.
ไดอารี่ความคิดถึง
หลังจากบอสหายป่วยออกจากโรงพยาบาล แม่กับพ่อก็กลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม ความเหงาและความคิดถึงเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ทว่าก็ไม่เป็นอะไร คิดถึงโทรคุยกันทุกวันก็ได้ และรู้สึกเข็ดอยู่บ้างหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาบอสก็ไม่ค่อยเปิดทีวีและนั่งให้ยุงกัดอีก
วันนี้วันศุกร์บอสไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนจึงเดินไปหาพี่สาวที่บ้านดีกว่า และน่าอัศจรรย์ใจมากน้องบีมไม่ขอตามไปด้วย มัวแต่ดูทีวี โรงเรียนยังไม่เปิดเทอมทั้งสองคน โรงเรียนของเธอจะเปิดในวันที่ 16 พฤษภาคม ยายขู่ว่าเดี๋ยวก็เป็นไข้เลือดออกเหมือนเธอ น้องบีมก็ไม่สะทกสะท้าน อีกอย่างมีพี่ปาวกับพี่บอลดูเป็นเพื่อนด้วยนั่นเอง น้องบีมจึงไม่สนใจคำบ่นของยาย และไม่สนใจเธอด้วย
บอสบอกยายว่าจะไปบ้านลุงวิทย์แล้วก็เดินมาคนเดียว พี่สาวสองคนกำลังนั่งเล่นที่หน้าบ้านอยู่กันคนละมุม เป็นภาพที่คุ้นตา พูดถึงพิมพ์กับแพรวก็ไม่เคยไปเล่นที่ไหน เล่นกันอยู่สองคน นอกจากนั้นก็ไปบ้านจ๋อมและเข้าไปในเมืองหาเพื่อน ๆ ในเมืองบ้างเท่านั้น และมาที่บ้านของเธอบ้าง เธอกับจ๋อมก็คล้าย ๆ กัน ไม่เหมือนตอนประถมที่พากันปั่นจักรยานไปเที่ยวเล่นที่บ้านของเพื่อนใครต่อใครก็ไม่รู้ สนุกกว่าชีวิตมัธยมเป็นร้อยเท่า
พิมพ์นอนอยู่บนเปล ส่วนแพรวนั่งที่ม้าหินอ่อนต่างคนต่างคุยโทรศัพท์กับแฟนใครแฟนมัน แพรวน่ะมั่นใจว่าคุยกับพี่เม้าส์ ส่วนพิมพ์ไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าคุยกับคนไหน จะแซวแทรกโทรศัพท์ไปก็กลัวแซวผิดชื่อผิดคน กลัวพิมพ์มีปัญหาจึงไม่อยากแซวเท่าไหร่ นอกจากนั้นมีวิทยุเล็ก ๆ เปิดขับกล่อมให้ความผ่อนคลายไปด้วย จะได้ไม่เงียบเหงา
ลุงวิทย์กับป้าแพงก็ไม่อยู่ หลังจากลงตลาดนัดตอนเช้าลุงกับป้าก็ไปทำสวน พอถึงบ่ายสามก็เตรียมตัวไปลงตลาดนัดตอนเย็นอีก ส่วนพี่เจพี่ชายของฝาแฝดก็ไม่อยู่ คนนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับญาติพี่น้อง ไม่ใช่ไม่สนิทกัน ด้วยวัยที่ห่างกันมากนั่นแหละ จึงทำให้พี่น้องไม่ยุ่งกันเท่าไหร่ ห่างกันตั้งหกปีเลยกับพวกเธอ ส่วนพี่บอมพี่บอลพี่ปาวพี่แป้งพี่กอล์ฟพี่โจยังพอไล่เลี่ยกัน จะว่าไปพี่บอมก็ห่างกับเธอสี่ปีก็ถือว่าไม่มาก พี่บอมกับพี่โจยังมาเล่นกับพวกเธอ กลุ่มเดียวกัน ส่วนพี่เจรู้สึกห่างกันอย่างไรไม่รู้
“จ๋อมไม่มาเล่นด้วยเหรอวันนี้” บอสส่งสายตาพร้อมยิงคำถามไปยังพิมพ์ เพราะอยู่ในวิถีสายตาของเธอขณะเดินมาถึงพอดี ก่อนที่ตนเองจะนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนข้าง ๆ แพรว “เบื่อเนอะ” คุยด้วยก็ไม่มีใครตอบเลย มัวแต่คุยโทรศัพท์กัน ทำให้เธอคนโสดหน้ามุ่ยลงทันที ยิ่งเพิ่มความเบื่อยหน่ายเข้าไปอีกสองเท่าตัว
แพรวเลิกคิ้วเหมือนได้ยินที่เธอถามไปเมื่อสักครู่นี้ ยังถือว่าดีที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเธอ ช้าหน่อยไม่เป็นไร “กุถามว่าอี่จ๋อมไม่มาเหรอ” เธอย้ำคำถามไปเมื่อเห็นแพรวสนใจตนเองแล้ว
