👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Chef's Table - เชฟส์เทเบิ้ล
⭐️⭐️ 2 Michelin Stars - 2 ดาวมิชลิน
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
🎗 [Intro] รีวิววันนี้เป็นคิวของ
ห้องอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นห้องอาหารระดับ 2 Michelin Stars จาก Michelin Guide ประจำปี 2021 นอกจากนี้เชฟ Vincent Thierry ยังเป็นหนึ่งในเชฟที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ห้องอาหาร Caprice ที่เกาะฮ่องกงอีกด้วย
🎗 [The Place] ห้องอาหาร Chef's Table ตั้งอยู่บนชั้น 61 ของอาคาร Lebua at State Tower ทางโรงแรมจะมีพนักงานต้อนรับพาลูกค้าเดินและเปลี่ยนลิฟท์ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับพนักงานประจำห้องอาหาร ขอแนะนำให้เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้วที่ Pink Bar หรือเดินรับลมชมวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครก็โรแมนติคไม่เบา ใจกลางห้องอาหารหลักโดดเด่นด้วยครัวแบบ Open Kitchen ขนาดใหญ่หุ้มด้วยหินอ่อน Carrara จากประเทศอิตาลี ตรงกลางมีเตาอบ Custom Made แบรนด์ Molteni สีครีมตัดด้วยขอบทองเหลือง ด้านบนเป็นระบบระบายอากาศล้อมรอบด้วยวงแหวนทองเหลืองรูปวงกลมชวนนึกถึงเจดีย์และแสดงออกถึงความเป็นไทย เมื่อประกอบกับการปรุงของทีมเชฟและการนำเสิร์ฟของบริกรอาจเรียกได้ว่านี่คือเป็นเวทีการแสดงทางอาหารชั้นเลิศก็ไม่ผิดนัก เกือบทุกโต๊ะจะตั้งอยู่ริมกระจกใสมองออกไปเห็นเรือลำน้อยใหญ่ประดับไฟสีสันสวยงามแล่นไปมาตามโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทั้งคืน ทุกองค์ประกอบที่กล่าวมาช่วยให้มื้ออาหารที่ Chef's Table น่าประทับใจไม่รู้ลืม
🎗 [The Chef] Vincent Thierry เกิดและเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ในลุ่มแม่น้ำลัวร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ชีวิตในวัยเด็กของเขาค่อนข้างเรียบง่ายโดยมีคุณแม่ทำงานเป็นคุณครูผู้ช่วยในโรงเรียนอนุบาลและคุณพ่อเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับบริษัท Philips เมื่ออายุ 14 ปีเขาได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นเชฟจากพี่ชายคนโตและเดินทางตามรอยไปยังโรงเรียนสอนทำอาหารในเมือง Montpellier ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสห่างจากบ้านเกิดถึง 800 กิโลเมตร หลังจากเรียนจบเชฟ Vincent เริ่มต้นสายอาชีพโดยการเป็นเชฟฝึกหัดที่ Restaurant Cafe des Fleurs ก่อนที่จะมีโอกาสทำงานในห้องอาหารระดับตำนานอีกมากมายทั้ง Le Taillevent (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), La Côte Saint Jacques (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), Les Crayères (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), La Pinède (3 Michelin Stars ปัจจุบันคือห้องอาหาร La Vague d'Or - Cheval Blanc St-Tropez) และ Buerehiesel (1 Michelin Star) จุดหมายสำคัญเกิดขึ้นในปี 1999 เมื่อเชฟ Vincent ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ที่โรงแรม Four Srasons Hotel George