.
ชั้น10 และ 11 ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี ดอกไม้ ลูกโป่งสีสันสวยงาม เน้นไปในทางสีขาวและฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ดูรวม ๆ เพลินตามากมาย ซึ่งเป็นตรีมของงาน พนักงานทุกคนต้องแต่งตัวให้เข้ากับตรีมงาน นั่นคือสวมชุดสีอะไรก็ได้ระหว่างสองสีนี้ขาวกับฟ้า มีแต่มุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งนั้น
ทุกคนจัดเต็มกับการแต่งตัว บรรยากาศครึกครื้นมาก ๆ ทุกคนถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศในงานมากมาย มีการประกวดชุดสวยด้วย ว่าใครจะแต่งตัวเลิศอลังการงานสร้างที่สุด แต่ต้องอยู่ภายใต้ตรีมฟ้าขาว ส่วนเธอกับอรอุมาขอเป็นผู้ชมอย่างเดียว ไม่เข้าร่วมแข่งขันด้วย
“น้องรพินน่าจะเข้าประกวดกับเค้าเนอะ ให้พี่อรรถตาค้างไปเลย” นารากระซิบใกล้ ๆ เธอ ขณะนี้ในงานเสียงดังไปด้วยเสียงเพลิงที่เปิดอยู่ตลอดเวลา ระหว่างที่รอท่านประธานบริษัทเปิดงานและเปิดคอนเสิร์ต พวกเธอนั่งที่โต๊ะอาหาร เป็นโต๊ะจีนที่ตกแต่งหรูหราพอควร
“บ้าเหรอพี่นารา พี่อรรถจะตาค้างทำไม” เมื่อได้ยินเช่นนี้ อรพินรีบปฏิเสธทันควัน และมองค้อนให้เพื่อนรุ่นพี่นิดหน่อย ระยะหลัง ๆ มาชอบมีคนพูดว่าเธอกับอรรถพลน่าจะเป็นมากกว่าคนรู้จัก ซึ่งเธอไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เธอมีมนัสอยู่ทั้งคน อรรถพลก็แค่คนรู้จักหรือพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น นารายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“สองคนนี้แต่งตัวเหมือนกันเลย ฝาแฝดปะเนี่ย แฝดพี่แฝดน้องหน้าตาไม่เหมือนกันเลย” วินิจเดินเข้ามาพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง ยกเว้นก็แต่อรรถพลที่ยังนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน ต่างกับวินิจที่ลุกไปมั่วทุกโต๊ะ
“แฝดคนละฝาค่ะพี่วินิจ นี่แฝดพี่ นี่แฝดน้อง” อรพินเล่นด้วยกับวินิจ ไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนมองอยู่ พอรู้สึกตัวหันไปเจอสายตาและรอยยิ้มของอรรถพลเข้าพอดี จำต้องกลับมาอยู่นิ่งเฉย ๆ เหมือนเดิม
วันนี้เป็นวันครบรอบ 70 ปีของบริษัท ชั้น 10 ถูกจัดเป็นส่วนรับประทานอาหารของพนักงาน ส่วนชั้น 11 ถูกจัดให้เป็นเวทีคอนเสิร์ต มีบันไดภายในออฟฟิศให้เดินเชื่อมหากันได้ระหว่างสองชั้น พนักงานไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟต์
ถึงจะจัดรวมกันอย่างไร พนักงานก็แยกเป็นกลุ่มใครกลุ่มมันอยู่ดี เป็นแผนกของใครของมัน และแยกย่อยลึกลงไปอีกนั่นก็คือ กลุ่มใครกลุ่มมันนั่นเอง
อรพินกับอรพอุมาไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกพี่ชาย พวกเธอนั่งกับเพื่อน ๆ แผนกเดียวกัน ก็นั่นแหละ บางคนเดินไปเดินมาหลายโต๊ะ ไม่มีใครว่าอะไร งานวันนี้สนุกเพลิดเพลินกันอย่างเดียว ใครจะเดินมั่วไปโต๊ะไหนก็ได้หมด
