เรื่องราวของกิ่งเด็กสาวจากภาคเหนือที่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อ มหาลัยชื่อดังในเมืองหลวง ปิดภาคเรียนคราวนี้เธอถือโอกาสพาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านเพื่อแบ่งปันความทรงจำดีๆ แต่หารู้ไม่ว่าการกลับมาของเธอครั้งนี้ จะทำให้พวกเธอจดจำไปจนวันตาย
"มายด์ ตกลงปิดเทอมนี้พวกแกจะไปเที่ยวบ้านชั้นกันใช่ป่ะ"
กิ่งถามมายด์เพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันและยังเป็นรูมเมทเธออีกด้วย
"อื้ม ใช่ พอดีเราขี้เกียจกลับบ้านน่ะ อยู่ตั้งไกล" มายด์ เด็กสาวชาวใต้หน้าตาสวยคมเข้มตอบกลับเพื่อนสาวอย่างเนือยๆ
"แล้วไอ้มุก กะ ไอ้ฟ่างจะไปด้วยใช่มั๊ย ชั้นจะได้บอกกับที่บ้านไว้"
กิ่งถามมายด์อีกครั้งเพื่อความชัวร์
"เห็นมันบอกว่างั้นนะ อย่าห่วงเลย สองคนนั้นน่ะไปไหนไปกันอยู่แล้ว" มายด์พูดยิ้มๆ
สักพักประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับที่เด็กสาว
ร่างอรชรสองนางก้าวเข้ามาในห้อง ฟ่างไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ทิ้งตัวลงที่เตียงหน้าตาเหน็ดเหนื่อย
"เฮ้อ..กลับถึงห้องซักที เหนื่อยโคตรเลยวันนี้อ่ะ"
ฟ่างบ่นพึมพัมอยู่บนเตียง
"เออ ไอ้กิ่งมันชอยากรู้ว่าพวกแกจะไปบ้านมันจริงป่ะ มันจะได้โทรบอกที่บ้าน"
มายด์ถามเพื่อนสาวผู้มาใหม่ทั้งสอง
"แน่นอนสิคะ" มุกตอบทันทีพลางพูดต่อ
"เรามันเลือดสุพรรณ ไปด้วยกันมาด้วยกันเลือดสุพรรณเอย" มุกร้องเพลงอย่างร่าเริง
"แต่ไอ้มุก แกเป็นคนร้อยเอ็ดไม่ใช่เหรอวะ"
ฟ่างลุกขึ้นนั่งพูดขัดคอเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วเสียงหัวเราะที่แจ่มใสของเหล่าสาวน้อยมหาลัยก็ดังขึ้นอย่างสนุกสนาน
และแล้ว วันที่ทั้งสี่สาวรอคอยก็มาถึง บัดนี้สี่สาวหน้ามนคนสี่ภาคได้เดินทางมาถึงบ้านของกิ่งเป็นที่เรียบร้อย
บ้านของกิ่งนั้นเป็นบ้านไม้ยกสูง ชั้นล่างเป็นปูนหลังใหญ่พอสมควรเพราะที่บ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะ เนื่องจากมีไร่ส้มและผลไม้กว่า ร้อยไร่
"โอ้โหไอ้กิ่ง นี่แกไม่ต้องเรียนไม่ต้องทำงานก็สบายไปทั้งชาติแล้วมั้ง"
มุกแซวเพื่อนสาวเมื่อเห็นบ้านของกิ่งและสวนผลไม้ไกลสุดลูกหูลูกตา
"เหอะ อาชีพชาวสวนเป็นอาชีพสุดท้ายที่ชั้นจะทำย่ะ ชั้นจะขอเดินตามฝันของชั้นก่อน"
กิ่งเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย่อหยิ่งราวกับนางร้ายในละครหลังข่าวช่องหลากสี
"ความฝันที่จะเป็นพนักงานโลตัสน่ะนะ โอ้เธอช่างฝันสูงเหลือเกินแม่สาวน้อย"
