขาหันมาหัวเราะให้กัน ความฮาบังเกิดภายในไม่กี่นาที หยอกเล่นกันหากใครได้มาเห็นคงต้องส่ายหัวให้ ด้วยอายุและวัยของแต่คนไม่เด็กเลย เขินก็เขินตลกก็ตลก เธอเองก็ไม่คิดว่าเมธีจะร้องเพลงนี้ได้ แถมยังร้องท่อนต่อไปให้ด้วย
เมธีนอนพิงหัวเตียงดูเธอเต้นบิดตัวไปมาไม่ยอมทำอะไรสักที แถมยังร้องเพลงอยู่ท่อนเดียวนี่หลายรอบแล้ว วันนี้เมธีเองก็อยู่ในชุดสบาย เสื้อฟุตบอลกางเกงฟุตบอลทีมโปรด พวกเขาตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่ออกไปไหน พักผ่อนที่ห้องนี่แหละ
“ทำไมพี่เมธีร้องได้อ่ะ“ ถามพร้อมหัวเราะชอบใจมาก ทั้งเขินทั้งอายทั้งตลก หันมามองสามีที่กำลังนอนมองตนเองอยู่บนเตียงนอน
“ทำไมน้องร้องได้อ่ะ ร้องอยู่ท่อนเดียวร้องบ่จบจักเทือเฮ้ย ฮา “ พูดหยอกเล่น เพราะไม่ได้ไปไหนจึงไม่รีบเร่งทำอะไร ปล่อยตัวตามสบายใชชีวิตแบบช้า ๆ สำหรับวันนี้
“เอ้า ! พี่เมธีคือเว้าให้คน ฮ่วย !” มองค้อนสามีคราวพ่อพร้อมหัวเราะอึกอักแบบเขิน ๆ “ก็นภาฟังมาแค่นี้อ่ะ ทำไมพี่เมธีร้องได้” ถามย้ำอีกครั้ง แต่อยากรู้เท่านั้นเอง ตื่นเต้นตรงที่เขาร้องเพลงนี้ได้ด้วย
“เอ๋า... พี่ร้องได้มันแปลกตรงไหนคะ น้องร้องได้สิแปลก ใครส่งให้ฟัง ไปฟังกับใครมา บอกมาเดียวนี้เลย” ทำหน้าตาจริงจังให้ จ้องมองใบหน้าเรียวมลได้รูปน่าเข้าไปหอมและฟัดยิ่งนัก แค่แกล้งเท่านั้นเอง เนื่องจากเพลงนี้มันเป็นเพลงเก่า วัยของพรนภาไม่น่าจะทันได้ฟัง
พรนภาเบิกตากว้างตกใจที่โดนกล่าวหา ตนเองไม่ได้ฟังจากใครมาเลย ฟังในติ๊กต่อกมาต่างหาก “บอกมาคนไหนส่งให้ฟัง” เขาถามย้ำอีก เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลน เป็นอาการลุกลี้ลุกลนแบบไม่ได้มีพิรุธ พยายามหาคำจะเถียงผู้ใหญ่แบบเด็กคนหนึ่ง เห็นอาการแบบนี้ของพรนภาแล้วตลกดี
“ไม่ได้ฟังจากใครมา ฟังจากติ๊กต่อกมา นักร้องคนนี้มันเอามาร้องใหม่” ไม่พูดเฉยเดินหยิบโทรศัพท์มือถือกดเข้าแอพพลิเคชันที่ว่าให้เมธีดูเป็นหลักฐาน จะมาใส่ร้ายกันแบบนี้ไม่ได้ ทำหน้าบึ้งให้ด้วยโทษฐานที่กล่าวหาเธอดีนัก
ขึ้นไปนั่งบนเตียงไม่พอนั่งบนตัวของเขาเลย ไม่สนใจว่าจะหนักหรือไม่หนักโทษฐานที่กล่าวหาเธอ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นสีหน้ายังคงบึ้งตึงเช่นเดิม เสียงหัวเราะของเมธีทำให้เธอหายโกรธและอยากหัวเราะ ทว่าต้องเก็บอาการไว้ ตอนนี้เธอกำลังงอนอยู่
“ดู ! “
“ไม่ดูค่ะ”
“จะดูหรือไม่ดู ! “ ทั้งสองยื้อแย่งกัน เมธีก็พยายามปิดตาตัวเองไม่ยอมดูหน้าจอโทรศัพท์กับเธอ ทั้งเสียงหัวเราะไม่รู้ของใครเป็นของใคร ไม่แน่ว่าดังเล็ดรอดออกไปนอกห้องหรือไม่ ส่วนตนเองก็พายามจะให้ดูให้ได้โดยที่ยังนั่งบนตัวของเมธีอยู่ “ดูให้เต็มสองตาเลยพี่เมธี ไอ้นักร้องเด็กคนนี้มันเอามารีโนเวทร้องใหม่” ยื่นหน้าจอให้เมธีดู เขานอนหงายส่วนเธอนั่งอยู่บนตัวเขา สุดท้ายเมธีก็ยอมดูจนได้
