.
“รพินเป็นแฟนกับเรานะ” คำพูดของผู้ชายคนหนึ่งที่เคยพูดต่อหน้าเธอ รูปถ่ายค่อย ๆ เลื่อนไปทีละรูป ๆ เธอเก็บไว้ในอัลบั้มโทรศัพท์มือถือ น้ำตาเม็ดใส ๆ ค่อย ๆ ไหลลงมาเปื้อนใบหน้า
เธอรีบยกมือขึ้นมาเช็ดออก น้ำตาแห่งความดีใจที่มนัสได้เจอคนดี ๆ ผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควร เธอนั่งดูรูปตัวเองกับมนัสบนเตียงของอรรถพล เหลือบมองลูกสาวตัวน้อยหลับสนิทไปแล้ว น้ำตายิ่งพร่างพรายไหลออกมา เธอรีบยกมือปิดปากตัวเองกันเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยิน
ส่วนพ่อของลูกนอนโซฟาห้องรับแขก มันเป็นข้อตกลงของเธอกับเขา หากวันไหนมานอนที่นี่ อรรถพลจะต้องไปนอนห้องรับแขก เดือนหน้ามนัสกำลังจะแต่งงานกับศศิกานต์ เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ตัวเองร้องไห้ไม่ใช่เพราะตนเสียใจหรือเสียดายที่มนัสแต่งงาน ทว่ามันเป็นความดีใจมากกว่าที่เขาได้เจอกับผู้หญิงดี ๆ
ตอนนี้เธอกับมนัสเป็นเพื่อนที่เข้าใจกัน มนัสรู้ความจริงก่อนที่จะมีแฟนใหม่ด้วยซ้ำ เขาไม่ถือสาหาความเรื่องที่ผ่านมาหากเธอต้องการจะกลับมาเหมือนเดิม เขาไม่สนใจใส่ใจอดีตที่เลวร้ายของเธอ กลับเป็นเธอเองที่ไม่ยินดีรับความรักจากเขาอีก มนัสควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้
สองปีที่แล้ว
“รพินเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย เราไม่สนใจ เราไม่สนใจว่ารพินจะผ่านอะไรมา ชมพูก็เข้ากับเราได้นะรพิน” เป็นคำพูดขอร้องอ้อนวอนเธอ เมื่อครั้งที่มนัสรู้ความจริง และตามเธอมาถึงบ้านสวน สุดท้ายก็โดนเธอปฏิเสธไป
“เราเป็นเพื่อนกันเถอะมนัส มนัสควรได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่านี้ เรามีลูกแล้ว”
“ทำไมรพิน! คนอื่นที่เค้ามีลูกติดมาแล้วเค้ายังรักกันได้เลย บางคนสองคนสามคนก็ยังรักกันได้เลย” มนัสดูไม่เข้าใจตรรกะของเธอ ไม่เข้าใจว่าเธอปฏิเสธตนเองทำไม ทั้งที่ก็รับได้ทุกอย่าง และเธอก็รู้ว่าเขารักเธอจากใจจริง
อรพินไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้เขา แววตาสื่อถึงความจริงใจ รับรู้ว่าเขารักเธอจริงดังที่พูด และรักลูกสาวของเธอด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเธอถึงไม่อยากกลับไปคบกับเขาอีก หัวใจมันไม่ได้ร่ำร้องหาเขาอีกแล้ว
“เราเป็นเพื่อนกันเถอะนะมนัส มนัสเข้าใจเราใช่มั้ย” อรพินจับมือเขาขึ้นมากุมไว้ ทว่าแฝงไปด้วยความรู้สึกของเพื่อนคนหนึ่ง มนัสยอมรับความจริงและยอมเข้าใจเธอทุกอย่าง ยอมรับการตัดสินใจของเธอ
“ขอบใจนะมนัสที่เข้าใจเรา”
“เพราะเรารักรพินไง เรายอมรับการตัดสินใจของรพิน เรารักรพินจากใจ เราไม่อยากให้คนที่เรารักต้องลำบากใจ โอเค! ต่อจากนี้ไปเราคือเพื่อนกัน วันไหนที่เราผ่านมาแถวนี้เราขอแวะหาได้มั้ย”
“ได้สิ ได้เสมอ” อรพินยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะปล่อยมือมนัส ก่อนที่มนัสจะเดินจากไป