V ในกรุงปารีสควบคุมทีมเชฟมากกว่า 75 คนที่ห้องอาหาร Le Cinq จนกระทั่งสามารถคว้ารางวัล ⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars มาครองได้สำเร็จในปี 2003 ถัดมาในปี 2005 เชฟ Vincent และภรรยาตัดสินใจเดินทางข้ามทวีปมาเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ให้กับห้องอาหาร Caprice ที่ Four Seasons Hotel Hong Kong โดยเลือกสไตล์การปรุงอาหารในรูปแบบฝรั่งเศสร่วมสมัยและใช้วัตถุดิบนำเข้าเกือบทั้งหมดกระทั่งปลายปี 2008 เป็นครั้งแรกที่ Michelin Guide ได้แผ่ขยายการมอบรางวัลไปยังเกาะฮ่องกง Caprice ได้รับรางวัล ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars ในปีแรกตามด้วยการยกระดับสู่ ⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars ในปีถัดมา ในปี 2018 เชฟ Vincent ได้บรรลุข้อตกลงกับ Lebua Hotel Bangkok เพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ให้กับห้องอาหาร Chef's Table และสามารถคว้า ⭐️ 1 Michelin Star มาครองได้ในปี 2019 และ ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars ในปี 2020
🎗 [The Food] ห้องอาหาร Chef's Table นำเสนออาหารออกมาในรูปแบบฝรั่งเศสร่วมสมัย เชฟ Vincent ตั้งใจเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงสุดนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศสราว 80% แต่ก็มีบางส่วนที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนำมาผสมผสานกันเป็นเมนูชั้นยอดตามปรัชญา 80/20 จำนวน 7 คอร์สหรือ Chef's Tasting Menu ที่ราคาคนละ 7,900++ โดยขอยกจานที่ทำออกมาได้โดดเด่นจนต้องนำมาเล่าให้ฟังกันตรงนี้อยู่ 4 อย่างคือ
✨ Sea Bream Tartare
Clams, Buttermilk Jelly, Avruga Caviar
เมนูอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกคือ “ทาทาร์ปลาซีบรีม” เชฟนำเนื้อปลามาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมไปกับกะหล่ำดอกและเนื้อหอยทำให้เกิดมิติทางเนื้อสัมผัสที่หลากหลายเมื่อได้เคี้ยว จากนั้นคลุมด้านบนด้วยเจลลี่บัตเตอร์มิลค์และ Avruga Caviar ข้างกันเป็นครีมทำมาจากไข่ปลาคาเวียร์ชนิดเดียวกันและซอสทำมาจากกะหล่ำดอกรมควันและผิวมะนาวเผาช่วยเสริมกลิ่นหอมทั้งยังมีรสอมเปรี้ยวและความขมเบา ๆ ซึ่งจะช่วยดึงความหวานธรรมชาติของเนื้อปลาให้เด่นชัดมากขึ้นอีกด้วย (18/20)
✨ Scottish Langoustine, Sweetbread
Fennel Confit, Shellfish Emulsion
จานที่เชฟ Vincent เลือกนำเสนอวัตถุดิบล้ำค่าอย่าง “ลองกูสทีน” นำเข้าจากน่านน้ำสก็อตแลนด์ โดยสก็อตติชลองกูสทีนนั้นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างออกไปจากล็องกูสทีนน่านน้ำอื่นคือขนาดตัวที่ใหญ่และเนื้อที่แน่นเฟิร์มมากกว่าปกติแต่ยังคงนุ่มเมื่อเทียบกับกุ้งทั่วไป ด้านล่างคือ Fricassee หรือสตูว์ทำมาจากมะเขือเทศและเฟนเนลสับผสมกับสวีทเบรด รสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ ช่วยดึงความหวานของลองกูสทีนที่ดีมากอยู่แล้วให้เด่นชัดขึ้นมาอีก ข้างกันคือ “สวีทเบรด” หรือต่อมไร้ท่อจากส่วนคอของลูกวัว ปรุงมาสุกพอดี นุ่ม หอม ไม่มีกลิ่นคาว น้ำซุปที่เทราดลงไปทำมาจากหัวกุ้งลองกูสทีนผสมกับ Port Wine มีความหอม มัน ครีมมี่ แทรกด้วยรสขมของมันกุ้งและรสหวานนิด ๆ จาก Port Wine สุดยอดมากๆ (18/20)
