คิดถึง 2 บทที่ 17


.


               “ยายบอสไปคลองถมนะ” บอสเดินเข้ามาขอยาย ขณะยายกำลังนั่งอยู่ในบ้าน ที่บ้านของป้าคนหนึ่ง มีศักดิ์เป็นป้าของเธอ เป็นหลานสาวของยาย ลูกสาวของป้าแต่งงาน ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเหลือยายคนเดียว ยายจึงเป็นแขกคนสำคัญของงานแต่งวันนี้ บอสเดินเข้ามาหายาย มีแต่คนมอง มองทำไม หลานยายไม่รู้จักเหรอ ฮา


               พิมพ์กับแพรวพาเธอขับมอเตอร์ไซค์มาหายายที่อีกหมู่บ้าน วันนี้ยายไปงานแต่งญาติที่ต่างหมู่บ้าน ซึ่งก็ไม่ไกลเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกัน บอสกับพี่สาวฝาแฝดซ้อนรถมาหายายเพื่อมาขอไปคลองถม ในช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา

               “ไปกับใคร ไปยังไง หาแต่เรื่องไปนะมืง หาเรื่องเข้าในเมืองตลอด กูจะบอกแม่มืงด่าให้สักวัน” ยายบ่นให้เธอ แต่ก็อนุญาตให้ไป “น้องอยู่กับใคร รีบไปรีบกลับนะ อยู่ดึก ๆ ให้เขาฉุดลงข้างทาง”

               บอสหัวเราะกับการบ่นของยาย หันไปหาพี่สาวสองคน แพรวกับพิมพ์หัวเราะตาม เธอไม่โกรธยาย รู้ว่าห่วงแต่จะทำอย่างไรได้ เธออยากไป “น้องบีมอยู่กับพี่ปาว ไปแป๊บเดียวไม่ถึงสองทุ่มหรอก”

               “หน้าหนาวยิ่งมืดเร็ว มียังเงินน่ะ”

               “มีแล้ว เงินแม่ให้บอสยังไม่หมด”

                 “กูถามเฉย ๆ ไม่มีกูก็ไม่ให้หรอก” ยายอมยิ้ม เม้มปากไว้ สองฝาแฝดกับป้าที่อยู่ใกล้ ๆ เธอกับยาย ก็หัวร่อตามด้วยความชอบใจ “ไปตอนไหน อย่าไปค่ำมาก รีบไปรีบกลับ”

               “ห้าโมงนี่แหละ ไปแป๊บเดียว” เมื่อขออนุญาตยายได้แล้วก็พากันซ้อนสามกลับบ้าน รอเวลาห้าโมงเย็นค่อยออกเดินทางไปคลองถมในตัวเมือง ไม่มีอะไรจะซื้อ แค่อยากไปเดินเล่นเฉย ๆ

               วันนี้พวกเธอหกคนพี่น้องอยู่บ้าน ทว่าไม่มีใครอยู่บ้านใหญ่กันเลย พี่ชายสองคนไปเล่นที่บ้านของตน พี่สาวสองคนก็ไปบ้านตัวเอง เธอกับน้องบีมอยู่บ้านใหญ่ บ้านเธอเองนั่นแหละ มีสองฝาแฝดมาเล่นด้วย วัน ๆ นึงก็ไม่พ้น นั่งไกลเปลเม้าส์เรื่องคนอื่น เปิดวิทยุฟัง และดูทีวี เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่น่าเบื่อมาก ๆ

               “บีมพี่ไปคลองถมตอนห้าโมง บีมอยู่รอพี่ที่บ้านนะ เดี๋ยวพี่ปาวก็มาแล้ว” พูดไปก็นึกสงสารน้องสาว จะห้าโมงอยู่แล้วพี่ ๆ ยังไม่กลับมาจากบ้านของตนเองเลย ไม่อยากปล่อยน้องสาวไว้บ้านคนเดียว