ฟ่างขัดคอกิ่งด้วยใบหน้านิ่งๆตามเคย เพื่อนๆต่างพากันหัวเราะกับคำพูดของคนทั้งสอง
"มากันแล้วเหรอลูก กิ่งพาเพื่อนไปพักข้างบนกันก่อนไป ข้างล่างอากาศมันร้อน"
ป้าดาวแม่ของกิ่งเอ่ยทักสาวๆ
"สวัสดีค่ะแม่" สามเพื่อนสาวของกิ่งยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกันพร้อมถอนสายบัว จนคนงานที่กำลังจัดผลไม้ลงเข่งยังขำกับท่าทางทะเล้นของเด็กสาว
"เฮ่อ นี่คงรับเชื้อทะลึ่งจากยัยกิ่งกันไปเยอะสิท่าพวกหนูเนี่ย"
แม่ของกิ่งเอ่ยยิ้มๆ
"แม่อ่ะ" กิ่งโอดครวญใส่ผู้เป็นแม่
"ตอนนี้พวกหนูกำลังหายาแก้อยู่ค่ะ หวังว่าจะทำให้เชื้อตัวนี้สลายไปได้โดยเร็ว" มายด์พูดกับแม่ของกิ่งยิ้มๆ พลางพากันหัวเราะคิกคัก
"ไอ้มายด์ คืนนี้แกนอนในเข่งเลยนะ" กิ่งค้อนใส่เพื่อนไปหนึ่งที
"ไปๆ ขึ้นไปข้างบนกันก่อน เดี๋ยวแม่เอาขนมกับน้ำตามขึ้นไปให้นะ"
แม่ของกิ่งพูดตัดบทพลางผลักสาวๆให้เดินขึ้นบ้าน
เมื่อขึ้นมาชั้นบนสามสาวต่างตื่นตาตื่นใจกับภายในบ้านของกิ่ง เพราะมันกว้างมาก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างล้วนเป็นไม้มีราคา แต่ทั้งสามก็ไปสะดุดตาเข้ากับชุดหนึ่งตรงมุมบ้าน มันเป็นเสื้อแขนกระบอกสีดำ ปลายแขนเสื้อปักลิ่มสีแดงสวยงามผ้าถุงข้างล่างก็เป็นสีดำปักบิ่มสีแดงไว้ตรงชายเช่นเดียวกัน
"กิ่งนี่ชุดใครอ่ะ" มุกเอ่ยถามพลางกำลังเอื้มมือจะไปจับชุดนั้นเพื่อดูเนื้อผ้า
"อย่าแตะนะ!!" กิ่งร้องห้ามเสียงดังจนเพื่อนสาวชะงักหดมือกลับทันที
"อะไรของแกเนี่ย ร้องซะตกอกตกใจหมด" มุกหน้าเสีย
"มันเป็นชุดของยายชั้น แม่บอกว่ามันมีอาถรรพ์ ห้ามจับเด็ดขาด" กิ่งบอกเพื่อนสาวพลางฉุดร่างของมุกออกมาห่างจากชุดนั้น
"อาถรรพ์อะไรอ่ะกิ่ง" มายด์สาวน้อยผู้ชื่นชอบเรื่องราวลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ถามอย่างกระตือรือร้น
"แม่ชั้นเคยเล่าให้ฟัง ว่าเมื่อก่อนยายเคยเป็นหมอรักษาพื้นบ้าน คล้ายๆกับร่างทรงนั่นแหละ เวลามีใครป่วยไม่รู้สาเหตุ หรือใครถูกผีเข้าก็จะมาขอให้ยายช่วย เวลายายชั้นไปช่วยก็จะใส่ชุดนี้ไปนี่แหละ" กิ่งเล่าให้เพื่อนสาวฟัง
"แล้วยังไงต่ออ่ะเล่าสิเล่า" มายด์รบเร้ากิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
"แต่พอท่านแก่ตัวลง เริ่มไปไม่ไหวก็เลยจะให้ลูกหลานสืบทอดต่อ แต่ไม่มีใครรับสืบทอด ยายชั้นโกรธมาก ก่อนท่านสิ้นใจได้แช่งเอาไว้ ว่าลูกหลานคนไหนที่คิดจะเอาชุดนี้ไปทิ้งหรือไปขาย มันจะต้อง
พินาศทำอะไรก็ไม่ขึ้น"
กิ่งเว้นระยะช่วงหนึ่งจึงเล่าต่อ
