ฝันหวาน (Sweet Dream) 46

กระทู้สนทนา

.


               “น้องเสร็จยังคะ”

               “เสร็จแล้วค่ะ “

             ทั้งสองกุลีกุจอแต่งตัวอย่างเร่งรีบเพื่อจะออกเดินทางไปยังอำเภอเกาะจันทร์ ไปหาเพื่อนของเมธีตามที่ได้พูดเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน โชคดีที่เมธีว่างจึงได้ไปพบตามที่ให้สัญญาเอาไว้ และเธอก็ได้เที่ยวไปในตัว

                ทั้งสองคนขับรถมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เปิด GPS ข้อมูลในแผนที่บอกเอาไว้ว่าขับรถแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น น่าจะไม่ไกลเท่าไหร่ เส้นทางไปทางอำเภอพนัสนิคม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาและเธอเดินทางไปเกาะจันทร์

                   หกโมงเช้าพวกเธอออกเดินทาง ที่ต้องออกเช้าเผื่อหลงทางจะได้ไม่เสียเวลา ขณะนั่งรถเปิดเพลงฟังไปด้วย ล้วนแต่เป็นเพลงที่พรนภาชอบทั้งนั้น เป็นเพลงร่วมสมัยของภรรยา ร้องเพลงเคล้าคลอไปด้วยอย่างมีความสุข ส่วนเขาฟังตามได้หมด ไม่เคยคิดจะแย่งเปิดเพลงสมัยของตนเองเลยสักครั้ง

                   “พี่เมธีใครมาปรับเบาะนภา นภาจำได้ว่านภาปรับให้พอดีแล้วนะ ให้ผู้หญิงหน้าไหนมานั่ง บอกซะมาดี ๆ  “ หันหน้ามามองหาพิรุธกับสามี พรนภาปรับเบาะให้นั่งสบาย ๆ ที่สุด

                     “อะไรคะ น้องชอบใส่ร้ายพี่จังเลย พี่เอารถไปล้างมาไง คนอิหยังใส่ร้ายตะกัน หืย !”

                       “ไม่รู้ล่ะ สงสัยไว้ก่อน อย่าแม้แต่จะคิด “

                      “ครับ เมธีมีน้องนภาคนเดียวในใจครับ” พอพูดแบบนี้เธอก็หัวเราะพอใจนัก ชวนคุยไปเรื่อยปรายตามองเขาผู้เป็นที่รักพูดเม้าส์ไม่หยุดก็สนุกดี

                   “กาแฟปั๊มน้ำมันสักแก้วมั้ยคะ” ทันทีที่มองเห็นป้ายตั้งตระหง่านอยู่ไกล ๆ จึงถามขึ้น ปกติเวลาเดินทางแบบนี้ไม่ว่าจะใกล้ไกลพวกเขาจะขาดกาแฟเสียไม่ได้เลย

                    “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ” พรนภาตอบ

                    รถเก๋งสีขาวสัญชาติญี่ปุ่นเลี้ยวเข้ามาจอดภายบริเวณปั๊มน้ำมัน “พี่เมธีไปซื้อกับนภานะ ไม่อยากเดินไปคนเดียวอ่ะ เคว้งคว้าง ฮา” พูดพร้อมอมยิ้มให้สามีรุ่นพ่อ สไตล์การแต่งตัววันนี้หล่อดีแฮะ หล่อทุกวันแหละ คนอะไรอายุเยอะแล้วก็ยังหล่อ

                       “แต่พี่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำอ่ะค่ะ งั้นน้องรอพี่ที่รถนะ” ไม่ปฏิเสธแต่ขอทำธุระส่วนตัวก่อน

                   “นภาก็จะเข้าเหมือนกัน ใครเสร็จก่อนรอตรงนี้นะ ไม่อยากไปซื้อคนเดียวแหมะ อยากให้ผัวไปด้วย” พูดปนยิ้มให้ หันมามองทำท่าออดอ้อนแบบน่ารัก ทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนแบบไหนก็ได้เวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง

