.
ระหว่างกลับจากทำธุระที่ชานเมือง อรรถพลคิดจะแวะหาอรพินกับลูกสักหน่อย แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นอนค้างด้วยอีกคืน มีของฝากมากมายให้เธอกับลูกด้วย หางตาเหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็ก ๆ สีชมพูวางอยู่พื้นรถ จำได้ว่าเป็นการ์ดงานแต่งงานของมนัสที่ให้เธอมา ชมพูน่าจะทำหล่นไว้ ดีล่ะเขาจะได้มีข้ออ้างว่าเอาการ์ดมาคืนเธอด้วย
ถึงอรพินจะใจอ่อนให้เขามากแล้ว แตกต่างกันมากกับเมื่อก่อน ก็ยังมีช่องว่างระหว่างเขากับเธออยู่ มันยังไม่เป็นที่พอใจ ต้องอยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนสามีภรรยาคนอื่น ๆ ต้องแต่งงานกันถึงจะสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่ไป ๆ มา ๆ แบบนี้
และที่สำคัญเขายังไม่ได้บอกรักอรพินอีกครั้งเลย การไปต่างจังหวัดครั้งนี้นี่แหละ เหมาะที่สุดที่จะขอโทษ และบอกรัก และขอแต่งงาน ลูกสาวยังเป็นตัวช่วยให้เขาได้เสมอ
อีกใจหนึ่งเขาก็เตรียมใจรับความผิดหวัง หากอรพินไม่ยอมให้อภัย และไม่ยอมรับรักกับเขา ก็จะยอมรับมัน และทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจเธอให้ได้ นอกเสียจากเธอจะตัดเยื่อใยมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาใจหายได้เหมือนกัน ก่อนจะถอนหายใจพ่นออกมายาว ๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คนจะผิดหวังซ้ำซากก็ต้องยอมรับ
อย่างเรื่องเมื่อวานที่อรพินพาลูกไปเจอกับมนัส ถ้าน้องสาวของตนไม่โทรมาเล่าให้ฟังก่อน ไม่อย่างนั้นอรพินคงโกรธไปจนวันตายแน่นอน ถ้าหุนหันทำอะไรลงไป นึกขอบคุณน้องสาวที่โทรมาบอกได้เวลาพอดี จังหวะที่ตามทั้งสามคนเข้าไปในห้าง
ช่วงเย็นเป็นเวลาที่ผู้คนเลิกงาน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชานเมืองรถก็ติดเหมือนกัน ทว่าก็ยังสามารถขับรถทำความเร็วได้นิดหน่อย ณ ตอนนี้นึกถึงใบหน้าและเสียงหัวเราะของลูกสาว เธอต้องดีใจมากแน่ ๆ ถ้าเห็นของฝากที่พ่อซื้อมา
จังหวะรถติดเขาก้มหยิบการ์ดมาดู พลิกไปพลิกมา พลางนึกในใจมนัสก็ออกแบบการ์ดได้สวยเหมือนกันนะ ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า และนึกถึงใบหน้าภรรยาสุดที่รักของตน
สำหรับเขาอรพินคือภรรยา พูดได้เต็มปากเต็มคำ ไม่อยากแต่งงานแบบคนอื่นบ้างหรือไง ใจแข็งชะมัด บ่นพึมพำคนเดียวระหว่างขับรถ แต่อีกไม่นานหรอก เขาจะพิชิตใจเธอให้ได้ นึกได้อย่างนั้นก็คลี่ยิ้มออกมานิดหน่อย ก่อนจะเก็บการ์ดไว้ในเก๊ะหน้ารถ
รถวิ่งไปตามเส้นทาง ตอนนี้รถวิ่งทำความเร็วได้ ตัวกำลังขับรถอยู่แต่ใจลอยไปถึงคอนโดของอรพินแล้ว นึกถึงใบหน้ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสของลูกสาว ผู้เป็นแก้วตาดวงใจ ผู้ที่เป็นโซ่ทองคล้องใจของเขา ผู้ที่จะทำให้แม่ใจอ่อนกลับมารักพ่ออย่างเขาได้
รออีกไม่นานเขาจะต้องทำให้อรพินใจอ่อน ยอมให้อภัยและรับรักเขาให้ได้ พลางยิ้มออกมาอย่างคนมีความสุข วันนั้นจะมาถึงในสัปดาห์หน้านี่แหละ