"ทีนี้ป้าดวงที่เป็นลูกสาวคนโต ไม่เชื่อคำพูดนั้นของยาย บอกว่าคนตายไปแล้วจะทำอะไรได้ ป้าดวงเลยเอาชุดนี้ไปเผาไฟพร้อมกับศพของยายชั้น พวกพี่น้องทุกคนต่างก็พากันห้าม แต่ไม่มีใครขัดป้าดวงได้สักคน พอตอนเช้าไปเก็บกระดูก ทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะร่างยายชั้นไหม้ไปหมดเหลือแต่ขี้เถ้า แต่ชุดนี้ยังอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิมทุกอย่าง ลูกทุกคนพากันกลัวหมด แม่ชั้นเลยขอเอาชุดนี้มาเก็บรักษาไว้เอง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นของดูต่างหน้าของยาย"
"แล้วป้าดวงของแกอ่ะเป็นไงมั่ง" มายด์เอ่ยถามต่อ
"หลังจากนั้นแค่เดือนเดียว สามีป้าดวงที่กำลังขับรถไปส่งผลไม้ในตัวเมืองกับลูกชายแกก็รถคว่ำ ไฟคลอกตายอยู่ในรถทั้งคู่เลย ส่วนป้าดวงพอผัวกับลูกตายแกก็หมดอาลัยตายอยากไม่ทำอะไรเลยวันๆเอาแต่นั่งเหม่อ สวนก็ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกไม่ดูแล พ่อชั้นเลยไปขอซื้อสวนของแกมา หลังจากขายสวนให้พ่อชั้นได้อาทิตย์เดียว แกก็เผาบ้านตัวเอง แล้วแกก็ตายอยู่ในบ้านหลังนั้นแหละ"
"คนแก่แถวนี้เค้าก็เลยบอกว่ามันเป็นเพราะอาถรรพ์คำแช่งของยาย ป้าเอาชุดไปเผาก็เลยเป็นแบบนี้ เค้าบอกว่า คำแช่งจากปากของคนที่กำลังจะตายน่ะแรงมาก"
กิ่งเล่าจบทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบ สักพัก แม่ของกิ่งก็ยกขนมกับน้ำขึ้นมาให้ แล้วจึงบอกกับลูกสาวว่า
“กิ่ง เดี๋ยวแม่จะไปส่งผลไม้ในเมืองนะ น่าจะกลับเย็นๆพวกลูกจะเอาอะไรกันมั๊ย”
บรรดาสี่สาวตอบปฏิเสธไป
“ไม่ล่ะค่ะแม่ พวกขนมหนูซื้อมาไว้แล้ว ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เป็นแม่จึงได้เดินลงจากบ้านไป กิ่งจึงได้พาบรรดาเพื่อนสาวนำของเข้าไปเก็บในห้องนอนของตนเอง
“โห ห้องแกกว้างอ่ะ สวยด้วย” มายด์เอ่ยชมเมื่อเข้ามาในห้องของเพื่อนสาว
“ชั้นจองนอนตรงนี้นะ มองเห็นลานหน้าบ้านด้วย ฮึบ อ่า…”
ฟ่างพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนบริเวณข้างหน้าต่าง
เมื่อจัดแจงกับสัมภาระของตนเองเรียบร้อย กิ่งได้เอ่ยชวนเพื่อนสาวต่างภาคทั้งสามไปเดินเล่นในสวนผลไม้ เพราะในเวลานั้นเป็นช่วงบ่ายคล้อย แดดจึงไม่แรงเท่าใดนัก เหล่าเพื่อนสาวตอบรับคำชวนอย่างตื่นเต้น
ภายในสวนผลไม้ บรรดาสาวๆพากันเดินถ่ายรูปตามต้นผลไม้ต้นนั้นที ต้นนี้ทีอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำ จึงได้พากันกลับบ้านเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เนื่องด้วยบ้านของกิ่งนั่นตั้งอยู่ใกล้เขา เมื่อตกค่ำอากาศจึงค่อนข้างเย็น