วินิจเที่ยวเดินไปโต๊ะนู่นโต๊ะนี่ โต๊ะไหนก็ช่างที่มีคนรู้จัก บ้างก็มาแจมกับโต๊ะพวกเธอด้วย ไม่เคยอยู่กับที่ตลอดทั้งคืน ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะวันนี้ทุกคนสนุกไปกับงานอย่างเดียว อาหารมีมากมายให้รับประทาน เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่อลังการสำหรับบริษัทของพวกเธอ
ท่านประธานขึ้นเวทีกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมให้ทุกคนสนุกกันเต็มที่ วันนี้อรพินแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าออกน้ำเงินล้วน แขนกุดชายกระโปรงยาวเลยเข่านิดหน่อย รองเท้าคัชชูมีส้นสีครีมเปลือกไข่ ทรงผมทักเปียและรวบผมขึ้นหมด ดัดปลายให้ม้วนนิดหน่อย
ดูธรรมดากว่าใครหลาย ๆ คนในนี้ ทว่าเธอสวยใสสำหรับอรรถพลเสมอ รวมทั้งอรอุมาน้องสาวของตนด้วย อรอุมาสวมชุดสีฟ้าทรงเดียวกันสไตล์เดียวกันกับอรพิน สองคนนี้ได้สมญานามว่าเป็นแฝดคนละฝาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เขานั่งอยู่อีกโต๊ะซึ้งล้วนมีเฉพาะตำแหน่งเดียวกันทั้งนั้น ในใจอยากไปร่วมนั่งกับน้องสาวและอรพินใจจะขาด นึกอิจฉาวินิจที่สนิทกับทุกคน รวมทั้งอรพินของเขาด้วย เขาได้แค่แอบมอง เขาแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ช่วงดึกจะมีคอนเสิร์ตที่ชั้น 11 ช่วงเวลานี้แหละเขาจะหาทางใกล้ชิดเธอให้ได้
วันเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน แม้ไม่มีใครเอ่ยปากออกมาก่อน ก็ทำให้เขารู้ว่าอรพินคิดเช่นเดียวกัน คงมีใจให้กับเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงปฏิเสธในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา และอ้อมกอดนั้นที่เธอกอด ก็คงพอสำหรับคำตอบของหัวใจ
ค่ำคืนนี้พนักงานสนุกเพลิดเพลินไปกับดนตรีและเสียงเพลงบนชั้น 11 บางคนเดินขึ้นเดินลงเป็นว่าเล่น ไม่มีใครสนใจใคร บางคนก็อยู่กันเป็นคู่ ๆ เวลาทำงานเป็นเพื่อนกัน พอจัดงานเลี้ยงคืนนี้เป็นแฟนกันก็มี
“สนุกมั้ยน้องรพิน” สุดท้ายอรรพลก็เดินมาหาเธอจนได้ โอกาสประจวบเหมาะ เพราะอรอุมาน้องสาวของตนกับนาราชวนกันเดินขึ้นไปชั้น 11 เพื่อไปดูคอนเสิร์ตแล้ว ตรงนี้เหลือเพียงเมษากับอรพินนั่งคุยกันอยู่สองคน
“เอ้าพี่อรรถไม่ได้มาหาเมษาแล้วเหรอ” อรรถพลโดนเพื่อนรุ่นน้องเย้าแหย่ แถมอรพินยังหัวเราะเยาะเขาไปอีก ความเขินอายเข้ามาเยือน รู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้าขึ้นมาดื้อ ๆ
“ก็มาหาเรานั่นแหละเมษา” อรรถพลขยับเก้าอี้นั่งร่วมโต๊ะด้วย คราวนี้อรรถพลเลือกที่จะนั่งใกล้ ๆ เธอ ไม่มีคำโต้แย้งจากเพื่อนรุ่นน้องกลับมา มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มีเลศนัยให้ “เต็มที่เลยนะคืนนี้”
