โซ่รัก บทที่ 6

กระทู้สนทนา


.

               ในที่สุดอรรถพลก็ตัดสินใจซื้อรถยนต์จนได้เป็นรถญี่ปุ่น นี่เขากำลังทำเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้เลยหรือ เขากำลังทำเพื่ออรพินงั้นหรือ ที่วันก่อนไม่สามารถไปส่งเธอได้ ถ้ามีใครรู้ว่าเขาแอบซื้อรถที่อรพินชอบด้วยคงจะต้องหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ มิเช่นนั้นจึงต้องให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด

               เช้าวันจันทร์วันเริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ ผู้คนเดินสวนทางกันหนาแน่น ทั้งทางเท้า และถนน เธอรีบเดินไปให้ทันเวลาเข้างาน สามวันต่อจากนี้เธอต้องอยู่คนเดียว อรอุมาลาพักร้อนทำให้ต้องเดินทางมาทำงานคนเดียวแบบเหงา ๆ แม้มีผู้คนรายล้อม

               ทั้งที่ออฟฟิศมีคนเยอะแยะมากมาย ทว่าไม่ใช่เพื่อนกันก็ไม่ต่างอะไรกับไปทำงานคนเดียว เธอยืนรอลิฟต์พลางนึกถึงใบหน้าของเพื่อนสนิทแบบคิดถึง “อรพินสู้ ๆ นะแค่สามวัน เดี๋ยวอรก็กลับมาทำงานแล้ว” เธอพูดนึกปลอบใจตัวเอง และถอนหายใจ

               ทันใดนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังเธอ “น้องรพินรอพี่ด้วยครับ” อรรถพลตะโกนทัก รีบวิ่งมาหาคนตรงหน้า อรพินเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วต้องรีบกดประตูเปิดค้างไว้รอ “ขอบคุณครับ” อรรถพลผ่อนลมหายใจออกมานึกว่าจะไม่ทัน

               “สวัสดีค่ะพี่อรรถ” อรพินทักทายและผงกศีรษะให้เล็กน้อยแสดงความเคารพ และก็เงียบไปไม่พูดอะไรต่อ สายตาจ้องไปที่หมายเลขบอกลำดับชั้นข้างประตู กำลังบอกว่าลิฟต์เลื่อนขึ้นไปถึงชั้นไหนแล้ว

               อรรถพลยืนห่างกับเธอนิดหน่อย แอบมองพิจารณาผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า และแอบยิ้ม เธอรูปร่างผอมบาง ใส่กระโปรงสีดำสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อย เสื้อคอกระเช้าสีชมพูอ่อน และสวมทับด้วยสูทแบบผู้หญิงสีดำ ดูแล้วน่ารักดี เขาโชคดีแค่ไหนที่มาเจออรพินในช่วงของชีวิตตอนนี้ ทำให้ทุก ๆ วันอยากมาทำงาน ชีวิตดูมีความหมายมากขึ้น ว่าทำทุกวันเพื่อใคร

               “เช่นกันครับ เหงาแย่เลยน้องอรไม่อยู่”

               อรรถพลตอบคู่สนทนา เขายืนอยู่ข้าง ๆ เธอ อรพินไม่ตอบเพียงยิ้มให้นิดหน่อย บรรยากาศในลิฟต์กลับมาเงียบอีกครั้ง อรรถพลแอบพิจารณาเธอ เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขาตื่นเต้นอยู่เสมอ เป็นผู้หญิงที่ทำให้หัวใจเหี่ยวเฉาของเขากลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่ตายด้านไปนานแล้ว ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออก อรพินเดินนำเข้าออฟฟิศส่วนเขาเดินตามหลังไปแบบเงียบ ๆ

               การทำงานตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างเงียบเชียบ อรพินยังพอมีเพื่อนให้พูดคุยระหว่างวัน เธอเข้ากับใครก็ได้ เพียงแค่สามวันรออรอุมากลับมาทำงาน ถ้าเปลี่ยนจากเธอเป็นอรอุมาคงไม่เหงาแบบนี้  เพราะรายนั้นมีพี่ชายอยู่ทั้งคน ส่วนเธอไม่มีใครเลย