กลุ่มเด็กสาวหลังจากกินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้ว จึงรวมตัวกันอยู่ในห้องกิ่ง พูดคุย หยอกล้อกันเป็นที่สนุกสนาน
“ไปไหนอ่ะมาย์” ฟ่างถามขึ้นขณะที่มายด์เดินไปที่ประตู
“ปวดฉี่อ่ะ จะไปห้องน้ำ ฝากมั๊ย” มายด์ตอบกลับแล้วถามอย่างกวนๆ
“เอาดิฝากด้วย” ฟ่างลุกขึ้นทำท่าถอดกางเกง เพื่อนๆต่างหัวเราะในความทันกันของสองคนนี้
“แก แวะเอาขนมในตู้เย็นมาด้วยนะ” มุกเอ่ยบอกก่อนที่มายด์จะก้าวพ้นประตู
“ได้ขอรับนายหญิง” มายด์ทำเสียงเข้มตอบรับพร้อมโค้งให้ เพื่อนๆพากันหัวเราะครืน
คืนนั้นแก๊งสี่สาวคุยกันจนดึกจึงพากันเข้านอน ฟ่างสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะอากาศหนาวเธอเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แต่จนแล้วจนรอดก็นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาอยู่สักพักก็เอามือถือขึ้นมาเล่น
“ตีสามแล้วเหรอเนี่ย เข้าเว็บเด็กดีอ่านนิยายดีกว่า อืม…อ่านอันไหนดี หืม? ชื่อผู้แต่ง ตรัยโศก
ไหนดูซิมีเรื่องอะไรบ้าง อืม..ชุดของยาย ลองอ่านหน่อยดีกว่า" ฟ่างนอนอ่านนิยายไปได้สักพักรู้สึกหิวจึงได้ลุกขึ้นกะว่าจะออกไปหาอะไรกิน ขณะนั้นเอง สายตาก็เหลือบมองไปที่หน้าต่าง บริเวณลานหน้าบ้าน ที่บัดนี้มีแสงสลัวจากโคมไฟที่ถูกเปิดไว้ภายในบ้าน ฟ่างแลเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดสีดำดูคุ้นตา ยืนนิ่งไม่ไหวติงหันหน้ามาทางตัวบ้าน
“ใครวะ มายืนทำอะไรตอนตีสามเนี่ย คนงานเหรอมาไวจังแฮะ”
ฟ่างสรุปเอาเองหน้าตาเฉย ในขณะที่ฟ่างกำลังเดินไปที่ประตู เธอเหลือบมองไปทางผองเพื่อนที่หลับสนิท แต่แล้ว เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อตรงที่นอนของมายด์นั้นว่างเปล่า ฟ่างยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งรู้สึกเอะใจ
“จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นหุ่นมันดูคุ้นตาจังแฮะ”
ฟ่างบ่นพึมพัมพลางเดินกลับไปที่หน้าต่างอีกครั้ง ฟ่างตัวเย็นเฉียบขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เมื่อยังคงแลเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม แต่ที่แปลกไปคือเธอมองขึ้นมาที่ฟ่าง แม้ว่าจะมีเพียงแสงสลัวแต่ฟ่างกลับมองเห็นใบหน้านั้นชัดเจน ใบหน้าขาวซีด สีหน้าไร้อารมณ์ แต่เป็นใบหน้าที่ฟ่างรู้จักดี
“อะ อะ ไอ้มาย์!!”
