.
“รพินคุณมีใครหรือยัง” อรรถพลตัดสินใจถาม ขณะนี้ลูกสาวหลับไปแล้ว เป็นโอกาสเหมาะที่จะคุยกันจริงจังสักที อรรถพลเก็บคำถามไว้ในใจมานาน อยากจะถามทั้งที่หากได้รับคำตอบ ตนเองอาจจะเจ็บปวดสาหัสก็ได้
เขาเพียงอยากคุยกับเธอ สงสารลูกที่งอแงร้องหาคนเป็นแม่ทุกวัน ตั้งแต่คืนแรกที่ไปรับชมพูมาอยู่ด้วยไม่มีคืนไหนที่ไม่โกหกลูกสาว ชมพูชอบถามหาแม่ก่อนนอนตลอด เขาก็ต้องโกหกตลอดทุกคืนเช่นกัน เพื่อให้ลูกหลับตาลงได้
“ทำไมคะ” อรพินตอบ สีหน้าและแววตาของเธอเรียบเฉย เหยือกเย็นไปถึงหัวใจของเขา แววตาคู่นี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเขาอีกต่อไป สายตาของเธอที่มองมามีแต่ความว่างเปล่า ต่างจากเขาที่มีแต่ความรัก ความต้องการเธอเสมอมา
“ก็ถ้าคุณยังไม่มีใคร ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เพื่อดูอาการตอบโต้ของเธอ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอยังนิ่งคอยฟังให้เขาพูดต่อจนจบ “ทำเพื่อชมพู ผมสงสารลูกคุณไม่สงสารลูกเหรอ ถ้าคุณมีคนอื่นอยู่แล้วไม่ต้องก็ได้ เกรงใจน่ะ” พอพูดจบประโยคสุดท้ายทำไมเขาต้องเจ็บปวดแปลก ๆ
“ชมพูมันต้องการให้เรานอนด้วยกันกับมัน ไม่ได้ฟังมันพูดเหรอ” เธอรับฟังสิ่งที่เขาเสนอ เธอยังไม่มีใครอื่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทว่ามันเป็นการขอที่มากมายเกินไป
“บ้านผมมีหลายห้อง เราแยกกันนอนคนละห้องก็ได้ ให้ลูกนอนกับคุณ ผมเข้าไปนอนด้วยก่อน พอลูกหลับผมค่อยออกมานอนห้องผม ไม่มีอะไรหรอกผมแค่สงสารชมพูเท่านั้นเอง สงสารลูก ลูกถามหาคุณทุกวัน แล้วแต่คุณจะตัดสินใจนะครับ”
“รพินขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองลูกสาวที่นอนหลับบนฟูกคนไข้ เด็กหญิงหลับปุ๋ย เธอทั้งรักและห่วงลูกสาวคนนี้มาก แต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ไม่อยากเจอเขา เกลียดขี้หน้าเขาที่สุด ถ้าไม่เพราะลูกสาวป่วยเธอไม่มีทางมาเจอกับเขาแน่นอน
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเก็บเอาไปคิดดู ผมรอคำตอบอยู่นะ” อรรถพลพูดย้ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปเหยียดตัวนอนบนโซฟา ปล่อยให้เธอนอนบนฟูกอยู่กับลูกสาว เขาแกล้งทำเป็นหลับจากการเพลีย เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน ความจริงเขาแอบมองเธอกับลูกต่างหาก
นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาน้ำตาก็ค่อย ๆ ซึม สุดท้ายก็ไหลออกมาจนได้ อรพินพยายามสกัดกลั้นมันเอาไว้ เกรงว่าคนที่นอนบนโซฟาจะรับรู้ คืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอต้องอยู่ร่วมใช้ออกซิเจนกับเขานานที่สุด และคงอีกหลายวัน
