ฝันหวาน (Sweet Dream) 19



.

               เมื่อรู้สึกหิวพวกเธอสองคนจึงลงมาทานอาหาร เลือกร้านอาหารอิสานเล็ก ๆ ทว่ารสชาติอร่อยเกินร้าน เป็นร้านประจำของพวกเธอไปแล้ว พรนภากับเมธีเดินเข้ามาจองโต๊ะ แม่ค้าสองคนพร้อมเด็กเสิร์ฟยิ้มให้ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะมาทานอยู่เป็นประจำ

               เป็นร้านอาหารอิสารเล็ก ๆ มุงหลังคาด้วยหญ้าคา มีโต๊ะไม่ถึงสิบโต๊ะ ลูกค้ามีมาไม่ขาดสาย ทั้งขาจรขาประจำ ทั้งสั่งนั่งทานที่นี่และซื้อกลับบ้าน ฝีมือแม่ค้าก็อร่อยอย่าบอกใคร ถ้านึกถึงอาหารอิสานพวกเธอจะนึกถึงร้านนี้เป็นอันดับแรก นอกจากนั้นก็ทำรับประทานกันเอง

               พรนภาเป็นคนหยิบกระดาษเมนูมาดูว่าจะเลือกทานอะไร สำหรับเมนูที่เธอต้องการจะทานมีไม่กี่อย่าง ที่เหลือเป็นของเมธีทั้งหมด ที่กระดาษมีเมนูเขียนไว้หมดแล้ว เป็นกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แค่ขีดเครื่องหมายถูกในเมนูที่จะสั่งเท่านั้นเอง

               “นภาสั่งส้มตำ ไก่ย่างตัวนึง ข้าวเหนียว 4 ห่อพอมั้ยคะ” พร้อมเงยหน้ามองคนตรงหน้า เมธีพยักหน้าเป็นคำตอบ “เอาอะไรอีก นภาเอาน้ำอัดลมด้วยนะ เอาลาบหมูด้วยมั้ยคะ ต้มด้วยมั้ย แต่มันเป็นต้มเครื่องในหมูนภาไม่ชอบ”

               “แต่พี่จะกินค่ะ สั่งเลย” เมธีกล่าว แล้วเธอก็ขีดเครื่องหมายถูกลงไปในเมนูตามคำสั่งเขา จากนั้นลุกเดินนำไปให้แม่ค้าและกลับมานั่งที่เดิม พนักงานเสิร์ฟนำจานช้อนและน้ำอัดลมมาเสิร์ฟให้ก่อน รอไม่นานกับข้าวก็ถูกยกมาเสิร์ฟให้พวกเธอได้รับประทานกัน

               “นภาต้องไปเสียภาษีป้ายที่ไหนอ่ะ หมายถึงเทศบาลไหน ที่ทำงานของนภามันขึ้นกับเทศบาลไหนนะ” เมธีถามด้วยความสงสัยจริง ๆ เพราะที่ทำงานของพรนภากับคอนโดของเขามันคนละตำบลกัน ไม่ทราบว่าตำบลนั้นขึ้นกับเทศบาลไหนจริง ๆ

                “อ่อ ไปเทศบาลที่อยู่ติดกับโรงพักค่ะ สภ.ใหญ่น่ะ”

               “โรงพัก!” เมธีทวนคำพูดของเธอ มองหน้าเธอก่อนจะยิ้มให้เธอและทานข้าวต่อ

               พรนภามองหน้าเขาก็รู้ในทันทีว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ค่ะพี่เมธี ทำไมเหรอคะ”

               “ไม่มีอะไรค่ะ ทานข้าวเหอะ จะไปทำธุระให้ผู้จัดการต่อไม่ใช่เหรอคะ ต้มเครื่องในอร่อยนา ลองยัง” เมธีเปลี่ยนเรื่องคุย พยายามคะยั้นคะยอให้เธอชิมให้ได้

               “ค่ะ ชิมก็ได้ ไหนดูซิจะอร่อยแค่ไหน” พรนภาหยิบช้อนตักน้ำต้มซดไปหนึ่งคำ “อื้อหือ อร่อยมาก! “ ทำหน้าตาท่าทางตื่นเต้นให้กับเขา

                เมธีหัวเราะกับท่าทางของเธอ คนอะไรเจ้าเล่ห์เสียจริง “พี่หมายถึงให้ตักเนื้อกินเนี่ย นี่ไงเนื้อ”

                “ก็มันไม่เปื่อยอ่ะ นภากินเครื่องในแบบนี้ไม่เป็น “ พรนภาพูดออดอ้อนเมธี “นภาอยากกินต้มเนื้อเปื่อยเหมือนต้มงานแต่งแถวบ้านเราอ่ะ แบบนั้นเลย! อันนี้มันเป็นต้มเครื่องในหมู นภากินไม่เป็น นภาไม่กล้ากิน น้ำมันก็อร่อยดีนะ ฮา” พร้อมยิ้มอวดฟันให้คนตรงหน้า เมธียิ้มตอบรู้สึกเอ็นดูภรรยาคนนี้มากจริง

