JJNY : ชวนปชช.ลงชื่อค้าน ต่อสัมปทานขึ้นราคาสายสีเขียว│ประเสริฐยันยื่นแก้รธน.ทัน│วิโรจน์งง วิรัชอวย│14วันติดเชื้อกว่า7พัน

เคลื่อนครั้งใหญ่! องค์กรเพื่อผู้บริโภคชวนปชช.ลงชื่อค้านนำประเด็น ‘ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม.!
https://www.matichon.co.th/politics/news_2674158

 
เคลื่อนครั้งใหญ่! องค์กรเพื่อผู้บริโภคชวนปชช.ลงชื่อค้านนำประเด็น ‘ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม.!
 
สภาองค์กรผู้บริโภค และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อ คัดค้านการนำประเด็น ‘ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม.  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว และต้องการคัดค้านการนำประเด็นดังกล่าว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ ครม. รายชื่อทั้งหมดจะถูกรวบรวมและนำไปยื่นที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน การนำประเด็น ‘สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม.
 
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า กทม. จะต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี (สัญญาเดิมจะสิ้นสุดในปี 2572 หากต่อสัญญาก็แปลว่าบีทีเอสจะได้สัมปทานไปจนถึงปี 2602) โดยเก็บอัตราค่าโดยสาร 65 บาท โดยที่กทม.ไม่ได้ชี้แจงว่าราคา 65 บาทคิดจากอะไร และแม้ว่าผู้บริโภค รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค จะพยายามสอบถามถึงที่มาของตัวเลข 65 บาท แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
 
สภาองค์กรของผู้บริโภค คำนวณอัตราค่าโดยสารในอนาคตที่น่าจะเป็นไปได้และพบว่า หากเก็บอัตราค่าโดยสาร 25 บาท กทม. ยังมีกำไรถึง 23,200 ล้านบาท จึงยืนยันว่าราคา 25 บาททำได้จริง
 
การต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะสัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในปี 2572 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า ดังนั้น จึงควรพิจารณาปัญหาและผลกระทบอย่างถ้วนถี่ โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการที่ต้องแบกรับภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นภาระผูกพันไปอีก 38 ปี ทั้งนี้ หาก กทม. ไม่สามารถบริหารจัดการให้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงได้ ก็ไม่ควรเร่งต่อสัญญา และรอให้ผู้ว่า กทม. คนใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
 
ราคาค่ารถไฟฟ้า 65 บาทที่ กทม. เสนอมา นอกจากเป็นราคาที่สูงเกินกว่า ‘มวลชน’ จะจ่ายได้ อีกทั้งก็ยังไม่สามารถชี้แจงฐานการคิดคำนวณของราคาดังกล่าวที่ชัดเจนว่ามาจากหลักการใด ซึ่งหากราคานี้ถูกพิจารณาผ่านและถูกนำมาใช้ จะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคจะต้องผูกมัดจ่ายค่าโดยสารในราคานี้ไปอีก 38 ปี จนกว่าจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2602 ในขณะที่ข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมให้ใช้ราคาค่ารถไฟฟ้า 49.83 บาทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้มีกำไรส่งรัฐในปี 2602 ถึง 380,200 ล้านบาท แต่กทม.ไม่เคยมีโมเดลการคิดค่าโดยสารมานำเสนอเลย
 
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลส่งปัญหานี้กลับมายัง กทม.เพื่อให้ กทม.ทำกระบวนการการกำหนดราคาที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ประชาชนที่เป็นผู้รับภาระการจ่ายค่าโดยสารมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น สภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอทางเลือกว่าจากการคำนวณของสภาฯ พบว่า ค่ารถไฟฟ้าในราคา 25 บาท สามารถทำได้จริงแน่นอน ซึ่งในการคำนวณดังกล่าวได้อ้างอิงจากตัวเลขของกระทรวงคมนาคม โดยลดรายได้รวมลงครึ่งหนึ่งและคิดราคาค่าโดยสารเพียง 25 บาท สุดท้ายแล้ว กทม. ยังมีกำไรหรือมีเงินเหลือนำส่งรัฐได้ถึง 23,000.00 ล้านบาท” นางสาวสารี กล่าว
 
ทั้งนี้สามารถร่วมลงชื่อ คัดค้านการนำประเด็น ‘ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม. ได้ที่ลิงก์
https://forms.gle/fKXLvaFSjbU1tHaX9 
ภายในวันที่ 19 เมษายน 2564 เวลา 08.00 น.
 

 
“ประเสริฐ” ยัน ยื่นแก้ไขรธน.ทันบรรจุลงวาระประชุมสภา 22 พค.นี้-เห็นด้วยระบบลต. 2 ใบ แต่โมเดลไหนรอหารือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2674403
 
เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ถึงแนวทางการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยว่า ยื่นแก้มาตรา 256 กับ ยื่นแก้รายมาตรา และจะทำทั้งสองอย่างคู่ขนานกันไป ด้านการยื่นขอแก้รัฐธรรมนูญจะยื่นก่อนเปิดสมัยประชุมสภาที่จะเปิดในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ยื่นให้ทันก่อนเปิดสมัยการประชุมเพื่อที่จะบรรจุในระเบียบวาระได้ทันที
 
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (กก.) เตรียมร่างระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ใช้โมเดลของเยอรมันทางพรรคพท.เห็นอย่างไรนายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคพท.เห็นด้วยกับระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่วิธีการคิดอาจจะไม่เหมือนกันกับของกก. ไม่ว่าจะเป็นจำนวนส.ส. หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ จะไม่เหมือนกัน ซึ่งทางพรรกก.คิดแบบเยอรมัน แต่ของทางพท.จะใช้ระบบคิดอย่างไรต้องมาหารือกันภายในพรรคอีกครั้งหนึ่ง ในเวลานี้เป็นช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์จึงยังไม่ได้หารือกัน
 
เมื่อถามถึงการนัดประชุมใหญ่สามัญในวันที่ 20 เมษายน ของพรรคพท.จะเลื่อนหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19ในขนาดนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่มี เลื่อนออกไป แต่ในการประชุมวงเล็กที่เหมาะสมกับสถานการณ์โควิด-19ยังคงมีอยู่ เพราะจะต้องคุยกันเรื่องรายละเอียดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะนัดหารือกันภายในสัปดาห์หน้า เพราะเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เร่งด่วน
 
เมื่อถามว่าจะเริ่มหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อไหร่ นายประเสริฐ กล่าวว่า รอคุยภายในพรรคให้เรียบร้อยก่อนกลังจากนนั้นถึงจะคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าอะไรที่สอดคล้องกันไปกันได้ก็เดินด้วยกันอะไรที่ มีความเห็นแตกต่างกันก็ต้องนำมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันก็มี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่