คิดถึง 2 บทที่ 41

กระทู้สนทนา


.

               ไดอารี่ความคิดถึง

             วันมาฆบูชาบอสและน้องบีมและพี่ ๆ ต่างตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำบุญตักบาตรที่วัด ยายเองก็ตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเตรียมของใส่บาตรให้พวกเธอ คนละชุด มีขนมนมและข้าวพร้อมน้ำดื่มจัดใส่ถาดและใส่ขันเงินที่ทำจากโลหะไว้ เตรียมรอพวกเธอ เจ็ดโมงก็พากันออกไปวัด

               พวกเธอหกคนพี่น้องเดินตามกันไป มีชาวบ้านทยอยกันมาเช่นกัน เดินมาบ้าง ขับรถมาบ้าง แล้วแต่บ้านใกล้ไกล ส่วนบ้านของเธอ อยู่ใกล้วัดห่างกันสองสามหลังคา เป็นเช้าที่สดใสมาก ๆ บอสนัดกับเพื่อน ๆ ตัวเองไว้แล้ว ให้มานั่งด้วยกัน พิมพ์แพรวกับจ๋อมก็จะมาทำบุญในเช้าวันนี้ด้วย

                บอสเห็นเพื่อน ๆ หลายคนก็มาทำบุญ แน่นอนอยู่แล้ว ชนบทแบบนี้ ทุก ๆ หมู่บ้านจะให้ความสำคัญในเรื่องการตักบาตรวันสำคัญทางศาสนามาก ส่วนวันธรรมดาจะมีแค่คนแก่ที่มาวัด ยายของเธอก็มาประจำ ภาษาอิสานเขาเรียกว่า *แม่ออกค้ำ*

               วันนี้ที่ศาลาวัดแน่นไปด้วยชาวบ้านที่มาทำบุญ ดูแล้วมีความสุขในหัวใจมาก ๆ เกือบจะมาทุกบ้านเลย ศาลาที่กว้าง ๆ บัดนี้ดูแคบลงถนัดตา ศาลาเป็นศาลาไม้ ผนังประดับตกแต่งด้วยผ้าฉากบุญเผวด ที่เอาไว้ใช้งานในบุญเดือนสี่ที่จะถึงนี้ แค่คิดก็ตื่นเต้น ได้กินข้าวเกรียบอีกแล้ว

               บอสกับน้องสาวและพี่ ๆ เดินขึ้นบันไดมาบนศาลา เดินโค้งหัวเข้ามา หาที่นั่งมุมที่ชอบที่สุด เป็นทางฝั่งขวามือ มีเพื่อน ๆ หลายคนนั่งรออยู่แล้ว บอสดูนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ สายแล้วพี่สาวฝาแฝดยังไม่มาเลย จ๋อมก็ยังไม่มาอีก มัวทำอะไรอยู่ คนอื่นก็ทยอยมาเดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งเอาได้ เดี๋ยวจะไม่ได้นั่งด้วยกันเอา พร้อมชะเง้อมองหา

               ในที่สุดแพรวกับพิมพ์ก็มาถึง นึกโล่งใจ บอสยืดตัว กวักมือเรียกพี่สาวสองคนให้มานั่งด้วยกัน ทั้งสองคนก็เดินโค้งตัวผ่านผู้คนมาหา บอสและพี่ ๆ และคนอื่น ๆ ขยับ ๆ ให้พิมพ์กับแพรวนั่ง ไม่นานจ๋อมก็มาถึงอีกคน พิมพ์กวักมือเรียกจ๋อมให้มานั่งด้วย สุดท้ายทำบุญวันนี้ก็ครบแก๊งสักที

               “มาสายจังจ๋อม กูกับพวกพี่ปาวมาแต่เช้า นึกว่ามืงจะไม่ตื่นซะอีก” บอสพูดคุยกับเพื่อน ถามจ๋อมนึกว่าตื่นสายมาไม่ทัน

               “มาดิ ใครจะไม่มา ไม่มาแม่บ่นตายเลย”