                  แววตาดูมีความสุขนัก แววตานี้เขาเห็นมันอยู่บ่อย ๆ เวลาที่พาไปเที่ยว ดูเหมือนพรนภาจะอารมณ์ดี ใช่สิก็ได้ออกมาเที่ยวหนิ ใกล้ไกลดีใจหมด ปรายตามองภรรยาก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมเบา ๆ ขอแค่มีเวลาเถอะความสุขของคนที่รักทำให้ได้เสมอ

                 “ได้ค่ะ ปะไปเข้าห้องน้ำกันเหอะ “ เปิดประตูลงจากรถต่างคนต่างเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็กลับออกมา แล้วพากันเดินไปยังร้านกาแฟที่คุ้นชื่อ คุ้นหู คุ้นตาเป็นอย่างดี เดินจับมือกันเข้าไปในร้าน

                    เข้ามาภายในร้านมีลูกค้าประปราย ทั้งคู่ต่อแถวยืนรอคิวสั่งกาแฟ “เอสเย็นนะคะ” เขาพูด ยืนอยู่ด้านหลังพรนภา ความสูงของเธอเพียงอกพร้อมยกมือขึ้นแตะบ่าของเธอไว้ ไม่สนใจสายตาของใครจะมองมา

                    “เค้ารู้แล้วค่า” พรนภาเงยหน้ามองคนข้างหลังพร้อมยิ้มให้ เขายิ้มตอบหยักคิ้วให้ มีพนักงานบางคนมองตามและส่งยิ้มให้พวกเธอ น่าจะสงสัยในความสัมพันธ์นั่นแหละ เธอก็ส่งยิ้มกลับไปให้อย่างเป็นมิตร เข้าใจสายตานั้นบอกว่านี่ผัวนะไม่ใช่พ่อ

                     “เอาลาเต้ปั่นกับเอสเย็นค่ะ” พอถึงคิวเธอเป็นคนสั่ง โดยมีเมธียืนให้กำลังใจอยู่ด้านหลัง พนักงานก็มองกันเป็นแถว เมธีฉีกยิ้มให้ทุกคนที่มองมา “มีบลูการ์ดด้วยนะคะ”

                   “กดเบอร์เลยค่ะคุณลูกค้า” พอพนักงานบอกเธอกดเบอร์สมาชิกไป เธอกดทว่าเป็นเบอร์ของเมธีเองไม่ใช่เบอร์ของเธอ “ทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าบาทค่ะ รอสักครู่นะคะ” พรนภาจ่ายเงินและรับบัตรคิวก่อนจะพาเมธีเดินหาเก้าอี้นั่งรอ ทางร้านจัดเก้าอี้ให้นั่งรอห่าง ๆ กัน พวกเธอไม่ยอมนั่งเพราะมันห่างกันเหลือเกิน จึงเลือกที่จะยืนรอด้วยกัน ลูกค้าไม่เยอะอีกไม่นานคงถึงคิว

                  มีพนักงานบางคนชอบแอบมองเมธีสามีของเธอยิ่งนัก ไม่แปลกที่จะมองเพราะเมธีเองเป็นผู้ชายที่นับว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง ถึงอายุจะใกล้แตะเลขห้าแล้วก็ตาม ด้วยความใส่ใจดูแลตัวเองสม่ำเสมอทำให้ร่างกายไม่ค่อยตามอายุนัก ส่วนตนเองหน้าบึ้งเมื่อจับได้ว่ามีคนแอบมองสามีของตัวเอง ใครจะชอบล่ะ

                   พรนภามองไปที่เค้าน์เตอร์บาร์พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ เมธี จากที่ยื่นห่างกันคราวนี้ขยับเข้ามายืนชิดติดตัวพร้อมเกาะแขนเอาไว้ ทำสีหน้าเรียบ ๆ มองไปที่เค้าน์เตอร์ไม่ละสายตาโดยที่มือเกาะแขนเมธีเอาไว้ ใครจะทำไม นี่แฟนของเธอแล้วมองแฟนของเธอทำไมล่ะ มองแบบมีเลศนัยกับปรายตามองธรรมดาทั่วไปมันคนละแววตาหรอก เธอดูออก !