              “ยัยอรนะยัยอรจะลาพักร้อนไม่นัดกันเลย จะได้ลาด้วย”

               อรพินบ่นให้เพื่อนสนิทอยู่คนเดียว พักเที่ยงเธอหลบมานั่งที่โตะบาร์มุมหนึ่งของออฟฟิศ เป็นมุมที่จัดโต๊ะเหมือนร้านเหล้า คนที่นั่งจะต้องนั่งหันหน้าเข้าหาผนังห้อง ทว่าเป็นผนังกระจกใส มองเห็นภายนอกทุกอย่าง เธอนั่งเหม่อมองออกไปสุดลูกหูลูกตา นึกถึงหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเล่น ๆ

               พนักงานไม่ค่อยพลุกพล่านกัน สงบดี ยังดีมีเมษานั่งเล่นโทรศัพท์เป็นเพื่อนอีกคน ส่วนมากพนักงานจะไปโซนผ่อนคลายที่บริษัทจัดไว้ให้มากกว่า เธอนั่งเล่นมือถือเรื่อย ๆ ไม่ทันได้เห็นว่ามีคนแอบตามหา

               อรรถพลเดินตามหาอรพินทั่วห้อง มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง ผนังห้องบางส่วนติดด้วยกระจกใส ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอก มองเห็นกรุงเทพเป็นบริเวณกว้าง นั่งมองดูมันทำให้เพลินตาดี เขาเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ เมษา และกระโดดขึ้นนั่งเก้าอี้บาร์ด้วย เป็นเก้าอี้ทรงกลมที่สามารถหมุนรอบตัวได้

               “อ้าวพี่อรรถ มาไงเนี่ย” เมษาทักทายตามประสาหัวหน้ากับหัวหน้า แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของอรรถพลเหมือนเดิม ถึงจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ก็แยกออกเป็นหมวด ๆ

               “ก็เดินมาหาเรานี่แหละเมษา” อรรถพลแก้ตัว ไม่อยากถูกจับได้ว่าแท้จริง เขาตามหาอรพินต่างหาก อรอุมาน้องสาวไม่อยู่ วันนี้ทั้งวันเขาแทบไม่ได้เจอหน้าเธอเลย จะเดินเข้าหาดื้อ ๆ มันก็ยังไง ๆ อยู่ ตอนนี้ได้โอกาสเหมาะพอดี มีเมษาอยู่ด้วยจะได้ไม่เป็นเป้าสายตาของคนอื่น

               “มาหาหนู” เมษาพูดด้วยสีหน้าท่าทางงุนงง พร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

               “เออก็มาหาเรานั่นแหละ” อรรถพลย้ำ เมษารู้ในทันที พอจะเข้าใจคำพูดและแววตานั้น แอบยิ้มให้ก่อนจะทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ อรรถพลนั่งบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เมษา เขาอยากจะนั่งข้าง ๆ อรพินด้วยซ้ำ แต่ไม่กล้า ไม่อยากให้เธอรู้ตัวว่าเขาคิดยังไงกับเธอ

               อรรถพลนั่งร่วมอยู่ด้วย อรพินรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวหายไป เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้ความเงียบเข้าครอบงำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าหากเธอไม่เจอสายตาแบบนั้นของอรรถพล เธออาจจะคุยกับเขาก็ได้ เพราะเธอคิดกับเขาเพียงพี่ชายคนหนึ่ง เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธไมตรีความสัมพันธ์ที่อรรถพลหยิบยื่นให้เลย

               “น้องรพินเหงาหน่อยนะยายอรหยุดไป 3 วันอ่ะ” อรรถพลพยายามหาเรื่องชวนคุยกับเธอ เป็นคำพูดที่พูดไปแล้วเมื่อตอนเช้า เขาไม่รู้จะชวนคุยอย่างไรดี จึงหยิบยกเรื่องนี้มาพูดซ้ำ

               สังเกตว่าตั้งแต่เขามาอรพินเงียบไป พยายามสร้างบรรยากาศให้มันน่านั่งเล่นมากขึ้น ส่วนเมษาก็ไม่สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อย่างเดียว น่าจะช่วยเขาชวนพูดคุยสร้างบรรยากาศสักหน่อย