                “แล้วต้มแบบนั้นมันไม่ได้เอาเนื้อหนังเครื่องในมาทำเหรอคะ หรือต่างกันแค่เปื่อยไม่เปื่อย แล้วแบบนั้นเราจะไปหาทานที่ไหนล่ะ อือ คงต้องเป็นงานแต่งเราแล้วค่ะ ฮา” เขาพูดไปอย่างนั้นเอง เผื่อได้! เผื่อพรนภาตกลง ที่จริงพวกเธอคุยกันแล้วสำหรับเรื่องนี้ และได้ข้อตกลงแล้วว่าพวกเธอจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบเรื่องแล้ว เมื่อคราวกลับบ้านปีใหม่ที่เมธีพาพ่อกับแม่ของเขาไปทานข้าวที่บ้านของเธอ

               “หื่อ... พี่เมธีอ่ะ รีบทานเลยสายมากแล้วเนี่ย”

               “ค่ะ” เขาตอบ

                พรนภาแอบมองเขาอีกแล้ว นึกในใจพี่เมธีไม่ต้องห่วงเลย นภารักพี่เมธี แม้พี่โค๊กมากราบเท้าอ้อนวอนตรงหน้า นภาก็ไม่มีวันกลับไปหาเขาแน่นอน ไม่ได้เกลียด แต่มันไม่ได้รักแล้ว ไม่เหลือเยื่อใยอะไรต่อกันทั้งนั้น แม้จะไม่เคยลืมรสชาติความรักของพี่โค๊ก ทว่าในหัวใจของเธอไม่มีผู้ชายคนนั้นไปตั้งนานแล้ว

               หลังทานข้าวเสร็จเมธีก็พาเธอไปที่ทำงานของเธอเอง เพื่อไปเอาเอกสาร หลังจากนั้นก็ไปที่เทศบาลที่ว่านั่น

                “พี่เมธี” เรียกชื่อเขาเบา ๆ พร้อมหันไปมองหน้า “พี่เมธีคิดอะไรอยู่หรือเปล่าคะ ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าเราจะไม่มีความลับซึ่งกันและกัน เราจะคุยกันทุกเรื่องไง”

                “เปล่าค่ะ” พร้อมหันมายิ้มตอบ ก่อนจะตั้งใจขับรถเช่นเดิม

                “นภาอยู่กับพี่เมธีนานพอสมควรนะคะ ทำไมนภาจะไม่รู้ว่าพี่เมธีเป็นอะไร มีอะไรในใจ โดยเฉพาะเกี่ยวกับนภา”

               “นภารักพี่คนเดียวใช่มั้ยคะ” เขาพูดออกมาโดยที่ไม่ยอมหันหน้ามามองเธอ ยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวขวาเข้าไปเขตเทศบาลนั้น

                พรนภายิ้มเกือบจะเป็นหัวเราะ ว่าแล้วเชียว! เธอนึกในใจก่อนจะพูด” พี่เมธี ดูนี่!” ชูมือข้างซ้ายของตนให้เขาดู “นภาไม่เคยถอดเลยสักครั้ง นภารักพี่เมธีคนเดียวค่ะ อดีตของเราสองคนก็ปล่อยให้มันกลายเป็นอดีตไปน้อ นภารักพี่เมธีคนเดียวนะคะ คนสุดท้ายด้วย” ทำเสียงออดอ้อนให้เขาผ่อนคลายที่สุด เอียงคอไปฝั่งคนขับนิดหน่อย และมันก็สำเร็จด้วย ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาได้สักที

                ความเป็นจริงพรนภาก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หลังจากตัดสินใจแยกทางกันด้วยดี แม้จะลืมผู้ชายคนนั้นไปแล้ว ทว่าก็รู้สึกหวั่นใจ หากเจอเขาอีกครั้งจะทำอย่างไร เพราะว่าที่ทำงานของเขาอยู่ติดกับเทศบาลแห่งนี้ ภาวนาขอให้อย่าได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองปี

               เหมือนคำอ้อนวอนต่อพระศาสดาจะเป็นจริง พอเธอลงจากรถ เดินเข้าไปในเทศบาลไม่เจอผู้ชายคนนั้นเลย เมื่อเดินผ่านที่ทำงานของเขา เธอให้เมธีรอตนเองอยู่ที่รถเพราะทำธุระแป๊บเดียว ไม่นานไม่ถึงสิบนาที แค่เข้าไปยื่นเอกสารจ่ายเงินก็เป็นอันเสร็จแล้ว

               เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เหมือนรู้ว่าเธอกลัว จึงส่งผู้ชายคนนั้นเดินออกมาจากที่ทำงาน กำลังจะขึ้นรถไปไหนไม่ทราบได้ ก็คงจะไปทำงานของเขานั่นแหละ