“เฮ้ย! “ มีรถกระบะเสียหลักพุ่งข้ามเลนมายังถนนอีกฝั่งที่เขากำลังแล่นอยู่ ทำให้ต้องเบรกและหักพวงมาลัยหลบอย่างกะทันหัน รถพลิกคว่ำตีลังกาหมุนไปหลายตลบก่อนที่จะหยุดนิ่ง ตัวเขาหลุดออกจากเข็มขัดนิรภัย นอนอยู่ที่พื้นถนนข้าง ๆ กับตัวรถ
“ชมพู” เขาเรียกชื่อลูกสาวแผ่วเบา ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป การจราจรติดขัด และเริ่มมีคนทยอยมุงดูมากมาย
“คุณแม่ทำไมป่ะป๊ายังไม่มาอีกอ่ะ เมื่อไหร่ป่ะป๊าจะถึง อยากดูเอลช่ากับแอนนา” เด็กหญิงงอแงหาคนเป็นพ่อทั้งวัน ทั้งที่โทรศัพท์มือถือของแม่ก็มี เด็กหญิงก็ไม่ยอมเล่น จะดูที่โทรศัพท์ของพ่อท่าเดียว
“เดี๋ยวป่ะป๊าก็มาค่ะ เอาโทรศัพท์คุณแม่ไปดูก่อน” อรพินยื่นโทรศัพท์ให้ลูกสาวพร้อมถอนหายใจ วันนี้ลูกสาวเป็นอะไรไม่รู้ งอแงหาพ่อทั้งวัน พูดก็ไม่ยอมฟัง ทำไมเธอถึงรู้สึกห่วงอรรถพลแปลก ๆ โทรไปก็ไม่ติด
“ไม่เอาอ่ะ ของคุณแม่ไม่มีเอลช่า” เด็กหญิงไม่ยอม จะเอากับพ่อท่าเดียว “ของป่ะป๊ามีเอลช่ามันจะขึ้นมาตรงนี้อ่า” เด็กหญิงชี้นิ้วไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ร้องไห้งอแงตามประสาเด็ก “เมื่อไหร่จะถึง คุณแม่โทรหาป่ะป๊าให้หน่อย”
“เดี๋ยวก็ถึงแล้วชมพู โอเคค่ะเดี๋ยวคุณแม่โทรถามป่ะป๊าให้ แต่ชมพูต้องหยุดงอแงก่อน ไม่งั้นคุณแม่ไม่โทรให้นะคะ” อรพินกดโทรศัพท์โทรออกหาพ่อของลูก ทว่าโทรเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมรับสายสักที ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจมากขึ้น ปกติอรรถพลไม่เคยเป็นแบบนี้
สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่รอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ “พี่อรรถทำไมไม่รับสายรพินเลย ทำอะไรอยู่นะ ขับรถก็น่าจะรับสายได้ นี่ก็เย็นมากแล้วน่าจะกลับแล้วด้วย “
บ่นอุบอิบเดินวนไปวนมาภายในห้องอยู่คนเดียว พยายามนึกหาเหตุผลว่าเขาอาจจะยังไม่ว่างก็ได้ แต่ทำไมสมองมันไม่คิดเช่นนั้น มันกลับคิดอะไรที่เป็นอกุศลมากกว่า ก่อนหน้านั้นหลายชั่วโมง อรรถพลส่งข้อความมาบอกว่ากลับแล้ว มีของฝากเธอกับลูกด้วย ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึงอีก
“คะพี่อรรถ ถึงไหนแล้วลูกรอ...” และแล้วในที่สุด อรรถพลก็โทรกลับมา เธอรีบกดรับสายอย่างเร็ว ทว่าน้ำเสียงและคำพูดกลับไม่ใช่อรรถพล แต่เป็นแม่ของเขาพูดแทน
เมื่อได้ฟังที่แม่ของอรรถพลพูดจบ เรี่ยวแรงของเธอหายไปหมด โทรศัพท์ร่วงหล่นลงพื้น น้ำตาคลอล้นออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่นางชบาพูดเป็นความจริง หันไปมองลูกสาวที่รอคอยพ่อกลับมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งทำให้ร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
“รพิน ฟังแม่อยู่มั้ย” เสียงจากปลายสายเล็ดลอดออกมาผ่านหน้าจอโทรศัพท์
“ชมพู เราไปหาป่ะป๊ากันลูก” เข้าไปสวมกอดลูกสาวร้องไห้ ภาวนาให้อรรถพลไม่เป็นอะไร ขอให้เขาปลอดภัยที่สุด
“ป่ะป๊าถึงไหนแล้วอ่ะ”
“ป๊าอยู่โรงพยาบาลลูก เราจะไปหาป่ะป๊ากัน”
ณ โรงพยาบาล