“อ่ะ ๆ ดูก็ได้ ไหนใครเอามาร้องใหม่” เขายอมดูกับเธอ ที่ยอมเพราะไม่อยากแกล้งต่อแล้วเกรงว่าเรื่องจะยาวและบานปลาย เกรงว่าเธอจะงอนเข้าจริง ๆ ไม่อยากเห็นคนที่รักไม่มีความสุข “รีโนเวทอะไร นั่นเขาใช้เรียกบ้านแล้วค่ะ น้องนี่มั่วจริงเลย” พูดจบหอมแก้มไปฟอดใหญ่ เพราะเธอกำลังนอนทับร่างของตนเองอยู่ เธอเองก็ปล่อยให้เขาดอมดมได้ตามอำเภอใจ
“กะซาง !” ทำหน้านิ่ง ๆ ออกบึ้งให้เขา “เอาเบิ่ง เบิ่งให้เต็ม ๆ สองตาเลย มาว่าเขาหยัง “ เปลี่ยนจากนอนทับตัวเมธีกลับมานั่งทับเหมือนเดิม ไม่สนใจว่าจะหนักไม่หนักด้วย
“ใคร ! ใครว่าน้อง พี่ไม่ได้ว่านภาเลยนะ พี่แค่ถามเฉย ๆ ว่าทำไมร้องเพลงนี้ได้แค่นั้นเอง “ ฉีกยิ้มให้คนหน้างอที่นั่งทับตนเองอยู่ งอนแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น “คนอิหยังถามซำหนิกะเครียด” ดันตัวเองลุกขึ้นใช้มือประครองตัวของพรนภาเอาไว้ไม่ให้หงายหลังขณะที่ตัวเองลุกนั่ง จูบริมฝีปากของพรนภาภรรยาสุดที่รักไปหนึ่งที เพราะตำแหน่งของปากมันอยู่ตรงกันพอดี
“พอทำผิดก็เป็นแบบนี้” พรนภาเช็ดริมฝีปากออก ไม่ยอมยิ้มให้ ขึงตาหน้าบึ้งจ้องใบหน้าเรียมเข้มไม่ละสายตา ทว่าภายในใจหายงอนตั้งนานแล้ว ต้องเก็บอาการไว้สักหน่อย ต้องให้เมธีง้อก่อนถึงจะหายงอน “นภาจับทางได้หมดแล้วเหอะ”
“ใคร ใครทำผิดอะไร พี่ถามเฉย ๆ พี่ยังไม่ได้ว่าน้องเลยสักคำ” พูดจบก็จูบอีกหนึ่งที “ทำไมตัวเองชอบว่าเค้าจัง” จ้องมองและยิ้มหวานให้ สวมกอดเธอเอาไว้อยู่อย่างนั้น ผู้หญิงธรรมดาที่แสนพิเศษในหัวใจเขา มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไม่เคยเบื่อเลยมีแต่รักมากยิ่งขึ้นทุกวัน
“ก็เมื่อกี้อ่ะ เมื่อกี้พี่เมธีว่านภา ไปฟังจากใครมา !ใครส่งให้ฟัง ! ใครพูดเมื่อกี้นี้” ทำหน้าทะเล้นเลียนเสียงของสามี โดยมีเจ้าตัวหัวเราะตามคำที่เธอพูด ตนเองก็อมยิ้มคราวนี้ยอมยิ้มให้ มองใบหน้าเรียวเข้มไม่ละสายตาเช่นกัน ผมดำขลับ คิ้วหนา จมูกเป็นสัน ตาตี่ดูรวม ๆ แล้วดูดีที่สุด “ปล่อยนภาเลยนภาจะลุก” ทำทีเป็นจ้องไปจ้องมา เมธีเองก็จ้องคืนคงสงสัยว่าเธอจ้องตนเองอะไรขนาดนั้น “หงอกอ่ะพี่เมธี ! ฮา ต้องไปซื้อน้ำยามาย้อมแล้วเนี่ย”แกล้งคืนเสียเลย คนโดนแกล้งหัวเราะใหญ่
“อะไรเค้าพึ่งย้อมไปนะตัวเอง และก็ไม่ปล่อยหรอก จะกอดไว้อย่างนี้แหละ ถ้าบางคนไม่หายงอน” ไม่พูดเฉยออกแรงดันตัวของเธอเข้ามาให้แนบชิดตัวเองเข้าอีก
“ปล่อยนภา ! นภาจะไปปั่นผ้าค่ะ สายแล้วแหมะ “ ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดที่โดนแกล้งแบบนี้เสมอ คนแก่นี่ก็เอาใจอยากมากเหมือนกัน
เขาจูบเธออีกครั้งก่อนจะพูด ทว่าคนโดนจูบดูท่าจะหงุดหงิด ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ หรอก “หายงอนพี่ก่อน พี่ขอโทษค่ะ พูดหยอกเฉย ๆ แหมะ ฮ่วย...” ทำหน้าอ้อนหลับตาพริบ ๆ ให้เหมือนที่เธอเคยทำกับเขา พรนภาหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่ไปอีกครั้ง