“พี่อรรถไม่ขึ้นไปข้างบนเหรอคะ ยายอรกับพี่นาราไปแดนซ์แล้ว” อรพินเองตอนนี้เปิดใจรับเขามากขึ้น ยิ่งทำให้คิดไปไกล ถ้าทำได้อยากจะขอเธอเป็นแฟนเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“เอ้อ! พี่ว่าพี่ขึ้นชั้นบนไปหาสองคนนั้นดีกว่า เมษาไปข้างบนก่อนนะพี่อรรถ” พูดจบเมษาไม่รีรอ ลุกพรวดเดินขึ้นบันไดไปชั้น 11 ทันที ปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง อรพินร้องห้ามไม่ทัน เมษาไม่สนใจเธอเลย
“อ้าวเมษาทิ้งกันซะและ” อรรถพลหันมองตามคนที่ลุกเดินไป ก่อนจะหันมายิ้มให้คนตรงหน้า “น้องรพินสวยจังครับวันนี้” คนพูดหน้าแดงเขินซะเอง ที่ชมออกมาได้อย่างไรซึ่ง ๆ หน้า คนถูกชมไม่ได้มีความเขินอายอะไรสักนิด
“นี่แปลว่าทุกวันรพินไม่สวยใช่มั้ย” เธอยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มที่ระเรื่อไปด้วยลิปสติกสีแดงช่ำมันช่างหวาน น่ารักกินใจเขาเสียจริง อยากจะเอาริมฝีปากของตนไปสัมผัสให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่ ทุกวันก็สวย พี่แค่ไม่ค่อยเห็นรพินแต่งตัวแบบนี้ต่างหาก ทุกวันก็เห็นแค่ชุดทำงานไง” เขารีบแก้ตัว กลัวเธอจะน้อยใจ
“เหรอคะ พี่อรรถเราขึ้นไปชั้นบนดูคอนเสิร์ตกันดีกว่าค่ะ”
“ได้สิครับ”
ขณะนี้ด้านล่างแทบไม่มีพนักงานคนไหนอยู่เลย เหลืออยู่ไม่กี่คนที่อยู่ตรงนี้ พวกพนักงานขึ้นไปร่วมสนุกที่ชั้น 11 กันหมด จวบจนเวลาเลยมาถึงเที่ยงคืน ท่านประธานบริษัทกล่าวปิดงานอีกครั้ง มีบางคนยังไม่อยากให้งานเลิก ยังอยากใช้เวลาอยู่กับอีกคนให้นานกว่านี้ ทว่าทำอะไรไม่ได้ ก็จำใจต้องจากกันไปและเจอกันอีกครั้งในวันทำงาน
“พี่อรรถจะขอรพินเป็นแฟนก็รีบทำนะคะ” อรอุมาเปิดทางให้พี่ชายเต็มที่ เธอเองก็เห็นว่าอรพินไม่ได้เสียหายอะไร หากจะเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันกับตน “ชักช้ารพินมีแฟนก่อน อรไม่ช่วยนะ”
“ครับ สั่งจังเป็นน้องหรือเป็นแม่กันแน่”
“เอ้าก็อรเห็นแอบมองอยู่ได้ ถ้าขอเป็นแฟน ได้เป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องแอบมอง แอบเพ้อฝันหาอีก”
“ไอ้...”
“หยุด! ห้ามเรียกน้องว่าอ้วนที่นี่ พี่ดำ!” อรอุมาทักท้วงก่อน ก่อนที่อรรถพลจะเรียกชื่อที่ชอบล้อน้องสาวออกมา
“สองพี่น้องคุยอะไรกันคะ กลับกันเถอะจะตีหนึ่งแล้วเนี่ย” อรพินเดินมาหาสองพี่น้องที่ยืนคุยกันตรงมุมบันได กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน พนักงานเริ่มทยอยกลับกันหมด เหลือไม่กี่คนที่คอยเช็คความเรียบร้อยที่นี่ หนึ่งในนั้นอรรถพลด้วย เธอกับอรอุมาจึงต้องรอเป็นเพื่อน
“รพินให้พี่อรรถไปส่งคนเดียวนะ อรรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังไงไม่รู้ ขอลงบ้านก่อนได้มั้ย” พูดด้วยแววตาขอความเห็นใจและทำเป็นรู้สึกผิดที่ไปส่งด้วยไม่ได้ เธอเพียงอยากให้พี่ชายได้ใช้เวลาอยู่กันตามลำพังกับเพื่อน เผื่อมีอะไรจะพูดคุยกันก็จะได้ไม่ต้องมีก้างขวางคออย่างเธอติดไปด้วย
“ได้สิ! แหมแดนซ์จนไม่สบายเลยเหรอ” อรพินไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว หากจะให้อรรถพลไปส่งตนเพียงลำพัง เธอไว้ใจเขา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่อรรถพบรับส่งตน หากแต่บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน
อรรถพลแวะส่งน้องสาวที่บ้าน ก่อนจะมุ่งหน้าไปส่งอรพินต่อ ยังดีที่ทางกลับบ้านของเขาถึงก่อนคอนโดของอรพิน จึงทำให้ดูไม่น่าเกลียดนักที่จะวนรถกลับไปกลับมา
ทว่าระหว่างขับรถกลับอรพินนั่งเคลิ้มๆกับสายลมของแอร์ และเสียงเพลงเบา ๆ ทั้งรู้สึกง่วง ใบหน้าของเธอดูเรียบธรรมดา แต่เธอกลับทำให้หัวใจของอรรถพลเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ระส่ำระสายหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ เธอน่ารักน่าเป็นเจ้าของและครอบครองทั้งกายใจ อรรถพลสบัดความคิดที่ไม่เข้าท่าออกจากหัว เขาจะทำแบบนี้ได้ไง แต่ไฟในใจของเขามันร้อนแรงเกินไป แผดเผาความถูกต้องอันตธารหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงไฟรักที่ลุกโชนอยู่ในใจเขาขณะนี้
ถึงเขาจะรักเธอจากใจ และพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตตลอดไปก็ตาม ความต้องการอยากเป็นเจ้าของมันมีมากกว่าความรักที่ค่อยเป็นค่อยไป มันมีมากกว่าความถูกต้อง เขารักเธอเหลือเกิน จนไม่อยากให้เธอตกเป็นของคนอื่น
เธอคือคนที่ใช่และตามหามานาน ปีศาจร้ายในใจมันเริ่มเข้ามาก่อกวนจิตใจของเขา ไฟในตัวเริ่มประทุขึ้นอย่างร้อนแรง อยากได้เธอเป็นเจ้าของ ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ทำให้คิดทำอะไรโง่ ๆ กับเธอ
เมื่อนึกได้อย่างนั้นแล้ว อรรถพลจึงนึกถึงโรงแรมระดับไม่กี่ดาว จะเรียกมันว่าโรงแรมก็ไม่ใช่ซะทีเดียว นาทีนี้หม่านรูดตอบโจทย์ความต้องการเขามากที่สุด จะที่ไหนไม่สนใจแค่ได้ครอบครองเธอทั้งกายและใจก็เป็นพอ อรพินต้องตกเป็นของเขา ของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“พี่ขอโทษนะน้องรพิน พี่รักเธอนะ” เขาหันมามองหน้าคนที่บอกว่ารัก อีกใจก็ไม่อยากทำ กลัวเสียเธอไปตลอดชีวิต ทว่าสู้ไฟรักที่มันแผดเผาในใจเขาไม่ได้ สมองนึกถึงหม่านรูด เขารู้ว่าต้องไปที่ไหน ถึงไม่เคยพาใครมาใช้บริการ ก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน รู้ว่าต้องจัดการอะไรยังไง ละครในทีวีก็ดูบ่อย
“ขอโทษนะน้องอร พี่รักรพิน “ อรรถพลพูดถึงน้องสาว รพินเป็นเพื่อนรักของอรอุมา ขณะนี้ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งความต้องการของเขาได้ ปีศาจร้ายมันกำลังครอบงำจิตใจเขา กำลังพาตัวเขาดิ่งลงเหวลึก แท้รู้ว่าอาจจะเสียใจ และอาจไม่ได้เจอเธออีก แต่ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น
กำลังชั่งใจเมื่อนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา อรพินก็มีใจให้กับเขา ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง หรือคิดไปเองแน่นอน การกระทำของเธอมันบอกว่าเธอเองก็รักเขา ต้องการเขา อรพินยังคงเคลิ้มหลับไปกับเสียงเพลงที่เปิดในรถ เธอไว้ใจเขาเสมอ ขณะนี้จิตใจของเขากำลังทะเลาะกัน
โซ่รัก บทที่ 9
.
