JJNY : “วีระ”จวกรบ.ปราบโกงแต่ปาก│'เพื่อไทย'ห่วงซ้ำรอยศรีลังกา│“สงคราม”หวั่นระบบสธ.รับไม่ไหว│‘อังคณา’โดนคุกคามชีวิต

“วีระ สมความคิด” จวก รัฐบาลประยุทธ์ ปราบโกงแต่ปาก นาฬิกา”บิ๊กป้อม” ยังไม่จบ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3285617
 
 
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนค้านคอร์รัปชั่น ซัดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปราบโกงแต่ปาก และปมนาฬิกา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่จบ  ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ 

 
'เพื่อไทย' ห่วง 'ประยุทธ์' ซ้ำรอยศรีลังกา แนะ หัดเรียนรู้จาก 'พี่โทนี่'
https://www.voicetv.co.th/read/GlRl1A6qs
 
'เพื่อไทย' ห่วง 'ประยุทธ์' ทำไทยเป็นเหมือนศรีลังกา ชี้ อย่าเข้าใจผิด เรตติ้งคงที่เพราะเงินทุนสำรองมากตั้งแต่อดีต ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจดี เพราะหนี้ยังเพิ่มไม่หยุด แนะ หัดเรียนรู้จาก 'พี่โทนี่'
 
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดหนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่บริษัทจัดอันดับเครดิต Moody’s คงสถานะเครดิตของไทยอยู่ที่ Baa1 ซึ่งถือว่ามั่นคงนั้น สาเหตุหลักมาจากเงินทุนสำรองของไทยที่มีสูงถึง 2.42 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่เกิดจากการสะสมเงินทุนสำรองมากว่ายี่สิบปีตั้งแต่หลายรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจไทยจะดี ดังนั้นไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้เข้าใจผิด ซึ่งอาจจะทำให้หลงทางได้ ทั้งนี้เพราะเครดิตจะเปลี่ยนแปลงได้ทันทีถ้ามีปัญหารุนแรงเกิดขึ้นยกตัวอย่างเช่น ก่อนที่บริษัทเลห์แมน บราเธอร์สจะล้มละลายหนึ่งสัปดาห์ในปี 2008 และเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ เรตติงของบริษัท เลห์แมน บราเธอร์สยังอยู่ที่ “A” เลย แต่อีกไม่กี่วันก็ล้มละลายแล้ว เป็นต้น 
 
ทั้งนี้ หากวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยแล้วยังคงน่าเป็นห่วงอย่างมาก เวิร์ลแบงค์ได้ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้เหลือเพียง 2.9% และ อาจลดลงถึง 2.6% ถ้าสถานการณ์แย่ลง อีกทั้งยังเป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงมากเกือบจะทะลุ 15 ล้านล้านบาทแล้ว หรือกว่า 90% ของจีดีพีแล้ว และหนี้สาธารณะของไทยกำลังจะทะลุ 10 ล้านล้านบาทสูงกว่า 60% ของจีดีพีแล้ว หนี้เสียในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นมาก และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงได้เลย หากพลเอกประยุทธ์ยังไม่สามารถใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพได้
 
พลเอกประยุทธ์ใช้เงินมากแต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่ขยายตัว คิดได้แต่จะกู้มาแจกเงินและกู้มาซื้ออาวุธ เศรษฐกิจไทยคงฟื้นยากหรือจะไม่ฟื้นเลย ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก พลเอกประยุทธ์ใช้เงินและแจกเงินสะเปะสะปะมากกว่ารัฐบาลในอดีตมาก แต่ทำเศรษฐกิจขยายได้ไม่เคยเท่ากับรัฐบาลเพื่อไทยในอดีตที่ทำเศรษฐกิจไทยในปี 2555 ขยายตัวถึง 7.2% และใช้เงินน้อยกว่าพลเอกประยุทธ์มาก อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ไปศึกษาวิธีคิดของพรรคเพื่อไทยจะได้ทำเป็นบ้าง นอกจากนี้อยากให้ไปศึกษาดูว่าในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีไม่มากนักเพราะเพิ่งใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด แต่ประชาชนกลับมีความเป็นอยู่ที่ดี กินดีอยู่ดี มีรายได้สูง และมีความสุขกันถ้วนหน้ามากกว่าตอนนี้ที่อ้างว่ามีทุนสำรองมากอย่างเทียบกันไม่ได้ 
 
ปัญหาความเสื่อมถอยของเศรษฐกิจไทยทำให้น่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะตามรอยวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศศรีลังกาได้ เพราะมีลักษณะหลายอย่างคล้ายกัน ซึ่งปัจจุบันวิกฤตเศรษฐกิจของศรีลังกาหนักมาก หนี้สาธารณะพุ่งถึง 104% ของจีดีพี เงินเฟ้อพุ่งกว่า 18% ประเทศขาดทุนสำรองระหว่างประเทศทำให้ไม่สามารถนำเข้าพลังงานได้ถึงขนาดต้องปิดไฟฟ้าวันละ 13 ชม. เลย ซึ่งหากประเทศไทยยังปล่อยให้มีการบริหารประเทศย่ำแย่ไปแบบนี้ ประเทศไทยก็อาจจะเป็นเหมือนประเทศศรีลังกาได้ เช่นรัฐบาลกู้มาก แต่ลงทุนไม่เป็น ไปลงทุนในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น ศรีลังกากู้เงินไปสร้างท่าเรือและสนามบินแต่ไม่มีคนมาใช้ ไม่มีรายได้ 
 