               “เออพวกเรา ตักบาตรเสร็จเราไปเที่ยวภูปอกันมั้ย ขับมอเตอร์ไซค์ไปกัน” แพรวชวน วันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา ที่ภูปอจัดงานใหญ่ คนต้องไปสักการะแน่นอน ภูปอคือที่ประดิษฐานพระนอน สมัยทวาราวดี คนละแวกนี้นับถือมากที่สุด

               “ไปก็ไป!” บอสตอบ พวกเธอคุยกันฆ่าเวลา น้องบีมก็พูดคุยกับพวกเธอไปด้วย กับพี่ ๆ บ้าง ฆ่าเวลากันไป

               การมาทำบุญวันนี้พวกเธอสวมกางเกงเสื้อยืดหมดทุกคน ยายบ่นให้ใส่ผ้าซิ่น ก็ไม่มีใครใส่ เพราะใส่ไม่เป็น มีพี่ปาวที่ใส่กระโปรงชุดแซ็ก เพราะพี่ปาวเป็นสาวแล้ว รักสวยรักงามตามวัยนั่นแหละ

               เมื่อจวนใกล้จะถึงเวลา ผู้ใหญ่บ้านจึงประกาศว่าใครยังไม่มาให้รีบมา เพราะจะเริ่มตักบาตรกันแล้ว รอสักพักเมื่อไม่เห็นมีใครมาเพิ่ม มัคนายกจึงเริ่มทำพิธีการตักบาตรในวันนี้

               “สิพาจุดเทียนไหว้พระเด้อบาดหนิ พนมมือขึ้น” มัคนายกพูดใส่ไมค์ “กราบ กราบ กราบ” พูดสามครั้งแล้วพวกเธอก็กราบพระลงไป “เว้าตามเด้อ” จากนั้นก็พาสวดมนต์

               ทุกคนพนมมือ กล่าวตามมัคนายกที่พาสวดมนต์ และแล้วก็ถึงช่วงตักบาตร ทุกคนลุกขึ้นต่อแถวเดินไปใส่บาตรด้านหน้า บอสและเพื่อน ๆ ไม่รีบ นั่งรอให้คนอื่น ๆ ลุกไปใส่บาตรก่อน รอให้คนบางตาแล้วจึงจะพากันลุกไป

                “บีมใส่บาตรเป็นมั้ย” แพรวถามน้องสาวของเธอ “นี่มายืนอยู่ตรงหน้าพี่แพรวนี่ พี่แพรวจะบอก”

               “น้องบีมใส่เป็นอยู่ เคยใส่แล้ว ยายสอน น้องบีมมากับยาย” น้องบีมตอบชัดถ้อยชัดคำ มั่นใจในตัวเองมาก ทว่าก็ขยับมายืนด้านหน้าแพรว ตอนนี้พวกเธอกำลังยืนต่อแถว เรียงคิวใส่บาตรกัน

               พอมาถึงหน้าบาตร บาตรแรกจะเป็นบาตรดอกไม้ คือนำดอกไม้มาวางไว้พร้อมข้าว ปั้นเป็นคำเล็ก ๆ ใส่ลงไปด้วยสามคำ บาตรต่อไปเป็นบาตรปัจจัย ใส่ตามกำลังศรัทธาของเรา บอสใส่ไปห้าบาท และบาตรถัดไป เป็นบาตรขนมนมเนยและกับข้าวที่ผู้คนนำมาถวาย จะมีกี่บาตรนั้นก็ตามจำนวนของพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดเลย

                เมื่อพวกเธอใส่บาตรกันครบก็กลับมานั่งที่เดิม รอให้ทุกคนใส่บาตรจนครบ ต่อไปก็จะเป็นการหยาดน้ำรับศีลรีบพรกันต่อ จากนั้นก็เป็นอันเสร็จพิธีทางศาสนาในวันมาฆบูชานี้

                ยายกรอกน้ำเปล่าใส่ในขวดเอ็มร้อยห้าสิบให้คนละขวด พร้อมแก้วพลาสติกคนละใบ เมื่อเสร็จพิธีก็นำน้ำที่หยาดเมื่อครู่ ไปเทลงต้นไม้ในกระถาง ข้าง ๆ กับศาลา ยายบอกให้พูดว่าให้อุทิศให้ปู่ของเธอ พูดชื่อปู่ให้มารับผลบุญนี้ไป บอสก็ทำตาม และบอกน้องบีมทำตามด้วย