                    เมธีสัมผัสได้ถึงความแปลกที่เกิดขึ้น ส่วนพนักงานสาวคนนั้นพอเห็นเธอทำแบบนี้น่าจะพอเข้าใจ จึงผละสายตาและหาอะไรก้ม ๆ เงย ๆ ทำเหมือนไม่สนใจ ให้มันรู้เสียบ้างของใครเป็นของใคร เก็บไฟร้านไปใช้กับคนของตนเองที่บ้านก็พอ อย่ามาใช้กับของคนอื่น

                  “อะไรคะ “ เขาพูดเบา ๆ ปนยิ้มก้มมามองเธอนิดหน่อย เห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอยิ่งตลกและไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าก็พอรู้ว่าอาการ ตนเองสังเกตได้เหมือนกันว่ามีคนมองมาที่ตน เธอไม่ตอบอะไรก็ไม่คะยั้นคะยอถาม พอจะเข้าใจแต่ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด

                    “คิวที่ 95 ได้แล้วค่ะ” พนักงานอีกคนพูด เป็นคิวของเธอเอง เมธีกำลังจะเดินไปรับ ถูกฉุดด้วยมือของเธอเอาไว้

                       “ไม่ต้อง ! นภาจะไปหยิบเอง” พรนภามองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยค่อนไปทางบึ้งตึง เขายิ้มปนหัวเราะ นั่นไงชัวร์เลยคราวนี้ พอได้กาแฟเรียบร้อยก็พากันกลับมาที่รถพร้อมเดินทางต่อไปยังเกาะจันทร์

                     พรนภาเดินนำลิ่วไปยังรถโดยไม่รอเขา ปกติต้องเดินจับมือไปพร้อมกัน แค่นี้ก็ดูออกแล้ว คลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูความหึงของภรรยาเด็กนัก อายุปูนนี้แล้วเขาจะมองใครอีก

                   “น้องเป็นอะไรคะ นิ่งเชียว ไม่พูดไม่คุยตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้วนะ เป็นไรบอกพี่ได้มั้ย “ เลิกคิ้วถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว อยากถามเฉย ๆ หากเป็นอย่างที่คิดก็อยากจะพูดให้เธอเข้าใจและรู้สึกดีขึ้น หายระแวง ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ความจริงไม่เคยคิดจะวอกแวกปันใจให้ผู้หญิงคนอื่นเลย ถามขึ้นระหว่างที่กำลังขับรถอยู่

                   “เป็นอะไร ใครเป็นอะไร นภาไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงบ้านพักพี่บวรสักที “ ย้อนถามพร้อมปรายตามอง ก่อนจะผละสายตาหนี ยิ้มให้สาวคนอื่นเห็น ๆ ยังจะมาถามว่าเป็นอะไรอีก ยังจะกล้าถาม นึกหงุดหงิดอยู่ในที

                  “เอ๋าก็คนกำลังเป็นอยู่นี่ไง ใครจะดูไม่ออก เป็นอะไรตอนอยู่ในร้านกาแฟอ่ะ หึงพี่เหรอ ฮา “ รู้ว่าพรนภาคิดเป็นจริงเป็นจัง มันก็อดที่จะขำไม่ได้ เด็กหนอเด็ก เด็กน้อยในใจของเขาคนเดียว “ตัวเองงอนไม่งอนเค้าดูออกน่า น้องเป็นไรเหรอ บอกพี่ได้มั้ยคะ งอนพี่เหรอ เค้าขอโทษ… ”