“กูได้ยินแล้ว มืงจะตะโกนทำไมเนี่ย” แพรวพูดกับเธอขณะยังถือสายพี่เม้าส์อยู่ ส่วนพิมพ์หัวเราะ แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์ต่อไป คนมีความรักมันเป็นเช่นนี้กันเหรอ นี่เธอมาเป็นส่วนเกินของทั้งคู่หรือไร บอสถอนหายใจ แต่ก็ไม่กวนพี่ ๆ ปล่อยให้คุยโทรศัพท์ต่อ ส่วนตนเองเล่นเกมในมือถือไปก็ได้
จะอยู่คนละมุมไม่คุยกันก็ยังได้ แค่ได้มารวมตัวกัน มันก็มีความสุข ไม่เบื่อ อยู่ได้เป็นวัน ๆ ฆ่าเวลาไปถึงเปิดเทอม หายเหงาไปได้ดีกว่าอยู่บ้านเล่นคนเดียว
“มืงสองตัว เข้าไปในเมืองกันมั้ย” พิมพ์ถาม ลุกขึ้นนั่งหลังวางสายแฟนไปแล้ว พวกเธอสองคนเงยหน้ามองพิมพ์พร้อมกัน นึกสงสัยว่าทำไมอยู่ ๆ จะชวนเข้าไปในเมือง
“ไปทำไมมืง” แพรวตอบน้องสาวฝาแฝดของตน
“นั่นสิอี่พิมพ์มืงจะไปทำอะไรอ่ะ” บอสยิงคำถามให้พิมพ์ด้วยอีกคน เก้าโมงเช้าของวันศุกร์พวกเธอสาวคนพี่น้องนั่งเล่นด้วยกัน เป็นภาพที่บ้านใกล้เรือนเคียงของป้าแพงกับลุงวิทย์คุ้นตามาก ๆ บางวันก็บ้านของเธอ บางวันก็บ้านของจ๋อม ทว่าน้อยมากที่จะไปบ้านจ๋อมเพราะพวกเธอเสียงเยอะกว่า มีตั้งสามคน ดังนั้นจ๋อมจะเป็นฝ่ายมาเล่นด้วยเสมอ ๆ ตั้งแต่ประถม
“ไปพลาซ่ามั้ย พากุไปหน่อย” เพราะเป็นเพื่อนกันมีเหรอจะปฏิเสธ เพราะอะไรหลายอย่าง เพราะเป็นญาติกัน เป็นเพื่อนกัน โตมาด้วยกันมีเหรอบอสจะปฏิเสธ ไปไหนไปกันอยู่แล้ว เงินแม่ให้ส่วนตัวก็มี ไม่ต้องขอยายให้โดนบ่น
“อี่พิมพ์สิไปหาพุบ่าวเด้หะแพรว” บอสแซวพิมพ์ ทำไมจะรู้ไม่ทัน คุยกันอยู่ดี ๆ วางสายปุ๊บชวนเข้าไปในเมืองเฉยเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพิมพ์จะไปทำอะไร “นัดพุบ่าวไว้เด้หั่นน้อ จะของถ่าเขายุตู้เพลงฝั่งห้องน้ำเด้อคือสิว่าน้อ ฮา “ บอสได้โอกาสแซวพิมพ์ซะเลย
ทั้งแพรวและคนโดนแซวหัวเราะลั่นด้วยความตลกที่โดนเธอรู้ทัน “รู้ดีน้อมืง” พิมพ์ด่าเธอเข้าให้
“สั้นมันสิได้เป็นมูมืงติ” แพรวตอบแทน พวกเธอสามคนหัวเราะให้กัน ขณะนี้แพรวก็วางสายจากพี่เม้าส์ไปแล้วด้วย พวกเธอตกลงกันว่าจะเข้าไปในเมืองโดยขับมอเตอร์ไซค์ไป ก่อนอื่นต้องโทรชวนจ๋อมก่อน ไปกันครบแก๊งค์จะได้สนุก
“อี่จ๋อมว่าไงพิมพ์” แพรวถามหลังให้พิมพ์โทรถามจ๋อม
“มันว่าไป ปะออกไปหามัน” เมื่อพร้อมกันแล้ว พวกเธอก็ซ้อนสามขับออกไปหาจ๋อมที่บ้าน ไม่ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ไปทั้งชุดอยู่บ้านนี่แหละ กางเกงวอร์มเสื้อยืดคู่ใจ ยกเว้นพิมพ์ที่ขอเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เดฟ มาถึงพบว่าจ๋อมเตรียมตัวรอแล้ว เหมือนเดิมบอสนั่งซ้อนไปกับจ๋อม ส่วนพิมพ์กับแพรวซ้อนไปด้วยกัน
“ไปทางหลังพลาซ่านะ กลัวตำรวจ แต่ว่าไม่ต้องเลี้ยวไปทางวัดประชานิยมมันไกลไป เลี้ยวซอยเลยโรงเรียเซนต์โยเซฟมาหน่อยนะ อี่จ๋อมมืงรู้อยู่ใช่มั้ย” แพรวนัดแนะตกลงเส้นทางกันก่อน จะได้ไม่ต้องหลงกันและเสียเวลาขับคอยกัน เดี๋ยวทะเล่อทะล่าขับไปเจอตำรวจไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป พวกเธอยังไม่มีใบขับขี่สักคน
