โซ่รัก บทที่ 4

กระทู้สนทนา


.


               เช้าวันใหม่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หกโมงเช้าอรพินงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก แม้จะอยากทิ้งตัวลงนอนต่อมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ วันนี้ยังต้องไปทำงานอีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แล้วพอนึกอย่างนั้นก็ฝืนร่างกายไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานประจำของตน

               หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มนัสส่งข้อความมาสวัสดีตอนเช้าตามเคย เธอเปิดอ่านและกดอิโมติตอบกลับ เนื่องจากเมื่อคืนมนัสบอกฝันดีแล้วเธอไม่ได้ตอบกลับไป เช้านี้จึงตอบเพื่อไถ่โทษ

               ข้าวเช้าของอรพินคือกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว เป็นกาแฟสำเร็จรูป ที่ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรมาก เธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย นั่งดื่มกาแฟเปิดทีวีดูข่าวช่วงเช้าสักพักภายในห้อง ก่อนจะออกไปรออรอุมาที่บีทีเอสเช่นทุกวัน

               ห้องพักของเธอตกแต่งตามสไตล์อพาร์ตเมนต์ทั่วไป ดีหน่อยที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบคัน ไม่ต้องหาซื้อมาเอง แค่ยอมจ่ายค่าเช่าในราคาที่สูงขึ้น ห้องน้ำกับห้องนอนรวมอยู่ด้วยกัน ถัดออกไปเป็นระเบียงห้อง ใช้สำหรับตากเสื้อผ้ามากกว่าจะเป็นที่ชมวิวหรือทำอย่างอื่น

               จุดนัดพบของเธอกับอรอุมาคือสถานีรถไฟฟ้า แต่ทว่ามีบุคคลที่สามตามมาด้วยเสมอ นั่นก็คืออรรถพล ถึงจะเจอกันทุกวัน ทำงานด้วยกัน เป็นหัวหน้าลูกน้องกัน และเป็นทั้งพี่ชายเพื่อน ก็ไม่ได้ทำให้อรพินรู้สึกสนิทสนมกับอรรถพลสักนิด ยิ่งเจอสายตาของอรรถพลที่ชอบมองเธอแบบนั้นแล้ว ยิ่งทำให้กำแพงสูงมากขึ้น  

               ความสนิทที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วยิ่งทำให้เหลือน้อยลงไปอีก เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที บางครั้งรูสึกอึดอัด เธอเข้าใจความหมายของสายตาคู่นั้นที่มองมา แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา

               “รพินเสร็จยังกำลังออกไปนะ” อรอุมาส่งข้อความหา อรพินแต่งตัวเสร็จตั้งนานแล้ว ด้วยว่ามีอรรถพลมาด้วย เธอจึงไม่อยากให้เพื่อนรอ

               “รพินอยู่บีทีเอสแล้วอร ยืนรออยู่ที่เดิม”

               อรพินพิมพ์ตอบกลับไป สักพักก็มีผู้ชายกับผู้หญิงเดินมุ่งหน้าตรงมายังตนเองยืนอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนอรรถพลกับอรอุมานั่นเอง ดูผิวเผินสองพี่น้องก็หน้าตาเหมือนกันไม่น้อย ก็พี่น้องกันจะไม่ให้หน้าตาเหมือนกันได้อย่างไร อรพินนึกระหว่างที่มองสองคนเดินมา พร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

               “พี่อรรถ อร สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวสวัสดีทักทายสองคนพี่น้องก่อน เพื่อเป็นมารยาท

               “สวัสดีครับน้องรพิน รอพี่กับยัยหมูอรนานมั้ย ขอโทษนะครับที่ให้รอ” อรรถพลทักทายแบบเป็นกันเอง อรพินแทบจะหัวเราะออกมากับคำเรียกน้องสาวของเขา