เด็กหญิงตัวน้อยนอนข้าง ๆ ผู้เป็นแม่ หนุนแขนของเธอหลับไปแล้ว ผมเผ้าวางระเกะระกะหน้าตาไปหมด เธอค่อย ๆ ปัดผมออกจากใบหน้าให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู ถอนหายใจเบา ๆ ภายในใจก็นึกถึงคำพูดของอรรถพลเมื่อตอนหัวค่ำ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ยิ่งมองหน้าลูกสาวการถอนหายใจก็ยิ่งถี่ขึ้น ไม่รู้จะหาทางออกเรื่องนี้ยังไง เด็กหญิงขยับพลิกตัวอรพินรีบกอดปลอบไม่อยากให้ตื่นในตอนนี้ มองหน้าลูกแล้วเธออดที่จะรู้สึกตลกไม่ได้ เธอเป็นคนอุ้มท้องและคลอดออกมาเอง ทว่าหน้าตาและผิวพันธุ์เหมือนผู้เป็นพ่อไปหมด พอนึกถึงเธอก็ค่อย ๆ หันไปมองอรรถพลที่นอนอยู่บนโซฟา หมั่นไส้นิดหน่อยที่ลูกมีทุกอย่างเหมือนเขายกเว้นเพศเท่านั้นเองที่ไม่เหมือนกัน
เรื่องทั้งหมดที่เผชิญอยู่ตอนนี้ ถ้าเธอไม่สนิทสนมกับอรรถพลมากจนเกินไป ถ้าเธอไม่ทำตัวให้ความหวังเขา ชีวิตมันคงไม่เป็นแบบนี้ แต่อรรถพลก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับเธอแบบนั้นเช่นกัน เขาไม่มีสิทธิ์ พอนึกนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทีไร มวลน้ำตาก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันตามหลอกหลอนเธอไม่จบไม่สิ้น
มนัสกำลังจะขอเธอแต่งงาน ทุกอย่างกำลังไปได้ดี สุดท้ายก็ต้องพัง เธอหลอกมนัสไม่ได้ มนัสดีเกินกว่าที่เขาต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาไม่ได้สร้างขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น อรรถพลจะต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่เธอเป็น แต่เด็กที่อยู่ตรงหน้านี้กลับทำให้เธอสับสนลังเลไปหมด ทำให้ต้องกลับมาเจอกับอรรถพลอีกครั้ง
“พี่รักรพิน รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ พี่ไม่อยากให้รพินตกเป็นของใคร พี่ขอโทษที่พี่เห็นแก่ตัว” นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่บอกว่ารักเธอ “รพินเองก็รักพี่ไม่ใช่เหรอ ถ้ารพินไม่ได้รักพี่ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร”
“พี่อรรถรพินไม่เคยรักพีอรรถเลย ที่ผ่านมารพินปฏิเสธพี่อรรถไม่ได้ และ... “ อรพินมองหน้าคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา “และรพินคิดกับพี่อรรถแค่พี่ชาย แค่คนรู้จักคนหนึ่ง”
ยิ่งคิดถึงมันก็ยิ่งมึนไปหมด เป็นเพราะตัวเธอเองที่ทำตัวสนิทกับอรรถพลมากเกินไป หรือเพราะเขาที่เห็นแก่ตัว เธอรักมนัส คนที่เธอรักคือมนัสไม่ใช่เขาคนนี้ คนที่อยู่ในห้องร่วมกับเธอตอนนี้
“คุณแม่ขา” เด็กหญิงละเมอเรียกหาเธอ และขยับพลิกตัวตื่นเหมือนกำลังจะร้องไห้ ทำลายความคิดอดีตที่ขมขื่นของเธอจนหมดสิ้น ให้กลับมาปัจจุบัน อรพินรีบขยับตัว รีบเช็ดน้ำตาตัวเองออกให้หมด ดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้ ปลอบไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“คุณแม่อยู่นี่แล้วลูก อย่าร้องนะ โอ๋” เธอดันลูกสาวเข้ามานอนกอด มืออีกข้างก็ตบก้นลูกสาวเบา ๆ ทันใดนั้นอรรถพลลุกพรวดจากโซฟาที่นอนอยู่ เขาลงมานั่งกับลูกสาวอีกฝั่งของฟูกคนไข้ อรพินตกใจนิดหน่อย นี่เขาหยังไม่หลับ นึกว่าหลับไปตั้งนานแล้ว