✨ Rice Smoked Challans Duck
Pumpkin, Chestnut, Sweet Spices
เมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดของห้องอาหาร Chef's Table คือ “อกเป็ดชาลลองส์” อบมาในฟางข้าวไทยเสิร์ฟมาในหม้อขนาดใหญ่ส่งกลิ่นหอมดูแล้วน่าทาน เชฟจะนำมาจัดลงจานเสิร์ฟคู่กับพูเรสีเหลืองทำมาจากฟักทองและพูเรสีน้ำตาลอ่อนทำมาจากเกาลัด เนื้อเป็ดนุ่ม หนึบ ไร้ซึ่งความเหนียวและกลิ่นสาบ ตรงกลางคือผักโขมนุ่ม ๆ ทอปด้วยแผ่นกลม ๆ กรอบ ๆ ของฟักทองรมควันเพิ่มมิติทางเนื้อสัมผัส ราดซอสที่ทำมาจากสาเกและข้าวไทยลงไป ก่อนจะจบจะจบด้วย Parmentier ทำมาจากเนื้อขาเป็ด ฟักทอง และถั่วฮาเซลนัท เสิร์ฟมาแยกกัน (18/20)
✨ Vanilla Duo Millefeuille
BBQ Smoked Ice Cream
สำหรับขนมหวานจานแรกคือ “วานิลลาดูโอมิลเฟย” เชฟได้ปรับรูปแบบการเสิร์ฟมิลเฟยแบบคลาสสิคที่เรียงตัวกันเป็นชั้นเปลี่ยนมาเป็นการเรียงตัวคล้ายรังผึ้ง แต่ละช่องถูกเติมด้วยครีมมาดากัสการ์วานิลลาสองสีและครีมคาราเมล ด้านบนเป็นไอศกรีมวานิลลารมควันเสริมกลิ่นให้หอมเด่นมากยิ่งขึ้น ครีมสีดำข้างกันทำมาจากวานิลลาครีมและ Black Vinegar ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานช่วยบาลานซ์ความมันของวานิลลาและความหวานของคาราเมลได้อย่างน่าทึ่ง (17/20)
🎗 [Conclusion] เชฟ Vincent Thierry สามารถจัดเตรียมอาหารทุกจานออกมาได้อย่างไร้ที่ติ หลายจานมีความซับซ้อนทั้งในแง่เทคนิคการปรุงและรสชาติแต่เมื่อนำมาประกอบกันกลับดูเข้ากันและเรียบง่ายจนเข้าถึงได้ไม่ยาก การบริการเป็นไปอย่างลื่นไหลสมกับการคว้ารางวัล Michelin Service Award ประจำปี 2021 ราคาอาหารค่อนข้างสูงตามมาตรฐานร้านอาหารฝรั่งเศสระดับ Haute Cuisine ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เราขอแนะนำมื้ออาหารที่ Chef's Table สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการพาคนรู้ใจมาเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสสำคัญต่าง ๆ รับรองว่าต้องประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน
📃 Chef's Tasting Menu (7,900++/p)
Pigeon Pâté en Croûte
Foie Gras, Black Truffle, Prune Jam
OR
Sea Bream Tartare
Clams, Buttermilk Jelly, Avruga Caviar
***
Scottish Langoustine, Sweetbread
Fennel Confit, Shellfish Emulsion
***
Seared Foie Gras
Beetroot Texture, Blackcurrant Berries
OR
Flashed Scallop
Black Truffle Tapenade, Leek Texture
***
Meunière Sole Fillet
Carrot, Kumquat, Cumin Sauce
***
Rice Smoked Challans Duck
Pumpkin, Chestnut, Sweet Spices
OR
Milk Fed Veal
Broccoli, Oyster Condiment, Nature Jus
***
Cheese Selection
Jean-François Anthony, Eleveur de Fromages
***
Vanilla Duo Millefeuille
BBQ Smoked Ice Cream
OR
Crispy Honeycomb
Confit Bergamot, Earl Grey Sorbet
🏵 Score:
👍 สุดยอดร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นนำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ บรรยากาศดี บริการไร้ที่ติ