อรพินหวนคิดถึงอดีตเมื่อคราวสองปีที่แล้ว ที่มนัสรู้ความจริง ตอนนี้เขากำลังจะแต่งงาน เพื่อนรักของเธอกำลังจะมีครอบครัวทั้งคนทำไมเธอจะไม่ไปร่วมยินดีล่ะ เหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนพอมีเวลาได้เตรียมตัว
อรพินดูนาฬิกาสี่ทุ่มกว่า เธอรีบเช็ดน้ำตา เก็บโทรศัพท์ไว้หัวเตียงและนอนลงข้าง ๆ ลูกสาว ข่มตาหลับยังไงก็นอนไม่หลับ หวนคิดถึงใบหน้าและคำพูดของอรรถพล เหตุการณ์เมื่อกลางวันมันเข้ามากวนใจเธอให้นอนไม่หลับ
“ทำไมต้องแคร์ยัยรพิน! งอนก็ปล่อยให้เค้างอนไปสิ” เธอนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาเพราะนอนไม่หลับ “ยังมีหน้ามาห้ามไม่ให้เราพาลูกไปเจอเพื่อนเราอีก เป็นใครกัน! มีสิทธิ์ในตัวลูกเพียงคนเดียวหรือไง” บ่นอุบอิบคนเดียว นึกหมั่นไส้อรรถพลไปด้วย
ข้างล่างของบ้าน อรรถพลก็ไม่ต่างกัน เขานอนไม่หลับอยู่บนโซฟารับแขก นอนพลิกตัวไปมาเช่นกัน นึกถึงข้อความที่มนัสส่งหาอรพิน ความหึงห่วงแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ เจ็บใจมากกว่าที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์หวงคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก และเป็นของเขาด้วย
“โถ่เว้ยทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ! กำลังจะไปได้สวยอยู่แล้วเชียว ทำไมแกต้องโผล่หน้ามาด้วย” อรรถพลพูดกับตัวเอง กดหมอนกำมือแน่นด้วยความกังวลและกลัวอยู่ในใจ “แกไม่มีทางเอาเมียชั้นไปได้หรอกไอ้น้องชาย” แล้วก็พลิกตัวกลับไปกลับมาเพราะนอนไม่หลับ
เสี้ยวนาทีคิดจะเข้าไปคุยกับอรพินเรื่องมนัส ก็ต้องหยุดชะงัก เดินกลับมานอนโซฟาที่เดิม มันเป็นสิทธิ์ของเธอที่จะคุยกับใครก็ได้ ทะเบียนสมรสก็ไม่มี แต่งงานกันก็ยังไม่ได้แต่ง มีสิทธิ์อะไรไปห้าม
คนข้างบนก็ไม่ต่างกัน อรพินเองก็นอนไม่ค่อยหลับ ในใจอยากลงมาคุย เคลียร์กับอรรถพลให้รู้เรื่อง ที่เข้าใจผิดเรื่องมนัส เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจสักหน่อย
เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ทำไมเธอต้องแคร์ความรู้สึกเขาด้วย จะเข้าใจอย่างไรทำไมต้องสนใจ ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว ความสัมพันธ์เป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกสาวเท่านั้นเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น อรพินก็นอนลงเหมือนเดิม พยายามข่มตาหลับลงให้ได้
เช้าตรู่อรพินตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนที่อรรถพลจะเข้ามา วันนี้เธอกับลูกสาวมีนัดกับมนัส
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูจากด้านนอก เธอเดาว่าต้องเป็นเจ้าของห้องแน่นอน รีบเดินไปเปิดให้ และก็เป็นอรรถพลจริง ๆ สีหน้าและแววตาของเขายังคงเหมือนเมื่อวาน และยังคงเงียบขรึมเช่นเดิม
“ไปหาแฟนต้องรีบตื่นเช้าขนาดนี้เลยเหรอ” เขาพูดประชด