               “ไม่เท่าไหร่ค่ะพี่อรรถ ยายอรไม่นัดรพินเลยจะได้หยุดตาม” เธอเพียงพูดล้อเล่นคนตรงหน้า ไม่ได้จะทำจริงอย่างที่พูด

               “เฮ้ยได้ไง ถ้าพักร้อนไปพร้อมกันสองสามคนนี่ พี่ปวดหัวแย่เลย” อรรถพลพูดพลางยิ้มไปด้วย บรรยากาศกลับมาอีกครั้ง ไม่เงียบสงัดเหมือนเมื่อครู่ รอยยิ้มคำพูดของอรพินเป็นความสุขของเขา เธอจะรู้ตัวหรือเปล่านะว่าเธอเป็นความสุขของเขาตั้งแต่แรกเห็น

               “คุณแม่พี่อรรถกลับหรือยังคะ” เหมือนอรพินจะนึกขึ้นมาได้ วันก่อนไปสวัสดีท่านหลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย

               “นั่นสิพี่อรรถ เมษายังไม่ได้ไปหาท่านเลย”

               เมษาพูดเสริมเหมือนจงใจเปิดทางให้อรรถพล นี่ถ้าเพื่อนรุ่นพี่คนนี้คิดไม่ทัน เธอจะไม่ช่วยอีกแรงเลย พร้อมสะกิดให้อรรถพลรู้ตัว

               “งั้นวันนี้น้องรพินเราไปไหว้แม่พี่อรรถอีกมั้ย ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย นะ ๆ “ เมษาทำสีหน้าท่าทางออดอ้อน อ้อนวรเธอในที่สุดก็สำเร็จ อรพินใจอ่อนยอมพาไปจนได้

               “งั้นดีเลย เราไปพร้อมกันเลยหลังเลิกงาน ไปรถพี่” พออรพินได้ยินคำว่ารถพี่ของอรรถพล เธอรีบหันมายิ้ม แบบคาดไม่ถึง

               “พี่อรรถซื้อรถยนต์เหรอคะ” เป็นคำถามที่ดูธรรมดาแต่เป็นที่แปลกใจอรพินมาก ไหนบอกไม่ค่อยสำคัญ สงสัยเป็นเพราะแม่มาอยู่ด้วยหลายวัน ไม่เพียงเธอเมษาก็ทำท่าแปลกใจไปด้วย “ไม่เห็นยัยอรเล่าให้ฟังเลย”

               “นี่ทั้งสองคนจะตกใจอะไรกัน ก็ครั้งนี้แม่พี่อยู่หลายวันไง พี่ก็เลยตกลงกับยัยอร ซื้อรถไว้ใช้ดีกว่าเผื่อพาแม่ไปนู่นไปนี่น่ะ” อรรถพลแก้ตัว เหตุผลที่แท้จริงเพราะอรพินต่างหาก

               “โอเคค่ะ เย็นนี้เราไปทานข้าวบ้านพี่อรรถกัน” เมษาตอบตกลงรวบรัดตัดตอน “โอเคมั้ยน้องรพิน”

               “ค่ะ” เมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงบ่าย สามคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน ก่อนจะมาเจอกันอีกครั้งหลังเลิกงานเพื่อไปทานข้าวบ้านอรรถพล

               ทุกอย่างดำเนินการไปได้ด้วยดี ที่บ้านของอรรถพล อรพินเป็นตัวของตัวเองมากกว่ารอบก่อน อาจเป็นเพราะมีเมษามาด้วยก็ได้ เขาคลายกังวลไปมาก และวันนี้อรพินคุยกับเขามากกว่าที่มาวันแรกด้วยซ้ำ

              เมษาและอรอุมาเป็นตัวกลางของงานวันนี้ ทำให้บรรยากาศไม่ตรึงและเงียบจนเกินไป อรพินวางตัวตามสบาย ไม่ทำให้เจ้าภาพอึดอัด อย่างน้อยเธอก็มีเมษาเป็นไม้กันหมาให้เธอ รวมไปถึงอรรถพล ที่ถือโอกาสใกล้ชิดเธอไปด้วย