หน้าห้องฉุกเฉินมีแม่และน้องสาวของอรรถพลรออยู่ก่อนแล้ว วินิจและภรรยาตามเธอมาติด ๆ เช่นกัน “คุณแม่ ยัยอร พี่อรรถเป็นยังไงบ้างคะ” อรพินกับลูกสาวเดินเข้าไปหานางชบา และมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อยากเจออรรถพลเร็ว ๆ ภาวนาขอให้เขาไม่เป็นอะไรมากที่สุด
“หมอยังไม่ออกมาเลยลูก” นางชบาผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงเบา ขอบตาแดงจากการร้องไห้ และยังมีน้ำตาคลออยู่ ตอบคำถามเธอพร้อมปรายตามองผู้มาใหม่ทั้งสี่คน
“พี่อรรถเค้าไม่เป็นอะไรมากหรอกคุณแม่ อย่าคิดมากนะคะ” ภรรยาของวินิจเข้ามาปลอบใจอีกคน จับมืออีกข้างของนางชบามากุมไว้ให้กำลังใจ
“พี่อรรถต้องไม่เป็นอะไรนะคะ พี่อรรถต้องพารพินกับลูกไปน่านอย่าลืมสิ สัญญาต้องเป็นสัญญาไม่งั้นรพินโกรธจริง ๆ ด้วย” อรพินมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พูดกับตัวเองในใจ ไม่รู้ว่าอรรถพลอยู่ในนั้นนานแค่ไหน เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เธออยากเข้าไปเจอเขาเหลือเกิน
“อาอรป่ะป๊าอยู่ไหนอ่ะ” เด็กหญิงถามหาคนเป็นพ่อ เพราะอยากเล่นโทรศัพท์ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
“ป่ะป๊าหาหมออยู่ รอก่อน” อรอุมาน้ำตาคลอ รีบเช็ดออกก่อนที่มันจะไหล พร้อมตอบคำถามหลานสาวเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจ
“ชมพูอยากดูเอลช่ากับแอนนาในโทรศัพท์ป่ะป๊าอ่ะ” เด็กหญิงงอแงอยากดูการ์ตูนเรื่องโปรดที่เคยดู อรรถพลเคยบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์ของตนเองไว้เปิดให้ลูกสาวดู
“ชมพูมาหาย่ามา โทรศัพท์ป่ะป๊าอยู่กับย่า” นางชบาเช็ดน้ำตาที่คลอออก ยิ้มให้หลานสาวและอุ้มมานั่งที่ตักตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือของอรรถพลขึ้นมา มันยังใช้งานได้ มีรอยแตกและถลอกนิดหน่อย มีรอยเลือดเป็นจุดเล็ก ๆ ติดอยู่ เด็กหญิงได้ดูการ์ตูนสมใจก็หยุดงอแงในทันที
ทันใดนั้นคุณหมอก็เปิดประตูออกมา มีสีหน้าเรียบเฉย ปรายตามองแขกที่มาเพิ่มนิดหน่อย ทุกคนลุกขึ้นยืนกู่เข้าไปหาคุณหมอพร้อมกัน คุณหมอสังเกตเห็นว่าแววตาทุกคนฉายความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด คงกลัวได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน จึงยิ้มให้ทุกคนเผื่อจะทำให้คลายความกังวลใจลงได้
“คุณหมอพี่อรรถเป็นยังไงบ้างคะ” อรพินถามเป็นคนแรก ดูเธอเป็นกังวลที่สุดในนี้
“ใจเย็น ๆ นะครับ คนไข้ปลอดภัยแล้ว แต่ว่าหมอให้อยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูอาการก่อน คืนนี้ถ้าไม่มีอะไร พรุ่งนี้ก็ไปนอนรักษาตัวที่ห้องพักฟื้นได้ครับ” ทุกคนโล่งอกไปเปราะหนึ่งเมื่อได้ฟังสิ่งที่หมอพูด “คนไข้ขาหัก ซี่โครงหัก แขนขวาหักและศีรษะแตกครับ อาจจะต้องรักษาตัวนานเป็นเดือน ๆ อยู่นะครับ”
“ค่ะ” อรพินพยักหน้าเป็นคำตอบทั้งน้ำตา รวมทั้งผู้เป็นแม่และน้องสาวของอรรถพลด้วย “คุณหมอคะแล้วดิฉันเข้าไปเยี่ยมได้มั้ย”