“พี่อรรถ รพินกับมนัสเรา...” เธอไม่ทันได้พูดจบ อรรถพลก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“พี่รู้ครับ! พี่รู้ว่ารพินกับเค้ารักกัน พี่คือตัวปัญหา ตัวต้นเหตุให้รพินกับเค้าต้องเลิกกัน วันนี้กลับมารักกันแล้ว พี่ยินดีด้วยนะ” อรรถพลด้วยน้ำเสียบราบเรียบ ฝืนยิ้มให้เธอ หัวใจสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนดวงตากำลังสร้างเม็ดน้ำตาให้มันไหลออกมาให้ได้ “และก็พี่ฝากขอโทษเค้าด้วย อ่อ! พี่ยังยืนยันคำเดิมนะว่าถ้าจะไปหาแฟนน่ะ ไม่ต้องพาชมพูไปด้วย”
“พี่อรรถกำลังเข้าใจรพินผิดนะคะ รพินกับมนัสเรา อืมม์ ค่ะ! ขอบคุณที่อวยพรเราสองคนนะคะ “ อรพินไม่ต้องการอธิบายความจริงให้อรรถพลฟังอีกต่อไป ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะรับฟังก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย
“ชมพูก็ลูกของรพินเหมือนกันค่ะ รพินมีสิทธิ์ที่จะพาไปไหนก็ได้ เจอใครก็ได้ อ่อ วันไหนที่รพินแต่งงาน เชิญพี่อรรถได้มั้ยคะ แล้วอีกอย่าง! หยุดใช้ลูกเป็นเครื่องมือให้รพินใจอ่อนเถอะค่ะ รพินไม่ได้รักพี่อรรถ”
“รพิน”! เป็นคำพูดที่ฟังดูธรรมดา แต่ว่าเขากลับเจ็บปวดมากที่สุด
“ชมพูลูก ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้คุณแม่จะพาไปเที่ยวหาลุงมนัส ชมพูจำลุงมนัสได้มั้ยคะ “ อรพินไม่สนใจเขา เดินมานั่งบนเตียงปลุกลูกสาวให้ตื่น อาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกกับเธอ
เด็กหญิงงัวเงียตื่นขึ้นมา คนเป็นแม่จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ลูกสาวเสร็จสรรพ ก่อนจะลงมาข้างล่าง
“รพินเดี๋ยวพี่ไปส่งรพินกับลูกเอง นัดเจอกันที่ไหนเหรอ”
“ขอบคุณค่ะพี่อรรถ แต่ไม่เป็นไรค่ะ มนัสเค้าจะมารับรพินเอง” พูดลอยหน้าลอยตาให้อรรถพลเจ็บใจเล่น ทว่าตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนกันที่พูดเช่นนี้ออกมา ทั้งที่มันไม่ใช่ความจริงเลย เธอกับมนัสเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
“งั้นเหรอ โอเค! ดูแลลูกพี่ให้ดี ๆ ล่ะ” ขอบตาแดง มีเม็ดน้ำใส ๆ คลอที่เบ้าแต่ว่าเขาไม่ยอมให้มันไหลลงมาแน่นอน
“ค่ะ” ก่อนที่สองคนแม่ลูกจะเดินลงมาข้างล่าง ปล่อยให้เขาอยู่ในห้องนอนคนเดียว ซึ่งอรรถพลก็ไม่ได้ตามลงมา
ไม่นานก็มีรถเก๋งสีดำขับมาจอดหน้าบ้าน ไม่ใช่รถใครที่ไหน เป็นรถของมนัสเอง “คุณแม่ ยัยอรรพินขอตัวนะคะ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองและหลานแม่ดี ๆ นะ” ทั้งอรอุมาและผู้เป็นแม่รู้ความจริงทั้งหมด จึงไม่เคลือบแคลงใจที่อรพินพาลูกไปกับชายอื่น “ปล่อยให้เจ้าอรรถงอนไปแบบนั้นแหละ อยากเป็นคนไม่มีเหตุผลนัก” ทั้งสองคนเข้าข้างเธอกันหมด
ทุกคนเดินมาส่งเธอกับลูกสาวที่หน้าบ้านยกเว้นก็แต่อรรถพลที่แอบดูอยู่หน้าต่างชั้นสองของบ้าน มนัสยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม ทำเอานางชบาแม่ของอรรถพล และอรอุมารู้สึกเกรงใจ รู้สึกผิดแทนลูกชายของตนขึ้นมา ทุกอย่างมันสายไปแล้ว แก้ไขอะไรก็คงไม่ทัน
“ชมพูสวัสดีลุงมนัสยังคะ” อรพินสั่งให้ลูกสาวสวัสดีแขก
“สวัสดีค่ะลุงมนัส” เด็กหญิงยกมือไหว้อยากน่ารักน่าเอ็นดู
