“จิรายุ”จี้นายกฯเร่งจัดซื้อหน้ากากอนามัยแจกปชช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_94516/
“จิรายุ” เรียกร้องนายกฯเร่งจัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลพร้อมชุดตรวจโควิดให้ประชาชน ทั่วประเทศ
นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในพื้นที่เขตคลองสามวา ว่า วันนี้ตนขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รวบอำนาจกฎหมายต่างๆ มาไว้เพียงผู้เดียวว่านอกจากการแก้ไขปัญหาเชิงรุกที่ล่าช้า ทั้งการป้องกัน และ ตรวจเชื้อที่ล่าช้า แล้ว ตนเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการในการป้องกันด้วยการจัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลรวมทั้งชุดตรวจโควิดมาแจกให้ประชาชนได้ทั่วถึงทุกจังหวัดทุกอำเภอทุกตำบลทั่วประเทศได้แล้ว อย่างน้อยเป็นการป้องกัน และลดภาระค่าใช้จ่ายเนื่องจากที่ผ่านมาจากการตรวจสอบเงินกู้ของกระทรวงการคลังที่กู้เงินไปถึง 1 ล้านล้านบาทนั้น กลับใช้ไปเพียงไม่ถึง 600,000 ล้านบาท และยังเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้จัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือรวมทั้งชุดตรวจต่างๆส่งมอบให้กับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้แล้ว ตนไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีรออะไรอยู่ ซึ่งวันนี้ ส.ส. ฝ่ายค้านลงพื้นที่ด้วยกำลังกายกำลังใจของตนเองโดยไม่ได้รับการสนับสนุนใดใดจากรัฐบาลแม้แต่สลึงเดียว
นาย
จิรายุ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ทุกภาคส่วนต้องลงพื้นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยไม่มีวันหยุดทั้งการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ แจกหน้ากากอนามัย แม้กระทั่งผ้ากันเปื้อนและใช้รถกระจายเสียงรณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งในพื้นที่ตนอยากให้หน่วยงานราชการของรัฐบาลลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และแจกหน้ากากอนามัยหรือเจลเพื่อลดการติดเชื้อด้วย เช่นวันนี้พบผู้เสียชีวิตในพื้นที่ ตนและหน่วยงานของ ส.ส.ก็ลงพื้นที่ไปฉีดยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ทั้งนี้นาย
จิรายุ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลหากยังนิ่งนอนใจปล่อยปละละเลยให้ประชาชนเสี่ยงไปวันๆ ตนเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จบไม่สวยแน่นอน
เพจดังเรียกร้องรัฐบาล ฉีด แอสตร้าเซนเนก้า ให้ หมอ-พยาบาล ก่อน
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-660564
เพจ Drama-addict เรียกร้องรัฐบาลเอาโควต้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดมาฉีดให้หมอ-พยาบาล พร้อมฝากโรงพยาบาล ห้ามกดดันหมอ-พยาบาล ให้ฉีดซิโนแวก
วันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นพ.
วิทวัส ศิริประชัย หรือ
จ่าพิชิต ขจัดพาลชน แอดมินเพจ Drama-addict โพสต์ข้อความเรียกร้องให้รัฐบาลเอาโควต้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด มาให้หมอและพยาบาลฉีดก่อน ื่องจากเป็นกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อหนกมาก ข้อความทั้งหมดมีดังนี้
หมอ พยาบาล ควรได้ฉีดวัคซีนที่ประสิทธิภาพสูงเพราะเสี่ยงติดเชื้อหนักมาก ในตัวเลือกที่เรามีตอนนี้ AZ ดีกว่า (แหม่ เรามีสองออปชั่นเองนี่นะ ซิโนแวคกับ AZ แต่ถ้ามี pfizer moderna ก็ดีนะ หมอพยาบาลส่วนมากคงอยากได้สองตัวนั้นมากสุด) ขอเรียกร้องให้รัฐเอาโควต้าวัคซีน AZ ทั้งหมด มาให้หมอและพยาบาลฉีดก่อน และฝากกำชับไปทาง รพ. ต่าง ๆ ว่า ห้ามกดดันให้หมอพยาบาล ฉีดวัคซีนซิโนแวค เขามีสิทธิที่จะเลือกนะครับ
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10159717767118291
รายได้รัฐบาลสุทธิครึ่งปีแรก 1.01 ล้านล้านบ. ต่ำกว่าคาด 1.22 แสนล้านบ. ผลจากพิษโควิด-19
https://www.matichon.co.th/economy/news_2703034
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม น.ส.
กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิครึ่งปีแรก ที่ต่ำกว่าประมาณการ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสาหรับภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
อย่างไรก็ตาม นาย
กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กรมภาษีไปเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ให้เข้าเป้า ซึ่งขณะนี้กรมจัดเก็บรายได้ ทั้งกรมสรรพสาพร สรรพสามิต และกรมศุลกากร ก็รับนโยบายไปแล้ว และจะเร่งดูแล หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจัดเก็บรายได้พลาดเป้าหมายไปกว่าแสนล้านบาท
“
เราเข้าใจในเรื่องสถานการณ์โควิด แต่เรื่องเป้าเก็บรายได้ของแต่ละกรมก็ยังอยากให้เป็นไปตามเป้าหมายประมาณการของเอกสารงบประมาณ อย่างไรก็ดี อาจจะมีการหลุดเป้าหมายไปบ้าง ซึ่งกระทรวงการคลังก็เห็นสัญญาณการเก็บรายได้ที่ลดลง ซึ่งแต่ละกรมจึงจะต้องเร่งดูแลเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน สศค. ก็ต้องติดตามว่าช่วงที่เหลือจะสามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายมากน้อยแค่ไหนบ้าง”น.ส.
กุลยา กล่าว
รายงานจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564) ยังคงเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเก็บรายได้ที่ 1.01 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 122,545 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 123,594 ล้านบาท หรือ 10.8% โดยพบว่ายอดจัดเก็บรายได้ติดลบลงทุกรายการ โดยเฉพาะจาก 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เก็บรายได้รวมกัน 1.06 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 97,606 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 103,343 ล้านบาท
ส่วนการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ลดลงเช่นกัน มีรายได้ทั้งสิ้น 47,780 ล้านบาท ลดลง 53,393 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 35,006 ล้านบาทเมื่อเทียบกับเป้าหมาย เนื่องจากปีนี้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่มีผลประกอบการลดลงจากผลกระทบโควิด รวมถึงธนาคารรัฐก็นำกำไรไปช่วยเหลือลูกหนี้และมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้เสียที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่รายได้อื่นจากส่วนราชการจัดเก็บได้ 86,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,719 ล้านบาทจากปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าเป้าประมาณการณ์ 5,047 ล้านบาท
การจัดเก็บรายได้ทั้งปีนี้คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายแน่นอน โดยจะไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรืออาจสูงถึง 2 แสนล้านบาทได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กนะทรรวงการคลังกังวลว่าอาจกระทบต่อการจัดทำงบประมาณในปีหน้า รวมถึงการจัดทำแผนบริหารหนี้ เพราะมีแนวโน้มคลังอาจต้องมีการกู้เต็มเพดาน ทั้งการกู้ชดเชยการขาดดุล และการกู้เงินจากจากกรอบรายจ่ายสูงกว่ารายได้มาใช้ปิดหีบหากรายได้เข้ามาต่ำจริงๆ
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกกรมที่จัดเก็บรายได้ติดลบมากสุด คือ กรมสรรพากรเก็บได้เพียง 735,958 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 76,728 ล้านบาท โดยภาษีที่ลดลงส่วนใหญ่ เป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจากรัฐได้ออกมาตรการชะลอการเก็บภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบโควิด อีกทั้งภาคธุรกิจ และประชาชนมีรายได้ลดลงทำให้เสียภาษีน้อยลง ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังเก็บได้น้อยกว่าปีก่อน เช่นเดียวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม สำหรับรายได้กรมสรรพสามิต ก็ลดลงเช่นกัน โดยเก็บได้ 281,556 ล้านบาท น้อยกว่าเป้าหมาย 25,319 ล้านบาท โดยมีการลดลงทั้งภาษียาสูบ ภาษีสุรา ภาษีเบียร์ ภาษีเครื่องดื่ม ขณะที่กรมศุลกากรเก็บรายได้ 50,304ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,296 ล้านบาท