“ได้ครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” หมอวัยกลางคนโค้งศีรษะลงนิดหน่อยเมื่อพูดจบ ก่อนจะเดินจากไป จากนั้นทุกคนก็เข้าไปเยี่ยมอรรถพล
อรรถพลหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ มีสายอะไรต่อมิอะไรมากมายเพื่อช่วยชีวิตของเขา ผู้เป็นแม่เดินเข้าไปลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู ร้องไห้ด้วยความสงสาร “ทำกรรมอะไรไว้ตาอรรถ เราถึงได้มานอนแบบนี้” พร้อมยกมือลูกชายขึ้นมาหอมกุมมือไว้แน่น
“รีบตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นะพี่อรรถ ไหนบอกอยากเจอแฟนอรไง ตื่นวันนี้พรุ่งนี้เลย น้องจะพาแฟนมาเปิดตัวด้วย” คนเป็นน้องสาวยืนมองพี่ชายหลับสนิท พูดขึ้นมาเหมือนคนน้อยใจ เพื่อให้พี่ชายรีบตื่นขึ้นมาให้เร็ว ๆ
“คุณด้าป่ะป๊าเป็นอะไรเหรอ” เด็กหญิงมองเห็นคนเป็นพ่อนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างใคร่รู้
“ป่ะป๊าไม่สบายค่ะ หนูห้ามงอแงกับคุณแม่นะ” คนเป็นย่าหันมาตอบหลาน ลูบผมมองด้วยสายตาเอ็นดูหลานมาก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวของผู้ใหญ่อะไรเลย “ชมพูหนูบอกป่ะป๊าหายเร็ว ๆ หน่อยค่ะ” พูดจบนางชบาก็อุ้มหลานสาวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงลูกชาย โน้มตัวหลานเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของอรรถพล “บอกป่ะป๊ารีบหายเร็ว ๆ นะคะ”
“ป่ะป๊ารีบหายเร็ว ๆ นะคะ ชมพูอยากดูเอลช่ากับแอนนา คุณแม่ทำไม่เป็น โทรศัพท์คุณแม่ไม่มีอ่ะ ชมพูดูไม่สนุกไม่เหมือนของป่ะป๊า” เด็กหญิงพูดไปตามความรู้สึกของตน คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น ทุกคนได้ฟังก็แทบจะหัวเราะออกมา อรพินเองยิ้มหัวเราะลูกสาวทั้งน้ำตา
“คุณแม่คะ ทุกคนรพินขออยู่กับพี่อรรถสองคนแป๊บนึงได้มั้ยคะ” อรพินยืนข้าง ๆ เตียงอีกฝั่งของเขา กุมมืออรรถพลไว้แน่น หันมามองทุกคนเพื่อเป็นการขอร้อง
“ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่กับทุกคนออกไปรอข้างนอก”
“พี่อรรถเค้าปลอดภัยแล้ว น้องรพินไม่ต้องคิดมากนะครับ” วินิจอีกคนพูดปลอบใจเธอรวมทั้งภรรยาของเขาด้วย
“ค่ะพี่วินิจ” พร้อมยิ้มให้ทุกคน
เมื่อทุกคนออกไปรอข้างนอกกันหมด เหลือเพียงเธอกับอรรถพลที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงสองคน เธอนั่งมองใบหน้าที่บอบช้ำจากการกระแทกของเขา มีผ้าพันที่ศีรษะ ที่ขาและก็แขนข้างขวา น้ำตาก็พลันไหลออกมาอีกจนได้ ด้วยความสงสาร อรรถพลจะเจ็บมากแค่ไหน
เธอจับมือเขาขึ้นมาแนบชิดที่ใบหน้า ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา “พี่อรรถเจ็บมากมั้ย ตื่นขึ้นมาคุยกับรพินสิ ไหนพี่อรรถบอกอาทิตย์หน้าจะพารพินกับลูกไปเยี่ยมคุณย่าที่น่านไง ลืมไปแล้วเหรอ”
เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออก กลัวว่าจะเปื้อนมือของเขา ทว่ามันก็ยังไหลไม่ยอมหยุด “พี่อรรถพรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นมาหารพินกับลูกนะ ห้ามทิ้งรพินกับลูกไว้ลำพังเด็ดขาด ไม่งั้นรพินโกรธจริง ๆ ด้วย”
โซ่รัก บทที่ 17
.