“รู้ ๆ ขับไปก่อนเลยนะ ใครไปถึงก่อนก็รออยู่หน้าพลาซ่านั่นแหละ ไม่ต้องขับรอ” จ๋อมตอบ
“อือ ปะ ๆ ไปเหอะ อี่พิมพ์ใจจะขาดแล้วเนี่ย ฮา” แพรวแซวน้องสาวตนเอง ทำเอาพวกเธอขำกันจนน้ำหูน้ำตาไหลก่อนออกเดินทาง
ทั้งสี่คนขับเลาะไปตามถนนถีนานนท์ ผ่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี บอสมองดูแล้วก็ตื่นตาตื่นใจดี ชีวิตนักศึกษาคงยุ่งยากน่าดู คงเรียนหนัก ดูจากชีวิตพี่คนข้างบ้านนั่นแหละ เสาร์อาทิตย์มีรายงานต้องทำตลอด ไม่ค่อยได้กลับบ้านเลย
พวกเธอขับเลยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเข้าไปมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมือง แถวนี้ปลอดภัยไม่มีตำรวจมาตั้งด่านตรวจ จึงขับไปอย่างสบายใจ เพราะไม่ใช่จุดตรวจของเจ้าหน้าที่
ขับผ่านโรงเรียนเซนต์โยเซฟไม่ไกลจะมีซอยเลี้ยวลัดไปทางหลังห้าง ผ่านบ้านเพื่อนของแพรวหนึ่งในกลุ่มที่เล่นด้วยกัน พวกเธอก็ไม่ได้สนใจจะแวะทักทาย ไม่มีธุระอะไรต้องพูดคุยด้วย ส่วนแพรวจะแวะก็อีกเรื่องหนึ่ง ทางนี้เป็นเส้นทางที่วัยรุ่นใช้กันประจำเพราะหนีตำรวจสำหรับคนที่ไม่มีใบขับขี่
ซอยหลังพลาซ่าจะเป็นหมู่บ้าน ชื่อหมู่บ้านอะไรเธอก็ไม่รู้จัก เป็นหมู่บ้านจัดสรร เพราะทาสีเดียวกันทรงเดียวกันหมดเลย ผ่านทีไรชอบมองมีแต่บ้านหลังสวย ๆ ทั้งนั้น แต่เธอคงไม่เลือกที่จะอยู่ในเมือง โตขึ้นเธอขอเข้ากรุงเทพดีกว่า เบื่อแล้วกับชีวิตเด็กต่างจังหวัด
จ๋อมกับเธอขับรถนำหน้าแพรวกับพิมพ์มา ขับล่วงหน้าไปก่อนค่อยไปเจอกันที่ห้างพลาซ่า จ๋อมพาเธอนำรถมาจอดหน้าพลาซ่าฝั่งที่เคยจอดประจำ เมื่อจอดรถสนิท พวกเธอลงจากรถตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จ ถอดเสื้อแขนยาวเก็บไว้ใต้เบาะรถ จากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรหาพิมพ์ บอกพิกัดว่าจอดรถอยู่ประตูฝั่งไหน ไม่นานก็เห็นรถของทั้งคู่ขับมาจอดข้าง ๆ กัน
“โอยร้อนมาก ! แดดอะไรเบอร์นี้” เมื่อพิมพ์ลงจากรถได้ก็บ่นให้กับธรรมชาติซะ
“มืงเด้ล่ะอยากมา เอ็มอยู่ไหน” จ๋อมพูด ทว่าไม่ได้พูดต่อว่าพิมพ์ แค่พูดไปตามเนื้อผ้า เป็นคนชวนเพื่อนมายังจะบ่นอีก บอสอ่านแววตาของจ๋อมได้ จ๋อมคงจะคิดแบบนี้
“อยู่ชั้น 2 ปะเข้าไปกันเหอะ” พิมพ์บอก แล้วพวกเธอทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปข้างใน
เพราะวันนี้เป็นศุกร์ผู้คนจึงบางตา มีเพียงพนักงานเป็นส่วนใหญ่ บอสและเพื่อนทั้งสามคนเดินตรงไปบันไดเลื่อนขึ้นไปยังชั้นสองของห้างกันเลย แต่ถึงจะเป็นวันศุกร์เพราะช่วงปิดเทอมจึงมีวัยรุ่นมาเล่นเกม มาร้องเพลงกันอยู่บ้าง แต่ว่าก็น้อยกว่าวันเสาร์และวันอาทิตย์อยู่ดี
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองของห้างกันแล้ว พวกเธอหยุดยืนอยู่ตรงหัวบันไดเลื่อน ห่างออกมานิดหน่อยเพื่อมองหาเอ็ม ส่วนพิมพ์กำลังกดเบอร์โทรหา พิมพ์คุยสักพักก็ได้ความว่าเอ็มรออยู่ตู้เพลงฝั่งทางห้องน้ำ ทำไมเธอช่างแซวแม่นเหลือเกิน บอสนึกในใจจากนั้นพวกเธอจึงพากันเดินไปที่จุดหมายนั่นเลย ก่อนไปแพรวมิวายขอแลกเหรียญมาหยอดตู้เพลงด้วย
