[CR] รีวิว Muteki กับชุด Omakase Course เสิร์ฟให้ 12-15 เมนูวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม เริ่มต้นแค่คนละ 999++฿

นั่งเล่นโซเชียลอยู่บ้านเลื่อนอ่านฟีดข่าวในมือถือไปเรื่อยๆก็พบกับ Omakase ราคาน่าสนใจจาก "Muteki" (มูเทกิ) โดยร้านนี้เป็นเครือเดียวกับ "Mugendai" (มูเกนได) ที่เปิดขายอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมมายาวนานหลายปี ทั้งสองร้านมีจุดแตกต่างกันนิดหน่อยคือ แบรนด์ใหม่จะเน้นไปทางคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นชวนให้นั่งชิลล์ทานอาหาร-เครื่องดื่มพร้อมฟินห์กับขนมหวานจบในร้านเดียว (ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากกว่า) ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 5 สาขาได้แก่ 1.ชั้น 3 ในห้าง Central Floresta Phuket 2.ชั้น 6 ในห้าง Central Embassy 3.ชั้น 4 ในโครงการสามย่านมิตรทาวน์ 4.โครงการ The Avenue Ratchayothin และ 5.ตึก Empire Tower ชั้น G ตอนนี้เขากำลังจัดโปรโมชั่น Omakase Course เสิร์ฟ 12-15 คำ ราคาเริ่มต้นที่ 999++บาท กับ 2,500++บาท ตามลำดับ เปิดให้ทานทุกวัน 3 รอบคือ 12.00 น. (เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์) 17.30 น. และ 19.30 น. โดยต้องจองผ่านไลน์ของทางร้าน @Mutekibkk ก่อนเข้าใช้บริการ ถ้าจอง 6 คนขึ้นไปมีเมนูพิเศษพร้อมลดให้อีก 10% ด้วย แต่โปรฯนี้กำลังจะหมดลงสิ้นเดือนธันวาคม (เฉพาะราคา 999++) ไม่แน่ใจว่าจะปรับราคาขึ้นเป็นเท่าไหร่แต่เท่าที่ได้ดูเมนูปลาที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟในคอร์สถือว่าไม่ธรรมดา เลยนัดกับคุณแฟนจองรอบ 17.30 น. มาทานที่สาขาใกล้ๆบ้านกันนั่นก็คือ Empire Tower ชั้น G วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวจอดในตึกฟรี 3 ชั่วโมง (เมื่อมีประทับตราร้าน) ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีช่องนนทรีเดินข้ามสกายวอร์คมาประมาณ 400 เมตรก็ถึงหน้าร้านแล้ว จุดสังเกตง่ายๆคืออยู่ตรงข้ามกับ Starbucks ใกล้กับวงเวียนจุดจอดรถรับ-ส่ง เปิดป้ายไฟหน้าร้านส่องสว่างมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกลใหญ่โตแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ นอกจากเมนูโอมากาเสะที่เราตั้งใจมาทานแล้วยังมีเมนูแบบ A La Carte ที่มีให้บริการทั้งวันอีกด้วย วันนี้ก็ถ่ายรูปเล่มเมนูมาด้วยเผื่อบางคนอยากทราบราคาครับ

ยังพอมีเวลาอีกหน่อยก่อนจะเริ่มทาน Omakase มาดูที่เล่มเมนูหน้าร้านกันก่อนว่ามีอะไรให้ทานบ้าง หน้าแรกก็เป็นรายการสเปเชียลหรือเมนูแนะนำของทางร้านมีทั้งเบอร์เกอร์/ของทอดทานเล่น/ซูชิและซาชิมิราคา 100-2,400 บาท ตามมาด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ญี่ปุ่นราคา 60-450 บาท สลัดท๊อปปิ้งด้วยเครื่องและซอสสไตล์ญี่ปุ่นราคา 120-420 บาท ซูชิโรลมากิและเทมากิมีให้เลือกกว่า 22 เมนูราคา 190-900 บาท ซุปมีให้เลือกเป็นแบบใส่กา/ซุปมิโสะหรือซุปพิเศษประจำวันราคา 90-150 บาท เมนูซูชิแบบนิกิริราคาเริ่มต้นที่ 50-580 บาท ซาชิมิเสิร์ฟชุดละ 3 ชิ้นราคา 150-1,700 บาท ชุดซาชิมิขนาดใหญ่ราคา 900-3,200 บาท เนื้อปลาแล่บางเสิร์ฟพร้อมซอสพอนสึเป็นยำสไตล์ญี่ปุ่นราคา 300-350 บาท อาหารจานเดียวสไตล์ญี่ปุ่นราคา 140-600 บาท ข้าวหน้าของดิบสไตล์ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 11 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 300-1,500 บาท เทมปุระทอดร้อนๆราคา 100-300 บาท เมนูจากเส้นแบบญี่ปุ่นราคา 250-320 บาท เมนูชุดเกล็ดขนมปังทอดราคา 175-710 บาท เมนูย่างเกลือ-ย่างซีอิ๊วราคา 80-600 บาท นอกจากนี้ยังมีขนมอบ/แซนวิช/ซูเฟล่แพนเค้ก/ขนมญี่ปุ่น/ซอฟต์ไอศครีม/กาแฟ/ชา/น้ำผลไม้/น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลากหลายรายการ เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มานั่งชิลล์ในสไตล์คาเฟ่ได้ครบวงจรครับผม

