.
“น้องรพินรอพี่อรรถด้วย” เช้าวันนี้ก็เช่นกัน บ่อยครั้งที่อรรถพลชอบเจอกับเธอที่หน้าลิฟต์ เหมือนเป็นการตั้งใจ แต่เธอก็ไม่อยากคิดเช่นนั้น เธอจะถือว่าแต่ละครั้งที่เจอกันมันแค่เรื่องบังเอิญ
อรพินยิ้มทักทายไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ออกมา กดลิฟต์รอเขยิบถอยให้เขาเข้ามา ทว่าวันนี้โอกาสไม่ได้เหมาะเช่นทุกวัน มีคนอื่น ๆ อยู่ในลิฟต์ด้วย อรรถพลรีบวิ่งเข้ามาในลิฟต์ เลือกยืนใกล้ ๆ เธอ เงียบ ๆ โอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้เข้ามาตลอดเสมอ ก็ยังดีที่เจอกัน
“ทำไมวันนี้พี่อรรถถึงสายได้คะ” อรพินชวนเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คุยไปตามทางเดิน ที่จริงก็ยังไม่สายเท่าไหร่ อรพินแค่อยากชวนเขาคุยเท่านั้นเอง เธอเริ่มเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ตามวันเวลาที่ได้ทำงานร่วมกัน
“สายเหรอ วันนี้เหงาอีกแล้วนะ มะรืนนู่นยายอรถึงจะมาทำงาน”
“ค่ะ” เธอยิ้มให้เขา แล้วสองคนก็เดินเข้าไปภายในออฟฟิศพร้อมกัน เธอแอบมองตามหลังเขาไป และยิ้มให้ ส่ายหัวให้อรรถพลเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มให้แบบรู้สึกอยากยิ้มจริง ๆ ไม่ใช่เพราะความเกรงใจ รู้สึกตลกที่เขาแอบห่วงเธอเมื่ออรอุมาไม่อยู่
เมื่อเข้ามาภายในออฟฟิศเธอนำกระเป๋าไปเก็บ และเดินมาหาเมษากับนารา ทั้งที่มีอรรถพลกับวินิจนั่งอยู่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอตั้งใจมาหาพวกเขา อรรถพลแทบตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าเธอจะกล้ามา อรอุมาน้องสาวไม่อยู่อย่าได้คิดว่าเธอจะย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่วันนี้ไม่ เธอมานั่งคุยด้วยแบบไม่เคอะเขิน ก็ดีเหมือนกัน หลังจากนี้เขาจะได้เดินหน้าได้เติมที่
ถึงเธอจะเดินมานั่งด้วย การพูดคุยก็เจาะจงแค่สามคน เธอเน้นพูดคุยแค่เมษาและนาราเพียงเท่านั้น มีบ้างที่ตอบคำถามของวินิจ ส่วนอรรถพลเขาเพียงนั่งฟังและแอบลอบมองเพียงอย่างเดียว
การทำงานตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีเพื่อนคู่หู อรอุมาพักร้อนไปธุระกับผู้เป็นแม่ ทำให้เธอต้องเผชิญกับกลุ่มพี่ชาย และคนอื่น ๆ ในที่ทำงานเพียงคนเดียว และปัญหาที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากในช่วงที่อรอุมาไม่อยู่
“ทำไมให้ผมถือสายรอนานฮะ นี่เวลาของผมเป็นเงินเป็นทองนะคุณ คุณเป็นพนักงานใหม่ใช่มั้ย! ทำไมให้เด็กใหม่มาคุยกับผม ผู้จัดการอยู่ไหน! ผมขอคุยกับผู้จัดการของคุณเดียวนี้ เสียเวลาผมมากเลยคุณรู้มั้ย”
ตามด้วยเสียงวางสายของปลายสาย อรพินชะงักงันไปพักหนึ่ง เมื่อรวบรวมสติได้จึงเดินไปหานาราเพื่อรายงานข้อมูล
“พี่นารา ช่วยโทรกลับหาลูกค้าคนนี้ให้รพินหน่อย เขาบอกเขาจะคุยกับผู้จัดการ” อรพินเดินมารายงานปัญหาแก่นารา เธอถอนหายใจเรื่องนี้ต้องถึง QA ชั้น 10 แน่นอน จะโดนต่อว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งคิดไปไกลก็ยิ่งถอนหายใจบ่อยขึ้น “ยัยอรชั้นซวยแล้วแกรู้มั้ย” อรพินร้องไห้ภายในใจ แล้วก็ถอนหายใจเรื่อย ๆ ก้าวขาไหนออกจากห้องกันนะถึงได้เจอลูกค้าแบบนี้
