JJNY : พท.ชี้รบ.สอบตกสื่อสารในภาวะวิกฤต/ส.ส.ก้าวไกลไม่พอใจแผนฉีดวัคซีน/'ทราย'ซัดรัฐไม่เตรียมพร้อม/“นิพนธ์”เตือน”สิระ”

เพื่อไทย ชี้ รบ.สอบตกการสื่อสารในภาวะวิกฤต จี้เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ
https://voicetv.co.th/read/4DYJTSLeb
 

 
โฆษกเพื่อไทย จวกรัฐสอบตกการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ชี้อยากเห็นรัฐบาลมืออาชีพ เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวป้องกันตัวเอง
 
อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สิ่งที่คนไทยต้องการเห็นในเวลานี้คือ ความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพในการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค ซึ่งในสถานการณ์วิกฤตินี้ รัฐบาลต้อง
 
1. เปิดเผยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ สุ่มตรวจแล้วกี่ราย เมื่อเทียบสัดส่วนการสุ่มตรวจกับประชากรที่ยังไม่ตรวจเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด เพราะเมื่อติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่แพร่กระจายไปใน 28 จังหวัด ทำให้ประชาชนไม่แน่ใจสถานการณ์การติดเชื้อที่อาจจะมาจากผู้ไม่แสดงอาหารที่ยังใช้ชีวิตปกติ เมื่อรวมเข้ากับเขื่อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษที่แพร่กระจายได้รวดเร็วยิ่งทำให้ประชาชนหวาดวิตกมากขึ้น 
 
2. การสื่อสารของ ศบค.และนายกรัฐมนตรี ต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง เช่น การล็อกดาวน์คือล็อกดาวน์ เพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์ในขณะนั้นอันตราย ไม่ใช่มาตรเข้มข้นสูงสุด หรือการที่ กทม.ออกคำสั่งงดนั่งทานอาหารในร้านก่อน 19.00 น. และพลเอกประยุทธ์ออกมาแก้ไขเป็น 21.00 น. สิ่งเหล่านี้ให้เห็นว่าแม้แต่การสื่อสารใน ศบค.ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการจัดการโรคระบาดยังผิดพลาดภายใน ซ้ำยังแสดงความผิดพลาดออกสู่สาธารณชน นอกจากนี้ถ้อยคำที่ว่าประชาชนกลายเป็นภาระรัฐบาล หากประชาชนรับผิดชอบตนเอง ประเทศคงไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
 
3. การระบาดทั้ง 2 ครั้งไม่ใช่ความผิดประชาชน ต้นเหตุเกิดจากความหละหลวมปล่อยเชื้อเข้ามาในประเทศด้วยการทำผิดกฎหมายของเจ้าหน้ารัฐที่รับส่วยหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่สวมหน้ากาก ตื่นตัวและให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่มาต่อเนื่อง จึงขอตั้งคำถามง่ายๆ ว่าใครต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ 
 
อรุณี ยังระบุว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือความเชื่อมั่น รัฐบาลที่เป็นมืออาชีพจะต้องมีวิสัยทัศน์ สร้างความมั่นใจให้พลเมืองในประเทศร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปด้วยกัน บางประเทศ เช่น ลาวซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจน้อยกว่าไทย ยังได้รับวัคซีนก่อนไทยครึ่งปี เพราะลาวมีผู้นำที่มองอนาคต หรือบางประเทศที่ผู้นำลงมือทำแผนฟื้นฟูประเทศแล้ว ส่วนสิงคโปร์วางเป้าหมายจะนำพาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์
 
"สุดท้ายถ้านายกรัฐมนตรี คิดไม่ออก หรือยังนึกไม่ได้ จะเปิดใจรับฟังสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอ เพื่อช่วยหาทางออกของประเทศ ทางพรรคเพื่อไทยก็ยินดี เพราะในยามวิกฤติใหญ่ขนาดนี้ การร่วมด้วยช่วยกันและรับฟังผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญอรุณี กล่าว
 

 
ส.ส.ก้าวไกลไม่พอใจแผนฉีดวัคซีนให้ปชช.
https://www.innnews.co.th/politics/news_860242/

ส.ส.ก้าวไกล ไม่พอใจรัฐแก้โควิด แผนการฉีกวัคซีนให้ประชาชน น้อยเกินไป ชี้เสียโอกาสฟื้นเศรษฐกิจ
 
นายเเพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 เเละการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในอนาคต ว่า  
 
ไม่พอใจกับการจัดการการระบาดโรคโควิดโดยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชัดเจนว่าไม่เคยให้ค่าประชาชน และไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองและพวกพ้อง
 
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตามกระแสข่าว จะมีการได้รับวัคซีนมาฉีดทีละชุดๆ และประชากรที่จะได้รับวัคซีนมีประมาณ 20% กว่าเท่านั้น โดยตามหลักการแล้วต้องให้ประชากรมีภูมิต้านทานประมาณถึง 80%  ดังนั้นการได้วัคซีนมาเพียง 20% อาจไม่เพียงพอต่อการหยุดการระบาดได้ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่รู้ชัดว่า วัคซีนจะใช้ได้ดีขนาดไหน
 
ดังนั้น ต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอสำหรับทุกคน และรัฐบาลยังต้องวางแผนการฉีดวัคซีนที่ใช้หลักการทางวิชาการมาสนับสนุนด้วย หาก ประเทศไทยฉีดวัคซีนให้ประชากรจนประกาศสิ้นสุดการระบาดได้ช้าก็จะเสียโอกาสในการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานานได้ช้าด้วย โอกาสฟื้นเศรษฐกิจจากเงินต่างประเทศไทยก็ช้าไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่