เดินเข้ามาในร้านถูกตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนสลับกับพื้น-กำแพงสีเข้มและการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ถือว่าดูดีมีระดับตามราคาและทำเลที่ร้านตั้ง โดยพื้นที่ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ๆคือ 1.โซนคาเฟ่สำหรับนั่งชิลล์ทำงานหรืออ่านหนังสือใกล้ๆกับครัวเครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบของทางร้าน 2.โซนนั่งรับประทานอาหารแบบ A La Carte มีทั้งโต๊ะหรือโซฟาเลือกนั่งได้ตามสบายกระจายอยู่ทั่วร้าน 3.โซนห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับได้ 4-12 คนโดยไม่มีเงื่อนไขการใช้บริการขั้นต่ำ 4.โซน Omakase เป็นเก้าอี้บาร์เรียงยาวหน้าเค้าท์เตอร์มองเห็นเชฟปรุงได้ทุกๆขั้นตอน ซึ่งวันนี้เราได้ทำการจองและคอนเฟิร์มผ่านไลน์ของทางร้านมาเรียบร้อยส่วนเชฟก็สแตนบายรอแล้วครับผม

เมื่อมานั่งที่โต๊ะแล้วก็จะพบกับแผ่นรองจาน/จาน/ตะเกียบ/ช้อนและที่รองช้อนวางเรียงกันไว้อย่างสวยงามข้างกันเป็นเล่มเมนูที่ทางร้านจะเสิร์ฟให้กับเราวันนี้มีทั้งหมด 12 รายการในราคา 999++ ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มเพราะฉะนั้นทางร้านก็วางเมนูเครื่องดื่มเอาไว้ให้เราสั่งเพิ่มได้อีกด้วย มาถึงที่ร้านก็เสิร์ฟเมนูแรกก่อนเลยคือไชเท้าดองกรุบกรอบหวานอมเปรี้ยวกับขิงดองรสหวานฉุนขึ้นจมูกเอาไว้ทานเพื่อล้างคาวปลาในปากให้พร้อมต่อการรับรสชาติปลาในแต่ละคำ แต่ทางร้านก็ไม่ได้ใจร้ายเรื่องเครื่องดื่มขนาดนั้นเพราะมี Peach Sparking ฟรีคนละ 1 แก้ว รสเปรี้ยวอมหวานซ่าหอมกลิ่นพีชละมุนขึ้นจมูกแบบไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มความสดชื่นก่อนจะเข้าเมนูแรก หลังจากแก้วนี้หมดที่ร้านก็มีชาเขียวรีฟิลให้บริการคนละ 55 บาท เราก็สั่งมาเพิ่มอีกเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะมากแค่แก้วเดียวไม่พอครับ

มาถึงเชฟก็จะทำการแนะนำตัวโดยวันนี้เป็นฝีมือของเชฟจิรศักดิ์เป็นซูชิมาสเตอร์มากประสบการณ์ของที่ร้านนี้จะมาทำซูชิให้เราทานกันครับ ก่อนอื่นวางป้ายด้านหน้าเราเพื่อบ่งบอกราคาของชุดโอมากาเสะที่สั่งกันก่อนตามด้วยผ้าเปียกเย็นๆสำหรับทำความสะอาดมือ (เผื่อบางคนอยากทานด้วยมือ) และผ้าขนหนูอุ่นให้เช็ดเพื่อเพิ่มความสดชื่นก่อนจะเริ่มทานกันครับ โดยวัตถุดิบทั้งหมดที่ทางร้านใช้ในวันนี้ถูกรวบรวมใส่เอาไว้ในกล่องพร้อมจะนำมาปรุงให้เราได้ทานกันแล้ว มีคนทานชุด 15 คำ 2,500 บาทด้วย แต่เราขออนุญาตโฟกัสเฉพาะที่ราคา 999++ ในรีวิวนี้นะครับ