               เขาไม่ได้อยู่ในชุดยูนิฟอร์ม เป็นชุดปกติ สวมเสื้อแขนยาวยีนส์สีน้ำเงินหม่นทับเสื้อเชิ้ต สวมกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ สวมหมวกสีดำ ที่สำคัญทั้งตัวของเขาเป็นชุดที่เธอเคยซื้อให้ เธอจำได้ ยังเก็บมันไว้อีกหรือ ที่สำคัญยังใส่อีกด้วย

               เขายืนมองเธอแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร ยืนมองเธอนิ่ง ๆ พรนภารีบเดินไปให้ถึงรถให้เร็วที่สุด เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ พวกเธอแยกทางกันด้วยความเข้าใจ แต่เธอก็ไม่อยากเจอหน้าเขา ทำไมต้องกลับมาเจอกันด้วย เพราะเขาก็เคยเป็นคนที่เธอ ที่ครั้งหนึ่งเคยรักมากสุดหัวใจ

                พรนภาเดินก้มหน้าก้มตา รีบเดินไปให้ถึงรถของเมธีให้เร็วที่สุด กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล ไม่อยากให้เมธีเห็นแล้วไม่สบายใจ ถ้าชั่งน้ำหนัก เธอแคร์ความรู้สึกของเมธีมากที่สุด

               “อ้วน!” มีเสียง ๆ หนึ่งที่เธอคุ้นเคยมาก ๆ ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เธอต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ความรู้สึกนึกคิดเมื่อสักครู่หายไปหมดสิ้น เหลือแค่ปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่ นี่คือปัจจุบันของเธอ เธอต้องอยู่กับปัจจุบัน “อะไรเค้าเรียกแค่นี้ตกใจ กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ ฮึ” ไม่พูดเฉยโค๊กสอดมือล้วงเข้ามาในเสื้อชุดชั้นในของเธอ ทำเป็นเรื่องปกติเพราะเธอคือคนของเขา

               วันนี้พวกเธอหยุดอยู่ห้องกันไม่ได้ไปไหน “ว่า!” เธอตอบกลับไป ขณะนี้ยังนอนตะแคงหันหลังให้เขาล้วงมือเข้ามาในเสื้อตามสบาย

               “กินหมูทะกันเค้าเลี้ยง หิวอ่ะ” นอกจากมือแล้วยังใช้ขายกขึ้นมาข้างบนสะโพกของเธออีก หนักไม่เข้าใจหรือไง

               “มันกินแบบรีบอ่ะ เค้ากินไม่อร่อย” เธอปฏิเสธทางอ้อม “ไม่เล่นเกมแล้วเหรอ หรือหิว!” ประชดเข้าให้

               “เปล่า หิวอยากกินก็ส่วนนึง เห็นตัวเองบ่นอยากกินด้วยไง พรุ่งนี้ไปทำงานนะ หลายวันนะกว่าจะได้กลับอ่ะ เนี่ยไปตอนนี้เลย! ห้าโมงเย็นร้านเค้าเปิดแล้ว”

               “ไปไหน” เธอหันไปถามด้วยความสนใจ พร้อมกับแววตาที่โค๊กเคยห้ามว่าอย่าทำสายตาแบบนี้กับเขา เขาใจแป้ว

               “ปราจีนใกล้ ๆ เอง วันสองวันก็กลับแล้วมั้ง”เขาตอบ ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เธอไม่เคยชิน ไม่เคยชินเลยสักครั้งเดียว

               “ตัวเองถ้าไปทำงานห้ามให้คนอื่นโทรหาเค้าเด็ดขาด ตัวเองต้องเป็นคนโทรเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเบอร์หรือเฟซหรือไลน์ ห้ามเอาของคนอื่นโทรมา เค้ากลัว!”

               “อะไรตัวเอง เค้าไม่ได้ไปทำงาน พาพี่เปิ้ลไปทำธุระ ฮา “ พร้อมหัวเราะให้กับเธอ “ปะลุกแต่งตัว หิวอ่ะ”

               “เอ๋าบักห่า มืงว่าไปทำงานน้อ ฉันก็ห่วง!” หันไปตีแขนไปแรงเพราะหมั่นไส้หนึ่งที พร้อมมองค้อนให้ โค๊กยกแขนขึ้นลูบด้วยความเจ็บ แต่ยังไม่หยุดหัวเราะเธอ “ถ้าไม่หิวก็ไม่เลิกเล่นเนอะ”

               พรนภามองพี่โค๊กและนึกในใจก่อนจะลุกไปแต่งตัว บางทีเขาก็น่ารักนะ ถ้าไม่นับว่าบางครั้งทำตัวสุนัขไม่รับประทาน มองเขากำลังแต่งตัวและพูดกับตัวเองว่า เมธีก็แค่คนในจินตนาการเท่านั้นแหละ เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปไหน นอกจากเขาจะเป็นฝ่ายทิ้งเธอไปเอง ถึงเวลานั้นเธอจะไม่รั้งไว้เลย

               ขอแค่ได้คิด ขอแค่ได้ฝันถึง ขอแค่ได้จินตนาการ เธอก็พอใจและมีความสุข เมธีคนในฝัน คนในจินตนาการของเธอตลอดไป...

จบบท...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่