ฟ่างเผลอตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้านั้นจากที่มองขึ้นมานิ่งๆ กลับเริ่มยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย มายด์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวล้อกับแสงไฟ แต่ตาคู่นั้นกลับไร้แววยินดี มันเป็นสายตาของความโกรธเกรี้ยว จากนั้นมายด์ที่ตอนนี้ท่าทางของเธอดูน่ากลัวเป็นอย่างมากก็เริ่มทำบางสิ่ง เธอชี้มือมาทางฟ่าง แล้วจึงพูดขึ้น แม้คนพูดจะอยู่ไกลแถมมีกระจกหน้าต่างกั้น แต่ฟ่างกลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“ ผ่อ เหีย” ฟ่างแม้จะได้ยินชัดเจนก็ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ทันใดนั้นเอง มายด์ก็เริ่มฟ้อน ฟ้อนไปเรื่อยๆ ฟ่างตะลึงอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมายด์หยุดฟ้อนหันหน้ามาทางฟ่างแล้วทำแบบเดิม ชี้มือขึ้นมาแล้วพูดขึ้น
“ ผ่อ เหีย”
ผมแต่งนิยายสยังขวัญครับลองอ่านกันดูนะครับ
"มายด์ ตกลงปิดเทอมนี้พวกแกจะไปเที่ยวบ้านชั้นกันใช่ป่ะ"
กิ่งถามมายด์เพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันและยังเป็นรูมเมทเธออีกด้วย
"อื้ม ใช่ พอดีเราขี้เกียจกลับบ้านน่ะ อยู่ตั้งไกล" มายด์ เด็กสาวชาวใต้หน้าตาสวยคมเข้มตอบกลับเพื่อนสาวอย่างเนือยๆ
"แล้วไอ้มุก กะ ไอ้ฟ่างจะไปด้วยใช่มั๊ย ชั้นจะได้บอกกับที่บ้านไว้"
กิ่งถามมายด์อีกครั้งเพื่อความชัวร์
"เห็นมันบอกว่างั้นนะ อย่าห่วงเลย สองคนนั้นน่ะไปไหนไปกันอยู่แล้ว" มายด์พูดยิ้มๆ
สักพักประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับที่เด็กสาว
ร่างอรชรสองนางก้าวเข้ามาในห้อง ฟ่างไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ทิ้งตัวลงที่เตียงหน้าตาเหน็ดเหนื่อย
"เฮ้อ..กลับถึงห้องซักที เหนื่อยโคตรเลยวันนี้อ่ะ"
ฟ่างบ่นพึมพัมอยู่บนเตียง
"เออ ไอ้กิ่งมันชอยากรู้ว่าพวกแกจะไปบ้านมันจริงป่ะ มันจะได้โทรบอกที่บ้าน"
มายด์ถามเพื่อนสาวผู้มาใหม่ทั้งสอง
"แน่นอนสิคะ" มุกตอบทันทีพลางพูดต่อ
"เรามันเลือดสุพรรณ ไปด้วยกันมาด้วยกันเลือดสุพรรณเอย" มุกร้องเพลงอย่างร่าเริง
"แต่ไอ้มุก แกเป็นคนร้อยเอ็ดไม่ใช่เหรอวะ"
ฟ่างลุกขึ้นนั่งพูดขัดคอเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วเสียงหัวเราะที่แจ่มใสของเหล่าสาวน้อยมหาลัยก็ดังขึ้นอย่างสนุกสนาน
และแล้ว วันที่ทั้งสี่สาวรอคอยก็มาถึง บัดนี้สี่สาวหน้ามนคนสี่ภาคได้เดินทางมาถึงบ้านของกิ่งเป็นที่เรียบร้อย
บ้านของกิ่งนั้นเป็นบ้านไม้ยกสูง ชั้นล่างเป็นปูนหลังใหญ่พอสมควรเพราะที่บ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะ เนื่องจากมีไร่ส้มและผลไม้กว่า ร้อยไร่
"โอ้โหไอ้กิ่ง นี่แกไม่ต้องเรียนไม่ต้องทำงานก็สบายไปทั้งชาติแล้วมั้ง"
มุกแซวเพื่อนสาวเมื่อเห็นบ้านของกิ่งและสวนผลไม้ไกลสุดลูกหูลูกตา