ชั้น10 และ 11 ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี ดอกไม้ ลูกโป่งสีสันสวยงาม เน้นไปในทางสีขาวและฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ดูรวม ๆ เพลินตามากมาย ซึ่งเป็นตรีมของงาน พนักงานทุกคนต้องแต่งตัวให้เข้ากับตรีมงาน นั่นคือสวมชุดสีอะไรก็ได้ระหว่างสองสีนี้ขาวกับฟ้า มีแต่มุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งนั้น
ทุกคนจัดเต็มกับการแต่งตัว บรรยากาศครึกครื้นมาก ๆ ทุกคนถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศในงานมากมาย มีการประกวดชุดสวยด้วย ว่าใครจะแต่งตัวเลิศอลังการงานสร้างที่สุด แต่ต้องอยู่ภายใต้ตรีมฟ้าขาว ส่วนเธอกับอรอุมาขอเป็นผู้ชมอย่างเดียว ไม่เข้าร่วมแข่งขันด้วย
“น้องรพินน่าจะเข้าประกวดกับเค้าเนอะ ให้พี่อรรถตาค้างไปเลย” นารากระซิบใกล้ ๆ เธอ ขณะนี้ในงานเสียงดังไปด้วยเสียงเพลิงที่เปิดอยู่ตลอดเวลา ระหว่างที่รอท่านประธานบริษัทเปิดงานและเปิดคอนเสิร์ต พวกเธอนั่งที่โต๊ะอาหาร เป็นโต๊ะจีนที่ตกแต่งหรูหราพอควร
“บ้าเหรอพี่นารา พี่อรรถจะตาค้างทำไม” เมื่อได้ยินเช่นนี้ อรพินรีบปฏิเสธทันควัน และมองค้อนให้เพื่อนรุ่นพี่นิดหน่อย ระยะหลัง ๆ มาชอบมีคนพูดว่าเธอกับอรรถพลน่าจะเป็นมากกว่าคนรู้จัก ซึ่งเธอไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เธอมีมนัสอยู่ทั้งคน อรรถพลก็แค่คนรู้จักหรือพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น นารายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“สองคนนี้แต่งตัวเหมือนกันเลย ฝาแฝดปะเนี่ย แฝดพี่แฝดน้องหน้าตาไม่เหมือนกันเลย” วินิจเดินเข้ามาพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง ยกเว้นก็แต่อรรถพลที่ยังนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน ต่างกับวินิจที่ลุกไปมั่วทุกโต๊ะ
“แฝดคนละฝาค่ะพี่วินิจ นี่แฝดพี่ นี่แฝดน้อง” อรพินเล่นด้วยกับวินิจ ไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนมองอยู่ พอรู้สึกตัวหันไปเจอสายตาและรอยยิ้มของอรรถพลเข้าพอดี จำต้องกลับมาอยู่นิ่งเฉย ๆ เหมือนเดิม
วันนี้เป็นวันครบรอบ 70 ปีของบริษัท ชั้น 10 ถูกจัดเป็นส่วนรับประทานอาหารของพนักงาน ส่วนชั้น 11 ถูกจัดให้เป็นเวทีคอนเสิร์ต มีบันไดภายในออฟฟิศให้เดินเชื่อมหากันได้ระหว่างสองชั้น พนักงานไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟต์
ถึงจะจัดรวมกันอย่างไร พนักงานก็แยกเป็นกลุ่มใครกลุ่มมันอยู่ดี เป็นแผนกของใครของมัน และแยกย่อยลึกลงไปอีกนั่นก็คือ กลุ่มใครกลุ่มมันนั่นเอง
อรพินกับอรพอุมาไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกพี่ชาย พวกเธอนั่งกับเพื่อน ๆ แผนกเดียวกัน ก็นั่นแหละ บางคนเดินไปเดินมาหลายโต๊ะ ไม่มีใครว่าอะไร งานวันนี้สนุกเพลิดเพลินกันอย่างเดียว ใครจะเดินมั่วไปโต๊ะไหนก็ได้หมด