ระหว่างกลับจากทำธุระที่ชานเมือง อรรถพลคิดจะแวะหาอรพินกับลูกสักหน่อย แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นอนค้างด้วยอีกคืน มีของฝากมากมายให้เธอกับลูกด้วย หางตาเหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็ก ๆ สีชมพูวางอยู่พื้นรถ จำได้ว่าเป็นการ์ดงานแต่งงานของมนัสที่ให้เธอมา ชมพูน่าจะทำหล่นไว้ ดีล่ะเขาจะได้มีข้ออ้างว่าเอาการ์ดมาคืนเธอด้วย
ถึงอรพินจะใจอ่อนให้เขามากแล้ว แตกต่างกันมากกับเมื่อก่อน ก็ยังมีช่องว่างระหว่างเขากับเธออยู่ มันยังไม่เป็นที่พอใจ ต้องอยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนสามีภรรยาคนอื่น ๆ ต้องแต่งงานกันถึงจะสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่ไป ๆ มา ๆ แบบนี้
และที่สำคัญเขายังไม่ได้บอกรักอรพินอีกครั้งเลย การไปต่างจังหวัดครั้งนี้นี่แหละ เหมาะที่สุดที่จะขอโทษ และบอกรัก และขอแต่งงาน ลูกสาวยังเป็นตัวช่วยให้เขาได้เสมอ
อีกใจหนึ่งเขาก็เตรียมใจรับความผิดหวัง หากอรพินไม่ยอมให้อภัย และไม่ยอมรับรักกับเขา ก็จะยอมรับมัน และทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจเธอให้ได้ นอกเสียจากเธอจะตัดเยื่อใยมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาใจหายได้เหมือนกัน ก่อนจะถอนหายใจพ่นออกมายาว ๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คนจะผิดหวังซ้ำซากก็ต้องยอมรับ
อย่างเรื่องเมื่อวานที่อรพินพาลูกไปเจอกับมนัส ถ้าน้องสาวของตนไม่โทรมาเล่าให้ฟังก่อน ไม่อย่างนั้นอรพินคงโกรธไปจนวันตายแน่นอน ถ้าหุนหันทำอะไรลงไป นึกขอบคุณน้องสาวที่โทรมาบอกได้เวลาพอดี จังหวะที่ตามทั้งสามคนเข้าไปในห้าง
ช่วงเย็นเป็นเวลาที่ผู้คนเลิกงาน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชานเมืองรถก็ติดเหมือนกัน ทว่าก็ยังสามารถขับรถทำความเร็วได้นิดหน่อย ณ ตอนนี้นึกถึงใบหน้าและเสียงหัวเราะของลูกสาว เธอต้องดีใจมากแน่ ๆ ถ้าเห็นของฝากที่พ่อซื้อมา
จังหวะรถติดเขาก้มหยิบการ์ดมาดู พลิกไปพลิกมา พลางนึกในใจมนัสก็ออกแบบการ์ดได้สวยเหมือนกันนะ ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า และนึกถึงใบหน้าภรรยาสุดที่รักของตน
สำหรับเขาอรพินคือภรรยา พูดได้เต็มปากเต็มคำ ไม่อยากแต่งงานแบบคนอื่นบ้างหรือไง ใจแข็งชะมัด บ่นพึมพำคนเดียวระหว่างขับรถ แต่อีกไม่นานหรอก เขาจะพิชิตใจเธอให้ได้ นึกได้อย่างนั้นก็คลี่ยิ้มออกมานิดหน่อย ก่อนจะเก็บการ์ดไว้ในเก๊ะหน้ารถ
รถวิ่งไปตามเส้นทาง ตอนนี้รถวิ่งทำความเร็วได้ ตัวกำลังขับรถอยู่แต่ใจลอยไปถึงคอนโดของอรพินแล้ว นึกถึงใบหน้ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสของลูกสาว ผู้เป็นแก้วตาดวงใจ ผู้ที่เป็นโซ่ทองคล้องใจของเขา ผู้ที่จะทำให้แม่ใจอ่อนกลับมารักพ่ออย่างเขาได้
รออีกไม่นานเขาจะต้องทำให้อรพินใจอ่อน ยอมให้อภัยและรับรักเขาให้ได้ พลางยิ้มออกมาอย่างคนมีความสุข วันนั้นจะมาถึงในสัปดาห์หน้านี่แหละ