อาหาร : 17/20
ราคา : 🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟
เทคนิค : 🌟🌟🌟🌟
อัตลักษณ์ : 🌟🌟🌟🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟🌟
ความประทับใจโดยรวม : 17/20
📍 Visit: Mar 2020
🏠 Location: 61st Floor, Tower Club at lebua, 1055 Silom Road, Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
🚗 Parking: จอดรถที่ Lebua Hotel
🕔 Operating Time: 17.00-23.00 ปิดวันจันทร์
💰 Price: 7,900++/p
📞 Tel: 02-624-9555
🧥 Dress Code: Smart Casual
🖥 Website:
https://lebua.com/chefs-table
🥰 ฝากเพื่อน ๆ ช่วยกดไลค์และติดตามเราผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเราตั้งใจนำเสนองานรีวิวร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำและห้องอาหารระดับ Michelin Guide ทั่วโลก
👍 Facebook: “ตามล่า Fine Dining” และ “Pakiin by ตามล่า Fine Dining”
👍 Group “Fine Dining Lovers by ตามล่า Fine Dining”:
https://www.facebook.com/groups/3392372877497917/?ref=share
👍 Instagram: finedining_lovers
👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining
#2MichelinStars #MichelinStar #MichelinGuide #MichelinRestaurant #MichelinGuideBangkok #MichelinGuideTH #MichelinStar21 #MichelinStar20 #YesMichelinGuide #มิชลินไกด์ #French #FrenchFood #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining
🇹🇭 Chef's Table - เชฟส์เทเบิ้ล
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
⭐️⭐️ 2 Michelin Stars - 2 ดาวมิชลิน
รีวิววันนี้เป็นคิวของห้องอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นห้องอาหารระดับ 2 Michelin Stars จาก Michelin Guide ประจำปี 2021 นอกจากนี้เชฟ Vincent Thierry ยังเป็นหนึ่งในเชฟที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ห้องอาหาร Caprice ที่เกาะฮ่องกงอีกด้วย
Amuse Bouche
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย “อมูสบูช” เสิร์ฟมาพร้อมกัน 3 อย่าง
Potato Wafer with Cod Fish Cream and Kristal Caviar
ชิ้นแรกคือ “เวเฟอร์มันฝรั่ง” กรอบ ๆ ทอปด้านบนด้วยครีมปลาค็อดรมควัน ตัวครีมทำออกมาได้ดีมาก ๆ หอม มัน มีกลิ่นของปลาและกลิ่นหอมจากการรมควันชัดเจน ด้านบนทอปด้วยคริสตัลคาเวียร์ให้รสชาติออกเค็มนิด ๆ เชฟพันรอบ ๆ ด้วยแตงกวาดองเพื่อให้มีความกรอบและรสเปรี้ยวมาตัดกับความนุ่มละมุนของครีม (17/20)
Cheese Puff with Smoked Salmon and Cream Cheese
ถัดมาคือ “ชีสพัฟ” ที่มีความกรอบ เบา ด้านบนโรยด้วยผงยี่หร่าและขมิ้นช่วยให้มีสีเหลือง ด้านในเป็นครีมชีสและปลาแซลมอนรมควัน ปิดด้วยการบีบคาลามานซี่เจลหรือเจลส้มรสเปรี้ยวหวานลงไปด้านบน (17/20)
Amuse Bouche
Foie Gras Terrine Glazed with Milk
สุดท้ายคือ “ฟัวกราส์เทอรีน” เนื้อนุ่ม ละมุน เชฟเคลือบด้วยนมจนมีสีขาวดูน่าทานแล้ววางมาบนโคนจิ๋วกรอบ ๆ กลิ่นหอมของนมเข้ากันได้ดีกับฟัวกราส์มาก ๆ ด้านล่างเป็นกราโนล่าและแอปริคอตดอง (18/20)
[CR] 🇹🇭 Chef's Table - เชฟส์เทเบิ้ล ห้องอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยระดับ 2 Michelin Stars