“พี่อรรถไม่หลับสักงีบล่ะคะ เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เดี๋ยวรพินดูลูกเอง” อรพินลุกขึ้นนั่งคุยกับเขา จากที่นอนอยู่กับลูกสาว ลืมตัวเรียกสรรพนามที่เธอเคยเรียกเสมอมา ทำให้เขาแอบยิ้มพอใจอยู่ไม่น้อย
“พี่นอนกลางวันไม่ค่อยหลับน่ะ เป็นห่วงชมพูด้วย” เขามองหน้าเธอ เป็นเธอเสียเองที่หลบสายตา ไม่อยากสบตากับเขา อรรถพลกลับมาแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิม ในเมื่อเธอเรียกก่อน และเป็นสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว
“รพินนึกว่าหลับไปแล้วซะอีกค่ะ เดี๋ยวรพินจะเก็บไปคิดดูนะคะที่พี่อรรถเสนอมา”
เธอลุกขึ้นนั่งโซฟาแทนเขา ปล่อยให้เขาอยู่กับลูกสาวที่ฟูกคนไข้แทน อรรถพลชะงักนิดหน่อย ที่เขาลงมานอนบนฟูกที่นอนกับลูก แต่เธอกลับลุกไปที่โซฟาแทน ทำได้เพียงมองตามที่เธอลุกขึ้นจากเขาไป แบบไม่ได้พูดอะไร
เข้าใจการกระทำของเธอทุกอย่างในตอนนี้ และที่ผ่าน ๆ มา เขาให้เธอทำอะไรตามสบาย สบายใจแบบไหนก็ให้เธอทำแบบนั้นเสมอมา จากที่ได้ยื่นข้อเสนอให้แล้ว และหันมาให้ความสนใจลูกสาวที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนของเขาต่อ
อรพินนั่งมองพ่อลูกนอนด้วยกัน อรรถพลนอนตะแคงโน้มศีรษะลูกสาวมาหนุนแขนของตน ดึงผ้ามาห่มให้ ความจริงเขาก็ดูแลลูกดีเหมือนกัน หายห่วงไปได้เวลาที่ลูกสาวมาอยู่กับพ่อ
เธอนั่งมองเขาเงียบ ๆ ถึงอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควร ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ ไม่นับว่าตอนลูกสาวตื่น เนื่องจากมันเป็นความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกัน ตอนนี้เด็กหญิงหลับไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรกันอีก
“คุณแม่ ป่ะป๊า” เด็กหญิงตื่นนอนลุกนั่ง ตาใสแป๋ว อรพินรีบลุกจากโซฟาเข้าไปหาลูกสาว พร้อมกับอรรถพลที่ลุกขึ้นนั่งด้วย สะบัดแขนเล็กน้อยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จากที่ให้ลูกสาวนอนหนุนไปพักหนึ่ง เขาเพียงนั่งมองเฉย ๆ หน้าที่หลังจากนี้มอบให้คนเป็นแม่จัดการ เขาเพียงช่วยหยิบจับอะไรเล็ก ๆ น้อยให้เธอบ้าง
อรพินปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพื่อลูกสาวตัวน้อยในขณะนี้ ถ้าหากมีคนอื่นมาเจอคงไม่เชื่อว่าพวกเธอไม่ได้รักกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ความเป็นจริง ถ้าไม่จำเป็นเธอไม่เคยมาเจอพ่อของลูกด้วยซ้ำไป
“คุณแม่ไม่ต้องกลับไปทำงานได้มั้ย “ ด้วยสัญชาตญาณของเด็กติดแม่มากกว่าพ่ออยู่เสมอ เด็กน้อยเข้ามาอ้อนผู้เป็นแม่ ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อนั่งมองด้วยแววตาอิจฉาเล่น ๆ ทั้งที่นั่งอยู่ด้วยกัน จนป่านนี้ลูกสาวยังไม่ลืมเรื่องนี้ ทำให้เธอสงสารลูก และไม่สบายใจ ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“คุณแม่ไม่กลับค่ะ คุณแม่จะอยู่กับชมพูกับป่ะป๊านะคะ” อรพินยกมือขึนลูบศีรษะคนเป็นลูกสาว เด็กหญิงนั่งบนตักของแม่ กอดไว้แน่นอย่างกับกลัวว่าแม่จะหายไป เธอเพียงพูดเอาใจลูกสาวเท่านั้นเอง แต่คนฟังอีกคนกลับอยากให้มันเป็นความจริง