JJNY : จิรายุจี้ซื้อหน้ากากแจกปชช.│เพจดังร้องฉีดแอสตร้าให้หมอ-พยาบาลก่อน│รายได้รบ.ครึ่งปีแรกต่ำกว่าคาด│บาทแข็งฉุดส่งออก
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_94516/
“จิรายุ” เรียกร้องนายกฯเร่งจัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลพร้อมชุดตรวจโควิดให้ประชาชน ทั่วประเทศ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในพื้นที่เขตคลองสามวา ว่า วันนี้ตนขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รวบอำนาจกฎหมายต่างๆ มาไว้เพียงผู้เดียวว่านอกจากการแก้ไขปัญหาเชิงรุกที่ล่าช้า ทั้งการป้องกัน และ ตรวจเชื้อที่ล่าช้า แล้ว ตนเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการในการป้องกันด้วยการจัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลรวมทั้งชุดตรวจโควิดมาแจกให้ประชาชนได้ทั่วถึงทุกจังหวัดทุกอำเภอทุกตำบลทั่วประเทศได้แล้ว อย่างน้อยเป็นการป้องกัน และลดภาระค่าใช้จ่ายเนื่องจากที่ผ่านมาจากการตรวจสอบเงินกู้ของกระทรวงการคลังที่กู้เงินไปถึง 1 ล้านล้านบาทนั้น กลับใช้ไปเพียงไม่ถึง 600,000 ล้านบาท และยังเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้จัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือรวมทั้งชุดตรวจต่างๆส่งมอบให้กับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้แล้ว ตนไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีรออะไรอยู่ ซึ่งวันนี้ ส.ส. ฝ่ายค้านลงพื้นที่ด้วยกำลังกายกำลังใจของตนเองโดยไม่ได้รับการสนับสนุนใดใดจากรัฐบาลแม้แต่สลึงเดียว
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ทุกภาคส่วนต้องลงพื้นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยไม่มีวันหยุดทั้งการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ แจกหน้ากากอนามัย แม้กระทั่งผ้ากันเปื้อนและใช้รถกระจายเสียงรณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งในพื้นที่ตนอยากให้หน่วยงานราชการของรัฐบาลลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และแจกหน้ากากอนามัยหรือเจลเพื่อลดการติดเชื้อด้วย เช่นวันนี้พบผู้เสียชีวิตในพื้นที่ ตนและหน่วยงานของ ส.ส.ก็ลงพื้นที่ไปฉีดยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ทั้งนี้นายจิรายุ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลหากยังนิ่งนอนใจปล่อยปละละเลยให้ประชาชนเสี่ยงไปวันๆ ตนเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จบไม่สวยแน่นอน
เพจดังเรียกร้องรัฐบาล ฉีด แอสตร้าเซนเนก้า ให้ หมอ-พยาบาล ก่อน
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-660564
เพจ Drama-addict เรียกร้องรัฐบาลเอาโควต้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดมาฉีดให้หมอ-พยาบาล พร้อมฝากโรงพยาบาล ห้ามกดดันหมอ-พยาบาล ให้ฉีดซิโนแวก
วันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นพ.วิทวัส ศิริประชัย หรือ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน แอดมินเพจ Drama-addict โพสต์ข้อความเรียกร้องให้รัฐบาลเอาโควต้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด มาให้หมอและพยาบาลฉีดก่อน ื่องจากเป็นกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อหนกมาก ข้อความทั้งหมดมีดังนี้
หมอ พยาบาล ควรได้ฉีดวัคซีนที่ประสิทธิภาพสูงเพราะเสี่ยงติดเชื้อหนักมาก ในตัวเลือกที่เรามีตอนนี้ AZ ดีกว่า (แหม่ เรามีสองออปชั่นเองนี่นะ ซิโนแวคกับ AZ แต่ถ้ามี pfizer moderna ก็ดีนะ หมอพยาบาลส่วนมากคงอยากได้สองตัวนั้นมากสุด) ขอเรียกร้องให้รัฐเอาโควต้าวัคซีน AZ ทั้งหมด มาให้หมอและพยาบาลฉีดก่อน และฝากกำชับไปทาง รพ. ต่าง ๆ ว่า ห้ามกดดันให้หมอพยาบาล ฉีดวัคซีนซิโนแวค เขามีสิทธิที่จะเลือกนะครับ
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10159717767118291
รายได้รัฐบาลสุทธิครึ่งปีแรก 1.01 ล้านล้านบ. ต่ำกว่าคาด 1.22 แสนล้านบ. ผลจากพิษโควิด-19
https://www.matichon.co.th/economy/news_2703034