               “วัสดีรพิน ใครยัยหมูของพี่อรรถ อรชื่ออรนะ อรเฉย ๆ “ อรอุมาทำท่างอนพี่ชาย

               “รพินรอไม่นานเลยค่ะ พึ่งมาถึงเหมือนกัน เราไปกันเถอะ” ทักทายกันเสร็จทั้งสามคนก็เดินไปซื้อตั๋ว และเดินขึ้นบันไดไปรอรถไฟฟ้า จากสถานี้ตรงนี้ไปยังตึกที่เธอทำงานอยู่แค่สถานีเดียวเท่านั้น อรพินเลือกที่พักที่ใกล้สถานที่ทำงานมากที่สุดเท่าที่จะหาได้

               ระหว่างรอรถไฟฟ้า เธอกับอรอุมายืนรอตรงด้านหน้าสุด เพื่อแข่งขันกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ มีอรรถพลยืนอยู่ข้างหลัง พูดถึงถ้าคนแน่นรอบนี้ ไปรอบต่อไปก็ยังทัน แต่ทว่าเธอไม่ชอบรอ มาแล้วก็ขึ้นเลย ถึงจะเป็นตั๋วยืนก็ยอม

               เมื่อรถไฟฟ้าจอดเทียบชานชลาประตูเปิดออกอัตโนมัติ เธอให้คนข้างในออกมาก่อน แล้วค่อยเดินเข้าไป มองหาเก้าอี้ว่าง โชคดีที่ยังเหลือให้พวกเธอนั่ง ยกเว้นอรรถพลที่ยืนจับราว แม้มีที่ว่างให้เขานั่งก็ตาม เวลาเร่งรีบแบบนี้เธอไม่ทันได้สนใจนึกถึงสายตาของอรรถพลที่แอบมองเธอเลย ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

               อรรถพลแอบมองเพื่อนน้องสาวอยู่ห่าง ๆ เขาระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม บ่อยครั้งที่สายตาของเขาไปปะทะเข้ากับสายตาคู่นั้นของเธอ มันอาจทำให้เธอรู้ตัวก็ได้ว่ากำลังโดนเขาแอบมอง เขาจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น อรพินจะไม่มีวันจับได้อีก

               เขาไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับเพื่อนน้องสาว เพียงแต่ใบหน้าของเธอมันทำให้เขาชอบมอง เขาห้ามใจตัวเองที่จะไม่มองไม่ได้ เธอมีอิทธิพลต่อเขามาก เป็นคนที่สองจากแฟนเก่าของเขา แต่ถ้าจะชอบอรพิน เขาจะต้องมีพร้อมทุกอย่าง เขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย

               ทว่าปัญหาใหญ่มันไม่ใช่เรื่องนี้ ตอนนี้เขามีพร้อมทุกอย่าง ปัญหามันอยู่ที่ตัวอรพิน เธอจะรู้สึกแบบไหนกับเขาต่างหาก อีกทั้งเธอเปรียบเสมือนน้องสาวเขาอีกคนด้วย เพราะเป็นเพื่อนกับอรอุมา แววตาที่อรพินมองเขา ก็ไม่มากไปกว่ามองพี่ชายคนหนึ่ง เพราะแบบนี้เขาจึงไม่กล้าแสดงออกว่าชอบเธอ แค่แอบมองก็พอ

               รถไฟฟ้าวิ่งได้สักพักก็ได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์บนรถ บอกว่าใกล้ถึงปลายทางแล้ว เธอกับอรอุมานั่งอยู่ลุกขึ้นยืนเตรียมลง แต่เธอไม่ทันระวังเพราะรถไฟยังจอดไม่สนิท เซถลาล้มทว่าล้มหงายไปด้านหลัง ดีที่มีอรรถพลรับไว้ ไม่เจ็บแต่อายมากกว่า ไม่ได้อายผู้โดยสารคนอื่น ๆ แต่อายอรรถพลต่างหาก

               “ระวังด้วยน้องรพิน เดี๋ยวล้มบาดเจ็บ”

               “ขอบคุณค่ะพี่อรรถ”

               อรพินหันไปยิ้มให้คนด้านหลัง ขอบคุณที่ช่วยรับตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงร่วงถึงพื้นแน่นอน รพินยิ้มแบบเขิน ๆ อรอุมาหัวเราะเธอคิกคัก ไม่กล้าแสดงออกมาก คงกลัวเธองอน พอรถไฟฟ้าหยุดสนิท ประตูเปิดเธอจึงรีบเดินออกมา ตามด้วยอรอุมาและอรรถพล ทั้งสามคนรีบเดินไปที่ตึกทำงาน วันนี้มาสามคน อรพินไม่ขึ้นผิดชั้นแน่นอน

