ฝันหวาน (Sweet Dream) 87

กระทู้สนทนา

.

            “อีกสองวัน ๆ ที่สามก็เดินทางล้าว ฮา เก็บกระเป๋าแหมะน้อง” เมธีพูดปนหัวเราะ พร้อมหันมาดมแก้มของเธอฟอดใหญ่ ขณะนี้พวกเธอกำลังนั่งเล่นเกมกันอยู่ ความจริงคือเมธีนั่งเล่นเกมคนเดียว ส่วนเธอนั่งดู นั่งอิงไหล่ดูสามีเล่นเกมไป ตนเองก็ส่องโซเชียลไปด้วย เป็นแบบนี้ประจำหลังทานข้าวมื้อเย็นเสร็จ

             “ฮือ… จะเก็บอะไรไวขนาดนั้นพี่เมธี เว่อและ ๆ วันที่ยี่สิบเจ็ดก็ยังทันนะคะ” พูดไปทว่าสายตาไม่ได้มองคู่สนทนาเลย เธอกำลังเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์ดูเฟซบุ๊กอยู่ ซึ่งขณะนี้ข่าวเรื่องโรคโควิดกำลังแพร่กระจายในจังหวัดบ้านเกิดของเธอ

             อ่านข่าวแล้วนึกสังเวชใจอยู่ในที แต่ อะไรจะเกิดก็เกิดไปเถอะ ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังจะกลับบ้านอยู่ดี เธอโทรไปถามทางบ้านแล้ว แม่ของเธอบอกว่ากลับได้ ทางบ้านยังไม่ได้คิดทำอะไรเลย กลับมาถึงก็ตรวจเอ็นทีเคแค่นั้น เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย

             “เอ๋า! ก็เก็บรอไงคะ เห็นว่าบางคนใจจดใจจ่อไง พี่ก็เลยบอกบางคนไปเก็บกระเป๋า ฮา” เขาหันมาหัวเราะกับเธอ ก่อนจะรีบหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขณะนี้ก็กำลังเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย

             อยากรู้นักเกมกับเธอเมธีจะเลือกใคร ชอบเล่นมากจะให้นอนกับเกมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แอบค่อนขอดให้กับสามี อายุปูนนี้แล้วยังจะติดเกมอยู่ได้ ก็แค่คิดไม่เคยจะห้ามความชอบของกันอยู่แล้ว แค่ไม่เกินไปก็พอ

             “มาว่านภาเด้อ! ใครกันแน่ที่ใจจดใจจ่อรอกลับบ้านอ่ะ” คราวนี้หันไปจ้องหน้าสามีแบบหมั่นไส้ มาว่ากันได้อย่างไร “อึ! สูน!” อุทานพร้อมตบไปที่ไหล่ของสามีรุ่นพ่อ ส่วนเจ้าตัวหัวเราะไปอีก ยกมือขึ้นมาลูบบริเวณที่โดนเธอตี “มาว่านภาเด้อ”

             “โอ๋… อ้ายบ่อได้ว่า อ้ายบ่อได้ว่า ฮา” เมธีทั้งขำทั้งเอาใจ “อิหล่าเซาเคียดเดี๋ยวนี้ เพี้ยง!” พูดพร้อมหันมาเป่าศีรษะของเธอไปอีก “ขอโทษ ๆ ค่ะ ว่าแต่เราเข้าจังหวัดได้แน่นะ รู้สึกว่าโอมิครอนจะไปถึงบ้านก่อนเราแล้วนะคะ” เขาถาม ไม่เพียงแค่เธอที่กังวลเรื่องนี้ เขาก็กังวลอยู่ไม่น้อย ถึงกระนั้นก็ยังยืนยันว่าจะกลับภูมิลำเนาเหมือนเดิม

             “กลับได้! เราก็ตรวจเอ็นทีเคให้เค้าก็ได้ เรากลับบ้านเราน้อ เราไม่ได้จะไปเที่ยวไหนหรอก ไม่กลับตอนนี้แล้วจะกลับตอนไหนอ่ะพี่เมธี นภาก็อยากกลับ” เธอพูดพร้อมมองใบหน้าคมเข้มของสามีรุ่นพ่อ ใจมันอยากกลับจะแย่อยู่แล้ว

