JJNY : แม่แชตยืมเงินครู 100 บ. ซื้อข้าวสารหลังตกงาน/วงจรอุบาทว์กดราคาชาวไร่มัน/ยื่นญัตติออภิปราย10รมต./เจ๊หน่อยสอนมวยตู่

จุกอก!แม่แชตยืมเงินครู100บาท ซื้อข้าวสารหลังตกงาน
https://www.dailynews.co.th/regional/821124


สุดเศร้า!แม่แชตยืมเงินครู 100 บาท ซื้อข้าวสารคลุกกับพริกน้ำปลาให้ลูกกินประทังชีวิต หลังตกงาน ไร้เงินยุคโควิด-19 ระบุ พิษเศรษฐกิจ ยุค COVID-19 กระชากทุกสิ่งที่อยู่ใต้พรม ออกมาให้เห็นว่าสังคมไทยสุดแสนจะเหลื่อมล้ำ
 
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าทีเดียว สำหรับเศรษฐกิจยุคโควิด-19 เพราะมีหลายคนต้องตกงาน ไร้เงิน ซึ่งล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Athapol Anunthavorasakul ได้โพสต์ข้อความ ของคุณครูคนหนึ่ง ที่เป็นลูกศิษย์โพสต์ขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า  
 
อ่านแล้วจุกจนขอเอามาแชร์ ปิดชื่อคุณครูหน่อยเพื่อความเป็นส่วนตัว
 
COVID-19 กระชากทุกสิ่งที่อยู่ใต้พรมออกมาให้เห็นว่าสังคมไทยสุดแสนจะเหลื่อมล้ำ คนไม่มีจะกินคือไม่มีจริง ๆ การตัดสินใจอะไรที่ไม่เคยมองเห็นพวกเขาเลย ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจโดยตั้งใจ/ไม่ตั้งใจ รู้ประสา/ไม่รู้ประสา ล้วนเป็นการตัดสินใจที่เลือดเย็นมาก คนไม่เคยจน หรือคนที่ทำเป็นลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยจนคงยากที่จะเริ่มต้นด้วยความเข้าใจ แต่ถ้าใช้ความเป็นมนุษย์ในตัวรับรู้ รับฟังให้มาก ๆ อย่าติดกับดักอคติเหมารวม เช่น คนจนคือคนขี้เกียจ คนเราเกิดมาไม่เท่ากันหรอก ฯลฯ ท่านจะได้ยิน และมองเห็น
 
เหนืออื่นใด บทบาทคุณครูในโรงเรียนทั้งเมืองกรุงและต่างจังหวัด ไม่ใช่แค่ครูฟา ครูโค้ช romanticised อะไรหรอก ครูก็เป็นครูนั่นแหละ ที่เป็นฟา เป็นโค้ช มันแค่หนึ่งในร้อยบทบาทที่คนทำงานในวิชาชีพครูเขาต้องแบกรับ ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ที่ต้องดูแล ปกป้อง เคียงข้าง​ ส่งเสริม ช่วยเหลือ พัฒนา แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง คนในชุมชน  คนทำหน้าที่ครูก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย กราบหัวใจครูทุกคนที่ทำงานกันหนักมาก ๆ ในช่วงเวลาที่มืดมิด และหนักหน่วงที่สุดช่วงหนึ่งของสังคมไทย
 
https://www.facebook.com/athapol/posts/10157330258615583
 


วงจรอุบาทว์กดราคาชาวไร่มันสำปะหลังราคาดิ่ง 1.90 บ./กก.
https://www.prachachat.net/economy/news-598887
  

ถือเป็นเรื่องน่าจับตามองมากสำหรับสถานการณ์ความบิดเบี้ยวของราคามันสำปะหลังของไทย ทั้งที่มีปริมาณผลผลิตหัวมัน 28-30 ล้านตันต่อปี “น้อยกว่า” ความต้องการใช้ที่เฉลี่ยปีละ 40 ล้านตัน ซึ่งราคามันสำปะหลังควรต้องปรับสูงขึ้น
 
