โซ่รัก บทที่ 1

กระทู้สนทนา


.

               ณ ตึกสูงใหญ่ใจกลางกรุง ถูกจัดทำขึ้นเป็นออฟฟิศหลายบริษัท หนึ่งในนั้นมีบริษัทของอรพินด้วย บริษัทของเธอเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 ถึงชั้น 12 ค่อนข้างเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง อรพินทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ

               เธอได้ทำงานที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียวเสมอมา สถานที่ทำงานติดกับบีทีเอส เดินทางมาทำงานสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องมีรถส่วนตัวก็ได้ เธอจึงค่อนข้างชอบงานนี้ และที่ทำงานแห่งนี้มาก เพื่อนหลายคนชวนเธอให้หางานที่ใหม่ทำ แต่ก็ปฏิเสธไป เธอห่วงเรื่องเดินทางไปทำงานมากกว่า เนื่องจากเธออาศัยอยู่คนเดียว จึงไม่อยากย้ายงานบ่อย หรือที่อยู่บ่อยนั่นเอง

               เธอพึ่งเรียนจบมาหมาด ๆ สมัครงานครั้งแรกก็ได้เข้าทำงานเลย เธอทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ เงินเดือนสตาร์ทครั้งแรกสูงลิ่วอย่างน่าพอใจ ความจริงมันก็แค่เงินเดือนขั้นต่ำของนักศึกษาจบใหม่ ทว่ามันตื่นตาตื่นใจเธอมาก

               เพื่อนร่วมงานมีคนทยอยเข้าออกกันหลายคน พูดกันว่ามันไม่ใช่ทางของตนเองบ้าง ก็พากันลาออกไป เหลือไม่กี่คนที่ยังทำอยู่ หนึ่งในนั้นคือเธอกับอรอุมา เป็นเพื่อนที่รู้จักและสนิทกันที่นี่ เป็นเพื่อนคนเดียวที่เหลืออยู่ในกลุ่มพนักงานใหม่ อรพินจึงค่อนข้างสนิทมาก

               เธอมีเพื่อนทั้งกลุ่มใหญ่และเพื่อนสนิทย่อยลงมาอีก จะว่าไปก็รู้จักกันทั้งชั้น 11 นี่แหละ อรพินทำงานที่ชั้นนี้ ส่วนชั้น 9 ชั้น 10 เธอไม่เคยรู้เลยว่ามีแผนกอะไรบ้าง ชั้น 12 เป็นชั้นของผู้บริหาร เคยเข้าไปก็แค่กดลิฟต์ผิดทะเล่อทะล่าเดินเข้าไปเท่านั้นเอง

               ติ๊ด ติ๊ด เสียงสแกนบัตรดังขึ้น ทันทีที่เธอนำบัตรพนักงานไปแตะเครื่องสแกนหน้าประตูกระจกใส ก่อนจะเข้าห้องทำงาน พอเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไป ยังมิวายยืนให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสแกนลำตัวอีกที ถึงจะเข้าไปได้ ดูวุ่นวายทว่ากฎระเบียบก็คือกฎระเบียบนั่นแหละ เพื่อความปลอดภัย

               แต่พอย่างกรายเข้ามามีสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอแปลก ๆ แถมหน้าตาพนักงานก็แปลกไปด้วย แต่ละคนเธอไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสักนิด อรอุมาไปไหน พี่อรรถพล พี่วินิจไปไหนกัน เปเปอร์ติดผนังห้องดูแปลกไม่คุ้นตา ล็อกเกอร์! ล็อกเกอร์เก็บกระเป๋าพนักงานของเธอมันต้องอยู่ฝั่งทางนี้ แล้วใครย้ายมันไปไหน เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พอรู้สึกตัวเท่านั้นแหละ เชี้ย! ผิดชั้น!

               “คอลฯชั้น 11 ครับนี่ QA ครับผม” พนักงานชายคนหนึ่งบอกกล่าวแก่เธอ พร้อมชูนิ้วชี้ขึ้นไปชั้นบน ยิ้มเห็นฟันออกไปทางหัวเราะ ที่พนักงานชายคนนั้นรู้ว่าเธอทำแผนกคอลเซ็นเตอร์ คงจะดูจากป้ายพนักงานที่ห้อยบนคอของเธอ

               บ้าเอ้ย! เขาไม่ได้ย้ายล็อกเกอร์ไปไหน เธอมาผิดชั้น เมื่อรู้ตัวอรพินรีบวิ่งกลับออกมาอย่างเร็วแบบเขิน ๆ พนักงานบางคนหัวเราะคิกคักตามหลัง เธอหยุดยืนหน้าลิฟต์ มันยิ่งตรอกย้ำความเผอเรอของเธอเข้าไปอีก เลข 10 ติดอยู่หน้าประตูลิฟต์ตัวเบ่อเลิ่ม อรพินไม่รอลิฟต์ วิ่งขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้น 11 ทันทีเพื่อให้ทันเข้างาน