“เฮ้ย! “ มีรถกระบะเสียหลักพุ่งข้ามเลนมายังถนนอีกฝั่งที่เขากำลังแล่นอยู่ ทำให้ต้องเบรกและหักพวงมาลัยหลบอย่างกะทันหัน รถพลิกคว่ำตีลังกาหมุนไปหลายตลบก่อนที่จะหยุดนิ่ง ตัวเขาหลุดออกจากเข็มขัดนิรภัย นอนอยู่ที่พื้นถนนข้าง ๆ กับตัวรถ
“ชมพู” เขาเรียกชื่อลูกสาวแผ่วเบา ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป การจราจรติดขัด และเริ่มมีคนทยอยมุงดูมากมาย
“คุณแม่ทำไมป่ะป๊ายังไม่มาอีกอ่ะ เมื่อไหร่ป่ะป๊าจะถึง อยากดูเอลช่ากับแอนนา” เด็กหญิงงอแงหาคนเป็นพ่อทั้งวัน ทั้งที่โทรศัพท์มือถือของแม่ก็มี เด็กหญิงก็ไม่ยอมเล่น จะดูที่โทรศัพท์ของพ่อท่าเดียว
“เดี๋ยวป่ะป๊าก็มาค่ะ เอาโทรศัพท์คุณแม่ไปดูก่อน” อรพินยื่นโทรศัพท์ให้ลูกสาวพร้อมถอนหายใจ วันนี้ลูกสาวเป็นอะไรไม่รู้ งอแงหาพ่อทั้งวัน พูดก็ไม่ยอมฟัง ทำไมเธอถึงรู้สึกห่วงอรรถพลแปลก ๆ โทรไปก็ไม่ติด
“ไม่เอาอ่ะ ของคุณแม่ไม่มีเอลช่า” เด็กหญิงไม่ยอม จะเอากับพ่อท่าเดียว “ของป่ะป๊ามีเอลช่ามันจะขึ้นมาตรงนี้อ่า” เด็กหญิงชี้นิ้วไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ร้องไห้งอแงตามประสาเด็ก “เมื่อไหร่จะถึง คุณแม่โทรหาป่ะป๊าให้หน่อย”
“เดี๋ยวก็ถึงแล้วชมพู โอเคค่ะเดี๋ยวคุณแม่โทรถามป่ะป๊าให้ แต่ชมพูต้องหยุดงอแงก่อน ไม่งั้นคุณแม่ไม่โทรให้นะคะ” อรพินกดโทรศัพท์โทรออกหาพ่อของลูก ทว่าโทรเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมรับสายสักที ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจมากขึ้น ปกติอรรถพลไม่เคยเป็นแบบนี้
สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่รอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ “พี่อรรถทำไมไม่รับสายรพินเลย ทำอะไรอยู่นะ ขับรถก็น่าจะรับสายได้ นี่ก็เย็นมากแล้วน่าจะกลับแล้วด้วย “
บ่นอุบอิบเดินวนไปวนมาภายในห้องอยู่คนเดียว พยายามนึกหาเหตุผลว่าเขาอาจจะยังไม่ว่างก็ได้ แต่ทำไมสมองมันไม่คิดเช่นนั้น มันกลับคิดอะไรที่เป็นอกุศลมากกว่า ก่อนหน้านั้นหลายชั่วโมง อรรถพลส่งข้อความมาบอกว่ากลับแล้ว มีของฝากเธอกับลูกด้วย ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึงอีก
“คะพี่อรรถ ถึงไหนแล้วลูกรอ...” และแล้วในที่สุด อรรถพลก็โทรกลับมา เธอรีบกดรับสายอย่างเร็ว ทว่าน้ำเสียงและคำพูดกลับไม่ใช่อรรถพล แต่เป็นแม่ของเขาพูดแทน
เมื่อได้ฟังที่แม่ของอรรถพลพูดจบ เรี่ยวแรงของเธอหายไปหมด โทรศัพท์ร่วงหล่นลงพื้น น้ำตาคลอล้นออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่นางชบาพูดเป็นความจริง หันไปมองลูกสาวที่รอคอยพ่อกลับมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งทำให้ร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
“รพิน ฟังแม่อยู่มั้ย” เสียงจากปลายสายเล็ดลอดออกมาผ่านหน้าจอโทรศัพท์
“ชมพู เราไปหาป่ะป๊ากันลูก” เข้าไปสวมกอดลูกสาวร้องไห้ ภาวนาให้อรรถพลไม่เป็นอะไร ขอให้เขาปลอดภัยที่สุด
“ป่ะป๊าถึงไหนแล้วอ่ะ”
“ป๊าอยู่โรงพยาบาลลูก เราจะไปหาป่ะป๊ากัน”
ณ โรงพยาบาล