มาถึงที่ทั้งทีมันก็ต้องซ้อมคอกันหน่อย จากที่ห่างหายมานาน ไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองเลยเพราะปิดเทอม ช่วงปิดเทอมแพรวไม่มีอะไรต้องทำ ไม่ได้มาโรงเรียนในวันหยุด จึงไม่ค่อยได้พากันมาร้องเพลงนัก
มาถึงตู้เพลงของเอ็ม เอ็มเดินออกจากตู้เพลงมาหาพิมพ์ เอ็มเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันกับพิมพ์ นัดเจอกันเฉย ๆ พิมพ์แค่อยากมาเจอในวันปิดเทอม กว่าจะเปิดเทอมก็อีกหลายวัน เปิดเทอมพร้อม ๆ กันกับโรงเรียนของเธอนี่แหละ
เธอ แพรว และจ๋อมเข้าไปรอในตู้เพลงที่ว่าง ปล่อยให้พิมพ์กับเอ็มนั่งคุยกัน ใช้เวลาด้วยกันตามประสาแฟนที่เก้าอี้หน้าตู้เพลง เป็นเก้าอี้ไว้ให้คนนั่งรอคิวเวลาตู้เต็ม พิมพ์กับเอ็มก็นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นสองคน ส่วนเพื่อนของเอ็มอีกสองคนก็พากันเลิกร้องเพลงแล้วเดินหาเล่นเกมแทน แพรวเที่ยวหันมามองพิมพ์ที่อยู่ด้านนอกบ่อย ๆ น่าจะเป็นห่วงน้องสาว เธอเองก็ห่วงแต่ก็ไม่อะไรมาก เพราะไม่ใช่ที่ลับตาคน
บอสรู้สึกว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้ เอ็มกับพิมพ์ก็แยกย้ายกัน พิมพ์เข้ามาในตู้เพลงกับพวกเธอ บอสค่อนข้างงงมากว่าทำไมถึงแยกกันเร็วจัง ไม่สมกับที่ดั้นด้นเข้ามาพลาซ่ากันเลย แดดก็แดดร้อนก็ร้อน เป็นเธอหน่อยไม่ได้มาเจอแฟนแบบนี้จะนั่งคุยสักชั่วโมงสองชั่วโมงให้ตายกันไปข้างหนึ่งไปเลย
“เอ้า นี่พวกมืงสองคนคุยกันเสร็จแล้วเหรอ” บอสถามออกไปแบบหน้าตาซื่อ ๆ ถามแบบจริงจัง แบบอยากรู้จริง ๆ ว่ามานั่งคุยกันแค่นี้ ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาเจอกันแค่นี้เอง ความรักนี่มันสุดยอดจริง ๆ อะไร ๆ ก็ทำได้หมด
“เอ็มไปไหนพิมพ์” แพรวถามบ้าง ส่วนจ๋อมมัวร้องเพลงอยู่ จะหยุดร้องเพลงเพื่อมาถามพิมพ์อีกคนก็ไม่ได้ เดี๋ยวคะแนนไม่ถึง 90% ไม่ได้เพลงฟรี ตั้งใจร้องมาก โชว์ลูกคอสิบชั้นกันไปเลย ทั้งลูกทุ่งและสตริงปน ๆ กันไป
สำหรับเธอต้องพี่ดาเอ็นโดฟินเท่านั้น น้ำเต็มแก้วนี่ชอบร้องมาก ๆ และก็เพลงเพื่อนสนิท ชอบร้องอยู่แค่นี้ และเพลงที่เสียงดีที่สุดได้เพลงฟรีก็เพลงเมื่อเขามาฉันจะไปนี่แหละ
“กลับไปแล้ว” พิมพ์ตอบสีหน้าระรื่น มันแน่อยู่แล้วนี่ มาเจอคนของหัวใจใครจะไม่หน้าบาน
“มืงมาเจอกันแค่นี้นะ” บอสถามย้ำอีกเพื่อความแน่ใจ พร้อมหัวเราะพี่สาว “ตลกและ สิบนาทีได้มั้ง”
“เออก็มาเจอกันแค่นี้แหละ มืงจะให้กูคุยไรล่ะ” พิมพ์ชักจะรำคาญ
“คนนี้เบอร์สองไงบอส ลองเป็นอีกคนดิ ไม่เข้ามาหาพวกเราหรอก” เป็นทีแพรวแซวน้องสาวของตัวเองบ้าง
“พวกมืงนี่รู้ดีกันจริง ๆ เลยนะ” พิมพ์พูดประชด เธอกับแพรวมองหน้ากันแล้วก็พากันหัวเราะ จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจเพลงกับจ๋อมเหมือนเดิม จ๋อมร้องจบถ้าได้เพลงฟรีจ๋อมก็ได้ร้องต่อ แต่ถ้าไม่ได้เพลงฟรีก็เป็นคิวของเธอที่จะได้ร้อง
คิดถึง 2 บทที่ 51
.
