JJNY : ยิ่งลักษณ์ฉีดวัคซีนแล้ว│"จุลพันธ์"อภิปรายรบ.คนจนเพิ่ม1.5ล.│เหน็บ'สิระ'พิมพ์ชื่อป้อมผิด│รายได้ชุมชนท่องเที่ยววูบ

ยิ่งลักษณ์ ฉีดวัคซีนโควิดจากรัฐบาลยูเออีแล้ว คิดถึงคนไทย-หวังได้ฉีดกันเร็วๆ นี้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_5970845

 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฉีดวัคซีนโควิดจากรัฐบาลยูเออีแล้ว คิดถึงคนไทย-หวังได้ฉีดกันเร็วๆ นี้ เพื่อเปิดประเทศให้เกิดธุรกิจการค้าได้โดยเร็ว
 
วันที่ 17 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ว่า 
 
วันนี้ที่ดูไบ ดิฉันได้มีโอกาสฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ค่ะ รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จัดสรรวัคซีนจาก 2 บริษัทให้ประชาชนทั้งหมดและผู้อยู่อาศัยที่นี่ทุกคน โดยรัฐบาลมีนโยบายให้จัดสรรวัคซีน ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีนซึ่งมีประสิทธิผล 86 % ให้แก่ประชาชนทั่วไป และวัคซีน ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNTech) ของสหรัฐ-เยอรมนี ซึ่งมีประสิทธิผล 95%
 
พร้อมกันนี้ทางรัฐบาลยังคงเปิดโอกาสให้มีการใช้วัคซีนสปุตนิค (Sputnik) จากรัสเซียในกรณีฉุกเฉินและกำลังเริ่มทดลองใช้วัคซีนแอสตร้าซิเนก้า (AstraZeneca Plc) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งผลิตจากอินเดียอีกด้วย
 
รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นประเทศที่จัดสรรวัคซีนให้ประชากรและผู้อยู่อาศัยในอัตราสูงสุด เมื่อเทียบกับอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศอื่นทั่วโลก เนื่องจากรัฐถือหลักนโยบายที่ให้ความสำคัญอย่างสมดุลต่อการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
 
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังคงต้องให้หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากาก เหมือนเดิม และมีการเพิ่มการเว้นระยะห่างก็ให้เว้นมากขึ้นจากเดิม 2 เมตรเป็น 3 เมตร ทำให้เมืองดูไบยังสามารถเดินหน้าประกอบธุรกิจการค้า รองรับนักท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้องประชาชนคนไทยไม่ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้มีโอกาสฉีดวัคซีนในเร็วๆ นี้ เพื่อสามารถเปิดประเทศให้เกิดธุรกิจการค้าได้โดยเร็วนะคะ
 
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4098905046820586
 

 
"จุลพันธ์ เพื่อไทย" อภิปรายใต้รัฐบาลประยุทธ์ GDP โตแค่ 2-3% คนจนเพิ่ม 1.5 ล้าน
https://prachatai.com/journal/2021/02/91722
 
"จุลพันธ์ เพื่อไทย" อภิปรายภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ จีดีพีไทยโตแค่ปีละ 2-3% เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านที่โต 5-8% อีกทั้งคนจนเพิ่มขึ้นเพิ่ม 1.5 ล้าน คนตกงานก็เพิ่ม
 
16 ก.พ.2564 เพจพรรคเพื่อไทยรายงานสรุป การอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กำลังทำให้เศรษฐกิจและคนไทยอยู่ในสภาวะ “เปราะบางและอ่อนแอ” หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ซ้ำยังไม่มีความพร้อมในการรับมือต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้
 
ตัวเลข GDP โดย Financial Times ชี้ว่าภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอด โตเฉลี่ยเพียงแค่ 2-3% ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเดียวกันเช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปิน เวียดนาม ซึ่งมีขนาดและโครงสร้างทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกันกับประเทศไทยในสภาวะเดียวกัน พวกเขาสามารถคงระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ถึง 5-8% แปลว่าไม่ได้เป็นเพราะปัจจัยเรื่องโควิด-19 อย่างเดียว แต่เป็นเพราะความไร้ประสิทธิภาพและไม่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจของผู้นำด้วย
 
ภาวะการว่างงานในประเทศไทย “พุ่งสูงที่สุดในรอบ 11 ปี” ตัวเลขการตกงานที่แท้จริงเพิ่มจาก 300,000 คน เป็น 700,000 คน หรือเพิ่มมากกว่าเท่าตัวในปี 2563 ที่น่าห่วงกว่าคือ “ผู้เสมือนว่างงาน” คือคนตกงานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับรัฐ เพิ่มมากขึ้น 4 เท่าตัว เป็น 5.4 ล้านคน เมื่อรวมยอดคนว่างงาน และ เสมือนว่างงาน จะเป็นตัวเลขถึง “6 ล้านคน
 
World Bank ประเมินว่าคนยากจนรายได้ต่ำกว่า 165 บาท/วัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2563 อยู่ที่ 4.7 ล้านคน มาถึงไตรมาสที่สามของปี 2563 เพิ่มมาที่ 7.8 ล้านคน ภายใต้การนำของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำให้คนจนเพิ่มมากขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 3 ครั้ง โดยในปีที่แล้วปีเดียว คนจนในประเทศไทยเพิ่มถึง 1.5 ล้านคน
 