ในขณะที่ไทยลงทุนจำนวนมากในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) แต่ไม่มีนักลงทุนเข้ามา แทนที่จะไปทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อหนองคาย-เวียงจันทร์ทะลุไปประเทศจีน ซึ่งจะขยายการค้าการลงทุนอย่างมาก เป็นต้น การท่องเที่ยวของศรีลังกาที่เป็นรายได้หลักหดหายไปมากเช่นเดียวกับประเทศไทยที่การท่องเที่ยวหดหายไปเช่นกัน หนี้สาธารณะของศรีลังกาเพิ่มไม่หยุดเหมือนหนี้สาธารณะของไทยเช่นกัน อีกทั้งในอดีตศรีลังกาคิดจะพึ่งการบริโภคภายในประเทศไม่พึ่งส่งออกแบบเดียวกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ในสมัย ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พูดและขายไอเดียไว้เอง ทำให้การส่งออกลดลงมาก และการส่งออกไทยก็ย่ำแย่มาตลอดจนเพิ่งจะมาฟื้นในปีที่แล้วเพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น แต่การลงทุนของไทยยังต่ำและมีน้อยมาก 
 
ผู้นำที่ดีจะต้องดูแบบอย่างความสำเร็จและความล้มเหลวของประเทศต่างๆมาเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาประเทศของตน หากพลเอกประยุทธ์ได้ค้นคว้าหาความรู้และศึกษารูปแบบความสำเร็จของประเทศในโลก จะพบว่าสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ได้บริหารมาและกำลังบริหารอยู่ไม่มีทางที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้เลย ซึ่งกลับตรงกันข้าม ลักษณะที่พลเอกประยุทธ์ทำอยู่นี้เป็นรูปแบบของความล้มเหลวของผู้นำของหลายประเทศที่ประสบกันมาแล้ว ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ต้องปรับวิธีคิดและวิธีบริหาร อีกทั้งอยากให้ฟังพี่โทนี่ที่ศึกษารูปแบบประเทศที่สำเร็จมาอย่างดี และให้ความรู้ประชาชนในคลับเฮ้าส์ทุกวันอังคารเว้นอังคารจะได้มีแนวคิดที่ถูกต้องบ้าง อย่าปล่อยให้ประเทศต้องล้มเหลวกว่านี้อีกเลย
 

 
“สงคราม” หวั่นระบบสธ.รับไม่ไหวโควิดพุ่งหลังสงกรานต์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_322032/
 
“สงคราม” หวั่นนายกฯละเลยระบบสาธารณสุข จนรับไม่ไหว ติดเชื้อพุ่งหลังสงกรานต์ นักวิชาการประเมินอาจถึงวันละแสน
 
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความสามารถในการปัญหาโควิดผิดพลาดมาโดยตลอด ล่าสุดประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กกับคนสูงอายุ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมามีเด็ก ช่วงอายุ 0-4 ปี เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น และพบว่าเด็กเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 100 คน เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 20 คน การแก้ปัญหาแบบขอไปทีของ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนการพรากชีวิตลูกจากอกแม่ ช่างอำมหิตมาก
 
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเข้าไม่ถึงยารักษา ไม่ว่าจะเป็นยาฟาวิฟิราเวียร์ หรือแม้กระทั่งฟ้าทะลายโจร รวมไปถึงวัคซีน ทั้งๆที่ผู้ติดเชื้อที่เข้าระบบHome Isolation ผู้ป่วยโควิดแยกกักตัวอยู่บ้าน ไม่สามารถที่จะ เข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที นโยบายรักษาตัวที่บ้าน ล้มเหลว เพราะรัฐบาลไม่มีการเตรียมความพร้อม ทั้งยารักษาโรคและอาหารสำหรับผู้ติดเชื้อที่ต้องกักตัว และไม่มีแพทย์ไปถามอาการ ผู้ติดเชื้อจำนวนมากต้องอยู่อย่างรอความตายที่บ้านมากกว่าการเข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที
 
นอกจากนี้หลังเทศกาลสงกรานต์นักวิชาการด้านสาธารณสุขประเมินว่าจะมีผู้ติดเชื้อวันละแสนคน อยากถามว่ารัฐบาลมีการเตรียมความในการดูแลประชาชนไว้อย่างไร หวั่นใจว่าระบบสาธารณสุขของไทยจะล้มเหลว เนื่องมาจากผู้ติดเชิ้อจำนวนมาก เตียงรักษา ยารักษา จะไม่พอถึงเวลานี้ขอให้รัฐบาลทบทวนการเข้าถึงการรักษาและวัคซีนใหม่ ควรเร่งกระจายยารักษาให้มากที่สุด
  
รวมทั้งการกระจายศูนย์ฉีดวัคซีนไปยังพื้นที่ชนบทมากขึ้น เพราะการจัดจุดฉีดวัคซีนในพื้นที่เมืองส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคน โดยเฉพาะเด็กกับผู้สูงอายุเข้าไม่ถึงวัคซีน รัฐบาลอย่าเอาความสบายของตัวเองควรยึดประชาชนเป็นหลัก การเข้าถึงยาและวัคซีนคือหัวใจของการต่อสู้โดวิดของประชาชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่