ไดอารี่ความคิดถึง
หลังจากบอสหายป่วยออกจากโรงพยาบาล แม่กับพ่อก็กลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม ความเหงาและความคิดถึงเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ทว่าก็ไม่เป็นอะไร คิดถึงโทรคุยกันทุกวันก็ได้ และรู้สึกเข็ดอยู่บ้างหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาบอสก็ไม่ค่อยเปิดทีวีและนั่งให้ยุงกัดอีก
วันนี้วันศุกร์บอสไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนจึงเดินไปหาพี่สาวที่บ้านดีกว่า และน่าอัศจรรย์ใจมากน้องบีมไม่ขอตามไปด้วย มัวแต่ดูทีวี โรงเรียนยังไม่เปิดเทอมทั้งสองคน โรงเรียนของเธอจะเปิดในวันที่ 16 พฤษภาคม ยายขู่ว่าเดี๋ยวก็เป็นไข้เลือดออกเหมือนเธอ น้องบีมก็ไม่สะทกสะท้าน อีกอย่างมีพี่ปาวกับพี่บอลดูเป็นเพื่อนด้วยนั่นเอง น้องบีมจึงไม่สนใจคำบ่นของยาย และไม่สนใจเธอด้วย
บอสบอกยายว่าจะไปบ้านลุงวิทย์แล้วก็เดินมาคนเดียว พี่สาวสองคนกำลังนั่งเล่นที่หน้าบ้านอยู่กันคนละมุม เป็นภาพที่คุ้นตา พูดถึงพิมพ์กับแพรวก็ไม่เคยไปเล่นที่ไหน เล่นกันอยู่สองคน นอกจากนั้นก็ไปบ้านจ๋อมและเข้าไปในเมืองหาเพื่อน ๆ ในเมืองบ้างเท่านั้น และมาที่บ้านของเธอบ้าง เธอกับจ๋อมก็คล้าย ๆ กัน ไม่เหมือนตอนประถมที่พากันปั่นจักรยานไปเที่ยวเล่นที่บ้านของเพื่อนใครต่อใครก็ไม่รู้ สนุกกว่าชีวิตมัธยมเป็นร้อยเท่า
พิมพ์นอนอยู่บนเปล ส่วนแพรวนั่งที่ม้าหินอ่อนต่างคนต่างคุยโทรศัพท์กับแฟนใครแฟนมัน แพรวน่ะมั่นใจว่าคุยกับพี่เม้าส์ ส่วนพิมพ์ไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าคุยกับคนไหน จะแซวแทรกโทรศัพท์ไปก็กลัวแซวผิดชื่อผิดคน กลัวพิมพ์มีปัญหาจึงไม่อยากแซวเท่าไหร่ นอกจากนั้นมีวิทยุเล็ก ๆ เปิดขับกล่อมให้ความผ่อนคลายไปด้วย จะได้ไม่เงียบเหงา
ลุงวิทย์กับป้าแพงก็ไม่อยู่ หลังจากลงตลาดนัดตอนเช้าลุงกับป้าก็ไปทำสวน พอถึงบ่ายสามก็เตรียมตัวไปลงตลาดนัดตอนเย็นอีก ส่วนพี่เจพี่ชายของฝาแฝดก็ไม่อยู่ คนนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับญาติพี่น้อง ไม่ใช่ไม่สนิทกัน ด้วยวัยที่ห่างกันมากนั่นแหละ จึงทำให้พี่น้องไม่ยุ่งกันเท่าไหร่ ห่างกันตั้งหกปีเลยกับพวกเธอ ส่วนพี่บอมพี่บอลพี่ปาวพี่แป้งพี่กอล์ฟพี่โจยังพอไล่เลี่ยกัน จะว่าไปพี่บอมก็ห่างกับเธอสี่ปีก็ถือว่าไม่มาก พี่บอมกับพี่โจยังมาเล่นกับพวกเธอ กลุ่มเดียวกัน ส่วนพี่เจรู้สึกห่างกันอย่างไรไม่รู้
“จ๋อมไม่มาเล่นด้วยเหรอวันนี้” บอสส่งสายตาพร้อมยิงคำถามไปยังพิมพ์ เพราะอยู่ในวิถีสายตาของเธอขณะเดินมาถึงพอดี ก่อนที่ตนเองจะนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนข้าง ๆ แพรว “เบื่อเนอะ” คุยด้วยก็ไม่มีใครตอบเลย มัวแต่คุยโทรศัพท์กัน ทำให้เธอคนโสดหน้ามุ่ยลงทันที ยิ่งเพิ่มความเบื่อยหน่ายเข้าไปอีกสองเท่าตัว
แพรวเลิกคิ้วเหมือนได้ยินที่เธอถามไปเมื่อสักครู่นี้ ยังถือว่าดีที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเธอ ช้าหน่อยไม่เป็นไร “กุถามว่าอี่จ๋อมไม่มาเหรอ” เธอย้ำคำถามไปเมื่อเห็นแพรวสนใจตนเองแล้ว