                     ถึงจะผิดไม่ผิดขอโทษไว้ก่อน ไม่อยากให้เธองอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่อยากให้เสียบรรยากาศของความสุข อยากให้ทุกวินาทีมันมีเพียงความสุขเท่านั้น ถ้าไม่หนักหนาสาหัสจริง ขอโทษเอาใจเธอไว้ก่อนทำให้ได้เสมออยู่แล้ว

                    “แสดงว่ารู้ตัว ! ชอบสิท่า นี่ถ้านภาไม่มาด้วยคงได้เบอร์กันไปแล้วน้อ” ได้โอกาสพูดประชดเสียเลย ก็มันไม่ชอบจริง ๆ นี่นา แถมเจ้าตัวยังรู้ตัวอีก มองด้วยหางตากลับไป

                  “ไม่เลยค่ะ ไม่ชอบเลย “รีบตอบเพื่อเอาใจ “พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะน้องนภา จะของแหมะ เอ๋า “ หันมายิ้มให้แป๊บเดียวก่อนจะหันกลับมามองถนนเช่นเดิม ยกมือซ้ายมาค้างไว้บนศีรษะของเธอ แต่โดนปฏิเสธโดยเธอเหวี่ยงศีรษะหลบ “ทำไมไม่เชื่อใจพี่เลยเหรอคะ ฮึ อิหล่าน้อย ตลอดที่ผ่านมาไม่ทำให้เชื่อใจกันบ้างเลยบ่ ” ถามแบบไม่ได้ซีเรียสเลยสักนิด แอบนึกตลกด้วยซ้ำ หวงอะไรไม่เข้าท่าเอาเสียเลยน้องพรนภานี่

                  พรนภาหันมามองก่อนจะตอบ “เค้าเชื่อใจ ฮ่วย “ ตอบสั้น ๆ เพียงเท่านี้ ไม่มีคำจะพูดต่อ เพราะเชื่อใจเขาเสมอมาถึงได้อยู่มาจนทุกวันนี้

                  “เชื่อใจพี่แล้วเป็นแบบนั้นทำไมตอนในร้านกาแฟอ่ะ” หันมายิ้มให้ รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ นึกตลกก็มิปาน หวงแต่ไม่กล้าพูดออกมา ทั้งที่สามารถพูดได้ก็ไม่ยอมพูด ในบางเรื่องนี่นะพูดไม่หยุดปากนัก พรนภาก็ยังเป็นพรนภาที่น่ารักของเขาเสมอไม่ว่าตอนที่ยังงอนอยู่เหมือนตอนนี้

                  “เชื่อใจแล้วหวงไม่ได้เหรอ ต้องให้ใครมองแฟนตัวเองก็ได้เหรอ ให้แฟนตัวเองมองใครก็ได้แบบนี้เหรอ” จ้องมองใบหน้าขาวสะอาด มีไรหนวดขึ้นมาเล็กน้อยช่างน่ามองยิ่งนัก มองนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีก“ถ้างั้นก็ไม่ต้องบอกว่าเป็นแฟนกันมั้ยอ่ะ”

                 พอได้ฟังเขากับนึกขันหัวเราะออกมา แม้ขณะนี้คนกำลังจ้องไม่ตลกด้วยก็ตาม “เอ๋า… ไปกันใหญ่แล้วเราอ่ะ ก็ไม่ได้นั่นแหละค่ะ แต่พี่หมายความว่าน้องไม่ต้องกังวลเลย ไม่ต้องหวงพี่เลย พี่ไม่มองใครนอกจากนภาคนเดียว เค้าสาบานเลยอ่ะ” ชูสามนิ้วขึ้นมาสาบานให้ดูต่อหน้า “เชื่อใจเค้านะตัวเอง ไม่ต้องคิดเลยเรื่องแบบนั้นน่ะ พี่มีนภาแล้วพี่ก็ไม่ต้องการใครอีกค่ะ”

                   “เชื่อใจได้ที่ไหน ขนาดนภามาด้วยนะหนิ ฮ่วย !” พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รู้สึกดีมาก ๆ เลย อยากยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เพราะตอนนี้กำลังเล่นบทนางงอนอยู่