“สัญญาแล้วนะครับ” อรรถพลพูดขึ้น ภายในใจของเขามีเพียงเธอคนเดียวเสมอมา แม้รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้อรพินกลับมารู้สึกดี ๆ กับตนอีกครั้ง ทว่าลึก ๆ เขาก็ยังหวัง นึกขอบคุณที่ลูกเกิดมาเสียด้วยซ้ำ ทำให้ได้กลับมาพบเจอเธออีกครั้ง
“รพินหมายถึงลูกค่ะ หมายถึงอยู่ที่นี่กับลูก” อรพินหันมาพูดขึ้นเสียงกับเขานิดหน่อย
“ครับ! ยังไงก็ขอบคุณมากที่ยอมมาอยู่กับลูกเป็นเพื่อนผม” ทันใดนั้นอรรถพลมองเห็นผมลูกสาวยุ่งจากการนอนเมื่อสักครู่ จึงอยากมัดให้เรียบร้อย ทว่าด้วยความที่เป็นผู้ชายไม่มีความปราณีตในเรื่องผู้หญิง ๆ แบบนี้ เขาจึงทำได้ออกมาไม่สวยในสายตาอรพินเท่าไหร่นัก
“ชมพูดูสิป่ะป๊ามัดผมให้หนูยังไงเนี่ย “ เด็กหญิงเหมือนรู้บทบาท นั่งให้พ่อกับแม่จัดการผมของตัวเองเงียบ ๆ และก็หัวเราะที่ได้เล่นกับพ่อแม่ในวันนี้ “ลูกเป็นผู้หญิงทำสวย ๆ หน่อยสิคะพี่อรรถ”
“อ้าว รพินจะให้พี่มัดยังไงให้สวย ก็แค่มันไม่ลงมาปิดหน้าปิดตาก็พอแล้วมั้ง” อรรถพลตลกกับฝีมือตัวเองเช่นกัน จะเอาอะไรมากมาย ก็แค่มัดให้มันไม่ปิดบังใบหน้าก็เท่านั้นเอง ในความรู้สึกของเขา
“พี่อรรถก็ต้องเก็บผมลูกไปให้หมด ตรงนี้ ๆ เก็บไปให้หมด หวีมีรู้จักใช้ด้วย เนี่ยมันยากตรงไหน ชมพูอยู่บ้านกับป่ะป๊าใครทำผมให้หนูลูก ถ้าไม่มีอาอรกับคุณย่าทำไง”
“โอ๊ยคุณแม่ ชมพูเจ็บ” เด็กน้อยร้องเจ็บ เธออาจจะดึงแรงไปหน่อย
“อุ๊ยคุณแม่ขอโทษค่ะ เนี่ยพี่อรรถมันยากตรงไหน แล้วถักเปียเป็นมั้ย ชมพูมันคงได้แค่มัดผมเชย ๆ แบบเมื่อกี้สินะ” อรพินบ่นไปด้วยมัดผมให้ลูกสาวไปด้วย อรรถพลมองเธอมัดผมให้ลูกสาว และฟังที่เธอบ่นตนเองแบบไม่รำคาญ มันกลับกลายเป็นความสุขของเขาเสียด้วยซ้ำ ชนิดที่โหยหาอยากได้มานาน อยากมีเธอบ่นไปตลอดไปต้องทำอย่างไร
“ก็พี่ทำไม่เป็น รพินก็มาอยู่ด้วยกัน ทำผมให้ลูกทุกวันสิ “ พูดจบอรพินหันหน้ามามองเธอทันควัน อรรถพลหุบยิ้มในทันที ถึงจะพูดทีเล่นทีจริงมันก็เป็นความรู้สึกของเขาทั้งหมด “พี่ก็แค่พูดเฉย ๆ รพินไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ตามใจรพินนะ”
สักพักคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการไข้ลูกสาวของพวกเขาสองคน ตามด้วยพยาบาลยกอาหารสำหรับคนป่วยมาให้
“ให้คุณแม่ป้อน” เฝ้าไข้วันแรกลูกสาวก็ทำท่าจะติดแม่เข้าให้แล้ว ไม่ยอมเรียกหาพ่อเลย อรรถพลนึกเป็นห่วงเธอนิดหน่อย คงไม่ได้พักผ่อนเต็มที่
“ชมพูอร่อยมั้ยคะ กินเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ กลับบ้านกัน” อรรถพลถามคำถามลูกสาว เขาเพียงอยากมีส่วนร่วมและอยู่ใกล้ ๆ แม่ของลูกต่างหาก จะให้เขากลับบ้านก่อน ปล่อยอรพินไว้กับลูกสองคนเขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้อรพินจะอยากให้เขาทำสักแค่ไหนก็ตาม
โซ่รัก บทที่ 11
.