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Chef's Table - เชฟส์เทเบิ้ล
⭐️⭐️ 2 Michelin Stars - 2 ดาวมิชลิน
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
🎗 [Intro] รีวิววันนี้เป็นคิวของห้องอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นห้องอาหารระดับ 2 Michelin Stars จาก Michelin Guide ประจำปี 2021 นอกจากนี้เชฟ Vincent Thierry ยังเป็นหนึ่งในเชฟที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ห้องอาหาร Caprice ที่เกาะฮ่องกงอีกด้วย
🎗 [The Place] ห้องอาหาร Chef's Table ตั้งอยู่บนชั้น 61 ของอาคาร Lebua at State Tower ทางโรงแรมจะมีพนักงานต้อนรับพาลูกค้าเดินและเปลี่ยนลิฟท์ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับพนักงานประจำห้องอาหาร ขอแนะนำให้เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้วที่ Pink Bar หรือเดินรับลมชมวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครก็โรแมนติคไม่เบา ใจกลางห้องอาหารหลักโดดเด่นด้วยครัวแบบ Open Kitchen ขนาดใหญ่หุ้มด้วยหินอ่อน Carrara จากประเทศอิตาลี ตรงกลางมีเตาอบ Custom Made แบรนด์ Molteni สีครีมตัดด้วยขอบทองเหลือง ด้านบนเป็นระบบระบายอากาศล้อมรอบด้วยวงแหวนทองเหลืองรูปวงกลมชวนนึกถึงเจดีย์และแสดงออกถึงความเป็นไทย เมื่อประกอบกับการปรุงของทีมเชฟและการนำเสิร์ฟของบริกรอาจเรียกได้ว่านี่คือเป็นเวทีการแสดงทางอาหารชั้นเลิศก็ไม่ผิดนัก เกือบทุกโต๊ะจะตั้งอยู่ริมกระจกใสมองออกไปเห็นเรือลำน้อยใหญ่ประดับไฟสีสันสวยงามแล่นไปมาตามโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทั้งคืน ทุกองค์ประกอบที่กล่าวมาช่วยให้มื้ออาหารที่ Chef's Table น่าประทับใจไม่รู้ลืม
🎗 [The Chef] Vincent Thierry เกิดและเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ในลุ่มแม่น้ำลัวร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ชีวิตในวัยเด็กของเขาค่อนข้างเรียบง่ายโดยมีคุณแม่ทำงานเป็นคุณครูผู้ช่วยในโรงเรียนอนุบาลและคุณพ่อเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับบริษัท Philips เมื่ออายุ 14 ปีเขาได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นเชฟจากพี่ชายคนโตและเดินทางตามรอยไปยังโรงเรียนสอนทำอาหารในเมือง Montpellier ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสห่างจากบ้านเกิดถึง 800 กิโลเมตร หลังจากเรียนจบเชฟ Vincent เริ่มต้นสายอาชีพโดยการเป็นเชฟฝึกหัดที่ Restaurant Cafe des Fleurs ก่อนที่จะมีโอกาสทำงานในห้องอาหารระดับตำนานอีกมากมายทั้ง Le Taillevent (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), La Côte Saint Jacques (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), Les Crayères (3 Michelin Stars ในขณะนั้น), La Pinède (3 Michelin Stars ปัจจุบันคือห้องอาหาร La Vague d'Or - Cheval Blanc St-Tropez) และ Buerehiesel (1 Michelin Star) จุดหมายสำคัญเกิดขึ้นในปี 1999 เมื่อเชฟ Vincent ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ที่โรงแรม Four Srasons