                หากจะว่าไปที่เธอมาอยู่ตรงนี้เพราะความเกรงใจ ยากที่จะปฏิเสธมากกว่า สถานการณ์มันพาไป จนเวลาล่วงเลยดึกพอสมควร ถึงเวลากลับของทั้งสองคน เมษากับอรพินร่ำลาแม่ของอรรถพลก่อนจะขอตัวกลับ โดยมีอรรถพลอาสารับส่งพวกเธอเอง

               ณ ท้องถนนในตอนนี้ติดแน่นแทบขยับไปไหนไม่ได้ ฝนตกรถติดเป็นของคู่กัน หลังจากไปส่งเมษาถึงบ้านเรียบร้อย ก็เป็นคิวของอรพิน อรรถพลเลือกที่จะไปส่งเมษาก่อนเธอ เขาจงใจทำแบบนั้น

                อรพินนั่งกอดอกไม่พูดไม่จา เพราะอากาศในรถค่อนข้างเย็น เธอไม่ได้เอาเสื้อคลุมมาด้วย นั่งมองสายฝนโปรยปรายลงมาตามถนน อรรถพลเอื้อมมือปรับแอร์รถให้ ดูจากที่เธอนั่งกอดอกคงหนาว ทุกอย่างอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ ที่อรรถพลเปิดฆ่าเวลา

               “รพินคงถึงห้องดึกแย่เลยวันนี้ รถติดหนึบไม่ขยับไปไหนเลยเนี่ย พี่ขอโทษนะ” เขาชวนเธอคุย

               “คะ อ่อไม่เป็นไรค่ะพี่อรรถ” เธอหันมาคุยกับเขา ตอนนี้รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย ไม่กล้าหลับ ถ้ามีเมษาอยู่ด้วยก็ดี ป่านนี้เธอหลับไปแล้ว

               “มาบ้านพี่แบบนี้แฟนจะว่ามั้ยเนี่ย แถมมาส่งดึกด้วย” อรรถพลจงใจถาม อยากรู้ว่าเธอจะตอบกลับอย่างไร หรือโกหกเพื่อปฏิเสธเอาใจเขา

               “อ่อ รพินยังไม่มีแฟนค่ะพี่อรรถ ถามทำไมคะ” อรพินหันมายิ้ม เมื่อถูกถามตรง ๆ แบบนี้ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอรรถพลหลอกถาม แต่ว่าเธอก็ไม่มีใครจริง ๆ มนัสก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย ก็แค่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง

               อรรถพลกลืนยิ้มฝืนทำหน้านิ่งรับรู้ ไม่แสดงอาการว่าพอใจในคำตอบ เขาดูออกว่าเธอไม่ได้แสร้งตอบ “ไม่มีอะไรหรอก ก็พี่กลัวแฟนเราว่าไง”

               “ไม่มีใครว่ารพินหรอก รพินยังไม่มีใคร”

               “ครับ ดีพี่จะได้โล่งใจ”

               รถเลี้ยวเข้ามาจอดลานหน้าอพาร์ตเมนต์ของเธอ อรพินเปิดประตูลงจากรถพร้อมกล่าวลาอรรถพล ก่อนจะเดินขึ้นตึกจากไป เขามองตามหลังเธอจนเธอหายลับเข้าไปในตึก ก่อนจะขับรถกลับบ้านของตน

              “อรรถแม่ว่าอรพินก็นิสัยดีนะ แม่มั่นใจว่าแม่ดูคนไม่ผิด”

               “คุณแม่ครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้าแบบนั้น”

               “ตาอรรถแม่เลี้ยงแกมากับมือ ทำไมแม่จะมองแววตาที่แกมองรพินไม่ออก” ผู้เป็นแม่ไล่ต้อนเขาจนมุมจนได้ อรรถพลยิ้มแบบยอมรับว่าสิ่งที่แม่พูดมันคือความจริง “คิดยังไงก็บอกไปเถอะลูก ถ้าเธอปฏิเสธ เราจะได้รู้และออกห่างจากชีวิตเธอไง ดีกว่าเป็นแบบนี้ ดีกว่าไม่ได้บอก เธอจะได้ไม่ลำบากใจด้วย”

               “ครับ”

จบ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่