“รพินคุณมีใครหรือยัง” อรรถพลตัดสินใจถาม ขณะนี้ลูกสาวหลับไปแล้ว เป็นโอกาสเหมาะที่จะคุยกันจริงจังสักที อรรถพลเก็บคำถามไว้ในใจมานาน อยากจะถามทั้งที่หากได้รับคำตอบ ตนเองอาจจะเจ็บปวดสาหัสก็ได้
เขาเพียงอยากคุยกับเธอ สงสารลูกที่งอแงร้องหาคนเป็นแม่ทุกวัน ตั้งแต่คืนแรกที่ไปรับชมพูมาอยู่ด้วยไม่มีคืนไหนที่ไม่โกหกลูกสาว ชมพูชอบถามหาแม่ก่อนนอนตลอด เขาก็ต้องโกหกตลอดทุกคืนเช่นกัน เพื่อให้ลูกหลับตาลงได้
“ทำไมคะ” อรพินตอบ สีหน้าและแววตาของเธอเรียบเฉย เหยือกเย็นไปถึงหัวใจของเขา แววตาคู่นี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเขาอีกต่อไป สายตาของเธอที่มองมามีแต่ความว่างเปล่า ต่างจากเขาที่มีแต่ความรัก ความต้องการเธอเสมอมา
“ก็ถ้าคุณยังไม่มีใคร ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เพื่อดูอาการตอบโต้ของเธอ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอยังนิ่งคอยฟังให้เขาพูดต่อจนจบ “ทำเพื่อชมพู ผมสงสารลูกคุณไม่สงสารลูกเหรอ ถ้าคุณมีคนอื่นอยู่แล้วไม่ต้องก็ได้ เกรงใจน่ะ” พอพูดจบประโยคสุดท้ายทำไมเขาต้องเจ็บปวดแปลก ๆ
“ชมพูมันต้องการให้เรานอนด้วยกันกับมัน ไม่ได้ฟังมันพูดเหรอ” เธอรับฟังสิ่งที่เขาเสนอ เธอยังไม่มีใครอื่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทว่ามันเป็นการขอที่มากมายเกินไป
“บ้านผมมีหลายห้อง เราแยกกันนอนคนละห้องก็ได้ ให้ลูกนอนกับคุณ ผมเข้าไปนอนด้วยก่อน พอลูกหลับผมค่อยออกมานอนห้องผม ไม่มีอะไรหรอกผมแค่สงสารชมพูเท่านั้นเอง สงสารลูก ลูกถามหาคุณทุกวัน แล้วแต่คุณจะตัดสินใจนะครับ”
“รพินขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองลูกสาวที่นอนหลับบนฟูกคนไข้ เด็กหญิงหลับปุ๋ย เธอทั้งรักและห่วงลูกสาวคนนี้มาก แต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ไม่อยากเจอเขา เกลียดขี้หน้าเขาที่สุด ถ้าไม่เพราะลูกสาวป่วยเธอไม่มีทางมาเจอกับเขาแน่นอน
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเก็บเอาไปคิดดู ผมรอคำตอบอยู่นะ” อรรถพลพูดย้ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปเหยียดตัวนอนบนโซฟา ปล่อยให้เธอนอนบนฟูกอยู่กับลูกสาว เขาแกล้งทำเป็นหลับจากการเพลีย เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน ความจริงเขาแอบมองเธอกับลูกต่างหาก
นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาน้ำตาก็ค่อย ๆ ซึม สุดท้ายก็ไหลออกมาจนได้ อรพินพยายามสกัดกลั้นมันเอาไว้ เกรงว่าคนที่นอนบนโซฟาจะรับรู้ คืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอต้องอยู่ร่วมใช้ออกซิเจนกับเขานานที่สุด และคงอีกหลายวัน