               “บอสจะห้าโมงแล้วพี่ปาวจะมาตอนไหนหนิ” แพรวถามด้วยความเป็นห่วงน้องบีมเหมือนกัน ไม่อยากให้ตากับยายกลับจากงานแต่ง มาเจอน้องบีมอยู่บ้านคนเดียว กลัวโดนตาดุ ปล่อยให้น้องอยู่บ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ คนเดียว หน้าหนาวห้าโมงครึ่งก็เริ่มจะมืดแล้ว

               “ไม่เป็นไรพี่บอส น้องบีมไปเล่นบ้านแม่น้อยก็ได้ ไปเล่นกับน้องอั๋นก็ได้” น้องสาวของเธอเสนอทางออกให้ โดยไปอยู่รอพี่ ๆ กับข้างบ้าน “ซื้อปลาหมึกให้น้องบีมด้วยนะ”

               “ได้!” บอสตอบตกลง “งั้นพี่ไปนะ น้องบีมไปบ้านแม่น้อยเลย พี่จะปิดบ้านไว้” เมื่อตกลงกันตามนั้นน้องบีมไปเล่นกับข้างบ้าน ส่วนพวกเธอสามคนขับมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามกันเข้าไปคลองถมในเมือง

               ตำแหน่งเดิม แพรวเป็นคนขับ พิมพ์นั่งซ้อนด้านหลัง เธอนั่งซ้อนด้านหน้า ทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน กางเกงวอร์มเสื้อยืดเสื้อแขนยาวแม็ค เหมือนมันเป็นเทรนประจำกลุ่มพวกเธอไปแล้ว ไม่เพียงแค่พวกเธอสามคนพี่น้อง คนอื่น ๆ ก็ใส่ตาม

               แพรวพาขับรถลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน ก่อนจะออกถนนใหญ่ “บอสมืงเอียงหน้าไปทางซ้ายหน่อย ไม่งั้นก็ก้มต่ำลง กูมองไม่เห็นทาง” แพรวพูดกับเธอ

               “กูก้มนะถ้างั้น” พูดจบบอสก็ก้มหัวให้ต่ำลงไปอีก ให้แพรวมองเห็นถนนด้านหน้า แพรวค่อย ๆ ขับตามไล่ทางไปเรื่อย ๆ ไม่รีบ จนในที่สุดก็ถึงตลาดนัดคลองถม จุดศูนย์กลางตลาดที่น่าจะใหญ่ที่สุด แพรวหาที่จอดรถดี ๆ ก่อนจะพากันลงไปเดิน

               สามคนพี่น้องเดินตามหลังกันไป แวะทุกร้านแต่ไม่ซื้อ เลือก ๆ แล้วก็ออกมาเข้าร้านใหม่ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้อยู่อย่างนั้น “อี่แฝดมืงจะซื้ออะไรหนิ”

               “ไม่รู้ อยากมาเดินเฉย ๆ “ พิมพ์เป็นคนตอบคำถามของเธอ สายตาก็มองแผงขายข้างทาง ผู้คนแออัดมาก ๆ เพราะวันนี้เป็นตลาดวันเสาร์ คนเยอะ ของที่นำมาวางขายก็แยะ

              “อ้าว แฝดได้อะไร” เจอเพื่อนของแพรวอีกแล้ว อย่างกะรู้คิว เพื่อนผู้ชายของแพรวเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าจะเป็นแฟนกันหรือเปล่าเดินตามหลังกันมา ผู้หญิงเดินนำหน้า ผู้ชายเดินตามหลัง หน้าตาดีทั้งคู่ สวนทางกับพวกเธอจึงกล่าวทักทายกันตามประสาเพื่อน

               “พึ่งมาถึง ยังไม่ได้อะไรเลย มืงได้ไรอ่ะ” แพรวตอบ ยืนคุยกันกลางทาง ไม่เกรงใจคนอื่นที่กำลังเดินผ่านเลย เธอกับพิมพ์ยืนคอยใกล้ ๆ ไม่พูดอะไร เธอเองคอยแต่มองดูเสื้อผ้าตามราวข้างทาง สวย ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้สนใจเพื่อนแพรวเลยสักนิด