               พอมาถึงทุกคนนำบัตรประชาชนออกมา แสดง เพื่อแลกบัตรขึ้นไปยังชั้น 11 ชั้นที่พวกเธอทำงานอยู่ มาถึงหน้าห้องก็สแกนบัตรพนักงานอีกครั้งเพื่อเข้าไปในห้องทำงาน สแกนนิ้วลงเวลาทำงานเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

               ส่วนอรรถพลขอตัวแยกไปหาวินิจเพื่อนของตนและคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่โซฟาอีกมุม อรพินกับอรอุมานำกระเป๋าไปไว้ล็อกเกอร์ของตน ดูนาฬิกาที่ติดบนผนังห้องเหลือตั้งหลายนาทีกว่าจะถึงเวลาเข้างาน อรพินหยิบอุปกรณ์ทำงานออกมาด้วย คือหูฟังและสมุดปากกาข้อมูลการทำงานเตรียมความพร้อมเสมอ

               “อรเราไปนั่งเล่นด้านนอกกันมั้ย ตรงนู้นน่ะ” ระเบียงด้านนอกเก้าอี้ยังว่างอยู่ ข้างในเต็มหมด ไม่เหลือที่ว่างให้พวกเธอได้นั่งสักตัว อรพินมองเห็นตรงนั้นว่างพอดี จึงชวนเพื่อนออกไปนั่ง เช้า ๆ แบบนี้แดดไม่ร้อน ออกมานั่งรับลมได้ ตอนเที่ยงอย่าคิดออกมานั่งเชียว

               “ไปก็ไป” อรอุมาไม่เคยขัดเธอทุกครั้ง ไปไหนไปกัน เล่นกันอยู่สองคน เมื่อตกลงตามนั้นพวกเธอก็พากันเดินออกมานั่งรอเวลาเข้างาน ที่ระเบียงด้านนอกตึก ชั้น 11 ลมพัดเย็นสบาย ดีที่วันนี้เธอเลือกใส่กระโปรงทรงเอมาทำงาน ไม่มีปัญหากับสายลมที่พัดมา

               ตรงนี้มันสูงพอที่จะมองเห็นทิวทัศน์กรุงเทพในตอนกลางวันเป็นวงกว้าง ก็สวยงามไม่แพ้ตอนกลางคืน ต่างกันตรงที่ไม่มีแสงไฟเท่านั้นเอง สายลมพัดมาไม่ขาดสาย ผมของเธอกับอรอุมาพัดปลิวไปตามแรงลม เธอคงคิดผิดที่ออกมานั่งตรงนี้ ผมเผ้าเสียทรงกันหมด

               “รพินพรุ่งนี้หยุด ไม่ได้ไปไหนมาเล่นที่บ้านเรานะ พอดีแม่เรามาเยี่ยมน่ะ มาจากต่างจังหวัด”

               “พรุ่งนี้เหรอ ก็ได้! รพินไม่ได้ไปไหนหรอก จะได้ไปทำความรู้จักกับแม่ด้วย แม่มากับใครอ่ะ” รพินตอบตกลง เธอไม่ได้ไปไหน และอยากไปทำความรู้จักกับแม่เพื่อนจริง ๆ ส่วนพ่อแม่ของเธอ อรอุมาเคยเจอตั้งหลายรอบ

               “มาคนเดียว เดินทางมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว น่าจะถึงวันนี้ตอนเย็น ๆ แล้วพรุ่งนี้ให้อรไปรับมั้ยหรือจะมาเอง”

               “รพินไปเองดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาอร “

               “ก็ได้! รพินปะถึงเวลาทำงานแล้ว ไปทำงานที่เรารักกันเถอะ” พอพูดแบบนี้พวกเธอก็หัวเราะ กับคำพูดประชดนิด ๆ ของอรอุมา แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในตึกเพื่อทำงานเช่นปกติทุกวัน

จบบท...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่