เด็กหญิงตัวน้อยนอนข้าง ๆ ผู้เป็นแม่ หนุนแขนของเธอหลับไปแล้ว ผมเผ้าวางระเกะระกะหน้าตาไปหมด เธอค่อย ๆ ปัดผมออกจากใบหน้าให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู ถอนหายใจเบา ๆ ภายในใจก็นึกถึงคำพูดของอรรถพลเมื่อตอนหัวค่ำ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ยิ่งมองหน้าลูกสาวการถอนหายใจก็ยิ่งถี่ขึ้น ไม่รู้จะหาทางออกเรื่องนี้ยังไง เด็กหญิงขยับพลิกตัวอรพินรีบกอดปลอบไม่อยากให้ตื่นในตอนนี้ มองหน้าลูกแล้วเธออดที่จะรู้สึกตลกไม่ได้ เธอเป็นคนอุ้มท้องและคลอดออกมาเอง ทว่าหน้าตาและผิวพันธุ์เหมือนผู้เป็นพ่อไปหมด พอนึกถึงเธอก็ค่อย ๆ หันไปมองอรรถพลที่นอนอยู่บนโซฟา หมั่นไส้นิดหน่อยที่ลูกมีทุกอย่างเหมือนเขายกเว้นเพศเท่านั้นเองที่ไม่เหมือนกัน
เรื่องทั้งหมดที่เผชิญอยู่ตอนนี้ ถ้าเธอไม่สนิทสนมกับอรรถพลมากจนเกินไป ถ้าเธอไม่ทำตัวให้ความหวังเขา ชีวิตมันคงไม่เป็นแบบนี้ แต่อรรถพลก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับเธอแบบนั้นเช่นกัน เขาไม่มีสิทธิ์ พอนึกนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทีไร มวลน้ำตาก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันตามหลอกหลอนเธอไม่จบไม่สิ้น
มนัสกำลังจะขอเธอแต่งงาน ทุกอย่างกำลังไปได้ดี สุดท้ายก็ต้องพัง เธอหลอกมนัสไม่ได้ มนัสดีเกินกว่าที่เขาต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาไม่ได้สร้างขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น อรรถพลจะต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่เธอเป็น แต่เด็กที่อยู่ตรงหน้านี้กลับทำให้เธอสับสนลังเลไปหมด ทำให้ต้องกลับมาเจอกับอรรถพลอีกครั้ง
“พี่รักรพิน รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ พี่ไม่อยากให้รพินตกเป็นของใคร พี่ขอโทษที่พี่เห็นแก่ตัว” นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่บอกว่ารักเธอ “รพินเองก็รักพี่ไม่ใช่เหรอ ถ้ารพินไม่ได้รักพี่ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร”
“พี่อรรถรพินไม่เคยรักพีอรรถเลย ที่ผ่านมารพินปฏิเสธพี่อรรถไม่ได้ และ... “ อรพินมองหน้าคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา “และรพินคิดกับพี่อรรถแค่พี่ชาย แค่คนรู้จักคนหนึ่ง”
ยิ่งคิดถึงมันก็ยิ่งมึนไปหมด เป็นเพราะตัวเธอเองที่ทำตัวสนิทกับอรรถพลมากเกินไป หรือเพราะเขาที่เห็นแก่ตัว เธอรักมนัส คนที่เธอรักคือมนัสไม่ใช่เขาคนนี้ คนที่อยู่ในห้องร่วมกับเธอตอนนี้
“คุณแม่ขา” เด็กหญิงละเมอเรียกหาเธอ และขยับพลิกตัวตื่นเหมือนกำลังจะร้องไห้ ทำลายความคิดอดีตที่ขมขื่นของเธอจนหมดสิ้น ให้กลับมาปัจจุบัน อรพินรีบขยับตัว รีบเช็ดน้ำตาตัวเองออกให้หมด ดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้ ปลอบไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“คุณแม่อยู่นี่แล้วลูก อย่าร้องนะ โอ๋” เธอดันลูกสาวเข้ามานอนกอด มืออีกข้างก็ตบก้นลูกสาวเบา ๆ ทันใดนั้นอรรถพลลุกพรวดจากโซฟาที่นอนอยู่ เขาลงมานั่งกับลูกสาวอีกฝั่งของฟูกคนไข้ อรพินตกใจนิดหน่อย นี่เขาหยังไม่หลับ นึกว่าหลับไปตั้งนานแล้ว