               “พาพี่กูมาเฉย ๆ ไม่ได้อะไรเหมือนกัน “ พูดพร้อมชี้มือใส่ผู้หญิงตรงหน้าตนเอง ถึงยืนมองเสื้อผ้าทว่าหูก็ฟังพวกเขาคุยกัน ไม่ได้ตั้งใจฟังมันได้ยินเอง “ไปแล้ว”

               “อือ” แพรวตอบและพวกเธอก็เดินไปเรื่อย ๆ ดูเสื้อผ้าเรื่อย ๆ ออกร้านนี้เข้าร้านนั้นแต่ไม่ซื้อ

               “แพรวเพื่อนมืงชื่ออะไรอ่ะ” บอสเพียงอยากรู้เฉย ๆ หน้าตาก็โอเคธรรมดา พอไปวัดไปวาได้ “พี่สาวเหรอกูนึกว่าแฟนอี่ห่า ฮา”

               พวกเธอเดินกันไปเรื่อย ๆ “พิมมี่ ซื้ออะไร “ ให้ตายเถอะเจอเพื่อนอี่แพรวไม่พอ ยังมาเจอเพื่อนอี่พิมพ์อีก กาฬสินธุ์นี่มันแคบจริง ๆ น่าเบื่อชะมัด บอสบ่นคนเดียว ทว่าก็ไม่ได้แสดงอากัปกิริยาไม่พอใจอะไร ยิ้มให้เพื่อนพี่สาว พวกเขามากันเป็นกลุ่มใหญ่

           “พาอี่บอสมาเดินซื้อของ” พิมพ์ตอบเพื่อน ๆ เอ้าอี่นี่โยนขี้ให้กูเฉย เธอพูดในใจพร้อมยิ้มให้ทุกคน เพื่อนพิมพ์โอเคหน่อย เป็นกันเอง นิสัยดี ไม่เหมือนผู้ชายคนเมื่อครู่นั้น ดูหยิ่ง ๆ อย่างกะหล่อตายแหละ

              “บอสเพื่อนพิมพ์ได้อะไรหนิ เค้าจำตัวเองได้ ตัวเองเคยพาพิมพ์มาโรงเรียนใช่มั้ย” เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มถามเธอ

              “เค้ากะอี่แฝดพึ่งมาถึง ยังไม่ได้อะไรเลย” เธอยิ้มและก็ตอบพวกเขาไป ก่อนจะขอตัวผละจากกัน “เจอเพื่อนอี่แพรวแล้ว เจอเพื่อนอี่พิมพ์แล้ว เหลือเพื่อนกูบาดหนิ ฮา” เธอพูดติดตลก ก็มันตลกจริง ๆ ในการมาเดินคลองถมวันนี้

              “เจอเพื่อนอี่บอสนี่กูฮาเลยนะ” แพรวพูด ก่อนจะพากันแวะร้านปลาหมึกย่าง ซื้อไปฝากน้องบีม กำลังรอหมึกย่างอยู่ดี ๆ แม่โทรมาหาเสียอารมณ์หมด เพราะโดนดุ ฮา

               แม่ของเธอโทรเข้า โดนบ่นนิดหน่อยที่พากันมาเดินคลองถม “เดี๋ยวจะกลับแล้วแม่ รอหมึกย่างให้น้องบีมอยู่”

               “มืดแล้วยังไม่พากันกลับอีก”

               “หกโมงครึ่งเองแม่ ค่ำตรงไหน” บอสเถียงแม่หน้าตาเฉย เถียงยังไงก็ไม่โดนฝ่ามือแน่นอน อย่างมากก็วางสายใส่

               “ก็หกโมงนั่นแหละหน้าหนาวมันมืด ได้ยังหมึกย่างน่ะ ได้แล้วกลับเลยนะ” แม่บ่นผ่านจอโทรศัพท์ เธอไม่ได้สนใจหรอก และยังไม่กลับด้วย

