.
อรรถพลถูกย้ายเข้ามานอนรักษาตัวที่ห้องพักฟื้น และยังไม่รู้สึกตัว ถึงจะพ้นขีดอันตรายอรพินก็ยังไม่คลายความกังวล ตราบใดที่เขายังไม่ยอมตื่นขึ้นมาคุยกับเธอ
วันที่สองแล้วที่เขานอนหลับสนิทอยู่อย่างนั้น คนที่เป็นกังวลไม่แพ้กันก็คือนางชบาผู้เป็นแม่ ถึงคุณหมอจะพูดย้ำให้กำลังใจทุกคนว่าอรรถพลไม่เป็นอะไรแล้วก็ตาม ไม่เกินสามวันก็คงรู้สึกตัว ไม่ต้องห่วงอะไร ทว่าก็ไม่มีใครคลายความกังวลลงได้ หากเขายังไม่ลืมตาตื่น
“แม่ครับ” เที่ยงวันพอดี นางชบานั่งอ่านนิตยสารคร่าเวลาข้าง ๆ เตียงลูกชาย อรรถพลรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานห้อง รู้สึกมึนงงนิดหน่อยที่นี่ที่ไหน และเจ็บแปลบเหมือนมีอะไรมาทับทั่วร่างกาย ขยับร่างกายไม่ได้มันเจ็บเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงทั่วทั้งตัว
ความจำครั้งสุดท้ายเขาจำได้ว่าหักพวงมาลัยหลบรถที่เสียหลักพุ่งข้ามถนนมา จากนั้นภาพก็ดับวูบไป และที่นี่ก็คงจะเป็นโรงพยาบาล เขายังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ
“ตาอรรถ! แม่ดีใจมากเลยลูกที่ลูกฟื้นแล้ว แม่กลัวลูกเป็นอะไรไปมากเลยรู้มั้ย “ นางชบาพูดทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ “เดี๋ยวแม่โทรเรียกคุณหมอบอกว่าลูกฟื้นแล้ว” จากนั้นนางชบาก็ต่อสายไปที่คุณหมอเจ้าของไข้ทันที คุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ขอตัวกลับออกไป
“คุณแม่แล้วรพินกับชมพูอยู่ไหนเหรอครับ” ทันทีที่สติกลับมา เขามองรอบ ๆ ห้องมีเพียงผู้เป็นแม่อยู่คนเดียว อรพินกับลูกสาวของตนเองไปไหน หรือว่าเธอยังไม่หายโกรธอีกหรือ จนกระทั่งไม่ยอมพาลูกมาเยี่ยมเขาเลย แววตาเศร้าบ่งบอกเห็นได้ชัดเจน
นางชบายิ้ม เมื่อมองเห็นสีหน้าและแววตาของลูกชาย ดูก็รู้ในทันทีว่าคิดอะไรอยู่ “อ่อ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วแหละ ชมพูงอแงอยากกินขนม รพินก็เลยพาลงไปข้างล่างน่ะ นี่ตาอรรถรพินห่วงลูกมากเลยนะรู้มั้ย เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืน ”
“เหรอครับ” อรรถพลคลี่ยิ้มออกมาได้ รู้สึกหัวใจพองโตไม่ห่อเหี่ยวเหมือนตอนแรก ถึงจะเจ็บตัวเกือบตายได้ยินแบบนี้ก็คุ้ม “คุณแม่อย่าพึ่งบอกรพินนะว่าผมรู้สึกตัวแล้วนะครับ”
“จะแกล้งอะไรเมียอีกตาอรรถ เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวรพินก็โกรธอีกรอบหรอก” ผู้เป็นแม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก เนื่องจากรู้ดีว่าอรพินห่วงลูกชายตนมากแค่ไหน ช่วงที่นอนหลับไม่รู้สึกตัว นึกดีใจแทนที่อรพินให้อภัยลูกของตน แม้เกือบจะแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม ตอนนี้ลูกก็ปลอดภัยแล้ว หลังจากนี้ต่อไปคงได้เห็นรอยยิ้มของลูกสักที