Hotel George V ในกรุงปารีสควบคุมทีมเชฟมากกว่า 75 คนที่ห้องอาหาร Le Cinq จนกระทั่งสามารถคว้ารางวัล ⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars มาครองได้สำเร็จในปี 2003 ถัดมาในปี 2005 เชฟ Vincent และภรรยาตัดสินใจเดินทางข้ามทวีปมาเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ให้กับห้องอาหาร Caprice ที่ Four Seasons Hotel Hong Kong โดยเลือกสไตล์การปรุงอาหารในรูปแบบฝรั่งเศสร่วมสมัยและใช้วัตถุดิบนำเข้าเกือบทั้งหมดกระทั่งปลายปี 2008 เป็นครั้งแรกที่ Michelin Guide ได้แผ่ขยายการมอบรางวัลไปยังเกาะฮ่องกง Caprice ได้รับรางวัล ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars ในปีแรกตามด้วยการยกระดับสู่ ⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars ในปีถัดมา ในปี 2018 เชฟ Vincent ได้บรรลุข้อตกลงกับ Lebua Hotel Bangkok เพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Pre-opening Team ให้กับห้องอาหาร Chef's Table และสามารถคว้า ⭐️ 1 Michelin Star มาครองได้ในปี 2019 และ ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars ในปี 2020
🎗 [The Food] ห้องอาหาร Chef's Table นำเสนออาหารออกมาในรูปแบบฝรั่งเศสร่วมสมัย เชฟ Vincent ตั้งใจเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงสุดนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศสราว 80% แต่ก็มีบางส่วนที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนำมาผสมผสานกันเป็นเมนูชั้นยอดตามปรัชญา 80/20 จำนวน 7 คอร์สหรือ Chef's Tasting Menu ที่ราคาคนละ 7,900++ โดยขอยกจานที่ทำออกมาได้โดดเด่นจนต้องนำมาเล่าให้ฟังกันตรงนี้อยู่ 4 อย่างคือ
✨ Sea Bream Tartare
Clams, Buttermilk Jelly, Avruga Caviar
เมนูอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกคือ “ทาทาร์ปลาซีบรีม” เชฟนำเนื้อปลามาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมไปกับกะหล่ำดอกและเนื้อหอยทำให้เกิดมิติทางเนื้อสัมผัสที่หลากหลายเมื่อได้เคี้ยว จากนั้นคลุมด้านบนด้วยเจลลี่บัตเตอร์มิลค์และ Avruga Caviar ข้างกันเป็นครีมทำมาจากไข่ปลาคาเวียร์ชนิดเดียวกันและซอสทำมาจากกะหล่ำดอกรมควันและผิวมะนาวเผาช่วยเสริมกลิ่นหอมทั้งยังมีรสอมเปรี้ยวและความขมเบา ๆ ซึ่งจะช่วยดึงความหวานธรรมชาติของเนื้อปลาให้เด่นชัดมากขึ้นอีกด้วย (18/20)
✨ Scottish Langoustine, Sweetbread
Fennel Confit, Shellfish Emulsion
จานที่เชฟ Vincent เลือกนำเสนอวัตถุดิบล้ำค่าอย่าง “ลองกูสทีน” นำเข้าจากน่านน้ำสก็อตแลนด์ โดยสก็อตติชลองกูสทีนนั้นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างออกไปจากล็องกูสทีนน่านน้ำอื่นคือขนาดตัวที่ใหญ่และเนื้อที่แน่นเฟิร์มมากกว่าปกติแต่ยังคงนุ่มเมื่อเทียบกับกุ้งทั่วไป ด้านล่างคือ Fricassee หรือสตูว์ทำมาจากมะเขือเทศและเฟนเนลสับผสมกับสวีทเบรด รสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ ช่วยดึงความหวานของลองกูสทีนที่ดีมากอยู่แล้วให้เด่นชัดขึ้นมาอีก ข้างกันคือ “สวีทเบรด” หรือต่อมไร้ท่อจากส่วนคอของลูกวัว ปรุงมาสุกพอดี นุ่ม หอม ไม่มีกลิ่นคาว น้ำซุปที่เทราดลงไปทำมาจากหัวกุ้งลองกูสทีนผสมกับ Port Wine มีความหอม มัน ครีมมี่ แทรกด้วยรสขมของมันกุ้งและรสหวานนิด ๆ จาก Port Wine สุดยอดมากๆ (18/20)