ผลกระทบจากการท่องเที่ยวจากโควิด-19 ของไทยสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ทั้งที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตของประเทศไทยน้อยกว่ามาก หากเทียบกับประเทศที่ได้รับผลกระทบเดียวกันใน 5 อันดับแรก เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 1.9 ล้านล้านบาทในปี 62 กลับหดตัวเหลือเพียง 3 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้นในปี 63
 
การแก้พิษเศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพของพล.อ.ประยุทธ์คือ “การแจกเงิน” แต่โดยหลักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์แจกเงินแบบ Helicopter Money มีตัวคูณทางเศรษฐกิจต่ำที่สุด หมายความว่าหากจะตั้งเป้าเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ การแจกเงิน “แบบหว่าน” จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ แต่พลเอกประยุทธ์มักเลือกใช้วิธีนี้เสมอ เพราะต้องการสร้างความนิยมชมชอบให้ตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของชาติและประชาชน
นอกจานกนั้น ผลการศึกษาจากทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยชี้ว่าการรัฐประหารในปี 2557 และบริหารต่อมาโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย ปีละสี่แสนถึงหกแสนล้านบาท โดยพลเอกประยุทธ์สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจไทยเป็นตัวเลขสูงถึง 3,189,538 ล้านบาท หากรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจไทยเสียหายไม่ต่ำกว่า “สี่ล้านล้านบาท
 
หนี้ครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการณ์ “ตัวเลขหนี้ครัวเรือน 86%” สูงสุดในประเทศรายได้ไม่สูง แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้งบประมาณประจำปีไปแล้ว 22 ล้านล้านบาท กล่าวได้ว่า งบประมาณของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ขยายตัวขึ้นทุกปีแต่ไม่พยายามลดสัดส่วนรายจ่ายประจำแต่ละปีสูงถึง 80%
เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทที่เตรียมไว้จึงสูญเปล่า แทนที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสร้างภูมิต้านทานให้ระบบเศรษฐกิจทั้งเอกชนและประชาชนไทย แต่การบริหารที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ แต่เศรษฐกิจไทยกลับอยู่ในสถานะเปราะบาง เพราะกระสุนหมด เงินหมด เหลือแต่หนี้ พอเกิดโควิท-19 ระรอกสอง ประชาชนจึงเดือดร้อนเป็นเท่าทวีคูณ
 

 
เหน็บ 'สิระ' รักจอมปลอม พิมพ์ชื่อ เหรียญ 'บิ๊กป้อม' ผิด แนะ 'ปารีณา' ห้อยบ้าง เชื่อราคาพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5971200
 
ก้าวไกล เหน็บ ‘สิระ’ รักจอมปลอม พิมพ์ชื่อ เหรียญ ‘บิ๊กป้อม’ ผิด แนะ ‘ปารีณา’ ห้อยบ้าง อาจแคล้วคลาดคดีความ เชื่ออีกไม่นานราคาพุ่ง
 
กรณี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คล้องสร้อยคอ ประทับหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวอ้างว่า เหรียญรุ่นนี้เป็นสิริมงคลนั้น

วันที่ 17 ก.พ.64 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ท่านเลือกเหรียญดีแล้ว เพราะเหรียญรุ่นนี้คนที่มีคดีความหนักๆ ห้อยอะไรไม่แคล้วคลาด ควรพึ่งเหรียญ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะเหรียญรุ่นนี้เคลียร์ทางได้หมด และอีกไม่นานเหรียญนี้น่าจะมีมูลค่าเพิ่มจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะคนในรูปแต่เพราะราคาทองคำขึ้นทุกวันๆ และคนมีคดีฝั่งท่านก็มีเยอะขึนทุกวัน คงต้องพึ่งเหรียญรุ่นนี้

อีกทั้งวานนี้(16 ก.พ.64) ยังห็น นายสิระ ขยันทำผลงานประท้วงในสภาหลายต่อหลายครั้ง นายสิระคงปลุกของมาเต็มที่ ผลงานรอบนี้ท่าจะเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ บวกกับเหรียญที่ห้อยมาวันนี้ น่าจะทำให้ท่านรอด

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า ตนอยากแนะนำให้ น.ส.ปารีณา ไปหาเหรียญมาห้อยด้วย เพราะดูจากสีหน้าค่าตา และความคืบหน้าคดีแล้วคงต้องยิ่งพึ่งพาเหรียญรุ่นนี้ให้เร็วที่สุด แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งว่า อย่าแสดงความรักจอมปลอมให้เขาจับได้เหมือนนายสิระ เพราะขนาดชื่อบนเหรียญยังพิมพ์ผิด ท่านชื่อประวิตรไม่ใช่ประวิทย์ จำให้ดี จดไว้ให้ขึ้นใจเพราะความรักจอมปลอมย่อมถ่ายทอดจากสิ่งของที่คุณทำให้ อยากจะอวยอยากจะประจบแต่ชื่อยังผิดแบบนี้ น.ส.ปารีณาอย่าซ้ำรอย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่