             “กลับค่ะ! พี่พาน้องกลับอยู่แล้วแหละ มาหอมแน่! บ่อมีกำลังใจเล่นเกมเลย” พูดจบเมธีก็ฟัดแก้มของเธอไปอีก ไม่สนใจว่าเธอจะหงุดหงิดหรืออะไรเลย แค่ได้แกล้งก็พอใจ

             จากนั้นพวกเธอก็เข้าสู่โหมดปกติ เข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวของใครของมัน แต่ไม่โดดเดี่ยว ต่างคนต่างเล่นแต่ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ เมธีเล่นเกมใส่อารมณ์อย่างบ้าคลั่ง อย่างกับเด็กวัยรุ่นหัวร้อนก็มิปาน ส่วนเธอนั่งส่องโซเชียลไป จู่ ๆ ญาติของเมธีก็ทักหา

             “พี่เมธีญาติตัวเองทักหานภาค่ะ” เธอหันไปบอกกับสามีว่าใครทักหาตนเอง ทักมาทำไม ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากคุยกับเธอเลย ตั้งคำถามในใจไปอย่างนั้น

             “ทักว่า! น้องก็คุยสิคะ” เมธีตอบ เป็นญาติของสามีที่ไปทำงานที่ต่างประเทศ เธอไม่เคยเจอตัวจริงเลย ไม่เคยเห็น แต่กลับเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก เธอกับญาติคนนี้คุยกันอยู่พักใหญ่ ก็สรุปใจความได้ว่า ญาติคนนี้ฝากซื้อของทะเลสดกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย

             “พี่เค้าฝากซื้อของสดค่ะ มีหมึกกระดอง กุ้งแม่น้ำ หอยหวาน หอยเชลล์ หมึกไข่ และ ปูม้า” เธอตอบสามี ใจจริงไม่อยากไปเลย เพราะมันเสียเวลา จะต้องย้อนกลับไปซื้อที่พัทยานู่น แต่ก็ไม่อยากพูดอะไร เมื่อสามีไม่บ่นเธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบ่น “บอกว่าจะโอนเงินให้ ๆ เราไปซื้อฝากที่บ้านเค้า”

             “อ่อ! ซื้อก็ซื้อไงคะ พี่ขับไปแป๊บเดียวเอง” แบบนี้แหละเมธีใจดีเสมอ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ และ ก็ไม่เคยได้ยินเสียงบ่นด้วย ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวญาติพี่น้อง “เขากะอยากให้ลูกให้แม่เขาได้กินน้อน้อง โอนเงินมาให้กี่บ้าน เข้ากระเป๋าจะของซ้ำซะ ฮา” เมธีพูดทีเล่นที่จริง

             “แหม! เหมือนจะดีแต่ก็แค่เหมือนเหอะพี่เมธี ฮา” เธอค่อนขอดให้อย่างตลก ส่วนเจ้าตัวหันมามองหน้าพร้อมหัวเราะไปด้วย “พี่เค้าบอกว่าจะโอนเงินมาให้หกพันค่ะ บอกว่าถ้าเราอยากจะแบ่งไปกินก็แบ่งไปได้เลย เขาเขียนรายการบอกแล้วว่าจะเอาอะไรบ้าง ซื้อแค่พอนั่นแหละค่ะ เงินหกพันได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น” พรนภาพูด

             “ซื้อที่นาเกลือเหรอคะ พี่คุ้น ๆ ว่าซื้อที่ตลาดนาเกลือนะ ตรงลานโพธิ์น่ะ” เมธีถาม

             “ช่าย! ตรงนั้นแหละ อือ… เดี๋ยวนภาลองทักไลน์ถามพี่ออร์ดี้ก่อนนะว่า ตลาดนาเกลือเค้าเปิดเช้ามืดกี่โมง” พูดจบเธอก็ทักแช็ตไลน์ไปหาหัวหน้าที่ทำงานของเธอ ไม่นานหัวหน้าก็ตอบกลับมา “พี่เมธีพี่ออร์ดี้บอกว่าเค้าเปิดตีสี่ ตีห้าหกโมงเช้าเราก็ค่อยไปก็ได้ ดีเหมือนกันแหละนภาจะซื้อไปย่างให้ยายกินด้วย”