หน้าห้องฉุกเฉินมีแม่และน้องสาวของอรรถพลรออยู่ก่อนแล้ว วินิจและภรรยาตามเธอมาติด ๆ เช่นกัน “คุณแม่ ยัยอร พี่อรรถเป็นยังไงบ้างคะ” อรพินกับลูกสาวเดินเข้าไปหานางชบา และมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อยากเจออรรถพลเร็ว ๆ ภาวนาขอให้เขาไม่เป็นอะไรมากที่สุด
“หมอยังไม่ออกมาเลยลูก” นางชบาผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงเบา ขอบตาแดงจากการร้องไห้ และยังมีน้ำตาคลออยู่ ตอบคำถามเธอพร้อมปรายตามองผู้มาใหม่ทั้งสี่คน
“พี่อรรถเค้าไม่เป็นอะไรมากหรอกคุณแม่ อย่าคิดมากนะคะ” ภรรยาของวินิจเข้ามาปลอบใจอีกคน จับมืออีกข้างของนางชบามากุมไว้ให้กำลังใจ
“พี่อรรถต้องไม่เป็นอะไรนะคะ พี่อรรถต้องพารพินกับลูกไปน่านอย่าลืมสิ สัญญาต้องเป็นสัญญาไม่งั้นรพินโกรธจริง ๆ ด้วย” อรพินมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พูดกับตัวเองในใจ ไม่รู้ว่าอรรถพลอยู่ในนั้นนานแค่ไหน เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เธออยากเข้าไปเจอเขาเหลือเกิน
“อาอรป่ะป๊าอยู่ไหนอ่ะ” เด็กหญิงถามหาคนเป็นพ่อ เพราะอยากเล่นโทรศัพท์ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
“ป่ะป๊าหาหมออยู่ รอก่อน” อรอุมาน้ำตาคลอ รีบเช็ดออกก่อนที่มันจะไหล พร้อมตอบคำถามหลานสาวเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจ
“ชมพูอยากดูเอลช่ากับแอนนาในโทรศัพท์ป่ะป๊าอ่ะ” เด็กหญิงงอแงอยากดูการ์ตูนเรื่องโปรดที่เคยดู อรรถพลเคยบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์ของตนเองไว้เปิดให้ลูกสาวดู
“ชมพูมาหาย่ามา โทรศัพท์ป่ะป๊าอยู่กับย่า” นางชบาเช็ดน้ำตาที่คลอออก ยิ้มให้หลานสาวและอุ้มมานั่งที่ตักตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือของอรรถพลขึ้นมา มันยังใช้งานได้ มีรอยแตกและถลอกนิดหน่อย มีรอยเลือดเป็นจุดเล็ก ๆ ติดอยู่ เด็กหญิงได้ดูการ์ตูนสมใจก็หยุดงอแงในทันที
ทันใดนั้นคุณหมอก็เปิดประตูออกมา มีสีหน้าเรียบเฉย ปรายตามองแขกที่มาเพิ่มนิดหน่อย ทุกคนลุกขึ้นยืนกู่เข้าไปหาคุณหมอพร้อมกัน คุณหมอสังเกตเห็นว่าแววตาทุกคนฉายความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด คงกลัวได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน จึงยิ้มให้ทุกคนเผื่อจะทำให้คลายความกังวลใจลงได้
“คุณหมอพี่อรรถเป็นยังไงบ้างคะ” อรพินถามเป็นคนแรก ดูเธอเป็นกังวลที่สุดในนี้
“ใจเย็น ๆ นะครับ คนไข้ปลอดภัยแล้ว แต่ว่าหมอให้อยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูอาการก่อน คืนนี้ถ้าไม่มีอะไร พรุ่งนี้ก็ไปนอนรักษาตัวที่ห้องพักฟื้นได้ครับ” ทุกคนโล่งอกไปเปราะหนึ่งเมื่อได้ฟังสิ่งที่หมอพูด “คนไข้ขาหัก ซี่โครงหัก แขนขวาหักและศีรษะแตกครับ อาจจะต้องรักษาตัวนานเป็นเดือน ๆ อยู่นะครับ”
“ค่ะ” อรพินพยักหน้าเป็นคำตอบทั้งน้ำตา รวมทั้งผู้เป็นแม่และน้องสาวของอรรถพลด้วย “คุณหมอคะแล้วดิฉันเข้าไปเยี่ยมได้มั้ย”