               เมื่อเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันกลับบ้านใครบ้านมัน เมื่อกลับมาถึงบ้าน พี่ ๆ ต่างแยกย้ายกันไป พี่สาวสองคนขอตัวไปบ้านคุ้มใต้ พี่ชายสองคนน่าจะไปภูปอ เห็นโทรศัพท์คุยกันกับใครไม่รู้ ส่วนเธอก็จะไปเช่นกัน วันนี้น้องบีมตามพี่ปาวกับพี่แป้งไปบ้านคุ้มใต้ด้วย เธอจึงทางสะดวก ไม่มีเด็กงอแงร้องตาม

                บอสเอาถาดไปเก็บ คว้ากระเป๋าสะพายข้างตัวเก่งได้ก็รีบวิ่งแจ้นไปหาพี่สาวฝาแฝดเลย “ยายบอสไปเล่นบ้านไอ้แฝดนะ”

               ยายไม่ตอบ นั่งทอผ้าซิ่นอยู่กี่หน้าบ้าน ไม่สนใจหลานคนไหนจะไปไหนก็ตาม บอสเดินมาถึงบ้านพี่สาวก็เข้าไปหาในบ้าน ทุกคนเตรียมตัวจะไปภูปอกันโดยที่ไม่บอกผู้ใหญ่ รอจ๋อมมาสมทบเท่านั้น แล้วพวกเธอจะออกเดินทาง

                บอสเข้าไปนอนดูทีวีในบ้านกับสองฝาแฝดรอจ๋อม ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของจ๋อมวิ่งเข้ามาจอดในหน้าบ้าน ได้ยินเสียงจ๋อมเรียกแพรวจากหน้าบ้าน ทว่าบอสเป็นคนลุกไปเปิดประตูให้

                “ไปตอนไหนกัน” จ๋อมถาม ตอนนี้ห้าโมงเกือบเที่ยงแล้ว น่าจะหาอะไรทานกันก่อน ไปถึงจะได้ไม่ร้องหิวกัน

                “เอาไงสวย แพรว กูว่าเรากินข้าวเที่ยงก่อนไปกันมั้ย เที่ยงแล้วอ่ะ หิว”

                “กินก็กิน หิวเหมือนกัน ไรดีพวกเรา” แพรวเห็นด้วย

                “ตำป่ามั้ย เดี๋ยวกูกับอี่บอสไปซื้อ ไก่ทอดเอาด้วยมั้ย” จ๋อมเป็นคนอาสาไปเอง ทั้งที่พึ่งมาถึงเมื่อครู่

                เช่นเคย เมื่อสี่คนมารวมตัวกัน ก็จะต้องเป็นมีตติ้งตำป่าอยู่แล้ว ออกเงินกันซื้อ บอสกับจ๋อมเป็นคนอาสาไปซื้อเอง ได้ตำป่ามาสองถุง ซี่โครงไก่ทอดมาด้วย เป็นมื้อเที่ยงที่แสนพิเศษอีกมื้อ แค่ตำป่าไก่ทอดแค่นี้ก็อร่อย แค่ได้นั่งทานกับเพื่อนที่รู้ใจ

                แพรวหาถาดหาช้อนพร้อมกระติบข้าวเหนียวออกมารอที่แคร่หน้าบ้าน พร้อมมีกับข้าวเมื่อเช้าถือติดมือมาด้วย มาถึงก็พร้อมแกะได้เลย พวกเธอนั่งทานข้าวกันไป เม้าส์มอยกันไป

                “มืงว่าไปถึงภูปอจะเจอไทบ้านเรามั้ยวะ” บอสถาม คิดว่าคงเจอเกือบทั้งหมู่บ้านนั่นแหละ เทศกาลเกี่ยวกับศาสนาแบบนี้ มีอยู่ที่เดียว ที่วัยรุ่นละแวกนี้ชอบไปกัน