“ไม่ได้แกล้งครับคุณแม่ ผมแค่อยากรู้ว่ารพินหายโกรธผมจริง ๆ แล้วหรือเปล่า” นางชบามองลูกชายพร้อมส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ ขนาดนอนเจ็บตัวอยู่บนเตียงขนาดนี้ยังเล่นไม่รู้เรื่อง มันน่ายุให้อรพินโกรธไปนาน ๆ นัก แต่ว่าตนเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร
“คุณด้าชมพูมาแล้ว” เด็กสิ่งส่งเสียงใสแจ๋วร่าเริงมาแต่ไกล เมื่อคนเป็นแม่เปิดประตูให้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับผู้ใหญ่สักนิด พร้อมชูตุ๊กตาบาร์บี้และขนมพร้อมสมุดระบายสีให้คนเป็นย่าดู อรรถพลรีบหลับตาทันที กลัวอรพินเห็นและจับได้
“ได้อะไรมาบ้างคะ” คนเป็นย่าลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งโซฟาเล่นกับหลานสาว ให้อรพินนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ อรรถพลแทน
“คุณแม่พี่อรรถยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอคะ” อรพินนั่งมองคนตรงหน้าด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจเล็กน้อย “วันที่สองแล้วนะพี่อรรถจะนอนไปถึงไหน” ถึงจะเป็นการแกล้งพูดตลก แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย กังวล จับมือของเขาขึ้นมากุมไว้อยู่อย่างนั้น
“ยังเลยลูกเมื่อกี้คุณหมอก็เข้ามาตรวจ ทุกอย่างปกติ ทำไมยังไม่ฟื้นก็ไม่รู้” นางชบาเล่นละครตบตาได้แนบเนียนมาก มีบางจังหวะอรรถพลแอบยิ้มโดยอรพินไม่ทันสังเกตเห็น
อรพินถอนหายใจ นั่งมองใบหน้าคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง นางชบาปรายตามองทั้งคู่ส่ายหัวให้กับลูกชาย ดูเถอะอรพินเป็นห่วงขนาดไหน ยังจะเล่นกับความรู้สึกของเธออีก ก่อนจะก้มลงดูหลานสาวระบายสีตัวการ์ตูน
ก็อก ๆ !เพียงไม่กี่นาทีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนคนเคาะจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา “อรเองค่ะ” อรอุมาแวะมาเยี่ยมพี่ชายในช่วงบ่าย กะว่าจะมารับแม่กับหลานสาวกลับบ้านด้วย
หน้าที่ดูแลอรรถพลคืออรพินเอง ทุกคนหันไปมองผู้มาใหม่ ทว่าสีหน้าและแววตาของผู้เป็นแม่และเพื่อนแสดงออกต่างกัน ทำเอาเธองุนงงนิดหน่อย
“อาอรชมพูระบายสีสวยมั้ยคะ” เด็กหญิงอวดฝีมือ ยกสมุดโชว์ให้ผู้เป็นอาดู
“สวยค่ะ คุณแม่พี่อรรถเป็นยังไงบ้าง ไม่ดีขึ้นเลยเหรอ” อรอุมาถามไถ่อาการพี่ชาย ดูแม่ของเธอสีหน้าแปลกไป ยกเว้นก็แต่อรพินที่ดูเครียดเป็นกังวลเอามาก
“ไม่ดีขึ้นเลยลูก ยัยอรเรามาก็ดีแล้ว ป่ะพาแม่กลับเหอะ แม่อยากกลับบ้าน”
“อ้าวคุณแม่! อรพึ่งมา ยังไม่ได้คุยกับพี่อรรถเลย” เมื่อแม่ชวนกลับทั้งที่ตนเองพึ่งมาถึง ยิ่งทำเอางงไปกันใหญ่ ไม่ใช่แค่เธออรพินเองก็เช่นกัน