“กูได้ยินแล้ว มืงจะตะโกนทำไมเนี่ย” แพรวพูดกับเธอขณะยังถือสายพี่เม้าส์อยู่ ส่วนพิมพ์หัวเราะ แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์ต่อไป คนมีความรักมันเป็นเช่นนี้กันเหรอ นี่เธอมาเป็นส่วนเกินของทั้งคู่หรือไร บอสถอนหายใจ แต่ก็ไม่กวนพี่ ๆ ปล่อยให้คุยโทรศัพท์ต่อ ส่วนตนเองเล่นเกมในมือถือไปก็ได้
จะอยู่คนละมุมไม่คุยกันก็ยังได้ แค่ได้มารวมตัวกัน มันก็มีความสุข ไม่เบื่อ อยู่ได้เป็นวัน ๆ ฆ่าเวลาไปถึงเปิดเทอม หายเหงาไปได้ดีกว่าอยู่บ้านเล่นคนเดียว
“มืงสองตัว เข้าไปในเมืองกันมั้ย” พิมพ์ถาม ลุกขึ้นนั่งหลังวางสายแฟนไปแล้ว พวกเธอสองคนเงยหน้ามองพิมพ์พร้อมกัน นึกสงสัยว่าทำไมอยู่ ๆ จะชวนเข้าไปในเมือง
“ไปทำไมมืง” แพรวตอบน้องสาวฝาแฝดของตน
“นั่นสิอี่พิมพ์มืงจะไปทำอะไรอ่ะ” บอสยิงคำถามให้พิมพ์ด้วยอีกคน เก้าโมงเช้าของวันศุกร์พวกเธอสาวคนพี่น้องนั่งเล่นด้วยกัน เป็นภาพที่บ้านใกล้เรือนเคียงของป้าแพงกับลุงวิทย์คุ้นตามาก ๆ บางวันก็บ้านของเธอ บางวันก็บ้านของจ๋อม ทว่าน้อยมากที่จะไปบ้านจ๋อมเพราะพวกเธอเสียงเยอะกว่า มีตั้งสามคน ดังนั้นจ๋อมจะเป็นฝ่ายมาเล่นด้วยเสมอ ๆ ตั้งแต่ประถม
“ไปพลาซ่ามั้ย พากุไปหน่อย” เพราะเป็นเพื่อนกันมีเหรอจะปฏิเสธ เพราะอะไรหลายอย่าง เพราะเป็นญาติกัน เป็นเพื่อนกัน โตมาด้วยกันมีเหรอบอสจะปฏิเสธ ไปไหนไปกันอยู่แล้ว เงินแม่ให้ส่วนตัวก็มี ไม่ต้องขอยายให้โดนบ่น
“อี่พิมพ์สิไปหาพุบ่าวเด้หะแพรว” บอสแซวพิมพ์ ทำไมจะรู้ไม่ทัน คุยกันอยู่ดี ๆ วางสายปุ๊บชวนเข้าไปในเมืองเฉยเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพิมพ์จะไปทำอะไร “นัดพุบ่าวไว้เด้หั่นน้อ จะของถ่าเขายุตู้เพลงฝั่งห้องน้ำเด้อคือสิว่าน้อ ฮา “ บอสได้โอกาสแซวพิมพ์ซะเลย
ทั้งแพรวและคนโดนแซวหัวเราะลั่นด้วยความตลกที่โดนเธอรู้ทัน “รู้ดีน้อมืง” พิมพ์ด่าเธอเข้าให้
“สั้นมันสิได้เป็นมูมืงติ” แพรวตอบแทน พวกเธอสามคนหัวเราะให้กัน ขณะนี้แพรวก็วางสายจากพี่เม้าส์ไปแล้วด้วย พวกเธอตกลงกันว่าจะเข้าไปในเมืองโดยขับมอเตอร์ไซค์ไป ก่อนอื่นต้องโทรชวนจ๋อมก่อน ไปกันครบแก๊งค์จะได้สนุก
“อี่จ๋อมว่าไงพิมพ์” แพรวถามหลังให้พิมพ์โทรถามจ๋อม
“มันว่าไป ปะออกไปหามัน” เมื่อพร้อมกันแล้ว พวกเธอก็ซ้อนสามขับออกไปหาจ๋อมที่บ้าน ไม่ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ไปทั้งชุดอยู่บ้านนี่แหละ กางเกงวอร์มเสื้อยืดคู่ใจ ยกเว้นพิมพ์ที่ขอเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เดฟ มาถึงพบว่าจ๋อมเตรียมตัวรอแล้ว เหมือนเดิมบอสนั่งซ้อนไปกับจ๋อม ส่วนพิมพ์กับแพรวซ้อนไปด้วยกัน
“ไปทางหลังพลาซ่านะ กลัวตำรวจ แต่ว่าไม่ต้องเลี้ยวไปทางวัดประชานิยมมันไกลไป เลี้ยวซอยเลยโรงเรียเซนต์โยเซฟมาหน่อยนะ อี่จ๋อมมืงรู้อยู่ใช่มั้ย” แพรวนัดแนะตกลงเส้นทางกันก่อน จะได้ไม่ต้องหลงกันและเสียเวลาขับคอยกัน เดี๋ยวทะเล่อทะล่าขับไปเจอตำรวจไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป พวกเธอยังไม่มีใบขับขี่สักคน