✨ Rice Smoked Challans Duck
Pumpkin, Chestnut, Sweet Spices
เมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดของห้องอาหาร Chef's Table คือ “อกเป็ดชาลลองส์” อบมาในฟางข้าวไทยเสิร์ฟมาในหม้อขนาดใหญ่ส่งกลิ่นหอมดูแล้วน่าทาน เชฟจะนำมาจัดลงจานเสิร์ฟคู่กับพูเรสีเหลืองทำมาจากฟักทองและพูเรสีน้ำตาลอ่อนทำมาจากเกาลัด เนื้อเป็ดนุ่ม หนึบ ไร้ซึ่งความเหนียวและกลิ่นสาบ ตรงกลางคือผักโขมนุ่ม ๆ ทอปด้วยแผ่นกลม ๆ กรอบ ๆ ของฟักทองรมควันเพิ่มมิติทางเนื้อสัมผัส ราดซอสที่ทำมาจากสาเกและข้าวไทยลงไป ก่อนจะจบจะจบด้วย Parmentier ทำมาจากเนื้อขาเป็ด ฟักทอง และถั่วฮาเซลนัท เสิร์ฟมาแยกกัน (18/20)
✨ Vanilla Duo Millefeuille
BBQ Smoked Ice Cream
สำหรับขนมหวานจานแรกคือ “วานิลลาดูโอมิลเฟย” เชฟได้ปรับรูปแบบการเสิร์ฟมิลเฟยแบบคลาสสิคที่เรียงตัวกันเป็นชั้นเปลี่ยนมาเป็นการเรียงตัวคล้ายรังผึ้ง แต่ละช่องถูกเติมด้วยครีมมาดากัสการ์วานิลลาสองสีและครีมคาราเมล ด้านบนเป็นไอศกรีมวานิลลารมควันเสริมกลิ่นให้หอมเด่นมากยิ่งขึ้น ครีมสีดำข้างกันทำมาจากวานิลลาครีมและ Black Vinegar ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานช่วยบาลานซ์ความมันของวานิลลาและความหวานของคาราเมลได้อย่างน่าทึ่ง (17/20)
🎗 [Conclusion] เชฟ Vincent Thierry สามารถจัดเตรียมอาหารทุกจานออกมาได้อย่างไร้ที่ติ หลายจานมีความซับซ้อนทั้งในแง่เทคนิคการปรุงและรสชาติแต่เมื่อนำมาประกอบกันกลับดูเข้ากันและเรียบง่ายจนเข้าถึงได้ไม่ยาก การบริการเป็นไปอย่างลื่นไหลสมกับการคว้ารางวัล Michelin Service Award ประจำปี 2021 ราคาอาหารค่อนข้างสูงตามมาตรฐานร้านอาหารฝรั่งเศสระดับ Haute Cuisine ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เราขอแนะนำมื้ออาหารที่ Chef's Table สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการพาคนรู้ใจมาเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสสำคัญต่าง ๆ รับรองว่าต้องประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน
📃 Chef's Tasting Menu (7,900++/p)
Pigeon Pâté en Croûte
Foie Gras, Black Truffle, Prune Jam
OR
Sea Bream Tartare
Clams, Buttermilk Jelly, Avruga Caviar
***
Scottish Langoustine, Sweetbread
Fennel Confit, Shellfish Emulsion
***
Seared Foie Gras
Beetroot Texture, Blackcurrant Berries
OR
Flashed Scallop
Black Truffle Tapenade, Leek Texture
***
Meunière Sole Fillet
Carrot, Kumquat, Cumin Sauce
***
Rice Smoked Challans Duck
Pumpkin, Chestnut, Sweet Spices
OR
Milk Fed Veal
Broccoli, Oyster Condiment, Nature Jus
***
Cheese Selection
Jean-François Anthony, Eleveur de Fromages
***
Vanilla Duo Millefeuille
BBQ Smoked Ice Cream
OR
Crispy Honeycomb
Confit Bergamot, Earl Grey Sorbet
🏵 Score:
👍 สุดยอดร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นนำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ บรรยากาศดี บริการไร้ที่ติ
