สวัสดีค่ะ
สมัยที่ยังอยู่ในวัยเรียน (ประถมจนถึงมหาลัย) มักจะโดนคุณแม่ต่อว่า และด่าเสียๆหายๆมาตลอด
มีทั้งคำหยาบคาย สัตว์นานาชนิดมากับครบสวนสัตว์เลย😢
และเราถูกบังคับทุกเรื่องตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัว มันยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่เมื่อคิดย้อนกลับไป
แต่พอเราเรียนจบ มาทำงานต่างประเทศ จึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวแบบเมื่อก่อน
แต่ปัญหาคือ เราไม่สามารถลืมภาพความทรงจำเก่าๆที่แสนเลวร้ายแบบนั้นได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งเสียงที่คุณแม่ตะคอกใส่เรา มันยังก้องอยู่หูเราจนถึงทุกวันนี้
เราเคยพูดกับคุณแม่เกี่ยวกับปัญหานี้แล้ว
แต่คำตอบที่ได้รับคือ การน้อยใจ คิดว่าลูกเลือกจำแต่สิ่งที่ไม่ดี ลูกไม่เคยมองเห็นความดีของพ่อแม่ ลูกอคติแม่
และเราเป็นคนที่ มีอะไรไม่กล้าปรึกษากับที่บ้านค่ะ เพราะถ้าไม่เข้าหูหรือไม่ถูกใจ ก็จะโดนว่า
และจะถูกบังคับให้ทำตามสิ่งที่แม่ต้องการ ถ้าไม่ทำตาม ก็จะถูกโกรธถูกว่า
แต่แม่บอกว่า ตอนนี้แม่ใจเย็นขึ้นแล้ว แม่ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว
(เราไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปีแล้ว เราไม่รู้ค่ะว่าแม่เปลี่ยนไปจริงไหม)
คือเราก็อยากปรึกษาแม่นะคะเวลามีปัญหา แต่เรากลัวมี่จะปรึกษาเพราะฝังใจกับอดีต
ถ้าเราลืมหรือปล่อยวางเรื่องในอดีตได้ก็คงจะดี
และเราอยากเป็นเหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีอะไรก็ปรึกษาพ่อแม่ได้
เพราะทุกวันนี้เรามีปัญหาอะไรก็เก็บไว้คนเดียวค่ะ
สมัยก่อนเคยระบายผ่านsocial network
แต่ก็โดนคนรอบข้างและคนในครอบครัวบอกว่ามันไม่ดี ทำไมต้องเอาเรื่องส่วนตัวไปโพสต์ให้คนอื่นรู้
เราก็เลยเลิกโพสต์ไปหลายปีแล้วค่ะ
แต่พอมีปัญหา อยากระบายความเครียด เราก็ไม่รู้จะไปพูดกับใครดี กลายเป็นเราเก็บกด
พอเครียดทีไร ก็นึกถึงเรื่องในอดีตทุกที บางครั้งก็นั่งกรี๊ดอยู่ในรถ
ไม่ก็ปาหมอนปาตุ๊กตาเพื่อระบายความเครียด
เคยบอกแม่ว่าอยากลางานเพื่อไปพบจิตแพทย์ที่ไทย(ตอนนั้นยังไม่มีโควิด)
แต่คำตอบที่ได้คือ เพ้อเจ้อ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจและความคิดเรา จิตแพทย์จะไปช่วยอะไรได้
และก็บอกให้เราไปสวดมนต์นั่งสมาธิสงบจิตสงบใจ😢
เราควรจะทำอย่างไรกับอดีตที่ฝังใจดีคะ
【Toxic parents】 จะลืมอดีตที่ฝังใจอย่างไรดี
สมัยที่ยังอยู่ในวัยเรียน (ประถมจนถึงมหาลัย) มักจะโดนคุณแม่ต่อว่า และด่าเสียๆหายๆมาตลอด
มีทั้งคำหยาบคาย สัตว์นานาชนิดมากับครบสวนสัตว์เลย😢
และเราถูกบังคับทุกเรื่องตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัว มันยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่เมื่อคิดย้อนกลับไป
แต่พอเราเรียนจบ มาทำงานต่างประเทศ จึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวแบบเมื่อก่อน
แต่ปัญหาคือ เราไม่สามารถลืมภาพความทรงจำเก่าๆที่แสนเลวร้ายแบบนั้นได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งเสียงที่คุณแม่ตะคอกใส่เรา มันยังก้องอยู่หูเราจนถึงทุกวันนี้
เราเคยพูดกับคุณแม่เกี่ยวกับปัญหานี้แล้ว
แต่คำตอบที่ได้รับคือ การน้อยใจ คิดว่าลูกเลือกจำแต่สิ่งที่ไม่ดี ลูกไม่เคยมองเห็นความดีของพ่อแม่ ลูกอคติแม่
และเราเป็นคนที่ มีอะไรไม่กล้าปรึกษากับที่บ้านค่ะ เพราะถ้าไม่เข้าหูหรือไม่ถูกใจ ก็จะโดนว่า
และจะถูกบังคับให้ทำตามสิ่งที่แม่ต้องการ ถ้าไม่ทำตาม ก็จะถูกโกรธถูกว่า
แต่แม่บอกว่า ตอนนี้แม่ใจเย็นขึ้นแล้ว แม่ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว
(เราไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปีแล้ว เราไม่รู้ค่ะว่าแม่เปลี่ยนไปจริงไหม)
คือเราก็อยากปรึกษาแม่นะคะเวลามีปัญหา แต่เรากลัวมี่จะปรึกษาเพราะฝังใจกับอดีต
ถ้าเราลืมหรือปล่อยวางเรื่องในอดีตได้ก็คงจะดี
และเราอยากเป็นเหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีอะไรก็ปรึกษาพ่อแม่ได้
เพราะทุกวันนี้เรามีปัญหาอะไรก็เก็บไว้คนเดียวค่ะ
สมัยก่อนเคยระบายผ่านsocial network
แต่ก็โดนคนรอบข้างและคนในครอบครัวบอกว่ามันไม่ดี ทำไมต้องเอาเรื่องส่วนตัวไปโพสต์ให้คนอื่นรู้
เราก็เลยเลิกโพสต์ไปหลายปีแล้วค่ะ
แต่พอมีปัญหา อยากระบายความเครียด เราก็ไม่รู้จะไปพูดกับใครดี กลายเป็นเราเก็บกด
พอเครียดทีไร ก็นึกถึงเรื่องในอดีตทุกที บางครั้งก็นั่งกรี๊ดอยู่ในรถ
ไม่ก็ปาหมอนปาตุ๊กตาเพื่อระบายความเครียด
เคยบอกแม่ว่าอยากลางานเพื่อไปพบจิตแพทย์ที่ไทย(ตอนนั้นยังไม่มีโควิด)
แต่คำตอบที่ได้คือ เพ้อเจ้อ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจและความคิดเรา จิตแพทย์จะไปช่วยอะไรได้
และก็บอกให้เราไปสวดมนต์นั่งสมาธิสงบจิตสงบใจ😢
เราควรจะทำอย่างไรกับอดีตที่ฝังใจดีคะ