                พอได้หมึกย่างแล้วก็พากันเดินต่อจนสุดตลาด ค่อยวนกลับมาทางเดิม เดินดูของร้านเดิม ๆ  ค่อยกลับบ้านกัน การมาเดินตลาดห้ามเดินรอบเดียว รอบแรกเดินดูคร่าว ๆ จนทั่ว รอบที่สองค่อยเดินซื้อ หมายตาไว้ร้านไหนบ้าง เจาะจงเดินไปเลย

               ในที่สุดสิ่งที่แพรวพูดก็เป็นจริง เมื่อเจอเพื่อนที่โรงเรียนของเธอ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล คนบ้านเดียวกันนี่แหละ เป็นพวกนินกับชมพู่กับนิดพากันซ้อนสามมาคลองถมเช่นกัน

                “นิน ชมพู่ นิดมานานยัง” บอสทักอย่างคนอารมณ์ดี หันไปหัวเราะกับสองฝาแฝด วันนี้เจอแต่เพื่อน ๆ กันทั้งนั้น ทว่าสีหน้าของคนโดนทักไม่สู้ดีเลย มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า

              นินกำลังคุยโทรศัพท์กับพ่อของตัวเอง ร้องไห้ด้วย บอสกับสองฝาแฝดเงียบ หันไปมองชมพู่กับนิดเกิดอะไรขึ้น พวกเธอพากันยืนคุยกันที่ลานจอดรถอีกฝั่ง ส่วนรถของแพรวจอดไว้อีกฝั่งของตลาด

               “มอเตอร์ไซค์อี่นินหาย พวกกูจอดไว้ตรงนี้” ชมพู่เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเธอฟัง บอสแทบตกใจ สองฝาแฝดก็ไม่แพ้กัน “นินมันคุยกับพ่อมันอยู่ เดี๋ยวพ่อมันก็เข้ามา”

               “พวกมืงไม่ล็อกคอเหรอ” บอสถามไปอย่างนั้นเอง เท่าที่ตั้งคำถามอะไรได้ ล็อคคอรถไว้มันก็ถีบให้คอรถหักต่อสายตรงขับไปได้อยู่ดี ถ้ามันจะเอา

              “แพรวไปดูรถเราเถอะปะ ปะบอส” เหมือนพิมพ์จะนึกขึ้นได้ ว่ามอเตอร์ไซค์ตนก็จอดไว้ตรงฝั่งนู้น “ชมพู่พวกกูกลับก่อนเด้อ ได้เรื่องยังไงเล่าให้ฟังด้วย อย่าลืมไปแจ้งตำรวจนะมืง”

               “เออ ๆ พวกกูก็รอพ่อกับแม่มันอยู่นี่”

               แพรวกับพิมพ์ไม่รีรอ เดินจ้ำอ้าวไปที่รถตัวเอง ถอนหายใจเมื่อมาถึงพบว่ารถยามาฮ่ามีโอสีดำยังอยู่ แพรวทำสติกเกอร์คำว่า CLASH ติดไว้ที่หน้ากากรถตัวเอง มันเท่มาก เธอก็ชอบนักร้องวงนี้

               แล้วทั้งสามคนก็พากันขับรถกลับ ระหว่างทางสนทนากันถึงเรื่องรถของนิน “กูว่าไม่ได้คืนหรอก ป่านนี้แยกชิ้นส่วนแล้วมั้ง”

               “มืงว่ามันหายจริงหรือมันเอาไปจำนำหรือมันเอาให้คนอื่นใช้วะ” แพรวตั้งสมมุติฐานได้น่ากลัวมาก

               “มืงก็ว่าไป ถ้ามันทำจริงมันต้องไปคนเดียวสิ แต่นี่ชมพู่กับนิดก็ไปด้วย กูว่าหายจริงแหละ” บอสค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับสมมุติฐานของแพรว มันดูเกินจริงไป