“รู้ ๆ ขับไปก่อนเลยนะ ใครไปถึงก่อนก็รออยู่หน้าพลาซ่านั่นแหละ ไม่ต้องขับรอ” จ๋อมตอบ
“อือ ปะ ๆ ไปเหอะ อี่พิมพ์ใจจะขาดแล้วเนี่ย ฮา” แพรวแซวน้องสาวตนเอง ทำเอาพวกเธอขำกันจนน้ำหูน้ำตาไหลก่อนออกเดินทาง
ทั้งสี่คนขับเลาะไปตามถนนถีนานนท์ ผ่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี บอสมองดูแล้วก็ตื่นตาตื่นใจดี ชีวิตนักศึกษาคงยุ่งยากน่าดู คงเรียนหนัก ดูจากชีวิตพี่คนข้างบ้านนั่นแหละ เสาร์อาทิตย์มีรายงานต้องทำตลอด ไม่ค่อยได้กลับบ้านเลย
พวกเธอขับเลยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเข้าไปมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมือง แถวนี้ปลอดภัยไม่มีตำรวจมาตั้งด่านตรวจ จึงขับไปอย่างสบายใจ เพราะไม่ใช่จุดตรวจของเจ้าหน้าที่
ขับผ่านโรงเรียนเซนต์โยเซฟไม่ไกลจะมีซอยเลี้ยวลัดไปทางหลังห้าง ผ่านบ้านเพื่อนของแพรวหนึ่งในกลุ่มที่เล่นด้วยกัน พวกเธอก็ไม่ได้สนใจจะแวะทักทาย ไม่มีธุระอะไรต้องพูดคุยด้วย ส่วนแพรวจะแวะก็อีกเรื่องหนึ่ง ทางนี้เป็นเส้นทางที่วัยรุ่นใช้กันประจำเพราะหนีตำรวจสำหรับคนที่ไม่มีใบขับขี่
ซอยหลังพลาซ่าจะเป็นหมู่บ้าน ชื่อหมู่บ้านอะไรเธอก็ไม่รู้จัก เป็นหมู่บ้านจัดสรร เพราะทาสีเดียวกันทรงเดียวกันหมดเลย ผ่านทีไรชอบมองมีแต่บ้านหลังสวย ๆ ทั้งนั้น แต่เธอคงไม่เลือกที่จะอยู่ในเมือง โตขึ้นเธอขอเข้ากรุงเทพดีกว่า เบื่อแล้วกับชีวิตเด็กต่างจังหวัด
จ๋อมกับเธอขับรถนำหน้าแพรวกับพิมพ์มา ขับล่วงหน้าไปก่อนค่อยไปเจอกันที่ห้างพลาซ่า จ๋อมพาเธอนำรถมาจอดหน้าพลาซ่าฝั่งที่เคยจอดประจำ เมื่อจอดรถสนิท พวกเธอลงจากรถตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จ ถอดเสื้อแขนยาวเก็บไว้ใต้เบาะรถ จากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรหาพิมพ์ บอกพิกัดว่าจอดรถอยู่ประตูฝั่งไหน ไม่นานก็เห็นรถของทั้งคู่ขับมาจอดข้าง ๆ กัน
“โอยร้อนมาก ! แดดอะไรเบอร์นี้” เมื่อพิมพ์ลงจากรถได้ก็บ่นให้กับธรรมชาติซะ
“มืงเด้ล่ะอยากมา เอ็มอยู่ไหน” จ๋อมพูด ทว่าไม่ได้พูดต่อว่าพิมพ์ แค่พูดไปตามเนื้อผ้า เป็นคนชวนเพื่อนมายังจะบ่นอีก บอสอ่านแววตาของจ๋อมได้ จ๋อมคงจะคิดแบบนี้
“อยู่ชั้น 2 ปะเข้าไปกันเหอะ” พิมพ์บอก แล้วพวกเธอทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปข้างใน
เพราะวันนี้เป็นศุกร์ผู้คนจึงบางตา มีเพียงพนักงานเป็นส่วนใหญ่ บอสและเพื่อนทั้งสามคนเดินตรงไปบันไดเลื่อนขึ้นไปยังชั้นสองของห้างกันเลย แต่ถึงจะเป็นวันศุกร์เพราะช่วงปิดเทอมจึงมีวัยรุ่นมาเล่นเกม มาร้องเพลงกันอยู่บ้าง แต่ว่าก็น้อยกว่าวันเสาร์และวันอาทิตย์อยู่ดี
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองของห้างกันแล้ว พวกเธอหยุดยืนอยู่ตรงหัวบันไดเลื่อน ห่างออกมานิดหน่อยเพื่อมองหาเอ็ม ส่วนพิมพ์กำลังกดเบอร์โทรหา พิมพ์คุยสักพักก็ได้ความว่าเอ็มรออยู่ตู้เพลงฝั่งทางห้องน้ำ ทำไมเธอช่างแซวแม่นเหลือเกิน บอสนึกในใจจากนั้นพวกเธอจึงพากันเดินไปที่จุดหมายนั่นเลย ก่อนไปแพรวมิวายขอแลกเหรียญมาหยอดตู้เพลงด้วย