                “เจอ! พวกอี่จอยอี่พู่ก็ไปกัน ตอนที่กูขับรถออกมาอ่ะ มันพากันไป พวกอี่นินอี่นิดแหละ” จ๋อมตอบ

                “แพรวพี่เม้าส์ไปกับมืงด้วยมั้ยหนิ” พิมพ์ถาม มือก็ฉีกซี่โครงไก่ทอดกิน เคี้ยวอย่างอร่อย บอสก็หยิบมากินบ้าง แม่ค้าหมักไก่นัวมาก ร้านตำป่าแม่บีตำแหลก ประจำหมู่บ้านของเธอ

                “ไม่ไป พี่เม้าส์ไม่ว่างมืง พวกเราไปกันสี่คนนี่แหละ”

                “เค” ทั้งสี่คนก้มหน้าก้มตาทานข้าว พร้อมสนทนากันไปเรื่อย พูดถึงเรื่องนี้เรื่องนั้นกันไป และเมื่อทุกคนอิ่มกันแล้ว ล้างจานเก็บให้ป้าแพงเรียบร้อย พวกเธอก็เตรียมตัวออกเดินทาง ตอนนี้เที่ยงกว่า ๆ ถึงจะแดดก็ไม่เป็นปัญหาในการไปภูปอ

                พวกเธอทาแป้งฝุ่นหน้าขาวเนียน หวีผม ทาลิปสติกพร้อมออกเดินทางกันได้ คราวนี้บอสซ้อนกับแพรว พิมพ์ไปซ้อนกับจ๋อมแทน แล้วก็ขับไปภูปอ สวนทางกับหลายคนที่พึ่งจะไปเช่นกัน และคนที่กลับมาแล้ว

                ขับมาไม่กี่นาทีก็ถึงภูปอที่ว่า ระหว่างทางมีรถแล่นสวนทางเยอะมาก คนที่ภูปอท่าจะเยอะ ทางไปภูปอสองข้างทางเป็นทุ่งนาชาวบ้าน ถ้าเป็นวันธรรมดาก็เปลี่ยวพอสมควร แต่วันนี้เป็นวันพระ เป็นวันสำคัญทางศาสนา ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการมาทำบุญ นั่นคือภูปอ ทำให้ตลอดระยะทางไม่เปลี่ยวไม่เงียบเหงาเลย มีรถวิ่งไม่ขาดสาย

               ระหว่างที่นั่งซ้อนท้ายแพรวไป บอสสวนทางกับเพื่อน ๆ หลายคน ทำได้แค่ยิ้มให้ เมื่อมาถึงภูปอ พวกเธอนำรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดภายในวัดกันเลย ส่วนรถยนต์เข้าไม่ได้แน่นอน เพราะลานจอดรถเต็ม ต้องนำมาจอดด้านนอก

                พวกเธอมาถึงมองหน้ายิ้มให้กัน เดาไว้ไม่มีผิดเลย คนเยอะมากที่มาไหว้สักการะองค์พระนอนที่นี่ เมื่อพร้อมแล้วก็พากันเดินไปไหว้พระนอนองค์แรก ซึ่งละแวกนี้เรียกว่าองค์ปู่ อยู่ข้างล่าง เดินขึ้นบันไดไปเพียงไม่กี่ขั้นก็ถึง ทว่าต้องต่อคิว เนื่องจากมีคนมาไหว้เยอะ ต้องต่อคิวรอเข้าไปกันเลยทีเดียว

                ที่นี่มีทั้งเสี่ยงเซียมซี ยกหิน และก็การบนบานศาลกล่าว ศักดิ์สิทธิ์ เธอเองก็ศรัทธาและเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้พระนอนที่นี่เป็นพระประจำหมู่บ้านของเธอกันเลย และหมู่บ้านใกล้เคียง ที่นำมากราบไว้บูชา