“เถอะน่า แม่อยากกลับแล้ว” ไม่พูดอย่างเดียว แอบหยิกแขนลูกสาวเบา ๆ และส่งยิ้มให้อรพิน อรอุมาถึงจะงุนงงนิดหน่อย ก็ยังทำตามที่ผู้เป็นแม่สั่ง “ชมพูกลับบ้านกันค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาป่ะป๊าใหม่นะคะ”
โชคดดีที่หลานสาวไม่งอแง ยอมกลับด้วยแต่โดยดี บางเวลาของเด็กเหมือนจะไม่รู้เรื่อง แต่พอพูดให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กกลับเข้าใจและพูดง่ายเป็นอัตโนมัติ หลานสาวของตนในตอนนี้ก็เหมือนกัน
อรพินกะจะเดินไปส่งทั้งสามคน แต่โดนห้ามไว้เสียก่อน จึงทำได้เพียงเดินไปส่งถึงแค่ประตูห้องเท่านั้นเอง ก่อนจะกลับมานั่งข้างเตียงอรรถพลเช่นเดิม มองดูเขาที่นอนหลับสนิทอยู่
“พี่อรรถเมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาคุยกับรพินกับลูกสักที จะนอนแบบนี้ไม่ได้นะ” อรพินโน้มศีรษะของตนไปกับขอบเตียง และเอื้อมมือไปวางลำตัว กอดอรรถพลไว้ทำให้ไม่เห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ไหนบอกรพินว่าเราจะทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีให้กับชมพูไง แล้วนอนอยู่แบบนี้จะได้ทำเหรอ นอนอยู่แบบนี้จะได้ทำหน้าที่สามีให้กับรพินเหรอ” เขาดีใจที่สุดแทบอยากกระโดดกอดเสียด้วยซ้ำเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ยิ้มเก้อปรายตามองอรพินที่กำลังกอดตัวเองเพ้ออยู่ และก็รีบหลับตาเมื่ออรพินลุกขึ้น เปลี่ยนมากุมมือของเขาไว้แทน
“รพินหายโกรธพี่อรรถตั้งนานแล้ว รพินให้อภัยพี่อรรถตั้งนานแล้วรู้มั้ย ตั้งแต่ตอนลูกไม่สบายนู่น” หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมากอดเขาไว้แบบนั้นเหมือนเดิม เธอไม่อยากห่างเขาไปไหนแม้แต่นาทีเดียว อย่างกับกลัวว่าเขาจะหายไป
“รพินรักพี่มั้ย” เมื่อได้ฟังทุกอย่างจนเป็นที่พอใจแล้ว เหลือแค่คำว่ารักจากปากเธอคำเดียวที่เขาอยากได้ยิน
“รักค่ะ! รักมากด้วย” อรพินชะงัก เมื่อสักครู่นี้อรรถพลถามเธอหรือ ดังนั้นจึงรีบผละตัวออก ยกมือเช็ดน้ำตาจ้องมองหน้าคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง อรรถพลยิ้มแหย ๆ ให้อย่างคนยอมรับผิด “พี่อรรถ! นี่พี่อรรถแกล้งรพินเหรอ”
อรพินตีไปที่ลำตัวเขาสองสามที “โอ้ย!รพินเจ็บ พี่เจ็บนะ “ ขมวดคิ้วทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บแผล พร้อมไอออกมาครั้งสองครั้ง เพื่อระบายความเจ็บจากที่โดนตีเมื่อครู่
“พี่อรรถเล่นกับความรู้สึกของรพินอีกแล้วนะคะ รู้มั้ยรพินห่วงพี่อรรถแค่ไหน” น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงวันที่ทราบข่าวว่าอรรถพลเกิดอุบัติเหตุ เธอห่วงเขาแค่ไหน ทำไมต้องแกล้งเธอแบบนี้ด้วย พร้อมจะลุกออกไปจากตรงนี้ ทว่าโดนมือของเขาจับไว้ก่อน