วินิจเที่ยวเดินไปโต๊ะนู่นโต๊ะนี่ โต๊ะไหนก็ช่างที่มีคนรู้จัก บ้างก็มาแจมกับโต๊ะพวกเธอด้วย ไม่เคยอยู่กับที่ตลอดทั้งคืน ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะวันนี้ทุกคนสนุกไปกับงานอย่างเดียว อาหารมีมากมายให้รับประทาน เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่อลังการสำหรับบริษัทของพวกเธอ
ท่านประธานขึ้นเวทีกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมให้ทุกคนสนุกกันเต็มที่ วันนี้อรพินแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าออกน้ำเงินล้วน แขนกุดชายกระโปรงยาวเลยเข่านิดหน่อย รองเท้าคัชชูมีส้นสีครีมเปลือกไข่ ทรงผมทักเปียและรวบผมขึ้นหมด ดัดปลายให้ม้วนนิดหน่อย
ดูธรรมดากว่าใครหลาย ๆ คนในนี้ ทว่าเธอสวยใสสำหรับอรรถพลเสมอ รวมทั้งอรอุมาน้องสาวของตนด้วย อรอุมาสวมชุดสีฟ้าทรงเดียวกันสไตล์เดียวกันกับอรพิน สองคนนี้ได้สมญานามว่าเป็นแฝดคนละฝาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เขานั่งอยู่อีกโต๊ะซึ้งล้วนมีเฉพาะตำแหน่งเดียวกันทั้งนั้น ในใจอยากไปร่วมนั่งกับน้องสาวและอรพินใจจะขาด นึกอิจฉาวินิจที่สนิทกับทุกคน รวมทั้งอรพินของเขาด้วย เขาได้แค่แอบมอง เขาแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ช่วงดึกจะมีคอนเสิร์ตที่ชั้น 11 ช่วงเวลานี้แหละเขาจะหาทางใกล้ชิดเธอให้ได้
วันเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน แม้ไม่มีใครเอ่ยปากออกมาก่อน ก็ทำให้เขารู้ว่าอรพินคิดเช่นเดียวกัน คงมีใจให้กับเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงปฏิเสธในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา และอ้อมกอดนั้นที่เธอกอด ก็คงพอสำหรับคำตอบของหัวใจ
ค่ำคืนนี้พนักงานสนุกเพลิดเพลินไปกับดนตรีและเสียงเพลงบนชั้น 11 บางคนเดินขึ้นเดินลงเป็นว่าเล่น ไม่มีใครสนใจใคร บางคนก็อยู่กันเป็นคู่ ๆ เวลาทำงานเป็นเพื่อนกัน พอจัดงานเลี้ยงคืนนี้เป็นแฟนกันก็มี
“สนุกมั้ยน้องรพิน” สุดท้ายอรรพลก็เดินมาหาเธอจนได้ โอกาสประจวบเหมาะ เพราะอรอุมาน้องสาวของตนกับนาราชวนกันเดินขึ้นไปชั้น 11 เพื่อไปดูคอนเสิร์ตแล้ว ตรงนี้เหลือเพียงเมษากับอรพินนั่งคุยกันอยู่สองคน
“เอ้าพี่อรรถไม่ได้มาหาเมษาแล้วเหรอ” อรรถพลโดนเพื่อนรุ่นน้องเย้าแหย่ แถมอรพินยังหัวเราะเยาะเขาไปอีก ความเขินอายเข้ามาเยือน รู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้าขึ้นมาดื้อ ๆ
“ก็มาหาเรานั่นแหละเมษา” อรรถพลขยับเก้าอี้นั่งร่วมโต๊ะด้วย คราวนี้อรรถพลเลือกที่จะนั่งใกล้ ๆ เธอ ไม่มีคำโต้แย้งจากเพื่อนรุ่นน้องกลับมา มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มีเลศนัยให้ “เต็มที่เลยนะคืนนี้”