               “ว่าไม่ได้นะมืง สร้อยยายมันบาทนึงมันยังเอาไปขายมาแล้วเลย แล้วเอาทองชุบมาใส่ไว้แทน ร้ายมั้ยละ ฮา” พิมพ์พูดสมทบให้สมมุติฐานของแพรวเป็นจริง “ถ้าพี่ชายมันไม่โดนจับนะ ถ้ายายมันไม่เอาสร้อยไปขายมาประกันพี่ชายมันนะ ยายก็ไม่มีวันรู้อ่ะว่าทองปลอม แสบมั้ยละ”

               “แต่นี้มันมอเตอร์ไซค์นะมืง ตั้งหลายหมื่นเลยนะ กูว่าหายจริงว่ะ แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้คืนแน่นอน” บอสยังไม่เชื่อ ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน มันหายจริง ๆ นินไม่น่าทำแบบนั้นหรอก รถตั้งห้าหกหมื่น

              “มอเตอร์ไซค์มันซื้อเงินสดนะมืง ไม่มีงวด มันเอาเล่มใส่ใต้เบาะไว้ ให้แฟนมันก็ได้นะ มันยิ่งชอบเปย์ผู้ชายอยู่” แพรวก็ยังไม่เลิกมองนินในแง่ร้าย แต่นินก็มีนิสัยอย่างนั้นจริง ๆ ทว่าเธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่านินจะทำได้ลง

               “เออ ๆ รอฟังข่าวต่อไปแล้วกัน” ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน ผ่านโศกคุณนายจ่อย เป็นเนินสูงนิด ๆ  ตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย พวกเธอก็ไม่ขับกันเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวบริเวณนี้ก็ตาม มาสามคนจะกลัวอะไร สามพี่น้องชวนกันพูดคุยตลอดทาง เพื่อไม่ให้การเดินทางมันเงียบเหงา ล้วนก็เป็นเรื่องของนินส่วนใหญ่

               พอจะเข้าหมู่บ้านของตนเอง ต้องผ่านโศกอี่แป้นอีก เป็นชื่อเรียกสมัยก่อน เป็นป่าช้าและเป็นเขตโรงเรียนของเธอ ตลอดทางแพรวให้เธอก้มหัวลง พอมาถึงโศกอี่แป้นป่าช้าหน้าโรงเรียนของเธอ แพรวดันให้เธอเงยหน้าขึ้นมาเฉยเลย

               “อี่บอสเงยหน้าขึ้นมาเป็นเพื่อนกู กูรู้ว่าอี่พิมพ์ปิดหน้าไว้” หนึ่งทุ่มกว่า ๆ ที่พวกเธอมาถึงบริเวณนี้ หน้าหนาวมันมืดเร็วมาก ๆ ตลอดสองข้างทางมืดสนิท ไฟหลวงยังมาไม่ถึงตรงนี้ มีแค่ไฟโรงเรียนของเธออยู่ไกล ๆ นู่น

               เธอเงยหน้าขึ้นมาตามคำสั่งแพรว ไม่อยากให้แพรวกลัว แต่เรื่องอะไรเธอจะลืมตาล่ะ เงยหน้าขึ้นมาก็จริง ทว่าหลับตาเอาไว้ต่างหาก แพรวพยายามเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น เบิ้ลคันเร่งขึ้น เธอสัมผัสได้ถึงความเร็วของรถ

               “แพรว ๆ ไม่ต้องขับเร็วหรอก กูกลัว เรามากันสามคน ไม่มีอะไรหรอก” พูดอย่างนั้นแต่ยังไม่ลืมตา ส่วนแพรวหน้ามองตรง ไม่หันซ้ายหันขวาเลย เปิดไฟสูงสาดไปตามถนน จะแยงตาใครที่ขับสวนมาก็แล้วแต่

               แพรวจึงค่อย ๆ ผ่อนลง แต่รถก็ยังวิ่งเร็วกว่าปกติ ก็ยังดีกว่าเมื่อครู่ เธอรู้สึกว่าแพรวขับเร็วมาก ถ้าสะดุดอะไรนิดหน่อย แหกล้มลงข้างทาง ไม่รอดทั้งทีมกันเลยทีเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่