“รู้ครับ พี่ขอโทษพี่แค่อยากรู้ว่ารพินคิดยังไงกับพี่เท่านั้นเอง พี่ดีใจที่รพินเป็นห่วงพี่และให้อภัยพี่ ถึงตายพี่ก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว” พร้อมยิ้มให้บ่งบอกว่าเขาพูดจริง และยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำที่แกล้งเธอไป
“อยากตายจะทิ้งลูกให้รพินเลี้ยงคนเดียวหรือไง “ อรพินนึกไม่ชอบใจประโยคสุดท้ายที่เขาพูด
อรรถพลยิ้มกับท่าทางงอนของเธอ “พี่รักรพินกับลูกมากเลยนะ พี่รอรพินให้อภัยพี่ทุกวัน ถึงแม้พี่รู้ว่าอาจจะไม่มีวันนั้น พี่ก็รอ!” สายตาจ้องมองใบหน้าของเธอ มือยังจับมือของเธอไว้แน่น “รพินรักพี่จริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ยครับ”
เมื่อถูกถามตรง ๆ ก็ทำเอาเธอหน้าแดงขึ้นมาดื้อ ๆ “ก็พูดไปแล้วทำไมต้องให้รพินพูดซ้ำอีก”
“รพินรักพี่มั้ยครับ” ถามย้ำอีกพร้อมมองหน้าเธอเพื่อเอาคำตอบ มือก็ยังจับมือเธอไว้แน่น
อรพินเงียบมองหน้าเขา ก่อนจะคลี่ยิ้มและตอบคำถามเบา ๆ “รพินรักพี่อรรถค่ะ ห่วงพี่อรรถมากด้วย รู้มั้ยรพินนอนไม่หลับสักคืนตั้งแต่เกิดเรื่อง” พออรพินพูดจบ เขายกมือเธอขึ้นมาหอมเบา ๆ
“พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษเรื่องวันนี้ด้วย” พูดทว่าขมวดคิ้วเข้าหากัน
“พี่อรรถเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่รู้สึกปวดแผล” เธอมองสำรวจตัวอรรถพล ตกใจเพราะเสื้อคนไข้ที่เขาสวมอยู่มีรอยเลือดเป็นวงกว้าง คงเป็นเพราะที่เธอตีเมื่อครู่ รู้สึกผิดแต่ไม่เท่าไหร่ สมน้ำหน้าจะได้จำอยากแกล้งเธอดีนัก
“เลือด! พี่อรรถแผลฉีกหรือเปล่า เดี๋ยวรพินโทรตามหมอให้” ตกใจที่เห็นรอยเลือดอยู่บนเสื้อ แต่ก็ไม่ได้อะไร
“หมอทำแผลให้แล้ว ช่วงนี้คนไข้อย่าพยายามขยับตัวแรงนะครับ นอนนิ่ง ๆ ไปก่อน ส่วนแขนกับขาที่หักก็จะได้เข้าเฝือกนานหน่อย ฝากคุณผู้หญิงดูแลด้วยนะครับ แผลฉีกบ่อยไม่ดี” คุณหมอหันมาคุยกับเธอ ก่อนจะขอตัวกลับออกไป
“เห็นมั้ยล่ะ มาตีพี่ทำไม”
“ก็พี่อรรถอยากแกล้งรพินก่อนทำไม” เธอยอมรับผิดที่ไหน ก็ตัวเองไม่ได้ผิด ใครจะไม่หมั่นไส้ แกล้งกันแบบนี้
“พรุ่งนี้ไม่ต้องให้ลูกกลับบ้านนะ คิดถึงชมพู พี่อยากอยู่กับลูก”
“ค่ะ เออพี่อรรถรู้มั้ยชมพูมันพูดว่าอะไร มันบอก โทรศัพท์คุณแม่ไม่มีเอลซ่า ของป่ะป๊ามีเอลซ่า คุณแม่ทำไม่เป็น ดูซิลูกพี่อรรถว่ารพิน รพินก็หาให้ดูไม่ถูกใจอีก...”
เธอหันมานินทาลูกสาวตัวดีให้คนเป็นพ่อฟังเสียเลย นั่งข้าง ๆ เตียงไม่ยอมห่าง ดีใจที่อรรถพลฟื้น สมองไม่กระทบกระเทือนอะไร สติสัมปชัญญะครบทุกอย่าง ไม่ถึงกับต้องพิการ และไม่เสียชีวิต ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียใจที่ไม่ได้บอกรัก และบอกให้อภัยเขาตลอดชีวิต
จบ...