“พี่อรรถไม่ขึ้นไปข้างบนเหรอคะ ยายอรกับพี่นาราไปแดนซ์แล้ว” อรพินเองตอนนี้เปิดใจรับเขามากขึ้น ยิ่งทำให้คิดไปไกล ถ้าทำได้อยากจะขอเธอเป็นแฟนเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“เอ้อ! พี่ว่าพี่ขึ้นชั้นบนไปหาสองคนนั้นดีกว่า เมษาไปข้างบนก่อนนะพี่อรรถ” พูดจบเมษาไม่รีรอ ลุกพรวดเดินขึ้นบันไดไปชั้น 11 ทันที ปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง อรพินร้องห้ามไม่ทัน เมษาไม่สนใจเธอเลย
“อ้าวเมษาทิ้งกันซะและ” อรรถพลหันมองตามคนที่ลุกเดินไป ก่อนจะหันมายิ้มให้คนตรงหน้า “น้องรพินสวยจังครับวันนี้” คนพูดหน้าแดงเขินซะเอง ที่ชมออกมาได้อย่างไรซึ่ง ๆ หน้า คนถูกชมไม่ได้มีความเขินอายอะไรสักนิด
“นี่แปลว่าทุกวันรพินไม่สวยใช่มั้ย” เธอยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มที่ระเรื่อไปด้วยลิปสติกสีแดงช่ำมันช่างหวาน น่ารักกินใจเขาเสียจริง อยากจะเอาริมฝีปากของตนไปสัมผัสให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่ ทุกวันก็สวย พี่แค่ไม่ค่อยเห็นรพินแต่งตัวแบบนี้ต่างหาก ทุกวันก็เห็นแค่ชุดทำงานไง” เขารีบแก้ตัว กลัวเธอจะน้อยใจ
“เหรอคะ พี่อรรถเราขึ้นไปชั้นบนดูคอนเสิร์ตกันดีกว่าค่ะ”
“ได้สิครับ”
ขณะนี้ด้านล่างแทบไม่มีพนักงานคนไหนอยู่เลย เหลืออยู่ไม่กี่คนที่อยู่ตรงนี้ พวกพนักงานขึ้นไปร่วมสนุกที่ชั้น 11 กันหมด จวบจนเวลาเลยมาถึงเที่ยงคืน ท่านประธานบริษัทกล่าวปิดงานอีกครั้ง มีบางคนยังไม่อยากให้งานเลิก ยังอยากใช้เวลาอยู่กับอีกคนให้นานกว่านี้ ทว่าทำอะไรไม่ได้ ก็จำใจต้องจากกันไปและเจอกันอีกครั้งในวันทำงาน
“พี่อรรถจะขอรพินเป็นแฟนก็รีบทำนะคะ” อรอุมาเปิดทางให้พี่ชายเต็มที่ เธอเองก็เห็นว่าอรพินไม่ได้เสียหายอะไร หากจะเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันกับตน “ชักช้ารพินมีแฟนก่อน อรไม่ช่วยนะ”
“ครับ สั่งจังเป็นน้องหรือเป็นแม่กันแน่”
“เอ้าก็อรเห็นแอบมองอยู่ได้ ถ้าขอเป็นแฟน ได้เป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องแอบมอง แอบเพ้อฝันหาอีก”
“ไอ้...”
“หยุด! ห้ามเรียกน้องว่าอ้วนที่นี่ พี่ดำ!” อรอุมาทักท้วงก่อน ก่อนที่อรรถพลจะเรียกชื่อที่ชอบล้อน้องสาวออกมา
“สองพี่น้องคุยอะไรกันคะ กลับกันเถอะจะตีหนึ่งแล้วเนี่ย” อรพินเดินมาหาสองพี่น้องที่ยืนคุยกันตรงมุมบันได กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน พนักงานเริ่มทยอยกลับกันหมด เหลือไม่กี่คนที่คอยเช็คความเรียบร้อยที่นี่ หนึ่งในนั้นอรรถพลด้วย เธอกับอรอุมาจึงต้องรอเป็นเพื่อน
“รพินให้พี่อรรถไปส่งคนเดียวนะ อรรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังไงไม่รู้ ขอลงบ้านก่อนได้มั้ย” พูดด้วยแววตาขอความเห็นใจและทำเป็นรู้สึกผิดที่ไปส่งด้วยไม่ได้ เธอเพียงอยากให้พี่ชายได้ใช้เวลาอยู่กันตามลำพังกับเพื่อน เผื่อมีอะไรจะพูดคุยกันก็จะได้ไม่ต้องมีก้างขวางคออย่างเธอติดไปด้วย
“ได้สิ! แหมแดนซ์จนไม่สบายเลยเหรอ” อรพินไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว หากจะให้อรรถพลไปส่งตนเพียงลำพัง เธอไว้ใจเขา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่อรรถพบรับส่งตน หากแต่บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน
อรรถพลแวะส่งน้องสาวที่บ้าน ก่อนจะมุ่งหน้าไปส่งอรพินต่อ ยังดีที่ทางกลับบ้านของเขาถึงก่อนคอนโดของอรพิน จึงทำให้ดูไม่น่าเกลียดนักที่จะวนรถกลับไปกลับมา
ทว่าระหว่างขับรถกลับอรพินนั่งเคลิ้มๆกับสายลมของแอร์ และเสียงเพลงเบา ๆ ทั้งรู้สึกง่วง ใบหน้าของเธอดูเรียบธรรมดา แต่เธอกลับทำให้หัวใจของอรรถพลเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ระส่ำระสายหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ เธอน่ารักน่าเป็นเจ้าของและครอบครองทั้งกายใจ อรรถพลสบัดความคิดที่ไม่เข้าท่าออกจากหัว เขาจะทำแบบนี้ได้ไง แต่ไฟในใจของเขามันร้อนแรงเกินไป แผดเผาความถูกต้องอันตธารหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงไฟรักที่ลุกโชนอยู่ในใจเขาขณะนี้
ถึงเขาจะรักเธอจากใจ และพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตตลอดไปก็ตาม ความต้องการอยากเป็นเจ้าของมันมีมากกว่าความรักที่ค่อยเป็นค่อยไป มันมีมากกว่าความถูกต้อง เขารักเธอเหลือเกิน จนไม่อยากให้เธอตกเป็นของคนอื่น
เธอคือคนที่ใช่และตามหามานาน ปีศาจร้ายในใจมันเริ่มเข้ามาก่อกวนจิตใจของเขา ไฟในตัวเริ่มประทุขึ้นอย่างร้อนแรง อยากได้เธอเป็นเจ้าของ ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ทำให้คิดทำอะไรโง่ ๆ กับเธอ
เมื่อนึกได้อย่างนั้นแล้ว อรรถพลจึงนึกถึงโรงแรมระดับไม่กี่ดาว จะเรียกมันว่าโรงแรมก็ไม่ใช่ซะทีเดียว นาทีนี้หม่านรูดตอบโจทย์ความต้องการเขามากที่สุด จะที่ไหนไม่สนใจแค่ได้ครอบครองเธอทั้งกายและใจก็เป็นพอ อรพินต้องตกเป็นของเขา ของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“พี่ขอโทษนะน้องรพิน พี่รักเธอนะ” เขาหันมามองหน้าคนที่บอกว่ารัก อีกใจก็ไม่อยากทำ กลัวเสียเธอไปตลอดชีวิต ทว่าสู้ไฟรักที่มันแผดเผาในใจเขาไม่ได้ สมองนึกถึงหม่านรูด เขารู้ว่าต้องไปที่ไหน ถึงไม่เคยพาใครมาใช้บริการ ก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน รู้ว่าต้องจัดการอะไรยังไง ละครในทีวีก็ดูบ่อย
“ขอโทษนะน้องอร พี่รักรพิน “ อรรถพลพูดถึงน้องสาว รพินเป็นเพื่อนรักของอรอุมา ขณะนี้ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งความต้องการของเขาได้ ปีศาจร้ายมันกำลังครอบงำจิตใจเขา กำลังพาตัวเขาดิ่งลงเหวลึก แท้รู้ว่าอาจจะเสียใจ และอาจไม่ได้เจอเธออีก แต่ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น
กำลังชั่งใจเมื่อนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา อรพินก็มีใจให้กับเขา ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง หรือคิดไปเองแน่นอน การกระทำของเธอมันบอกว่าเธอเองก็รักเขา ต้องการเขา อรพินยังคงเคลิ้มหลับไปกับเสียงเพลงที่เปิดในรถ เธอไว้ใจเขาเสมอ ขณะนี้จิตใจของเขากำลังทะเลาะกัน