มาถึงวัตถุดิบอย่างแรกก็คือปลามาไดซึ่งเป็นของชั้นสูงราคาแพงแต่ที่ร้านนี้นำมาเสิร์ฟในราคาแค่ 999++ นำมาปรุงเป็นเมนู "Madai Tartare Yuzu" หรือยำซาชิมาปลามาไดซอสส้มยูสุ โดยเชฟจะทำการแล่และเบิร์ฟไฟที่หนังให้กลิ่นของไขมันออกมามากกว่าเดิม ก่อนจะจัดเสิร์ฟลงในชามทรงพิเศษที่ตรงกลางเป็นควันจาก Dry Ice พวยพุ่งออกมาอย่างสวยงามท๊อบปิ้งบนเนื้อปลาด้วยคาร์เวียร์และทองคำเปลว วิธีการทานสามารถทำได้ 2 แบบคือซาชิมิไม่ต้องจิ้มโชยุเพื่อรับรสความหวานมันนวลเนียนไขมันฉ่ำๆมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษของปลาชนิดนี้ตัดรสเค็มด้วยไข่คาร์เวียแตกในปาก หรือจะทานกับคู่ยำสาหร่ายสดกรุบกรอบคลุกด้วยน้ำส้มยูสุรสหวานหอมอมเปรี้ยวนิดๆเพื่อเพิ่มความสดชื่นก็ได้ ระหว่างนี้เชฟก็บอกความพิเศษของปลาชนิดนี้ไปเรื่อยๆตามใบแขวนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าเราครับผม

เมนูต่อมาชื่อดูธรรมดาแต่มีการจัดเสิร์ฟที่ค่อนข้างแปลกใหม่คือ "Ika Sashimi" โดยปลาหมึกที่ทางร้านใช้นั้นเรียกว่า Sumi-Ika หรือที่บ้านเราเรียกว่าหมึกกระดองจุดเด่นของวัตถุดิบชนิดนี้คือมีความกรุบกรอบเนื้อเยอะเคี้ยวเต็มคำมากกว่าหมึกกล้วยซาชิมิที่เราทานมาหลายๆร้านที่สำคัญคือฤดูนี้เป็นช่วงที่อร่อยสุดๆ เชฟนำมาแล่เป็นเส้นให้คล้ายๆกับอูด้งก่อนจะลนด้วยไฟให้พอปลาหมึกม้วนตัวเล็กน้อยแต่ยังคงความฉ่ำเอาไว้เหมือนเดิม เสิร์ฟในถ้วยจิ๋วที่มี Dry Ice อยู่ด้านล่างแล้วจะราดน้ำให้ควันพวยพุ่งและทำการปิดผนึกด้วยฟองสบู่ก่อนจะยกมาให้พร้อมทาน เรามีหน้าที่แค่ใช้ปลายตะเกียบจิ้มฟองสบู่ให้แตกก่อนจะคีบเนื้อหมึกเย็นๆที่อยู่ด้านในออกมาทาน เนื้อหวานแน่นกรอบที่สีไม่สวยเพราะเชฟได้นำเนื้อไปนวดและบ่มจนได้รสชาติเข้มข้นออกมาอย่างสูงสุด ทานคู่กับวาซาบิดองและสาหร่ายสดเพิ่มความกรอบฉุนสดชื่นให้เมนูนี้ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทานปลาหมึกที่รสชาติอร่อยไปอีกแบบ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าปลาหมึกต้องทานแบบตัวขาวใสเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเท่านั้นจึงจะได้ความอร่อยสูงสุด แต่เชฟได้นำมาผ่านกระบวนการพิเศษจนได้รสชาติออกมาอีกแบบถือว่าแปลกใหม่สำหรับผมมากครับ

****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:   Muteki by Mugendai สาขา Empire Tower ชั้น G
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่