             “ค้าบ! แล้วแต่น้องแหละ” พูดจบก็ดมศีรษะของเธอเบา ๆ จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ต่างคนต่างเล่นแต่ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่

             ภายในห้องพักเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรักของพวกเธอสองคน จะดีแค่ไหนหากมีเด็กสักคนมาเติมเต็มความรักของพวกเธอให้สมบูรณ์แบบ ก็ได้แต่รอว่าสักวัน เธอก็ปล่อยท้องมาตั้งนานแล้ว ลูกก็ยังไม่มาสักที ก็ได้แต่หวังว่าสักวันอีกนั่นแหละ

             เธอนั่งพิงไหล่สามีสักพักก็ขอตัวขึ้นมานอนบนเตียงเพราะเริ่มง่วงแล้ว ส่วนเมธีขอต่ออีกสักเกมสองเกมค่อยจะตามมานอน เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ความสุขของสามี ผ่อนคลายบ้างจากที่เครียดกับงานมาทั้งวัน

             “น้องดูดิ น้องนภาดูนี่ค่ะ ทำไมแว่นกันแดดตัวนี้มันสวยจังอ่ะ เรย์แบนด้วย” เขาหันหน้ามาคุยกับเธอที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ให้เธอดูด้วย ในนั้นมีรูปแว่นกันแดดทรงเอเวเตอร์สีเหลืองเข้มนิด ๆ กรอบสีดำ สวยเธอมองเธอก็ยังคิดว่าสวย

             “หื้อ! ไม่ซื้อ! ฮา” เธอปฏิเสธพร้อมหัวเราะอึกอัก รู้ว่าที่สามีพูดแบบนี้ต้องการให้เธอทำอะไร ทว่ากลับโดนเจ้าตัวหน้ามุ่ยกลับมาให้ คนแก่งอนก็น่ารักดีในสายตาของเธอ “แว่นมีตั้งเยอะแยะเป็นร้อยเป็นล้านอันที่ซื้อมา พี่เมธีจะซื้ออะไรนักหนา ใส่ให้เก่าก่อนเหอะ จะซื้ออันใหม่ปล่อยอันเก่าออกบ้างนะ มือสองราคาขาดทุนก็ปล่อยเหอะ ดีกว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย” เธอบ่น

             คราวนี้เมธีเลิกเล่นเกมกระโดดขึ้นมานอนบนเตียงนอนกับเธอด้วย นอนคว่ำคุยกับเธอ จ้องตากับเธอ “เอ๋า! อันเก่าก็คืออันเก่า อันเก่าที่แปลว่าใส่อยู่ สีดำก็คือสีดำ สีชาก็คือสีชาไงคะ สีเหลืองก็ส่วนสีเหลือง มีเยอะแยะอะไรก่อน น้า! น้องนภา นะตัวเองนะ เค้าอยากได้ตัวนี้” เมธีอ้อนพร้อมจุ๊บริมฝีปากของภรรยารุ่นลูกไปด้วย “มาให้แอ่วเอาคือลูกแถะบาดหนิเฒ่าแล้ว”

             “เอ๋า… พี่เมธีตัวเองอยากซื้อตัวเองก็ไปซื้อดิ ถามนภาทำไมก่อน เงินตัวเองก็มีแหมะ ฮ่วย!” เหวี่ยงค้อนให้สามีเบา ๆ เธอไม่เคยห้ามเลยถ้าอยากได้อะไรทำอะไร มาพูดเหมือนต้องขออนุญาตเธอร่ำไปอย่างนั้นแหละ

             พูดจบแถมยังโดนจูบจากสามีไปอีก เธอก็ปล่อยให้เมธีทำได้ตามอำเภอใจ ความสุขที่หาไม่ได้จากใครอีกแล้ว แม้แต่คนเก่า ก็ไม่เคยทำให้แบบนี้ ไม่เคยสนใจเธอด้วยซ้ำ