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิครึ่งปีแรก ที่ต่ำกว่าประมาณการ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสาหรับภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
อย่างไรก็ตาม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กรมภาษีไปเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ให้เข้าเป้า ซึ่งขณะนี้กรมจัดเก็บรายได้ ทั้งกรมสรรพสาพร สรรพสามิต และกรมศุลกากร ก็รับนโยบายไปแล้ว และจะเร่งดูแล หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจัดเก็บรายได้พลาดเป้าหมายไปกว่าแสนล้านบาท
“เราเข้าใจในเรื่องสถานการณ์โควิด แต่เรื่องเป้าเก็บรายได้ของแต่ละกรมก็ยังอยากให้เป็นไปตามเป้าหมายประมาณการของเอกสารงบประมาณ อย่างไรก็ดี อาจจะมีการหลุดเป้าหมายไปบ้าง ซึ่งกระทรวงการคลังก็เห็นสัญญาณการเก็บรายได้ที่ลดลง ซึ่งแต่ละกรมจึงจะต้องเร่งดูแลเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน สศค. ก็ต้องติดตามว่าช่วงที่เหลือจะสามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายมากน้อยแค่ไหนบ้าง”น.ส.กุลยา กล่าว
รายงานจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564) ยังคงเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเก็บรายได้ที่ 1.01 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 122,545 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 123,594 ล้านบาท หรือ 10.8% โดยพบว่ายอดจัดเก็บรายได้ติดลบลงทุกรายการ โดยเฉพาะจาก 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เก็บรายได้รวมกัน 1.06 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 97,606 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 103,343 ล้านบาท
ส่วนการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ลดลงเช่นกัน มีรายได้ทั้งสิ้น 47,780 ล้านบาท ลดลง 53,393 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 35,006 ล้านบาทเมื่อเทียบกับเป้าหมาย เนื่องจากปีนี้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่มีผลประกอบการลดลงจากผลกระทบโควิด รวมถึงธนาคารรัฐก็นำกำไรไปช่วยเหลือลูกหนี้และมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้เสียที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่รายได้อื่นจากส่วนราชการจัดเก็บได้ 86,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,719 ล้านบาทจากปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าเป้าประมาณการณ์ 5,047 ล้านบาท
การจัดเก็บรายได้ทั้งปีนี้คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายแน่นอน โดยจะไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรืออาจสูงถึง 2 แสนล้านบาทได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กนะทรรวงการคลังกังวลว่าอาจกระทบต่อการจัดทำงบประมาณในปีหน้า รวมถึงการจัดทำแผนบริหารหนี้ เพราะมีแนวโน้มคลังอาจต้องมีการกู้เต็มเพดาน ทั้งการกู้ชดเชยการขาดดุล และการกู้เงินจากจากกรอบรายจ่ายสูงกว่ารายได้มาใช้ปิดหีบหากรายได้เข้ามาต่ำจริงๆ
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกกรมที่จัดเก็บรายได้ติดลบมากสุด คือ กรมสรรพากรเก็บได้เพียง 735,958 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 76,728 ล้านบาท โดยภาษีที่ลดลงส่วนใหญ่ เป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจากรัฐได้ออกมาตรการชะลอการเก็บภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบโควิด อีกทั้งภาคธุรกิจ และประชาชนมีรายได้ลดลงทำให้เสียภาษีน้อยลง ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังเก็บได้น้อยกว่าปีก่อน เช่นเดียวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม สำหรับรายได้กรมสรรพสามิต ก็ลดลงเช่นกัน โดยเก็บได้ 281,556 ล้านบาท น้อยกว่าเป้าหมาย 25,319 ล้านบาท โดยมีการลดลงทั้งภาษียาสูบ ภาษีสุรา ภาษีเบียร์ ภาษีเครื่องดื่ม ขณะที่กรมศุลกากรเก็บรายได้ 50,304ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,296 ล้านบาท