อาหาร : 17/20
ราคา : 🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟
เทคนิค : 🌟🌟🌟🌟
อัตลักษณ์ : 🌟🌟🌟🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟🌟
ความประทับใจโดยรวม : 17/20
📍 Visit: Mar 2020
🏠 Location: 61st Floor, Tower Club at lebua, 1055 Silom Road, Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
🚗 Parking: จอดรถที่ Lebua Hotel
🕔 Operating Time: 17.00-23.00 ปิดวันจันทร์
💰 Price: 7,900++/p
📞 Tel: 02-624-9555
🧥 Dress Code: Smart Casual
🖥 Website: https://lebua.com/chefs-table
🥰 ฝากเพื่อน ๆ ช่วยกดไลค์และติดตามเราผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเราตั้งใจนำเสนองานรีวิวร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำและห้องอาหารระดับ Michelin Guide ทั่วโลก
👍 Facebook: “ตามล่า Fine Dining” และ “Pakiin by ตามล่า Fine Dining”
👍 Group “Fine Dining Lovers by ตามล่า Fine Dining”: https://www.facebook.com/groups/3392372877497917/?ref=share
👍 Instagram: finedining_lovers
👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining
#2MichelinStars #MichelinStar #MichelinGuide #MichelinRestaurant #MichelinGuideBangkok #MichelinGuideTH #MichelinStar21 #MichelinStar20 #YesMichelinGuide #มิชลินไกด์ #French #FrenchFood #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining
🇹🇭 Chef's Table - เชฟส์เทเบิ้ล
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
⭐️⭐️ 2 Michelin Stars - 2 ดาวมิชลิน
รีวิววันนี้เป็นคิวของห้องอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นห้องอาหารระดับ 2 Michelin Stars จาก Michelin Guide ประจำปี 2021 นอกจากนี้เชฟ Vincent Thierry ยังเป็นหนึ่งในเชฟที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ห้องอาหาร Caprice ที่เกาะฮ่องกงอีกด้วย
Amuse Bouche
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย “อมูสบูช” เสิร์ฟมาพร้อมกัน 3 อย่าง
Potato Wafer with Cod Fish Cream and Kristal Caviar
ชิ้นแรกคือ “เวเฟอร์มันฝรั่ง” กรอบ ๆ ทอปด้านบนด้วยครีมปลาค็อดรมควัน ตัวครีมทำออกมาได้ดีมาก ๆ หอม มัน มีกลิ่นของปลาและกลิ่นหอมจากการรมควันชัดเจน ด้านบนทอปด้วยคริสตัลคาเวียร์ให้รสชาติออกเค็มนิด ๆ เชฟพันรอบ ๆ ด้วยแตงกวาดองเพื่อให้มีความกรอบและรสเปรี้ยวมาตัดกับความนุ่มละมุนของครีม (17/20)
Cheese Puff with Smoked Salmon and Cream Cheese
ถัดมาคือ “ชีสพัฟ” ที่มีความกรอบ เบา ด้านบนโรยด้วยผงยี่หร่าและขมิ้นช่วยให้มีสีเหลือง ด้านในเป็นครีมชีสและปลาแซลมอนรมควัน ปิดด้วยการบีบคาลามานซี่เจลหรือเจลส้มรสเปรี้ยวหวานลงไปด้านบน (17/20)
Amuse Bouche
Foie Gras Terrine Glazed with Milk
สุดท้ายคือ “ฟัวกราส์เทอรีน” เนื้อนุ่ม ละมุน เชฟเคลือบด้วยนมจนมีสีขาวดูน่าทานแล้ววางมาบนโคนจิ๋วกรอบ ๆ กลิ่นหอมของนมเข้ากันได้ดีกับฟัวกราส์มาก ๆ ด้านล่างเป็นกราโนล่าและแอปริคอตดอง (18/20)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้