             “โถ่น้องนภาคะ พี่ซื้อเองมันก็เรียกว่าพี่ซื้อเองสิคะ เมียซื้อให้ก็เรียกว่าเมียซื้อให้แหมะ มันเหมือนกันที่ไหนเล่า” ทำหน้าละห้อย นอนคว่ำลงกับเตียงนอน มือค้ำพยุงที่นอนไว้เล็กน้อย จ้องตาเธอจากนั้นกะพริบตาถี่ ๆ แบบตลก ๆ ไปอีก เรียกร้อยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะของเธอได้มากทีเดียว ชอบทำอะไรเป็นเด็ก ๆ มาก ทว่าก็น่ารักในสายตาของเธอ

             “เอ๋า! นภามีเงินที่ไหนเล่า” เธอก็ยังปฏิเสธ

             “เอ๋า! ถ้านภาไม่มีเงิน พี่ก็ไม่มีอันจะกินแล้วค่ะ เพราะว่าเงินเดือนพี่ได้มาเท่าไหร่ พี่ได้แค่เชยชมสลิปส่วนตัวเงินไม่รู้หายไปไหนค่ะ หึหึ” พูดพร้อมอมยิ้ม ส่วนเธอหัวเราะลั่นไปแล้ว ช่างประชดประชันเก่งนักนะ “จะซื้อให้เค้าหรือไม่ซื้อ” ระหว่างนั้นเมธียกนิ้วชูขึ้นมาให้เธอดู

             คราวนี้เมธีขยับมานอนค่อมตัวของเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอดิ้นขยับหนีไปไหนได้ มืออีกข้างชูนิ้วชี้ยกขึ้นมาให้เธอดู เธออ้าปากค้าง มองนิ้วพิฆาตนั้นด้วยความสยดสยอง เพราะเคยโดนมาแล้ว ทราบดีว่ามันน่าสยองขวัญแค่ไหน

             “ฮือพี่เมธีอย่า! นภาจั๊กจี้แหมะ” ทำหน้าอ้อนวอน เพราะรู้ชะตากรรมของตนเองแล้วว่าจะเจอกับอะไรหลังจากนี้

             “จะซื้อให้เค้ามั้ยคะ” พูดจบพร้อมใช้นิ้วจิ้มลงไปที่เอวของพรนภา เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะของพรนภาได้เป็นอย่างดี เขาเพียงอยากแกล้งเท่านั้น ทราบว่าพรนภาบ้าจี้และกลัวการกระทำแบบนี้จับจิต “นี่แค่ขู่นะคะ เค้าจะถามน้องอีกครั้งว่าน้องจะซื้อเรย์แบนสีเหลืองให้เค้ามั้ย ฮา” แสร้งเป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและสะใจ “ดอกสองนี่หนักกว่าดอกแรกนะคะ หึหึ”

             “ไม่!” เธอก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง เริ่มสนุกแล้วทว่าก็กลัว! กลัวแต่สนุก “ฮือ… พี่เมธีไม่เอา! ไม่เอา! อย่า…. อย่า! กรี๊ดดดดด…!!! ฮา” ทั้งกรี๊ดทั้งหัวเราะเมื่อโดนเมธีจิ้มเอว จะดิ้นไปไหนก็ไม่ได้เพราะโดนทับล็อกตัวเอาไว้ เสียงกรี๊ดเสียงหัวเราะของพวกเธอดังลั่นห้อง ไม่รู้เลยว่ามันเล็ดลอดออกไปข้างนอกหรือเปล่า นาทีนี้มีความสุขอย่างเดียว