“อือ ไม่งอนแล้ว “ พูดเบา ๆ อมยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนจะโดนหอมแก้มไปอีกรอบ “เอ๋าพี่เมธีแหมะ คือหอมคนดูแถะ” พูดเหมือนเด็ก ๆ ที่โดนผู้ใหญ่แกล้ง
“เอ้าอยากหอมแหมะ หอมบ่ได้บ่” ทั้งสองพูดกลั้วหัวเราะให้กัน เธอหายงอนเขาไปตั้งนานแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ระแวงอย่างที่พูดเลย แค่อยากแหย่เล่น ๆ เท่านั้นแหละ
ทั้งคู่เล่นกันอยู่บนเตียงนอนแบบไม่ต้องเร่งรีบอะไรเลย พักผ่อนอยู่ห้องใช้เวลาร่วมกันให้มีความสุขที่สุด เป็นตัวของตัวเองที่สุดอยากทำอะไรก็ทำ “ไหนคอน้องพี่ขอดูอีกซิ” พรนภาเงยหน้าให้เขาดู มือนิ่ม ๆ ของเขาสัมผัสลูบบริเวณลำขอของเธอ
“อยากหายอ่ะ อยากให้มันยุบ ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ถ่ายรูปออกมานี่เห็นชัดเลยนะพี่เมธี ไม่สวยเลย”
“สวย ! สวยที่สุดสำหรับพี่แล้วค่ะ “
“อะแฮ่ม ! โอ้ว! ไปกินน้ำดีกว่าสำลัก” เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ที่โดนเธอแซวประชด ก่อนที่เธอจะลุกออกจากเตียงเดินไปที่ตะกร้าเสื้อผ้าที่จะต้องนำไปซักในวันนี้
“เล่นเกมดีกว่า คุณแม่หิวมั้ย สาย ๆ ลงไปร้านส้มตำไก่ย่างกัน” ลุกขึ้นเดินไปหยิบอุปกรณ์เล่นเกมต่อเข้ากับทีวีเตะฟุตบอลอย่างสบายใจ ตอนนี้ยังเช้ามีเวลาเหลือเฟือที่จะมอบความรักและเวลาให้กันมากมาย “จะลงไปปั่นผ้าน่ะเปลี่ยนกางเกงด้วย เดี๋ยวผู้บ่าวมอง ไม่ได้นะของพี่ !”
“ค่าหวงบ่คือเว้ย... เค้ายังไม่หิวอ่ะ “
“ไม่ไปร้านกาแฟแน่นะวันนี้” ปรายตามองภรรยาเป็นเชิงคำถาม
“ม่าย ! เดี๋ยวโทรสั่งร้านสะดวกซื้อให้มาส่งเอา นภาขี้เกียจ อยากอยู่ห้องบ้าง” พูดพร้อมถือตะกร้าเสื้อผ้าของตนเองและของเมธีมาวางที่เตียงอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องล้วงดูของในถุงกางเกงหรือถุงเสื้อก่อนปั่นเสียก่อน ส่วนเมธีนั้นเริ่มเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย ปรายตามองแล้วนึกตลกสามีคราวพ่อ บางทีก็เยอะแค่อายุ
เธอค่อย ๆ ล้วงกระเป๋าเสื้อและกางเกงทีละตัว ๆ ต้องตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่พบเห็น ในนั้นมันมีเหรียญและธนบัตรใบต่าง ๆ อยู่ในนั้น “ฮา อะไรเนี่ย พี่เมธีนภาเก็บเงินได้ เย้ ! ฮา ”พูดพร้อมควานหาอีก เธอล้วงมันมากอง ๆ รวมกันไว้ได้ตั้งหลายบาท มีทั้งธนบัตรใบยี่สิบ เหรียญ ใบร้อยและสูงสุดใบห้าร้อย ไม่ได้หรอกเธอเก็บได้เธอไม่ให้คืนแน่นอนงานนี้
“เฮ้ย ! เงินพี่นี่หว่า ลืมเก็บออกแหมะ” เมธีเดินมาจะมาหยิบ ไม่ทันเธอฮุบเอาไว้ก่อน
“ไม่ได้หรอก ! จะมาเอาเงินนภาได้ไงนภาอุตส่าห์เก็บได้ “ ขมวดคิ้วมองตาเขียวปัดจ้องหน้าคนจะมาแย่งเงิน เธอเร็วกว่าฮุบเก็บไว้ได้ทัน