โซ่รัก บทที่ 18
.
อรรถพลถูกย้ายเข้ามานอนรักษาตัวที่ห้องพักฟื้น และยังไม่รู้สึกตัว ถึงจะพ้นขีดอันตรายอรพินก็ยังไม่คลายความกังวล ตราบใดที่เขายังไม่ยอมตื่นขึ้นมาคุยกับเธอ
วันที่สองแล้วที่เขานอนหลับสนิทอยู่อย่างนั้น คนที่เป็นกังวลไม่แพ้กันก็คือนางชบาผู้เป็นแม่ ถึงคุณหมอจะพูดย้ำให้กำลังใจทุกคนว่าอรรถพลไม่เป็นอะไรแล้วก็ตาม ไม่เกินสามวันก็คงรู้สึกตัว ไม่ต้องห่วงอะไร ทว่าก็ไม่มีใครคลายความกังวลลงได้ หากเขายังไม่ลืมตาตื่น
“แม่ครับ” เที่ยงวันพอดี นางชบานั่งอ่านนิตยสารคร่าเวลาข้าง ๆ เตียงลูกชาย อรรถพลรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานห้อง รู้สึกมึนงงนิดหน่อยที่นี่ที่ไหน และเจ็บแปลบเหมือนมีอะไรมาทับทั่วร่างกาย ขยับร่างกายไม่ได้มันเจ็บเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงทั่วทั้งตัว
ความจำครั้งสุดท้ายเขาจำได้ว่าหักพวงมาลัยหลบรถที่เสียหลักพุ่งข้ามถนนมา จากนั้นภาพก็ดับวูบไป และที่นี่ก็คงจะเป็นโรงพยาบาล เขายังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ
“ตาอรรถ! แม่ดีใจมากเลยลูกที่ลูกฟื้นแล้ว แม่กลัวลูกเป็นอะไรไปมากเลยรู้มั้ย “ นางชบาพูดทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ “เดี๋ยวแม่โทรเรียกคุณหมอบอกว่าลูกฟื้นแล้ว” จากนั้นนางชบาก็ต่อสายไปที่คุณหมอเจ้าของไข้ทันที คุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ขอตัวกลับออกไป
“คุณแม่แล้วรพินกับชมพูอยู่ไหนเหรอครับ” ทันทีที่สติกลับมา เขามองรอบ ๆ ห้องมีเพียงผู้เป็นแม่อยู่คนเดียว อรพินกับลูกสาวของตนเองไปไหน หรือว่าเธอยังไม่หายโกรธอีกหรือ จนกระทั่งไม่ยอมพาลูกมาเยี่ยมเขาเลย แววตาเศร้าบ่งบอกเห็นได้ชัดเจน
นางชบายิ้ม เมื่อมองเห็นสีหน้าและแววตาของลูกชาย ดูก็รู้ในทันทีว่าคิดอะไรอยู่ “อ่อ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วแหละ ชมพูงอแงอยากกินขนม รพินก็เลยพาลงไปข้างล่างน่ะ นี่ตาอรรถรพินห่วงลูกมากเลยนะรู้มั้ย เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืน ”
“เหรอครับ” อรรถพลคลี่ยิ้มออกมาได้ รู้สึกหัวใจพองโตไม่ห่อเหี่ยวเหมือนตอนแรก ถึงจะเจ็บตัวเกือบตายได้ยินแบบนี้ก็คุ้ม “คุณแม่อย่าพึ่งบอกรพินนะว่าผมรู้สึกตัวแล้วนะครับ”
“จะแกล้งอะไรเมียอีกตาอรรถ เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวรพินก็โกรธอีกรอบหรอก” ผู้เป็นแม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก เนื่องจากรู้ดีว่าอรพินห่วงลูกชายตนมากแค่ไหน ช่วงที่นอนหลับไม่รู้สึกตัว นึกดีใจแทนที่อรพินให้อภัยลูกของตน แม้เกือบจะแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม ตอนนี้ลูกก็ปลอดภัยแล้ว หลังจากนี้ต่อไปคงได้เห็นรอยยิ้มของลูกสักที
