อธิบายจากความเข้าใจ และความจำดังนี้
รูป แจกแจงได้ ดังนี้ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ช่องว่าง
จิต เจตสิค แจกแจงได้ดังนี้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ส่วนจะบัญญัตแจกแจงธรรมต่างๆ ก็จะลงในปรมัตธรรม 4 เหล่านี้ ตย.เช่น มโน มโนมายตนะ อายตนะ อินทรีย์ 5 ฯลฯ ก็ลงใน จิต เจตสิค นั้นเอง
ส่วน รูป นั้นในพระพุทธศาสนา นั้นคลุมทุกอย่างแม้ในทางวิทยาศาสตร์ ลงไปถึง อนุภาค พลังงาน ก็จัดเป็นรูป
ส่วนคำว่า สัตว์ เป็นเพียงคำสมมุตติบัญญัติเท่านั้น ที่ รูป ประชุมประกอบกัน แล้วมี จิต เจตสิค ครองอยู่(ปฎิสนธิ) และยังมี อวิชชาบังเกิดสืบนอนเนื่องอยู่
ยังมีบางท่านเข้าใจผิดไปว่า สัตว์ เป็นธรรมจริง ดังปรมัตธรรม ที่สืบเนื่องอยู่ ทั้งที่เป็นสมมุติบัญญัตที่ใช้เรียกสื่อความหมาย ในทางสมมุติบัญญัติเท่านั้น..
ปรมัตธรรมคือ รูป จิต เจตสิค นิพพาน พระอรรถกถาได้แจกแจงไว้แล้ว ส่วน สัตว์ นั้นเป็นสมมุตติบัญญัต
รูป แจกแจงได้ ดังนี้ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ช่องว่าง
จิต เจตสิค แจกแจงได้ดังนี้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ส่วนจะบัญญัตแจกแจงธรรมต่างๆ ก็จะลงในปรมัตธรรม 4 เหล่านี้ ตย.เช่น มโน มโนมายตนะ อายตนะ อินทรีย์ 5 ฯลฯ ก็ลงใน จิต เจตสิค นั้นเอง
ส่วน รูป นั้นในพระพุทธศาสนา นั้นคลุมทุกอย่างแม้ในทางวิทยาศาสตร์ ลงไปถึง อนุภาค พลังงาน ก็จัดเป็นรูป
ส่วนคำว่า สัตว์ เป็นเพียงคำสมมุตติบัญญัติเท่านั้น ที่ รูป ประชุมประกอบกัน แล้วมี จิต เจตสิค ครองอยู่(ปฎิสนธิ) และยังมี อวิชชาบังเกิดสืบนอนเนื่องอยู่
ยังมีบางท่านเข้าใจผิดไปว่า สัตว์ เป็นธรรมจริง ดังปรมัตธรรม ที่สืบเนื่องอยู่ ทั้งที่เป็นสมมุติบัญญัตที่ใช้เรียกสื่อความหมาย ในทางสมมุติบัญญัติเท่านั้น..