“ไม่เป็นไรแล้วนะน้องรพิน พี่นาราจัดการให้แล้ว กลับไปทำงานต่อเถอะไป” นาราเข้าใจความรู้สึกของเธอ หล่อนจัดการเคลียร์ปัญหากับลูกค้าสายเมื่อสักครู่ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถึงอรรถพลก็ได้ เคสแบบนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“ขอบคุณนะคะพี่นารา” อรพินยิ้มให้เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าทีม หรือหัวหน้าแผนกของเธอ “เค้าว่าไงบ้างคะ เรียบร้อยจริง ๆ แล้วใช่มั้ย” อรพินย้ำ ขอให้เรียบร้อยจริง ๆ เถอะ อย่าให้ถึงหูคนชั้น 10 เลย
“เรียบร้อยจ้า อย่าคิดมาก! ไม่มีไรหรอก “
“ค่ะ” ทว่าเธอยังไม่ได้กลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเลย ก็มีพนักงานอีกคนเดินเข้ามาเรียก
“ใครชื่อน้องอรพินคะ” พนักงานหญิงท่านหนึ่ง แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจดเท้า ดูมีอายุนิดหน่อย ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา มีป้ายบอกแผนกและตำแหน่งที่หน้าอก
“หนูค่ะ” เธอยกมือขึ้นนิดหน่อย พร้อมแนะนำตัวเองกับคนตรงหน้า หล่อนยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรและมีความเอ็นดูในสายตาคู่นั้น อาจจะด้วยเพราะอายุหล่อนกับเธอห่างกันราวแม่กับลูก
โซ่รัก บทที่ 7
.
“น้องรพินรอพี่อรรถด้วย” เช้าวันนี้ก็เช่นกัน บ่อยครั้งที่อรรถพลชอบเจอกับเธอที่หน้าลิฟต์ เหมือนเป็นการตั้งใจ แต่เธอก็ไม่อยากคิดเช่นนั้น เธอจะถือว่าแต่ละครั้งที่เจอกันมันแค่เรื่องบังเอิญ
อรพินยิ้มทักทายไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ออกมา กดลิฟต์รอเขยิบถอยให้เขาเข้ามา ทว่าวันนี้โอกาสไม่ได้เหมาะเช่นทุกวัน มีคนอื่น ๆ อยู่ในลิฟต์ด้วย อรรถพลรีบวิ่งเข้ามาในลิฟต์ เลือกยืนใกล้ ๆ เธอ เงียบ ๆ โอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้เข้ามาตลอดเสมอ ก็ยังดีที่เจอกัน
“ทำไมวันนี้พี่อรรถถึงสายได้คะ” อรพินชวนเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คุยไปตามทางเดิน ที่จริงก็ยังไม่สายเท่าไหร่ อรพินแค่อยากชวนเขาคุยเท่านั้นเอง เธอเริ่มเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ตามวันเวลาที่ได้ทำงานร่วมกัน
“สายเหรอ วันนี้เหงาอีกแล้วนะ มะรืนนู่นยายอรถึงจะมาทำงาน”
“ค่ะ” เธอยิ้มให้เขา แล้วสองคนก็เดินเข้าไปภายในออฟฟิศพร้อมกัน เธอแอบมองตามหลังเขาไป และยิ้มให้ ส่ายหัวให้อรรถพลเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มให้แบบรู้สึกอยากยิ้มจริง ๆ ไม่ใช่เพราะความเกรงใจ รู้สึกตลกที่เขาแอบห่วงเธอเมื่ออรอุมาไม่อยู่