“ไม่ได้แกล้งครับคุณแม่ ผมแค่อยากรู้ว่ารพินหายโกรธผมจริง ๆ แล้วหรือเปล่า” นางชบามองลูกชายพร้อมส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ ขนาดนอนเจ็บตัวอยู่บนเตียงขนาดนี้ยังเล่นไม่รู้เรื่อง มันน่ายุให้อรพินโกรธไปนาน ๆ นัก แต่ว่าตนเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร
“คุณด้าชมพูมาแล้ว” เด็กสิ่งส่งเสียงใสแจ๋วร่าเริงมาแต่ไกล เมื่อคนเป็นแม่เปิดประตูให้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับผู้ใหญ่สักนิด พร้อมชูตุ๊กตาบาร์บี้และขนมพร้อมสมุดระบายสีให้คนเป็นย่าดู อรรถพลรีบหลับตาทันที กลัวอรพินเห็นและจับได้
“ได้อะไรมาบ้างคะ” คนเป็นย่าลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งโซฟาเล่นกับหลานสาว ให้อรพินนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ อรรถพลแทน
“คุณแม่พี่อรรถยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอคะ” อรพินนั่งมองคนตรงหน้าด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจเล็กน้อย “วันที่สองแล้วนะพี่อรรถจะนอนไปถึงไหน” ถึงจะเป็นการแกล้งพูดตลก แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย กังวล จับมือของเขาขึ้นมากุมไว้อยู่อย่างนั้น
“ยังเลยลูกเมื่อกี้คุณหมอก็เข้ามาตรวจ ทุกอย่างปกติ ทำไมยังไม่ฟื้นก็ไม่รู้” นางชบาเล่นละครตบตาได้แนบเนียนมาก มีบางจังหวะอรรถพลแอบยิ้มโดยอรพินไม่ทันสังเกตเห็น
อรพินถอนหายใจ นั่งมองใบหน้าคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง นางชบาปรายตามองทั้งคู่ส่ายหัวให้กับลูกชาย ดูเถอะอรพินเป็นห่วงขนาดไหน ยังจะเล่นกับความรู้สึกของเธออีก ก่อนจะก้มลงดูหลานสาวระบายสีตัวการ์ตูน
ก็อก ๆ !เพียงไม่กี่นาทีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนคนเคาะจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา “อรเองค่ะ” อรอุมาแวะมาเยี่ยมพี่ชายในช่วงบ่าย กะว่าจะมารับแม่กับหลานสาวกลับบ้านด้วย
หน้าที่ดูแลอรรถพลคืออรพินเอง ทุกคนหันไปมองผู้มาใหม่ ทว่าสีหน้าและแววตาของผู้เป็นแม่และเพื่อนแสดงออกต่างกัน ทำเอาเธองุนงงนิดหน่อย
“อาอรชมพูระบายสีสวยมั้ยคะ” เด็กหญิงอวดฝีมือ ยกสมุดโชว์ให้ผู้เป็นอาดู
“สวยค่ะ คุณแม่พี่อรรถเป็นยังไงบ้าง ไม่ดีขึ้นเลยเหรอ” อรอุมาถามไถ่อาการพี่ชาย ดูแม่ของเธอสีหน้าแปลกไป ยกเว้นก็แต่อรพินที่ดูเครียดเป็นกังวลเอามาก
“ไม่ดีขึ้นเลยลูก ยัยอรเรามาก็ดีแล้ว ป่ะพาแม่กลับเหอะ แม่อยากกลับบ้าน”
“อ้าวคุณแม่! อรพึ่งมา ยังไม่ได้คุยกับพี่อรรถเลย” เมื่อแม่ชวนกลับทั้งที่ตนเองพึ่งมาถึง ยิ่งทำเอางงไปกันใหญ่ ไม่ใช่แค่เธออรพินเองก็เช่นกัน
