ทำความรู้จัก "โรคเครียดฉับพลัน" จากเหตุการณ์รุนแรงกระทบจิตใจ มีอาการแบบไหน ต้องรีบไปพบแพทย์ พร้อมแนะ 7 วิธีรับมือ
วันที่ 29 มกราคม 2567 แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH (Bangkok Mental Health Hospital) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเครียดฉับพลัน โดยระบุว่า เมื่อคนที่เจอเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องที่คาดไม่ถึง และอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จะทำให้เกิดความกลัว ความกังวล รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต ซึ่งแต่ละคนมีการตอบสนองต่อการเผชิญเหตุการณ์ความรุนแรงที่แตกต่างกัน จนทำให้มีความรู้สึกกังวล เศร้า โกรธ นอนไม่หลับ เสียสมาธิ คิดวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่จะมีอาการค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเหตุการณ์ผ่านไประยะหนึ่ง แต่บางคนยังคงมีอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง อาจเกิดเป็นโรคทางจิตเวชที่เรียกว่า โรคเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์รุนแรง posttraumatic stress disorder (PTSD) หรือ โรคเครียดฉับพลัน Acute stress disorder (ASD)
โดยอาการที่ควรมาพบแพทย์ ได้แก่ อาการกังวล เศร้า หรือกลัวมาก ร้องไห้บ่อย, โกรธ, หงุดหงิด, ไม่พอใจมาก, สมาธิความจำไม่ดี, ฝันร้าย นอนไม่หลับ, คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กลัวว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก, หลีกเลี่ยงสถานที่ ผู้คน หรือสิ่งที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น, แยกตัวจากสังคม และมีอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง เหงื่อแตก ใจสั่น และตื่นตกใจง่าย
อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้แนะนำ 7 วิธีรับมือความเครียด จากเหตุการณ์รุนแรงกระทบจิตใจ
1. เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีความเครียด มีอารมณ์ร่วมกับข่าวมากไป ให้ดึงตัวเองออกจากการรับรู้ข่าวสาร งดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับข่าว ทั้งการแชร์ การคอมเมนต์ที่รุนแรงเกรี้ยวกราด เนื่องจากเป็นการส่งต่อความรุนแรง
2. ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไว้ใจ พูดคุย ระบายความรู้สึก อย่าแยกตัวไปอยู่คนเดียว
3. สงบจิตใจตัวเองด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง ออกกำลังกาย
4. ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ดูแลตัวเอง นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรใช้สุรา ยาเสพติด
5. ถ้ามีความรู้สึกอยากร่วมช่วยเหลือในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถมีส่วนร่วมได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บริจาคเงิน
6. ถ้ามีคนรู้จักมีความเครียดมากในเรื่องนี้ คุณสามารถช่วยเขาได้โดยการเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังอย่างไม่ตัดสินความคิดความรู้สึกของเขา ช่วยเหลือเขาเท่าที่คุณสามารถทำได้
7. สังเกตอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง หากเครียดมากไป และไม่สามารถรับมือได้ ให้ปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา
ทั้งนี้ การจัดการความเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และอาศัยความอดทน ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ความรุนแรง ควรใจเย็น และค่อยๆ เรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม แต่ถ้าไม่สามารถจัดการความเครียดได้ แนะนำให้มาปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาจะได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาล BMHH
ที่มา ไทยรัฐ
รู้จัก "โรคเครียดฉับพลัน" จากเหตุรุนแรงกระทบจิตใจ พร้อมแนะ 7 วิธีรับมือ
วันที่ 29 มกราคม 2567 แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH (Bangkok Mental Health Hospital) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเครียดฉับพลัน โดยระบุว่า เมื่อคนที่เจอเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องที่คาดไม่ถึง และอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จะทำให้เกิดความกลัว ความกังวล รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต ซึ่งแต่ละคนมีการตอบสนองต่อการเผชิญเหตุการณ์ความรุนแรงที่แตกต่างกัน จนทำให้มีความรู้สึกกังวล เศร้า โกรธ นอนไม่หลับ เสียสมาธิ คิดวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่จะมีอาการค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเหตุการณ์ผ่านไประยะหนึ่ง แต่บางคนยังคงมีอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง อาจเกิดเป็นโรคทางจิตเวชที่เรียกว่า โรคเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์รุนแรง posttraumatic stress disorder (PTSD) หรือ โรคเครียดฉับพลัน Acute stress disorder (ASD)
โดยอาการที่ควรมาพบแพทย์ ได้แก่ อาการกังวล เศร้า หรือกลัวมาก ร้องไห้บ่อย, โกรธ, หงุดหงิด, ไม่พอใจมาก, สมาธิความจำไม่ดี, ฝันร้าย นอนไม่หลับ, คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กลัวว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก, หลีกเลี่ยงสถานที่ ผู้คน หรือสิ่งที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น, แยกตัวจากสังคม และมีอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง เหงื่อแตก ใจสั่น และตื่นตกใจง่าย
อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้แนะนำ 7 วิธีรับมือความเครียด จากเหตุการณ์รุนแรงกระทบจิตใจ
1. เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีความเครียด มีอารมณ์ร่วมกับข่าวมากไป ให้ดึงตัวเองออกจากการรับรู้ข่าวสาร งดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับข่าว ทั้งการแชร์ การคอมเมนต์ที่รุนแรงเกรี้ยวกราด เนื่องจากเป็นการส่งต่อความรุนแรง
2. ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไว้ใจ พูดคุย ระบายความรู้สึก อย่าแยกตัวไปอยู่คนเดียว
3. สงบจิตใจตัวเองด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง ออกกำลังกาย
4. ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ดูแลตัวเอง นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรใช้สุรา ยาเสพติด
5. ถ้ามีความรู้สึกอยากร่วมช่วยเหลือในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถมีส่วนร่วมได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บริจาคเงิน
6. ถ้ามีคนรู้จักมีความเครียดมากในเรื่องนี้ คุณสามารถช่วยเขาได้โดยการเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังอย่างไม่ตัดสินความคิดความรู้สึกของเขา ช่วยเหลือเขาเท่าที่คุณสามารถทำได้
7. สังเกตอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง หากเครียดมากไป และไม่สามารถรับมือได้ ให้ปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา
ทั้งนี้ การจัดการความเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และอาศัยความอดทน ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ความรุนแรง ควรใจเย็น และค่อยๆ เรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม แต่ถ้าไม่สามารถจัดการความเครียดได้ แนะนำให้มาปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาจะได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาล BMHH
ที่มา ไทยรัฐ