             เธอทั้งหัวเราะ ทั้งกรี๊ด ทั้งน้ำตาไหล ทั้งสำลัก “จะซื้อเรย์แบนให้เค้ามั้ย ดอกที่สามหนักกว่าเดิมนะคะที่รัก อะแฮ่ม อืมม์ ผมรักคุณนะที่รักแต่ผมต้องทำ….ฮ่า ๆ ” พูดจบก็จูบริมฝีปากของภรรยาสาวไป พูดปนหัวเราะ แกล้งพูดอย่างตลกพร้อมง้างมือชูนิ้วชี้ขึ้นกลางอากาศ พร้อมจะกระโจนเข้ามาจิ้มเอวของพรนภาได้ทุกเมื่อ

             “ฮือ… อย่า ๆ พอแล้ว! พอแล้วพี่เมธี นภาเหนื่อย ฮา ฮือ… พอแล้วพอก่อน ซื้อให้แล้ว! ซื้อให้แล้วค่ะ” สุดท้ายเธอก็ยอมจำนนซื้อแว่นตากันแดดให้กับสามี

             “ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป ถ้าเจ้าโกหกข้า เจ้าจะเจอ ดับเบิลนิ้วพิฆาตแน่ ฮ่า ๆ ” พูดด้วยท่าทางตลกขบขัน จากชูมือสองข้างให้เธอดู

             “ซื้อ ๆ พอแล้ว! พอก่อน นภาเหนื่อย นภาจะตายแล้ว นภาบือค่ะ นภาตายพี่เมธีเป็นหม้ายเด้ เอาแหมะ! ฮ่วย!” คราวนี้ปรับอารมณ์อย่างเร็ว เปลี่ยนมาค่อนขอดให้แทน

             “ดีมากค่ะ เมียไผคือตะฮักแถะวา เว้าง่ายพร้อม” พูดจบจุมพิตลงบนริมฝีปากนิ่ม ๆ ของเธอ ก่อนจะผละตัวลุกขึ้นจากที่ค่อมร่างของเธอเอาไว้ คราวนี้ก็หายใจหายคอสะดวก

             “บุ้ย!” เธอสบถ

             “แหนะ!” เขาหันขวับมาจ้อง

             “งือ! เปล่า ๆ พี่เมธี เค้าเปล่า เค้าซื้อให้ค่ะ” พูดด้วยความกลัวมาก เพราะตอนนี้ยังอยู่ในอาณาจักรวงแขนของเขาที่จะเอื้อมถึง รอให้ลุกจากเตียงนอนได้ก่อนเถอะ ที่จริงเธอก็กะจะซื้อให้อยู่แล้วล่ะ พอเมธีปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้ไม่นาน ก็ดึงเธอเข้ามากอด

             “พี่ขอโทษนะคะ น้องเหนื่อยมั้ย” เขาดึงตัวภรรยาสาวเข้ามากอด พอเล่นสนุกเสร็จก็แอบสงสาร ทราบดีว่าพรนภาบ้าจี้ขนาดไหน “อยากแกล้งเฉย ๆ ไม่ได้แกล้งคนนานแล้ว”

             “ไม่ต้องมาพูดเลย!“ ได้โอกาสมีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ ค้อนขวับเข้าให้เลย

             “เอ๋าเค้าขอโทษน้องนภาค่ะ นะ ๆ ยกโทษให้เค้านะ จะยกหรือไม่ยก” เขาพูดเสียงราบเรียบ ทว่าเธอทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็หัวเราะ รีบพยักหน้าบอกว่ายกโทษให้แต่โดยดี “ดีมาก!”

            “พรุ่งนี้เดี๋ยวพาไปเลือกเลย ซื้ออันนี้แล้วจบนะ แว่นกันแดดมีตั้งหลายตัว ฮ่วย!” จากนั้นก็บ่นให้เสียเลย มันหลายตัวจริง ๆ มันเกินไป “อย่าให้ได้ยินว่าซื้อแว่นอีกนะ”

             “ค้าบ! ดีใจจัง ขอบคุณนะคะ” พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อยากขอให้ซื้อให้แค่นั้นแหละ ความจริงเขาเดินเข้าร้านแว่นซื้อเองเลยก็ได้ เพียงแค่อยากมีโมเมนต์ภรรยาพาไปซื้อ ภรรยาซื้อให้แค่นั้นเอง “ปิดไฟนอนดีกว่า สบายใจล่ะ “
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่