“พี่อรรถไม่หลับสักงีบล่ะคะ เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เดี๋ยวรพินดูลูกเอง” อรพินลุกขึ้นนั่งคุยกับเขา จากที่นอนอยู่กับลูกสาว ลืมตัวเรียกสรรพนามที่เธอเคยเรียกเสมอมา ทำให้เขาแอบยิ้มพอใจอยู่ไม่น้อย
“พี่นอนกลางวันไม่ค่อยหลับน่ะ เป็นห่วงชมพูด้วย” เขามองหน้าเธอ เป็นเธอเสียเองที่หลบสายตา ไม่อยากสบตากับเขา อรรถพลกลับมาแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิม ในเมื่อเธอเรียกก่อน และเป็นสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว
“รพินนึกว่าหลับไปแล้วซะอีกค่ะ เดี๋ยวรพินจะเก็บไปคิดดูนะคะที่พี่อรรถเสนอมา”
เธอลุกขึ้นนั่งโซฟาแทนเขา ปล่อยให้เขาอยู่กับลูกสาวที่ฟูกคนไข้แทน อรรถพลชะงักนิดหน่อย ที่เขาลงมานอนบนฟูกที่นอนกับลูก แต่เธอกลับลุกไปที่โซฟาแทน ทำได้เพียงมองตามที่เธอลุกขึ้นจากเขาไป แบบไม่ได้พูดอะไร
เข้าใจการกระทำของเธอทุกอย่างในตอนนี้ และที่ผ่าน ๆ มา เขาให้เธอทำอะไรตามสบาย สบายใจแบบไหนก็ให้เธอทำแบบนั้นเสมอมา จากที่ได้ยื่นข้อเสนอให้แล้ว และหันมาให้ความสนใจลูกสาวที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนของเขาต่อ
อรพินนั่งมองพ่อลูกนอนด้วยกัน อรรถพลนอนตะแคงโน้มศีรษะลูกสาวมาหนุนแขนของตน ดึงผ้ามาห่มให้ ความจริงเขาก็ดูแลลูกดีเหมือนกัน หายห่วงไปได้เวลาที่ลูกสาวมาอยู่กับพ่อ
เธอนั่งมองเขาเงียบ ๆ ถึงอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควร ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ ไม่นับว่าตอนลูกสาวตื่น เนื่องจากมันเป็นความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกัน ตอนนี้เด็กหญิงหลับไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรกันอีก
“คุณแม่ ป่ะป๊า” เด็กหญิงตื่นนอนลุกนั่ง ตาใสแป๋ว อรพินรีบลุกจากโซฟาเข้าไปหาลูกสาว พร้อมกับอรรถพลที่ลุกขึ้นนั่งด้วย สะบัดแขนเล็กน้อยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จากที่ให้ลูกสาวนอนหนุนไปพักหนึ่ง เขาเพียงนั่งมองเฉย ๆ หน้าที่หลังจากนี้มอบให้คนเป็นแม่จัดการ เขาเพียงช่วยหยิบจับอะไรเล็ก ๆ น้อยให้เธอบ้าง
อรพินปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพื่อลูกสาวตัวน้อยในขณะนี้ ถ้าหากมีคนอื่นมาเจอคงไม่เชื่อว่าพวกเธอไม่ได้รักกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ความเป็นจริง ถ้าไม่จำเป็นเธอไม่เคยมาเจอพ่อของลูกด้วยซ้ำไป
“คุณแม่ไม่ต้องกลับไปทำงานได้มั้ย “ ด้วยสัญชาตญาณของเด็กติดแม่มากกว่าพ่ออยู่เสมอ เด็กน้อยเข้ามาอ้อนผู้เป็นแม่ ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อนั่งมองด้วยแววตาอิจฉาเล่น ๆ ทั้งที่นั่งอยู่ด้วยกัน จนป่านนี้ลูกสาวยังไม่ลืมเรื่องนี้ ทำให้เธอสงสารลูก และไม่สบายใจ ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“คุณแม่ไม่กลับค่ะ คุณแม่จะอยู่กับชมพูกับป่ะป๊านะคะ” อรพินยกมือขึนลูบศีรษะคนเป็นลูกสาว เด็กหญิงนั่งบนตักของแม่ กอดไว้แน่นอย่างกับกลัวว่าแม่จะหายไป เธอเพียงพูดเอาใจลูกสาวเท่านั้นเอง แต่คนฟังอีกคนกลับอยากให้มันเป็นความจริง