แต่ปรากฏว่าราคาตลาดกลับดิ่งลงอย่างหนัก เหลือไม่ถึง กก.ละ 2 บาท ทำให้เกษตรกรขาดทุน จนกระทั่งชาวไร่ร้องต่อรัฐบาลตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เรียกกลุ่ม 4 สมาคมมันสำปะหลัง มาหารือขอความร่วมมือให้รับซื้อหัวมันในราคาสูงขึ้น แต่ไม่เป็นผลล่วงเลยข้ามมาถึงปี 2564 กระทรวงพาณิชย์สุดทนจึงได้ใช้วิธี “มัดมือเซ็น MOU” กำหนดราคาแนะนำรับซื้อหัวมันรายสัปดาห์ ไปเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 แต่ปรากฏว่ามีเพียง 3 ใน 4 สมาคมเท่านั้นที่ยอมเซ็น
  
คือสมาคมการค้ามันสัมปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายหลังมีสมาคมโรงงานผลิตเอทานอล ที่ตอบรับช่วยซื้อในราคา กก.ละ 2.50 บาท
  
นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช นายกสมาคมมันสำปะหลังไทย เปิดเผยว่า ในบันทึกข้อตกลงตั้งราคาแนะนำรับซื้อหัวมันสด กก.ละ 2.40 บาท พิจารณาจากราคาซื้อขายล่วงหน้า (FOB) ตันละ250 เหรียญสหรัฐ และราคาเอทานอลในจีนที่แนวโน้มสูงขึ้น ปัจจุบันตันละ 7,100 หยวน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตันละ 5,600 หยวน
 
คาดว่าจีนจะมีการนำเข้ามันเส้นเพิ่มจาก 3 ล้านตัน เป็น 8 ล้านตัน หลังจากราคาข้าวโพดในจีนสูงขึ้น ส่งผลให้จีนมีความต้องการนำเข้ามันเส้นเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตเป็นแอลกอฮอล์แทนข้าวโพด
 
เมื่อทอนกลับมาเป็นราคาหัวมันสดดีเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาแนะนำจะปรับขึ้นไปถึง 2.50 บาท แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ตลาดสมดุลและไม่เกิดภาวะช็อก
 
ผู้ส่งออกคาดไม่ถึงว่าความต้องการมันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้น มันเส้นช่วง 5-6 ปีก่อนส่งออกไปจีน 7.5 ล้านตัน แต่เมื่อ 2 ปีก่อนส่งออก 3 ล้านตัน มาปี 2564 คาดว่าจะส่งออก 5 ล้านตัน
 
แต่โรงงานมีน้อยผลผลิตน้อยกว่าความต้องการ และความต้องการสูงกว่ากำลังการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยผลผลิตคาดว่าอยู่ที่ 28 ล้านตัน ส่วนความต้องการใช้ทุกอุตสาหกรรมอยู่ที่ 40 ล้านตัน ด้วยความที่ผลผลิตในประเทศน้อยจึงต้องมีการนำเข้าต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 ล้านตัน
 
เป้าหมายการทำเอ็มโอยูไม่ต้องการให้มีการตัดราคาซื้อขายกันเอง ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ราคา FOB เฉลี่ยตันละ 260-270 เหรียญ แต่ปัจจุบันลดลงเหลือตันละ 240 เหรียญสหรัฐ
 
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโรงงานมันสำปะหลังในประเทศมีจำนวนลดลงจากในอดีตมีกว่า 40 โรงงาน แต่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 10 โรงงาน ส่วนผู้ส่งออกมีประมาณ 16 ราย ผู้ส่งออกก็อยากสร้างอำนาจต่อรอง ส่วนหนึ่งต้องพิจารณาเหตุจากการถูกกดราคารับซื้อจากจีนด้วย
  
ส่วนกรณีที่ผู้ส่งออกไม่รับซื้อตามราคาแนะนำ จะขับให้พ้นจากการเป็นสมาชิกก็ทำไม่ได้ ทางสมาคมไม่ได้มีกฎหมายรองรับ อาจมีการฟ้องกลับ ซึ่งจากการประสานกรมการค้าภายใน อาจบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 มาตรา 29 กรณีที่ทำตลาดปั่นป่วน ซึ่งก็อยู่ที่การพิจารณา
  
นายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่าขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 ประมาณ 70% หรือ 10-15 ล้านตันของผลผลิตทั้งประเทศ ราคาหัวมันสดที่ขายได้กก.ละ 1.90-2.00 บาท
 
ขณะที่ต้นทุนเกษตรกรอยู่ที่ กก.ละ 2.30 บาท ปรับสูงขึ้นจากทั้งค่าแรงงาน สารเคมีที่กำจัดศัตรูพืชที่ราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเจอปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้งและโรคใบด่างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ลดลงจาก 3.5 เหลือ 3 ตันต่อไร่
 
เกษตรกรต้องการเห็นความชัดเจนหากมีการตัดราคารับซื้อ ขอให้พิจารณาขับพ้นจากการเป็นสมาชิก และไม่มีสิทธิส่งออก หากควบคุมดูแลออกมาตรการช่วยเหลือทำได้ดีก็เชื่อว่าจะไม่กระทบให้ราคาหัวมันสดตกต่ำได้ปีนี้การผลิตแป้งมันและมันเส้นต้องการใช้ 22 ล้านตัน อาหารสัตว์ 3 ล้านตัน เอทานอล 3 ล้านตันราคามันเส้นสูง กก.ละ 6-7 บาท แต่ราคารับซื้อหัวมันสดต่ำกว่าต้นทุน
 
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมจะเข้มงวดการดูแลเรื่องการนำเข้า-ส่งออกให้มีมาตรฐาน ซึ่งจะดูแลในเรื่องความชื้นและเชื้อแป้งให้ได้มาตรฐานที่กำหนด เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาในประเทศ
 
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมอาศัย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าฯ ดูแลการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ การขนย้าย และมาตรา 29 หากมีการปั่นป่วนราคาตลาด กรมก็พร้อมที่จะดูแลตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป
  
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กก.ละ 2.50 บาท โดยดำเนินการจ่ายชดเชยมา 2 งวดแล้ว รวมถึงออกมาตรการคู่ขนานชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ สหกรณ์ช่วยรวบรวมรับซื้อมัน ซึ่งจะเร่งประสาน ธ.ก.ส. ปล่อยวงเงินชดเชยโดยเร็ว
  

 
ด่วน! 208 ส.ส.ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอย่างเป็นทางการ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10รัฐมนตรี
https://www.matichon.co.th/politics/news_2545434
 
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำรายชื่อ 208 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เข้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อนายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า นอกจาก 6 พรรคฝ่ายค้านแล้ว การยื่นญัตติคราวนี้ยังมีรายชื่อ ส.ส.อีก 2 พรรค คือ พรรคเศรษฐกิจใหม่ กับพรรคไทยศรีวิไลย์ ร่วมด้วย
 
ด้าน นายชวน กล่าวว่า กระบวนการตามกฏหมาย เมื่อยื่นแล้วสภาจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด ก่อนบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ เบื้องต้น 2 ฝ่ายหารือกันภายในแล้ว จะมีการอภิปรายในช่วงวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อบรรจุระเบียนวาระแล้ว จะเรียก 2 ฝ่าย หารืออย่างเป็นทางการอีกครั้ง
 
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันเวลาในการใช้อภิปรายที่ผ่านมามีการพูดคุยกันเบื้องต้น ยังไม่ได้มีการสรุปว่า จะอภิปรายกี่คน แต่เห็นตรงกันว่า วันที่ 16 กุมภาพันธ์ถือว่าเหมาะสม ส่วนวันสิ้นสุดอยู่ที่ความเหมาะสมของผู้อภิปราย ซึ่งคราวนี้จะเยอะกว่าทุกครั้ง
 
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปราย ประกอบทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย
 
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
 
2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
 
3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 
 
4. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
 
5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
 
6. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  
7. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
 
8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
 
9. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
 
10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่