มาถึงที่ทั้งทีมันก็ต้องซ้อมคอกันหน่อย จากที่ห่างหายมานาน ไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองเลยเพราะปิดเทอม ช่วงปิดเทอมแพรวไม่มีอะไรต้องทำ ไม่ได้มาโรงเรียนในวันหยุด จึงไม่ค่อยได้พากันมาร้องเพลงนัก
มาถึงตู้เพลงของเอ็ม เอ็มเดินออกจากตู้เพลงมาหาพิมพ์ เอ็มเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันกับพิมพ์ นัดเจอกันเฉย ๆ พิมพ์แค่อยากมาเจอในวันปิดเทอม กว่าจะเปิดเทอมก็อีกหลายวัน เปิดเทอมพร้อม ๆ กันกับโรงเรียนของเธอนี่แหละ
เธอ แพรว และจ๋อมเข้าไปรอในตู้เพลงที่ว่าง ปล่อยให้พิมพ์กับเอ็มนั่งคุยกัน ใช้เวลาด้วยกันตามประสาแฟนที่เก้าอี้หน้าตู้เพลง เป็นเก้าอี้ไว้ให้คนนั่งรอคิวเวลาตู้เต็ม พิมพ์กับเอ็มก็นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นสองคน ส่วนเพื่อนของเอ็มอีกสองคนก็พากันเลิกร้องเพลงแล้วเดินหาเล่นเกมแทน แพรวเที่ยวหันมามองพิมพ์ที่อยู่ด้านนอกบ่อย ๆ น่าจะเป็นห่วงน้องสาว เธอเองก็ห่วงแต่ก็ไม่อะไรมาก เพราะไม่ใช่ที่ลับตาคน
บอสรู้สึกว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้ เอ็มกับพิมพ์ก็แยกย้ายกัน พิมพ์เข้ามาในตู้เพลงกับพวกเธอ บอสค่อนข้างงงมากว่าทำไมถึงแยกกันเร็วจัง ไม่สมกับที่ดั้นด้นเข้ามาพลาซ่ากันเลย แดดก็แดดร้อนก็ร้อน เป็นเธอหน่อยไม่ได้มาเจอแฟนแบบนี้จะนั่งคุยสักชั่วโมงสองชั่วโมงให้ตายกันไปข้างหนึ่งไปเลย
“เอ้า นี่พวกมืงสองคนคุยกันเสร็จแล้วเหรอ” บอสถามออกไปแบบหน้าตาซื่อ ๆ ถามแบบจริงจัง แบบอยากรู้จริง ๆ ว่ามานั่งคุยกันแค่นี้ ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาเจอกันแค่นี้เอง ความรักนี่มันสุดยอดจริง ๆ อะไร ๆ ก็ทำได้หมด
“เอ็มไปไหนพิมพ์” แพรวถามบ้าง ส่วนจ๋อมมัวร้องเพลงอยู่ จะหยุดร้องเพลงเพื่อมาถามพิมพ์อีกคนก็ไม่ได้ เดี๋ยวคะแนนไม่ถึง 90% ไม่ได้เพลงฟรี ตั้งใจร้องมาก โชว์ลูกคอสิบชั้นกันไปเลย ทั้งลูกทุ่งและสตริงปน ๆ กันไป
สำหรับเธอต้องพี่ดาเอ็นโดฟินเท่านั้น น้ำเต็มแก้วนี่ชอบร้องมาก ๆ และก็เพลงเพื่อนสนิท ชอบร้องอยู่แค่นี้ และเพลงที่เสียงดีที่สุดได้เพลงฟรีก็เพลงเมื่อเขามาฉันจะไปนี่แหละ
“กลับไปแล้ว” พิมพ์ตอบสีหน้าระรื่น มันแน่อยู่แล้วนี่ มาเจอคนของหัวใจใครจะไม่หน้าบาน
“มืงมาเจอกันแค่นี้นะ” บอสถามย้ำอีกเพื่อความแน่ใจ พร้อมหัวเราะพี่สาว “ตลกและ สิบนาทีได้มั้ง”
“เออก็มาเจอกันแค่นี้แหละ มืงจะให้กูคุยไรล่ะ” พิมพ์ชักจะรำคาญ
“คนนี้เบอร์สองไงบอส ลองเป็นอีกคนดิ ไม่เข้ามาหาพวกเราหรอก” เป็นทีแพรวแซวน้องสาวของตัวเองบ้าง
“พวกมืงนี่รู้ดีกันจริง ๆ เลยนะ” พิมพ์พูดประชด เธอกับแพรวมองหน้ากันแล้วก็พากันหัวเราะ จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจเพลงกับจ๋อมเหมือนเดิม จ๋อมร้องจบถ้าได้เพลงฟรีจ๋อมก็ได้ร้องต่อ แต่ถ้าไม่ได้เพลงฟรีก็เป็นคิวของเธอที่จะได้ร้อง