“เถอะน่า แม่อยากกลับแล้ว” ไม่พูดอย่างเดียว แอบหยิกแขนลูกสาวเบา ๆ และส่งยิ้มให้อรพิน อรอุมาถึงจะงุนงงนิดหน่อย ก็ยังทำตามที่ผู้เป็นแม่สั่ง “ชมพูกลับบ้านกันค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาป่ะป๊าใหม่นะคะ”
โชคดดีที่หลานสาวไม่งอแง ยอมกลับด้วยแต่โดยดี บางเวลาของเด็กเหมือนจะไม่รู้เรื่อง แต่พอพูดให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กกลับเข้าใจและพูดง่ายเป็นอัตโนมัติ หลานสาวของตนในตอนนี้ก็เหมือนกัน
อรพินกะจะเดินไปส่งทั้งสามคน แต่โดนห้ามไว้เสียก่อน จึงทำได้เพียงเดินไปส่งถึงแค่ประตูห้องเท่านั้นเอง ก่อนจะกลับมานั่งข้างเตียงอรรถพลเช่นเดิม มองดูเขาที่นอนหลับสนิทอยู่
“พี่อรรถเมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาคุยกับรพินกับลูกสักที จะนอนแบบนี้ไม่ได้นะ” อรพินโน้มศีรษะของตนไปกับขอบเตียง และเอื้อมมือไปวางลำตัว กอดอรรถพลไว้ทำให้ไม่เห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ไหนบอกรพินว่าเราจะทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีให้กับชมพูไง แล้วนอนอยู่แบบนี้จะได้ทำเหรอ นอนอยู่แบบนี้จะได้ทำหน้าที่สามีให้กับรพินเหรอ” เขาดีใจที่สุดแทบอยากกระโดดกอดเสียด้วยซ้ำเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ยิ้มเก้อปรายตามองอรพินที่กำลังกอดตัวเองเพ้ออยู่ และก็รีบหลับตาเมื่ออรพินลุกขึ้น เปลี่ยนมากุมมือของเขาไว้แทน
“รพินหายโกรธพี่อรรถตั้งนานแล้ว รพินให้อภัยพี่อรรถตั้งนานแล้วรู้มั้ย ตั้งแต่ตอนลูกไม่สบายนู่น” หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมากอดเขาไว้แบบนั้นเหมือนเดิม เธอไม่อยากห่างเขาไปไหนแม้แต่นาทีเดียว อย่างกับกลัวว่าเขาจะหายไป
“รพินรักพี่มั้ย” เมื่อได้ฟังทุกอย่างจนเป็นที่พอใจแล้ว เหลือแค่คำว่ารักจากปากเธอคำเดียวที่เขาอยากได้ยิน
“รักค่ะ! รักมากด้วย” อรพินชะงัก เมื่อสักครู่นี้อรรถพลถามเธอหรือ ดังนั้นจึงรีบผละตัวออก ยกมือเช็ดน้ำตาจ้องมองหน้าคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง อรรถพลยิ้มแหย ๆ ให้อย่างคนยอมรับผิด “พี่อรรถ! นี่พี่อรรถแกล้งรพินเหรอ”
อรพินตีไปที่ลำตัวเขาสองสามที “โอ้ย!รพินเจ็บ พี่เจ็บนะ “ ขมวดคิ้วทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บแผล พร้อมไอออกมาครั้งสองครั้ง เพื่อระบายความเจ็บจากที่โดนตีเมื่อครู่
“พี่อรรถเล่นกับความรู้สึกของรพินอีกแล้วนะคะ รู้มั้ยรพินห่วงพี่อรรถแค่ไหน” น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงวันที่ทราบข่าวว่าอรรถพลเกิดอุบัติเหตุ เธอห่วงเขาแค่ไหน ทำไมต้องแกล้งเธอแบบนี้ด้วย พร้อมจะลุกออกไปจากตรงนี้ ทว่าโดนมือของเขาจับไว้ก่อน