เมื่อเข้ามาภายในออฟฟิศเธอนำกระเป๋าไปเก็บ และเดินมาหาเมษากับนารา ทั้งที่มีอรรถพลกับวินิจนั่งอยู่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอตั้งใจมาหาพวกเขา อรรถพลแทบตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าเธอจะกล้ามา อรอุมาน้องสาวไม่อยู่อย่าได้คิดว่าเธอจะย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่วันนี้ไม่ เธอมานั่งคุยด้วยแบบไม่เคอะเขิน ก็ดีเหมือนกัน หลังจากนี้เขาจะได้เดินหน้าได้เติมที่
ถึงเธอจะเดินมานั่งด้วย การพูดคุยก็เจาะจงแค่สามคน เธอเน้นพูดคุยแค่เมษาและนาราเพียงเท่านั้น มีบ้างที่ตอบคำถามของวินิจ ส่วนอรรถพลเขาเพียงนั่งฟังและแอบลอบมองเพียงอย่างเดียว
การทำงานตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีเพื่อนคู่หู อรอุมาพักร้อนไปธุระกับผู้เป็นแม่ ทำให้เธอต้องเผชิญกับกลุ่มพี่ชาย และคนอื่น ๆ ในที่ทำงานเพียงคนเดียว และปัญหาที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากในช่วงที่อรอุมาไม่อยู่
“ทำไมให้ผมถือสายรอนานฮะ นี่เวลาของผมเป็นเงินเป็นทองนะคุณ คุณเป็นพนักงานใหม่ใช่มั้ย! ทำไมให้เด็กใหม่มาคุยกับผม ผู้จัดการอยู่ไหน! ผมขอคุยกับผู้จัดการของคุณเดียวนี้ เสียเวลาผมมากเลยคุณรู้มั้ย”
ตามด้วยเสียงวางสายของปลายสาย อรพินชะงักงันไปพักหนึ่ง เมื่อรวบรวมสติได้จึงเดินไปหานาราเพื่อรายงานข้อมูล
“พี่นารา ช่วยโทรกลับหาลูกค้าคนนี้ให้รพินหน่อย เขาบอกเขาจะคุยกับผู้จัดการ” อรพินเดินมารายงานปัญหาแก่นารา เธอถอนหายใจเรื่องนี้ต้องถึง QA ชั้น 10 แน่นอน จะโดนต่อว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งคิดไปไกลก็ยิ่งถอนหายใจบ่อยขึ้น “ยัยอรชั้นซวยแล้วแกรู้มั้ย” อรพินร้องไห้ภายในใจ แล้วก็ถอนหายใจเรื่อย ๆ ก้าวขาไหนออกจากห้องกันนะถึงได้เจอลูกค้าแบบนี้
“ไม่เป็นไรแล้วนะน้องรพิน พี่นาราจัดการให้แล้ว กลับไปทำงานต่อเถอะไป” นาราเข้าใจความรู้สึกของเธอ หล่อนจัดการเคลียร์ปัญหากับลูกค้าสายเมื่อสักครู่ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถึงอรรถพลก็ได้ เคสแบบนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“ขอบคุณนะคะพี่นารา” อรพินยิ้มให้เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าทีม หรือหัวหน้าแผนกของเธอ “เค้าว่าไงบ้างคะ เรียบร้อยจริง ๆ แล้วใช่มั้ย” อรพินย้ำ ขอให้เรียบร้อยจริง ๆ เถอะ อย่าให้ถึงหูคนชั้น 10 เลย
“เรียบร้อยจ้า อย่าคิดมาก! ไม่มีไรหรอก “
“ค่ะ” ทว่าเธอยังไม่ได้กลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเลย ก็มีพนักงานอีกคนเดินเข้ามาเรียก
“ใครชื่อน้องอรพินคะ” พนักงานหญิงท่านหนึ่ง แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจดเท้า ดูมีอายุนิดหน่อย ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา มีป้ายบอกแผนกและตำแหน่งที่หน้าอก
“หนูค่ะ” เธอยกมือขึ้นนิดหน่อย พร้อมแนะนำตัวเองกับคนตรงหน้า หล่อนยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรและมีความเอ็นดูในสายตาคู่นั้น อาจจะด้วยเพราะอายุหล่อนกับเธอห่างกันราวแม่กับลูก