คือเราเป็นลูกคนเล็กค่ะ มีพี่ชาย 1 คน แต่ตอนนี้หลวงพี่บวชอยู่ เราเลยอยู่กับแม่ที่บ้านของพ่อ พ่อเราเสียตั้งแต่อายุ10ขวบ หลังจากนั้นไม่นานถึงปี แม่ก็แต่งงานใหม่ ก่อนที่แม่จะแต่งงาน แม่เอากระดูกของพ่อไปฝังที่ต้นไม้ที่วัด ตอนนั้นเรายังเด็กยังไม่รู้อะไร เราเลยไม่ได้ตอบโต้ จนแม่แต่งงานละย้ายไปอยู่บ้านแฟนแต่ก็ไปไม่รอด กลับมาอยู่กับเราเหมือนเดิม ระหว่างที่แม่แต่งงานละอยู่กับแฟนใหม่ ยายกับย่าเป็นคนเลี้ยงดู ยายจะดูเรื่องที่อยู่อาศัย ส่วนย่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ค่าเทอมต่างๆ ส่วนแม่นานๆทีจะส่งกลับมาให้ ทุกครั้งที่แม่กลับมาหาเราจะโดนบ่นโดนว่าประจำ บางทีแค่เรานั่งผิดที่ผิดทาง เรายังโดนเลยค่ะ เราโดนตะหวาดใส่จนทุกวันนี้เราแพนิค ตกใจง่ายเวลาได้ยินเสียงดัง แต่เราก็ไม่อะไร ด้วยความที่เป็นแม่ พอแม่กลับมาอยู่กับเราแกก็ขายของ ขายอาหารตามที่แกถนัด แล้วแกก็เจอแฟนใหม่แกอีกคน คนนี้เป็นเพื่อนของพ่อ พี่ชายเรารับไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้ ส่วนเราก้มหน้าก้มตาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น อยากจะมีก็มีไป แต่อย่าให้เขามาวุ่นวายกับเราพอ แต่คนนี้ค่อนข้างจะแย่ เพราะคนนี้ติดยา จนพาแม่เราซวย ผช.คนนี้ค่อนข้างมีเงิน เลยรอดคดี ส่วนแม่เราติดคุกเพราะไม่มีเงินไปประกัน ตอนนั้นเราแสดงออกว่าเราเข้มแข็งมาก ไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ศาลตัดสิน2ปี ระหว่างที่แม่อยู่ในนั้น มีแค่เรา ยาย พี่ชาย พี่คอยไปเยี่ยม สงสารยายมาก แกอายุเกือบ80 ก็ต้องคอยไป จนแม่พ้นโทษออกมา ก็มาอยู่บ้านยาย แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์เราที่สุดคือ แม่มีแฟนตามออกมาด้วย เขามาอยู่ที่บ้านยาย แต่ที่บ้านไม่โอเคเพราะเราก็เริ่มจะเป็นสาว จนแม่และแฟนเขาย้ายออกไป เกือบสองปี รอบนี้ก็เหมือนเดิม เลิกละกลับมาเหมือนเดิม แต่เรากับพี่ชายย้ายไปอยู่ที่บ้านพ่อแล้ว ซึ่งมีปู่กับอาอยู่สองคน แม่ออกมา แม่ก็ต้องมาอยู่กับเราเพราะคนที่บ้านยายเขาเริ่มไม่โอเคกับแม่กันสักคนแล้ว พอแม่มาอยู่ตอนแรกๆก็คุยดี จนผ่านไปไม่นาน แกก็เริ่มนิสัยเดิม บ่นเรา ด่าเรา ทั้งที่เรายังไม่ได้ทำไรเลย แต่ก่อนอื่นเลยนะคะ ขอบอกก่อนเลยว่าเรารู้เลยว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน เรารับรู้ คนที่บ้านมองออกทุกคนว่าแม่รักพี่ชายมากกว่า ตอนนั้นพี่ชายพึ่งปลดทหาร ตื่นนอนบ่าย งานไม่ทำ วันนั้นแม่จะให้ไปซื้อของ แทนที่จะใช้พี่ขายที่นอนอยู่บ้านเฉยๆแต่กลับใช้เรา ผู้ที่ขับมอไซค์ตากฝนกลับมาจากโรงเรียน ตอนนั้นเราพูดไม่ออกเลย แต่ก็ได้ก้มหน้าก้มตาทำไป เป็นแบบนี้ไปนานจนพี่ชายไปบวช ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก แม่เริ่มมามีอิทธิพลกับเรา ชอบกล่อมให้เราไปบอกย่าให้เซ็นโอนบ้านเป็นชื่อเรา ให้ไปบอกปู่ให้โอนรถเป็นชื่อเรา คือตอนนี้แม่ไม่ได้มีสมบัติอะไรเลยนะคะ กลับไปอยู่บ้านยายก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ยายเสียแล้ว ละชื่อบ้านก็เป็นของป้าเรา แม่เลยต้องอยู่กับเรา ใช้รถเรา เราจะใช้รถตัวเอง กลับช้าก็โดนว่า ซื้อของกินมาให้ไม่ถูกใจก็โดนว่า หนักสุดคือเรียกให้เราไปชิมอาหารที่แกทำ เราแค่พูดแซวแกว่าทำหรือซื้อ แค่นั้นแหละ มาเป็นชุด หาว่าเราไปดูถูกแก วันนั้นเราฟิวขาด เลยขับรถออกไปนั่งรับลมคนเดียว ละบอกแกว่ากินก่อนเลย ้ดี๋ยวพน.เช้าจะอุ่นกิน แต่แกมาบอกว่า ถ้าไม่กลับมากินก็ขาดกันไป อย่ามาเรียกว่าแม่อีก เรานั่งร้องไห้เลยค่ะ ภายนอกเราอาจจะดูเป็นคนแข็งๆ แต่เราร้องไห้กับเรื่องของแม่บ่อยมาก ดีที่ตอนนี้เราโตแล้ว มีแฟนมาคอยรับฟัง ให้คำปรึกษา เราผ่านมาได้โดยไม่เป็นซึมเศร้าเราถือว่าโอเคสำหรับเราแล้วค่ะ ตอนบอกตามตรงว่าตอนนี้ไม่อยากอยู่กับแม่ แต่เราทำไรไม่ได้ เวลาที่อาเปิดเพลงที่บ้านหรือทำไรเสียงดัง แกจะชอบมาบ่นให้เราฟังนู่นนี่ แต่แกก็ทำไรไม่ได้เพราะไม่ใช่บ้านแก เราคนกลางต้องมาคอยฟังอะไรลบๆแบบนี้ทุกวัน เครียดบ่อยจนนอนไม่หลับ เรากลัวว่าวันนึงเราจะอดทนไม่ไหวแล้วให้แม่ย้ายออกไป แต่เชื่อเลยค่ะว่าถ้าเราทำแบบนั้น เราจะดูแย่ในสายตาคนอื่นทันที
กระทู้นี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่อยากระบาย อยากได้คำปรึกษา
แนะนำได้นะคะ แต่อย่าด่าเราเลยค่ะ แค่นี้เราก็รู้สึกแย่มากๆมาตั้งแต่จำความได้ละ
อึดอัดเวลาอยู่กับแม่
กระทู้นี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่อยากระบาย อยากได้คำปรึกษา
แนะนำได้นะคะ แต่อย่าด่าเราเลยค่ะ แค่นี้เราก็รู้สึกแย่มากๆมาตั้งแต่จำความได้ละ