"เหอะ อาชีพชาวสวนเป็นอาชีพสุดท้ายที่ชั้นจะทำย่ะ ชั้นจะขอเดินตามฝันของชั้นก่อน"
กิ่งเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย่อหยิ่งราวกับนางร้ายในละครหลังข่าวช่องหลากสี
"ความฝันที่จะเป็นพนักงานโลตัสน่ะนะ โอ้เธอช่างฝันสูงเหลือเกินแม่สาวน้อย"
ฟ่างขัดคอกิ่งด้วยใบหน้านิ่งๆตามเคย เพื่อนๆต่างพากันหัวเราะกับคำพูดของคนทั้งสอง
"มากันแล้วเหรอลูก กิ่งพาเพื่อนไปพักข้างบนกันก่อนไป ข้างล่างอากาศมันร้อน"
ป้าดาวแม่ของกิ่งเอ่ยทักสาวๆ
"สวัสดีค่ะแม่" สามเพื่อนสาวของกิ่งยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกันพร้อมถอนสายบัว จนคนงานที่กำลังจัดผลไม้ลงเข่งยังขำกับท่าทางทะเล้นของเด็กสาว
"เฮ่อ นี่คงรับเชื้อทะลึ่งจากยัยกิ่งกันไปเยอะสิท่าพวกหนูเนี่ย"
แม่ของกิ่งเอ่ยยิ้มๆ
"แม่อ่ะ" กิ่งโอดครวญใส่ผู้เป็นแม่
"ตอนนี้พวกหนูกำลังหายาแก้อยู่ค่ะ หวังว่าจะทำให้เชื้อตัวนี้สลายไปได้โดยเร็ว" มายด์พูดกับแม่ของกิ่งยิ้มๆ พลางพากันหัวเราะคิกคัก
"ไอ้มายด์ คืนนี้แกนอนในเข่งเลยนะ" กิ่งค้อนใส่เพื่อนไปหนึ่งที
"ไปๆ ขึ้นไปข้างบนกันก่อน เดี๋ยวแม่เอาขนมกับน้ำตามขึ้นไปให้นะ"
แม่ของกิ่งพูดตัดบทพลางผลักสาวๆให้เดินขึ้นบ้าน
เมื่อขึ้นมาชั้นบนสามสาวต่างตื่นตาตื่นใจกับภายในบ้านของกิ่ง เพราะมันกว้างมาก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างล้วนเป็นไม้มีราคา แต่ทั้งสามก็ไปสะดุดตาเข้ากับชุดหนึ่งตรงมุมบ้าน มันเป็นเสื้อแขนกระบอกสีดำ ปลายแขนเสื้อปักลิ่มสีแดงสวยงามผ้าถุงข้างล่างก็เป็นสีดำปักบิ่มสีแดงไว้ตรงชายเช่นเดียวกัน
"กิ่งนี่ชุดใครอ่ะ" มุกเอ่ยถามพลางกำลังเอื้มมือจะไปจับชุดนั้นเพื่อดูเนื้อผ้า
"อย่าแตะนะ!!" กิ่งร้องห้ามเสียงดังจนเพื่อนสาวชะงักหดมือกลับทันที
"อะไรของแกเนี่ย ร้องซะตกอกตกใจหมด" มุกหน้าเสีย
"มันเป็นชุดของยายชั้น แม่บอกว่ามันมีอาถรรพ์ ห้ามจับเด็ดขาด" กิ่งบอกเพื่อนสาวพลางฉุดร่างของมุกออกมาห่างจากชุดนั้น
"อาถรรพ์อะไรอ่ะกิ่ง" มายด์สาวน้อยผู้ชื่นชอบเรื่องราวลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ถามอย่างกระตือรือร้น
"แม่ชั้นเคยเล่าให้ฟัง ว่าเมื่อก่อนยายเคยเป็นหมอรักษาพื้นบ้าน คล้ายๆกับร่างทรงนั่นแหละ เวลามีใครป่วยไม่รู้สาเหตุ หรือใครถูกผีเข้าก็จะมาขอให้ยายช่วย เวลายายชั้นไปช่วยก็จะใส่ชุดนี้ไปนี่แหละ" กิ่งเล่าให้เพื่อนสาวฟัง
"แล้วยังไงต่ออ่ะเล่าสิเล่า" มายด์รบเร้ากิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
"แต่พอท่านแก่ตัวลง เริ่มไปไม่ไหวก็เลยจะให้ลูกหลานสืบทอดต่อ แต่ไม่มีใครรับสืบทอด ยายชั้นโกรธมาก ก่อนท่านสิ้นใจได้แช่งเอาไว้ ว่าลูกหลานคนไหนที่คิดจะเอาชุดนี้ไปทิ้งหรือไปขาย มันจะต้องพินาศทำอะไรก็ไม่ขึ้น"
กิ่งเว้นระยะช่วงหนึ่งจึงเล่าต่อ