                  “เค้าไม่ได้ยิ้มให้เธอคนนั้นเลยนะตัวเอง ตัวเองน่ะหวงเค้าเกิน เลยทำให้ตาฝาด”

                 “เหรอ ! ชิ”

                “ยิ้มก่อน ยิ้มให้หน่อยเร็ว ไม่งั้นไม่มีแรงขับรถนะ เร็ว ๆ ยิ้มให้เมธีหน่อยเร็ว ขอโทษแหม๋… ขอโทษค่ะ ยิ้มให้พี่ก่อน ไม่หายงอนไม่พาไปต่อนะ จอดข้างทางแมร่งเลยเอาดิ” ไม่พูดเพียงเท่านั้น แกล้งขับรถชิดขอบถนนจะจอดข้างถนนเสียเลย

                 “พี่เมธี ! ฮ่วย…” ฉีกยิ้มให้เขาจนได้ ฉีกยิ้มปนหัวเราะให้โดยไม่ได้ฝืนตัวเองสักนิด เพราะตลกกับการกระทำของเขาเมื่อครู่ คนแก่นี่ก็เนอะ ปรายตามองพร้อมนึกในใจ “พอใจยังเค้ายิ้มให้แล้วแมะ หน่าย ! คนอิหยังปานเด็กน้อย สิบอกลิพูลอยู่ ว่าพ่อมันคือเด็กน้อยหนิล่ะ ฮา ” มองค้อนให้แบบตลก ๆ

                  เจ้าตัวเองก็ขำตนเอง ทำได้ทุกอย่างที่อยู่ด้วยกัน  “โอเค ไปต่อได้ค่ะ” แล้วก็พากันขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางตามที่ได้ตั้ง GPS เอาไว้

                  ไม่นานก็มาถึงจุดหมายเป็นบ้านพักของข้าราชการ เพื่อนของเมธีรับราชการทหาร ได้ย้ายมาทำงานที่เกาะจันทร์ ย้ายไปหลายที่มาก ๆ มาตัวคนเดียว ส่วนลูกเมียอยู่กรุงเทพ ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่สัตหีบ

                   ขับรถเข้ามาบรรยากาศเงียบ ความเงียบทำให้เธอรู้สึกกลัว กลัวที่ไม่ใช่ความหวาดกลัวหรือระแวงแต่มันเป็นความกลัวที่อธิบายไม่ถูก “ทำตัวตามสบายนะคะ คนบ้านเฮาแหม๋” เขาหันมาบอกเห็นท่าทางนิ่งของเธอก็พอจะรู้

                  พรนภาพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ทำไมต้องคิดมาก ก็ในเมื่อเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง ไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำมาแล้วทำเป็นเก่ง จะมาแผ่วตอนนี้ไม่ได้นะ จะว่าไม่แคร์ก็มีบ้างนิดหน่อย “คนบ้านเราทั้งเมียแกเลยเหรอพี่เมธี”

                     “แมนค่ะ คิดหลายหยัง พี่ยังไม่คิดอะไรเลย พี่รักของพี่แบบนี้แหมะ พี่พร้อมจะตัดทุกคนที่ไม่เข้าใจเรา แค่ครอบครัวเราเข้าใจก็พอแล้วน้องเคยบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ โอเคมั้ยคะ”

                  “โอเคค่ะ” ยกมือให้และยิ้มสร้างความสบายใจแก่เขา และแล้วรถก็วิ่งมาถึงบ้านพักหลังหนึ่ง เพื่อนของเมธีกำลังเตรียมของต้อนรับพอดี มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงอยู่ด้วยสองคน ผู้หญิงอีกคนวัยไล่เลี่ยกันกับเมธียืนมองพวกเธอที่กำลังขับรถเข้ามาจอด พรนภาเดาว่าคงจะเป็นลูกกับภรรยาของเจ้าของบ้านนั่นแหละ ไหนบอกอยู่กรุงเทพ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่