“รู้ครับ พี่ขอโทษพี่แค่อยากรู้ว่ารพินคิดยังไงกับพี่เท่านั้นเอง พี่ดีใจที่รพินเป็นห่วงพี่และให้อภัยพี่ ถึงตายพี่ก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว” พร้อมยิ้มให้บ่งบอกว่าเขาพูดจริง และยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำที่แกล้งเธอไป
“อยากตายจะทิ้งลูกให้รพินเลี้ยงคนเดียวหรือไง “ อรพินนึกไม่ชอบใจประโยคสุดท้ายที่เขาพูด
อรรถพลยิ้มกับท่าทางงอนของเธอ “พี่รักรพินกับลูกมากเลยนะ พี่รอรพินให้อภัยพี่ทุกวัน ถึงแม้พี่รู้ว่าอาจจะไม่มีวันนั้น พี่ก็รอ!” สายตาจ้องมองใบหน้าของเธอ มือยังจับมือของเธอไว้แน่น “รพินรักพี่จริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ยครับ”
เมื่อถูกถามตรง ๆ ก็ทำเอาเธอหน้าแดงขึ้นมาดื้อ ๆ “ก็พูดไปแล้วทำไมต้องให้รพินพูดซ้ำอีก”
“รพินรักพี่มั้ยครับ” ถามย้ำอีกพร้อมมองหน้าเธอเพื่อเอาคำตอบ มือก็ยังจับมือเธอไว้แน่น
อรพินเงียบมองหน้าเขา ก่อนจะคลี่ยิ้มและตอบคำถามเบา ๆ “รพินรักพี่อรรถค่ะ ห่วงพี่อรรถมากด้วย รู้มั้ยรพินนอนไม่หลับสักคืนตั้งแต่เกิดเรื่อง” พออรพินพูดจบ เขายกมือเธอขึ้นมาหอมเบา ๆ
“พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษเรื่องวันนี้ด้วย” พูดทว่าขมวดคิ้วเข้าหากัน
“พี่อรรถเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่รู้สึกปวดแผล” เธอมองสำรวจตัวอรรถพล ตกใจเพราะเสื้อคนไข้ที่เขาสวมอยู่มีรอยเลือดเป็นวงกว้าง คงเป็นเพราะที่เธอตีเมื่อครู่ รู้สึกผิดแต่ไม่เท่าไหร่ สมน้ำหน้าจะได้จำอยากแกล้งเธอดีนัก
“เลือด! พี่อรรถแผลฉีกหรือเปล่า เดี๋ยวรพินโทรตามหมอให้” ตกใจที่เห็นรอยเลือดอยู่บนเสื้อ แต่ก็ไม่ได้อะไร
“หมอทำแผลให้แล้ว ช่วงนี้คนไข้อย่าพยายามขยับตัวแรงนะครับ นอนนิ่ง ๆ ไปก่อน ส่วนแขนกับขาที่หักก็จะได้เข้าเฝือกนานหน่อย ฝากคุณผู้หญิงดูแลด้วยนะครับ แผลฉีกบ่อยไม่ดี” คุณหมอหันมาคุยกับเธอ ก่อนจะขอตัวกลับออกไป
“เห็นมั้ยล่ะ มาตีพี่ทำไม”
“ก็พี่อรรถอยากแกล้งรพินก่อนทำไม” เธอยอมรับผิดที่ไหน ก็ตัวเองไม่ได้ผิด ใครจะไม่หมั่นไส้ แกล้งกันแบบนี้
“พรุ่งนี้ไม่ต้องให้ลูกกลับบ้านนะ คิดถึงชมพู พี่อยากอยู่กับลูก”
“ค่ะ เออพี่อรรถรู้มั้ยชมพูมันพูดว่าอะไร มันบอก โทรศัพท์คุณแม่ไม่มีเอลซ่า ของป่ะป๊ามีเอลซ่า คุณแม่ทำไม่เป็น ดูซิลูกพี่อรรถว่ารพิน รพินก็หาให้ดูไม่ถูกใจอีก...”
เธอหันมานินทาลูกสาวตัวดีให้คนเป็นพ่อฟังเสียเลย นั่งข้าง ๆ เตียงไม่ยอมห่าง ดีใจที่อรรถพลฟื้น สมองไม่กระทบกระเทือนอะไร สติสัมปชัญญะครบทุกอย่าง ไม่ถึงกับต้องพิการ และไม่เสียชีวิต ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียใจที่ไม่ได้บอกรัก และบอกให้อภัยเขาตลอดชีวิต
จบ...