"ทีนี้ป้าดวงที่เป็นลูกสาวคนโต ไม่เชื่อคำพูดนั้นของยาย บอกว่าคนตายไปแล้วจะทำอะไรได้ ป้าดวงเลยเอาชุดนี้ไปเผาไฟพร้อมกับศพของยายชั้น พวกพี่น้องทุกคนต่างก็พากันห้าม แต่ไม่มีใครขัดป้าดวงได้สักคน พอตอนเช้าไปเก็บกระดูก ทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะร่างยายชั้นไหม้ไปหมดเหลือแต่ขี้เถ้า แต่ชุดนี้ยังอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิมทุกอย่าง ลูกทุกคนพากันกลัวหมด แม่ชั้นเลยขอเอาชุดนี้มาเก็บรักษาไว้เอง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นของดูต่างหน้าของยาย"
"แล้วป้าดวงของแกอ่ะเป็นไงมั่ง" มายด์เอ่ยถามต่อ
"หลังจากนั้นแค่เดือนเดียว สามีป้าดวงที่กำลังขับรถไปส่งผลไม้ในตัวเมืองกับลูกชายแกก็รถคว่ำ ไฟคลอกตายอยู่ในรถทั้งคู่เลย ส่วนป้าดวงพอผัวกับลูกตายแกก็หมดอาลัยตายอยากไม่ทำอะไรเลยวันๆเอาแต่นั่งเหม่อ สวนก็ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกไม่ดูแล พ่อชั้นเลยไปขอซื้อสวนของแกมา หลังจากขายสวนให้พ่อชั้นได้อาทิตย์เดียว แกก็เผาบ้านตัวเอง แล้วแกก็ตายอยู่ในบ้านหลังนั้นแหละ"
"คนแก่แถวนี้เค้าก็เลยบอกว่ามันเป็นเพราะอาถรรพ์คำแช่งของยาย ป้าเอาชุดไปเผาก็เลยเป็นแบบนี้ เค้าบอกว่า คำแช่งจากปากของคนที่กำลังจะตายน่ะแรงมาก"
กิ่งเล่าจบทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบ สักพัก แม่ของกิ่งก็ยกขนมกับน้ำขึ้นมาให้ แล้วจึงบอกกับลูกสาวว่า
“กิ่ง เดี๋ยวแม่จะไปส่งผลไม้ในเมืองนะ น่าจะกลับเย็นๆพวกลูกจะเอาอะไรกันมั๊ย”
บรรดาสี่สาวตอบปฏิเสธไป
“ไม่ล่ะค่ะแม่ พวกขนมหนูซื้อมาไว้แล้ว ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เป็นแม่จึงได้เดินลงจากบ้านไป กิ่งจึงได้พาบรรดาเพื่อนสาวนำของเข้าไปเก็บในห้องนอนของตนเอง
“โห ห้องแกกว้างอ่ะ สวยด้วย” มายด์เอ่ยชมเมื่อเข้ามาในห้องของเพื่อนสาว
“ชั้นจองนอนตรงนี้นะ มองเห็นลานหน้าบ้านด้วย ฮึบ อ่า…”
ฟ่างพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนบริเวณข้างหน้าต่าง
เมื่อจัดแจงกับสัมภาระของตนเองเรียบร้อย กิ่งได้เอ่ยชวนเพื่อนสาวต่างภาคทั้งสามไปเดินเล่นในสวนผลไม้ เพราะในเวลานั้นเป็นช่วงบ่ายคล้อย แดดจึงไม่แรงเท่าใดนัก เหล่าเพื่อนสาวตอบรับคำชวนอย่างตื่นเต้น
ภายในสวนผลไม้ บรรดาสาวๆพากันเดินถ่ายรูปตามต้นผลไม้ต้นนั้นที ต้นนี้ทีอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำ จึงได้พากันกลับบ้านเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เนื่องด้วยบ้านของกิ่งนั่นตั้งอยู่ใกล้เขา เมื่อตกค่ำอากาศจึงค่อนข้างเย็น
กลุ่มเด็กสาวหลังจากกินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้ว จึงรวมตัวกันอยู่ในห้องกิ่ง พูดคุย หยอกล้อกันเป็นที่สนุกสนาน
“ไปไหนอ่ะมาย์” ฟ่างถามขึ้นขณะที่มายด์เดินไปที่ประตู
“ปวดฉี่อ่ะ จะไปห้องน้ำ ฝากมั๊ย” มายด์ตอบกลับแล้วถามอย่างกวนๆ
“เอาดิฝากด้วย” ฟ่างลุกขึ้นทำท่าถอดกางเกง เพื่อนๆต่างหัวเราะในความทันกันของสองคนนี้