“สัญญาแล้วนะครับ” อรรถพลพูดขึ้น ภายในใจของเขามีเพียงเธอคนเดียวเสมอมา แม้รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้อรพินกลับมารู้สึกดี ๆ กับตนอีกครั้ง ทว่าลึก ๆ เขาก็ยังหวัง นึกขอบคุณที่ลูกเกิดมาเสียด้วยซ้ำ ทำให้ได้กลับมาพบเจอเธออีกครั้ง
“รพินหมายถึงลูกค่ะ หมายถึงอยู่ที่นี่กับลูก” อรพินหันมาพูดขึ้นเสียงกับเขานิดหน่อย
“ครับ! ยังไงก็ขอบคุณมากที่ยอมมาอยู่กับลูกเป็นเพื่อนผม” ทันใดนั้นอรรถพลมองเห็นผมลูกสาวยุ่งจากการนอนเมื่อสักครู่ จึงอยากมัดให้เรียบร้อย ทว่าด้วยความที่เป็นผู้ชายไม่มีความปราณีตในเรื่องผู้หญิง ๆ แบบนี้ เขาจึงทำได้ออกมาไม่สวยในสายตาอรพินเท่าไหร่นัก
“ชมพูดูสิป่ะป๊ามัดผมให้หนูยังไงเนี่ย “ เด็กหญิงเหมือนรู้บทบาท นั่งให้พ่อกับแม่จัดการผมของตัวเองเงียบ ๆ และก็หัวเราะที่ได้เล่นกับพ่อแม่ในวันนี้ “ลูกเป็นผู้หญิงทำสวย ๆ หน่อยสิคะพี่อรรถ”
“อ้าว รพินจะให้พี่มัดยังไงให้สวย ก็แค่มันไม่ลงมาปิดหน้าปิดตาก็พอแล้วมั้ง” อรรถพลตลกกับฝีมือตัวเองเช่นกัน จะเอาอะไรมากมาย ก็แค่มัดให้มันไม่ปิดบังใบหน้าก็เท่านั้นเอง ในความรู้สึกของเขา
“พี่อรรถก็ต้องเก็บผมลูกไปให้หมด ตรงนี้ ๆ เก็บไปให้หมด หวีมีรู้จักใช้ด้วย เนี่ยมันยากตรงไหน ชมพูอยู่บ้านกับป่ะป๊าใครทำผมให้หนูลูก ถ้าไม่มีอาอรกับคุณย่าทำไง”
“โอ๊ยคุณแม่ ชมพูเจ็บ” เด็กน้อยร้องเจ็บ เธออาจจะดึงแรงไปหน่อย
“อุ๊ยคุณแม่ขอโทษค่ะ เนี่ยพี่อรรถมันยากตรงไหน แล้วถักเปียเป็นมั้ย ชมพูมันคงได้แค่มัดผมเชย ๆ แบบเมื่อกี้สินะ” อรพินบ่นไปด้วยมัดผมให้ลูกสาวไปด้วย อรรถพลมองเธอมัดผมให้ลูกสาว และฟังที่เธอบ่นตนเองแบบไม่รำคาญ มันกลับกลายเป็นความสุขของเขาเสียด้วยซ้ำ ชนิดที่โหยหาอยากได้มานาน อยากมีเธอบ่นไปตลอดไปต้องทำอย่างไร
“ก็พี่ทำไม่เป็น รพินก็มาอยู่ด้วยกัน ทำผมให้ลูกทุกวันสิ “ พูดจบอรพินหันหน้ามามองเธอทันควัน อรรถพลหุบยิ้มในทันที ถึงจะพูดทีเล่นทีจริงมันก็เป็นความรู้สึกของเขาทั้งหมด “พี่ก็แค่พูดเฉย ๆ รพินไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ตามใจรพินนะ”
สักพักคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการไข้ลูกสาวของพวกเขาสองคน ตามด้วยพยาบาลยกอาหารสำหรับคนป่วยมาให้
“ให้คุณแม่ป้อน” เฝ้าไข้วันแรกลูกสาวก็ทำท่าจะติดแม่เข้าให้แล้ว ไม่ยอมเรียกหาพ่อเลย อรรถพลนึกเป็นห่วงเธอนิดหน่อย คงไม่ได้พักผ่อนเต็มที่
“ชมพูอร่อยมั้ยคะ กินเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ กลับบ้านกัน” อรรถพลถามคำถามลูกสาว เขาเพียงอยากมีส่วนร่วมและอยู่ใกล้ ๆ แม่ของลูกต่างหาก จะให้เขากลับบ้านก่อน ปล่อยอรพินไว้กับลูกสองคนเขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้อรพินจะอยากให้เขาทำสักแค่ไหนก็ตาม