               “รพินสายนะวันนี้เกือบไม่ทันแหนะ” อรอุมาหรืออรเพื่อนสนิทที่สุดในที่ทำงานแห่งนี้ของเธอกล่าวทักทาย เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแบบคนดีใจ คงกลัวเธอมาสาย ส่วนตัวเองยืนหอบนิดหน่อยจากการวิ่งขึ้นบันไดมา

               “อ่อมาตั้งนานแล้วอร แต่เอ่อ คือ...” รพินอายที่จะบอกความจริงกับเพื่อนไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะมัวแต่ก้มดูโทรศัพท์ เดินตามคนอื่นออกมาเฉยเลย นึกแล้วก็ตลกตัวเองไม่หาย อรพินยิ้มแหย ๆ ให้เพื่อนเป็นนัยว่าตามนั้นแหละ

              “อย่าบอกว่าเข้าผิดชั้น “

               อรพินพยักหน้าเป็นคำตอบ อรอุมาเดาถูกพร้อมหัวเราะเธอ อรอุมาและอรพินเป็นพนักงานจบใหม่ทั้งคู่ บังเอิญตอนมาสัมภาษณ์งานพวกเธอมาพร้อมกัน จึงได้รู้จักกันและได้เป็นเพื่อนสนิทกันในวันนี้ นี่ก็ทำงานมาสามเดือนแล้ว ได้รับเงินเดือน ๆ แรกพวกเธอภูมิใจมาก มันเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเธอที่ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร

               “โคตรน่าอายมากเลยอร เปิดประตูเข้าไปคนมองกันใหญ่เลย รพินก็งง ๆ ทำไมหน้าตาห้องมันแปลก ๆ เอ๊ะล็อกเกอร์ตรงนี้หายไปไหน...” เธอเล่าความโก๊ะของตนเองให้เพื่อนฟัง อรอุมาก็หัวเราะตามขณะที่ฟังเธอเล่า ระยะเวลาการทำงานสามเดือน เธอเข้าผิดชั้นมาสามสี่รอบแล้ว สองคนคุยกันในช่วงเช้าที่ระเบียงตึกก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน

               อรพินจะบอกว่าเธอโสดก็ไม่เชิง เธอมีมนัสไว้คุยไว้คอยปรึกษาอยู่เสมอ ยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นแฟนกันแบบจริงจัง แต่การกระทำของมนัสที่ปฏิบัติต่อเธอ ผู้ที่พบเห็นก็คงบอกเป็นเสียงเดียวว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกัน

               มนัสกับเธอทำงานคนละที่ รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ตอนนั้นยังเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกัน ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะสนใจเธอ พอเรียนจบแยกย้ายกันไป มนัสกับทักแชทมาคุยกับเธอทุกวัน บ้างก็โทรหา เธอไม่ปฏิเสธอะไร เพราะเธอก็ไม่มีใครอยู่แล้ว แก้เหงาได้ระดับหนึ่งในช่วงเวลาดึก ๆ

               นอกจากเธอกับอรอุมาที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ยังมีอรชร เมษา นารา วินิจ และอรรถพลเป็นเพื่อนในวงกลุ่มใหญ่อีกด้วย พวกเธอสองคนอานุน้อยที่สุด แถมอายุเท่ากันและเป็นพนักงานใหม่ทั้งคู่ จึงดูสนิทสนมกันกว่าใคร ๆ ที่อรพินได้รู้จักกับคนพวกนี้เพราะอรอุมา อรอุมาเป็นน้องสาวของอรรถพลนั่นเอง เธอจึงพลอยรู้จักไปด้วย

               ที่จริงอรพินก็ไม่ได้สนิทกับคนพวกนั้นสักเท่าไหร่ มีบ้างคุยกัน เพราะเป็นพี่ชายของอรอุมา ทำงานอยู่ชั้นเดียวกัน ที่อรอุมาสมัครเข้าทำงานนี้เพราะพี่ชายแนะนำ ส่วนเธอสมัครตามประกาศในอินเตอร์เน็ต ทั้งห้าคนนั้นก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับพวกเธอสองคนนัก มีบางเวลาที่เลี่ยงไม่ได้จำต้องนั่งคุยกันรอเข้างาน หรือหลังเลิกงานเล่นกันก่อนกลับ

               ในออฟฟิศชั้น 11 ของเธอ จะมีโซนให้ผ่อนคลายหลังเลิกงาน มีทั้งฟิตเนส มีโต๊ะสนุกเกอร์ให้เล่น มีโต๊ะเกม มีเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้พนักงานได้เล่นสนุกผ่อนคลายก่อนกลับ ในทุก ๆ วันอรอุมาจะชวนเธออยู่เล่นกับพวกพี่ชายของตนก่อนกลับเสมอ อรรถพลกับวินิจเล่นแทงสนุกเกอร์อยู่สองคน บางคนก็ไปนั่งเก้าอี้นวดไฟฟ้า ส่วนเธอไปปั่นจักรยานเล่นในฟิตเนสกับพี่นาราและพี่เมษา