                “เสี่ยงเซียมซีกันมั้ยพวกเรา” แพรวหันมาถามพวกเธอ ระหว่างที่ยืนรอเข้าไปกราบพระ

                บอสหน้าบึ้ง ขมวดคิ้ว “ไม่เอาอ่ะ มืงก็ไปสั่นดิ กูไม่ชอบเสี่ยงดวง”

                “ทำไม กลัวได้ใบไม่ดีแล้วคิดมากเหรอ”

               “อือ” บอสพยักหน้า แพรวไม่รีรอ เข้าไปนั่งเสี่ยงเซียมซีคนละอันกับจ๋อม ส่วนเธอกับพิมพ์เดินเข้าไปบริจาคปัจจัยดีกว่า หยอดลงตู้บริจาคคนละยี่สิบบาท แล้วหลวงพ่อที่นั่งอยู่ก็ผูกด้ายสายสิญจน์และพรมน้ำมนต์ให้ แต่ว่าก็ต้องรอคิวเช่นกัน

                เมื่อคนบางตาแล้ว พวกเธอจึงเข้าไปกราบพระ บูชาดอกไม้ธูปเทียนคนละยี่สิบบาทอีก ได้ดอกไม้คนละชุด จากนั้นก็นั่งกราบพระ อธิษฐานขอพร แล้วก็นำดอกไม้ไปวางไว้ถาดที่ทางวัดจัดไว้ให้ จากนั้นก็นำทองคำเปลวไปติดที่พระนอน

               คนที่นี่เชื่อว่า ถ้าอยากหายเจ็บปวดตามร่างกายส่วนไหน ให้นำไปแปะไว้ตรงนั้น ซึ่งบอสเองเป็นคนที่ชอบปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง บอสจึงนำไปติดไว้บนเศียรของท่าน ความจริงคือเธอชอบปวดตรงท้ายทอย ก็ไม่รู้จะแปะตรงไหน แปะตรงเศียรเลยแล้วกัน จากนั้นพวกเธอก็ออกมาให้คนที่มาทีหลังได้เข้าไป

               “ปะเรา ขึ้นข้างบนกัน”

               “แน่นอน!”

               สี่คนเพื่อนซี้พากันเดินขึ้นบันไดไปบนภูปอ กี่ร้อยขั้นพวกเธอก็ไม่ได้นับ เหนื่อยก็พากันนั่งพักศาลาข้างทางที่ทางวัดจัดทำไว้ให้ ขณะที่เดินขึ้นไปก็มีเพื่อนร่วมทางมากมาย เดินขึ้นเดินลงสวนกัน และก็มีแม่ค้าพ่อค้าหาบเร่ขายน้ำอัดลม บอสทึ่งคนหาบน้ำขายมาก เขาเดินขึ้นเดินลงตัวปลิวเลย ไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร ส่วนเธอเหนื่อยหอบจะขาดใจตายอยู่แล้ว

               “น้ำ! จอด! จอดก่อน หยุดก่อน” บอสตะโกนเรียกพ่อค้าที่หาบน้ำเดินขึ้นไปบนภูปอ พร้อมยืนขึ้นกวักมือเรียก พ่อค้าหันมามองยิ้มแฉ่งให้ และเดินกลับมา “เฮ้อ เหนื่อยค่ะ ขอน้ำเปล่าขวดนึง และก็โค๊กค่ะ”

                “ของหนูก็โค๊กค่ะ “ แพรวพูดขึ้น

                พิมพ์กับจ๋อมเอาน้ำแดงกับน้ำส้มคนละแก้ว เมื่อได้น้ำดับกระหายแล้ว พวกเธอนั่งพักเอาแรงกันสักหน่อย ค่อยเดินทางกันต่อ ระหว่างนั่งพักด้วยความที่เป็นผู้หญิง ก็มีคนแซวเล่นบ้าง ส่วนมากจะเป็นคนที่เดินกลับลงมา ทำเอาหัวเราะกันไป ยิ่งเหนื่อย ๆ ยิ่งมาทำให้หัวเราะอีก ยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก

                “เดินต่อไปครับใกล้ถึงแล้ว” กลุ่มวัยรุ่นผู้ชายเดินผ่านมา แล้วพูดแซวพวกเธอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่