“แก แวะเอาขนมในตู้เย็นมาด้วยนะ” มุกเอ่ยบอกก่อนที่มายด์จะก้าวพ้นประตู
“ได้ขอรับนายหญิง” มายด์ทำเสียงเข้มตอบรับพร้อมโค้งให้ เพื่อนๆพากันหัวเราะครืน
คืนนั้นแก๊งสี่สาวคุยกันจนดึกจึงพากันเข้านอน ฟ่างสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะอากาศหนาวเธอเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แต่จนแล้วจนรอดก็นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาอยู่สักพักก็เอามือถือขึ้นมาเล่น
“ตีสามแล้วเหรอเนี่ย เข้าเว็บเด็กดีอ่านนิยายดีกว่า อืม…อ่านอันไหนดี หืม? ชื่อผู้แต่ง ตรัยโศก
ไหนดูซิมีเรื่องอะไรบ้าง อืม..ชุดของยาย ลองอ่านหน่อยดีกว่า" ฟ่างนอนอ่านนิยายไปได้สักพักรู้สึกหิวจึงได้ลุกขึ้นกะว่าจะออกไปหาอะไรกิน ขณะนั้นเอง สายตาก็เหลือบมองไปที่หน้าต่าง บริเวณลานหน้าบ้าน ที่บัดนี้มีแสงสลัวจากโคมไฟที่ถูกเปิดไว้ภายในบ้าน ฟ่างแลเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดสีดำดูคุ้นตา ยืนนิ่งไม่ไหวติงหันหน้ามาทางตัวบ้าน
“ใครวะ มายืนทำอะไรตอนตีสามเนี่ย คนงานเหรอมาไวจังแฮะ”
ฟ่างสรุปเอาเองหน้าตาเฉย ในขณะที่ฟ่างกำลังเดินไปที่ประตู เธอเหลือบมองไปทางผองเพื่อนที่หลับสนิท แต่แล้ว เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อตรงที่นอนของมายด์นั้นว่างเปล่า ฟ่างยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งรู้สึกเอะใจ
“จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นหุ่นมันดูคุ้นตาจังแฮะ”
ฟ่างบ่นพึมพัมพลางเดินกลับไปที่หน้าต่างอีกครั้ง ฟ่างตัวเย็นเฉียบขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เมื่อยังคงแลเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม แต่ที่แปลกไปคือเธอมองขึ้นมาที่ฟ่าง แม้ว่าจะมีเพียงแสงสลัวแต่ฟ่างกลับมองเห็นใบหน้านั้นชัดเจน ใบหน้าขาวซีด สีหน้าไร้อารมณ์ แต่เป็นใบหน้าที่ฟ่างรู้จักดี
“อะ อะ ไอ้มาย์!!”
ฟ่างเผลอตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้านั้นจากที่มองขึ้นมานิ่งๆ กลับเริ่มยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย มายด์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวล้อกับแสงไฟ แต่ตาคู่นั้นกลับไร้แววยินดี มันเป็นสายตาของความโกรธเกรี้ยว จากนั้นมายด์ที่ตอนนี้ท่าทางของเธอดูน่ากลัวเป็นอย่างมากก็เริ่มทำบางสิ่ง เธอชี้มือมาทางฟ่าง แล้วจึงพูดขึ้น แม้คนพูดจะอยู่ไกลแถมมีกระจกหน้าต่างกั้น แต่ฟ่างกลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“ ผ่อ เหีย” ฟ่างแม้จะได้ยินชัดเจนก็ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ทันใดนั้นเอง มายด์ก็เริ่มฟ้อน ฟ้อนไปเรื่อยๆ ฟ่างตะลึงอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมายด์หยุดฟ้อนหันหน้ามาทางฟ่างแล้วทำแบบเดิม ชี้มือขึ้นมาแล้วพูดขึ้น
“ ผ่อ เหีย”