               บางครั้งเธอรู้สึกว่าอรรถพลชอบมองเธอ มีบางครั้งที่สายตาประสานกัน แต่ก็ไม่อยากคิดอะไร นั่นพี่ชายเพื่อน บางทีเขาแค่มองเฉย ๆ ในฐานะเพื่อนน้องสาวก็ได้ ดีเหมือนกันมีคนเอ็นดูเธอจะได้ทำงานง่ายหน่อย จะว่าไปอรรถพลก็เป็นถึงหัวหน้าคุมแผนกคอลเซ็นเตอร์ในชั้นนี้เลย อรอุมาถึงค่อนข้างไม่เกรงใจใคร พนักงานที่อยู่ก่อนก็ไม่ค่อยมีปัญหากับพวกเธอ

               “อรกลับกันเถอะ เย็นมากแล้ว”

               อรพินเดินมาหาเพื่อนที่โต๊ะสนุกเกอร์ เอ่ยชวนกลับเพราะอยู่เล่นนานแล้ว อรอุมากำลังยืนกอดอกดูพวกพี่ชายเล่นสนุกเกอร์ อรรถพลยิ้มให้เธอ วินิจด้วยอีกคน ที่จริงถ้าจะให้เธอเลือกชอบ เธอชอบวินิจมากกว่าอรรถพล สองคนนี้รุ่นราวคราวเดียวกัน เสียแต่ว่าวินิจแต่งงานมีครอบครัวแล้วเท่านั้น ยกเว้นอรรถพลที่ยังโสดอยู่ อรพินรู้เพราะอรอุมาเล่าให้ฟัง

               “นั่นสิน้องอรไม่พาเพื่อนกลับ มาอยู่เล่นกับพวกพี่อยู่ได้” อรรถพลเอ็ดน้องสาวไปที ที่พาเธออยู่จนเย็น ทั้งที่เลิกงานตั้งแต่ห้าโมงเย็นไม่ยอมกลับกัน เดี๋ยวอรพินจะพาลงอนไปอีก ไม่เล่นกับน้องสาวตน ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น อรรถพลห่วงว่าตนจะไม่ได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ต่างหาก

                “ทำไมไม่ดุยัยอรเลยน้องรพิน อย่าไปตามใจมากนะครับวันหลัง ดุเลย” เขาเนียนคุยกับเธอ อรพินยิ้มออกไปทางหัวเราะให้เขา ตั้งแต่รู้จักกันมาผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยกล้าคุยกับเขานัก เท่าที่สังเกต กล้าคุยก็แต่กับวินิจ อาจจะเป็นเพราะตำแหน่งของเขา หรืออย่างไรไม่แน่ใจ

               “ถ้าอรยังไม่อยากกลับเรากลับก่อนนะ” อรพินเสนอทางเลือกให้เพื่อน เธอรู้ว่าเพื่อนยังไม่อยากกลับ แต่เธอต้องกลับจวนจะหกโมงครึ่งอยู่แล้ว

               “กลับก็ได้ พวกหนูกลับก่อนนะคะพี่ ๆ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” อรอุมาและอรพินบอกลาเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ พร้อมยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ก่อนจะเก็บกระเป๋าหันหลังเดินออกไปตรงไปยังหน้าลิฟต์ เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังเธอไปจนสุดสายตา

               “ชอบน้องเค้าเหรอวะพี่อรรถ” วินิจถามเพื่อนสนิท แต่อายุเยอะกว่าเขา พร้อมก้มเล็งลูกสนุกเกอร์สีแดงเตรียมจะใช้ไม้แทง

               “เปล่า! ชั้นจะชอบน้องเค้าได้ไง นั่นน้องสาวชั้นนะเว้ย เพื่อนยัยอรก็เท่ากับน้องสาวชั้นนั่นแหละ” คนถูกไต่สวนแก้ตัว ยืนถือไม้รอรอบของตัวเองอยู่

               “พี่พูดพี่มองตาผมด้วย เห็นมองน้องรพินตาเป็นมันเชียว ผมเห็นนะ”

               “แกอย่าหาเรื่องชั้น ถึงชอบยัยอรคงเอาชั้นตายแน่ และอีกอย่างน้องเค้าคงจะมีแฟนแล้วแหละ” เขาเผลอพูดออกมา คงแก้ตัวไม่ทันแล้ว

              “นั่นแน่! สุดท้ายก็ยอมรับออกมาจนได้ ชอบน้องเค้าอ่ะดิ” วินิจพูดแย่แบบหมั่นไส้ ที่เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ปากแข็งนัก แถมปากไม่ตรงกับใจด้วย

               “นี่อย่ามัวแต่พูดแกแทงให้มันลงรูไปเลย แพ้ชั้นเลี้ยงเหล้านะเว้ย” ทั้งสองหนุ่มคุยกันไป เล่นสนุกเกอร์ไป อีกนานพวกเขาถึงจะกลับ อรรถพลหาเรื่องคุยกลบเกลื่อน ไม่อยากให้วินิจพูดถึงอรพิน เดี๋ยวโดนล้อ และที่สำคัญไม่อยากให้เธอรู้ตัวว่าเขาแอบชอบ

จบบท...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่