“ได้ครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” หมอวัยกลางคนโค้งศีรษะลงนิดหน่อยเมื่อพูดจบ ก่อนจะเดินจากไป จากนั้นทุกคนก็เข้าไปเยี่ยมอรรถพล
อรรถพลหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ มีสายอะไรต่อมิอะไรมากมายเพื่อช่วยชีวิตของเขา ผู้เป็นแม่เดินเข้าไปลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู ร้องไห้ด้วยความสงสาร “ทำกรรมอะไรไว้ตาอรรถ เราถึงได้มานอนแบบนี้” พร้อมยกมือลูกชายขึ้นมาหอมกุมมือไว้แน่น
“รีบตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นะพี่อรรถ ไหนบอกอยากเจอแฟนอรไง ตื่นวันนี้พรุ่งนี้เลย น้องจะพาแฟนมาเปิดตัวด้วย” คนเป็นน้องสาวยืนมองพี่ชายหลับสนิท พูดขึ้นมาเหมือนคนน้อยใจ เพื่อให้พี่ชายรีบตื่นขึ้นมาให้เร็ว ๆ
“คุณด้าป่ะป๊าเป็นอะไรเหรอ” เด็กหญิงมองเห็นคนเป็นพ่อนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างใคร่รู้
“ป่ะป๊าไม่สบายค่ะ หนูห้ามงอแงกับคุณแม่นะ” คนเป็นย่าหันมาตอบหลาน ลูบผมมองด้วยสายตาเอ็นดูหลานมาก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวของผู้ใหญ่อะไรเลย “ชมพูหนูบอกป่ะป๊าหายเร็ว ๆ หน่อยค่ะ” พูดจบนางชบาก็อุ้มหลานสาวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงลูกชาย โน้มตัวหลานเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของอรรถพล “บอกป่ะป๊ารีบหายเร็ว ๆ นะคะ”
“ป่ะป๊ารีบหายเร็ว ๆ นะคะ ชมพูอยากดูเอลช่ากับแอนนา คุณแม่ทำไม่เป็น โทรศัพท์คุณแม่ไม่มีอ่ะ ชมพูดูไม่สนุกไม่เหมือนของป่ะป๊า” เด็กหญิงพูดไปตามความรู้สึกของตน คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น ทุกคนได้ฟังก็แทบจะหัวเราะออกมา อรพินเองยิ้มหัวเราะลูกสาวทั้งน้ำตา
“คุณแม่คะ ทุกคนรพินขออยู่กับพี่อรรถสองคนแป๊บนึงได้มั้ยคะ” อรพินยืนข้าง ๆ เตียงอีกฝั่งของเขา กุมมืออรรถพลไว้แน่น หันมามองทุกคนเพื่อเป็นการขอร้อง
“ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่กับทุกคนออกไปรอข้างนอก”
“พี่อรรถเค้าปลอดภัยแล้ว น้องรพินไม่ต้องคิดมากนะครับ” วินิจอีกคนพูดปลอบใจเธอรวมทั้งภรรยาของเขาด้วย
“ค่ะพี่วินิจ” พร้อมยิ้มให้ทุกคน
เมื่อทุกคนออกไปรอข้างนอกกันหมด เหลือเพียงเธอกับอรรถพลที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงสองคน เธอนั่งมองใบหน้าที่บอบช้ำจากการกระแทกของเขา มีผ้าพันที่ศีรษะ ที่ขาและก็แขนข้างขวา น้ำตาก็พลันไหลออกมาอีกจนได้ ด้วยความสงสาร อรรถพลจะเจ็บมากแค่ไหน
เธอจับมือเขาขึ้นมาแนบชิดที่ใบหน้า ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา “พี่อรรถเจ็บมากมั้ย ตื่นขึ้นมาคุยกับรพินสิ ไหนพี่อรรถบอกอาทิตย์หน้าจะพารพินกับลูกไปเยี่ยมคุณย่าที่น่านไง ลืมไปแล้วเหรอ”
เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออก กลัวว่าจะเปื้อนมือของเขา ทว่ามันก็ยังไหลไม่ยอมหยุด “พี่อรรถพรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นมาหารพินกับลูกนะ ห้ามทิ้งรพินกับลูกไว้ลำพังเด็ดขาด ไม่งั้นรพินโกรธจริง ๆ ด้วย”