“สวัสดีค่ะ มาให้ลุงกอดหน่อยมา หอมด้วย อุ้ยตัวหอมจังเลยค่ะ “ มนัสย่อตัวลงโอบกอดหลานสาว หอมแก้มไปหนึ่งที เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอรรถพลทั้งหมด เขายืนกอดอกมองดูอยู่หน้าต่างชั้นบนของบ้าน นึกหมั่นไส้มนัสที่สุด มีสิทธิ์อะไรมาหอมลูกสาวของเขา ทำอย่างกับเป็นพ่อลูกสามีภรรยากันอย่างนั้น “ป้ากานต์บ่นอยากเจอหนูรู้มั้ยคะ”
“ชมพูไปเที่ยวอย่าลืมของฝากอาอรนะ โอเค๊!” อรอุมาผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลานสาวแต่รักสุดหัวใจ บัดนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะเด็กหญิงอารมณ์ดีที่จะได้ไปเที่ยวต่างหาก จึงไม่อยากทะเลาะกับใคร
“โอเค” เด็กหญิงทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค ”ให้คุณด้าสามอัน ให้อาอรอันเดียว” เด็กหญิงตอบน้ำเสียงใสแจ๋ว ยังออกเสียงพยัญชนะบางตัวไม่ชัด ทุกคนหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่
“ฝากรพินกับหลานด้วยนะคะ ไปกันเถอะสายมากแล้ว”
“ครับ” หลังจากที่ทุกคนเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย มนัสก็ขับรถออกไป มุ่งหน้าไปที่จุดนับพบกับศศิกานต์แฟนของตน ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อรรถพลรีบวิ่งลงมาจากบ้าน และรีบขับรถตามไปห่าง ๆ โดยมีแม่และน้องยื่นดูพร้อมส่ายหัวให้กับการกระทำของเขา
“แม่ไม่รู้จะช่วยพี่เรายังไงยัยอร รพินใจแข็งจริง ๆ “
“คุณแม่เชื่ออรนะคะ อรเป็นเพื่อนสนิทรพิน เดี๋ยวคู่นี้ก็กลับมารักกัน ถ้ารพินไม่รักพี่อรรถ รพินไม่ยอมทำขนาดนี้หรอก พี่อรรถเอาชมพูมาอ้างแค่ไหนรพินก็ไม่ยอมหรอก ถ้าไม่มีใจให้พี่อรรถบ้างแล้ว”
“แม่ขอให้เป็นอย่างนั้นนะลูก” สองคนแม่ลูกยืนคุยกัน สายตามองไปที่รถของอรรถพลขณะที่วิ่งไปไกลลับตา ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ทั้งสามคนจูงมือเด็กหญิงเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า คนที่พบเห็นต่างคิดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันทั้งนั้น ทันใดนั้นเด็กหญิงก็อ้อนให้อุ้มตนเอง “ชมพูเดินเองค่ะ งอแงลุงมนัสไม่พามาเที่ยวอีกนะ”
“ไม่เป็นไรรพิน มาคุณลุงอุ้มเองค่ะ” ไม่พูดเฉย ๆ ย่อตัวลงอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา พร้อมเดินไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่นัดกับศศิกานต์เอาไว้
มีบุคคลหนึ่งแอบตามมาติด ๆ อรรถพลแอบตามพวกเขามาอยู่ห่าง ๆ แอบดูด้วยความไม่ชอบใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องตามมาดูด้วย มันยิ่งทำให้ตนเองเจ็บปวดกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังอยากจะเห็น
ทั้งสามคนขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นข้างบน อรรถพลแอบวิ่งตามไปห่าง ๆ โดยไม่ให้ทุกคนรู้ตัว พวกเขากำลังไปร้านอาหารญี่ปุ่น “อยากกินก็ไม่บอกจะได้พามา” บ่นอุบอิบคนเดียวและคอยแอบดูอยู่ห่าง ๆ
ตอนนี้อรพินกับมนัสและลูกสาว เข้าไปในร้านอาหารแล้ว จะตามเข้าไปทั้งสามคนก็รู้ตัวพอดี เขาจึงหาที่นั่งรอแถวนี้ รอด้วยความกระวนกระวาย ใจจดใจจ่อเมื่อไหร่ทุกคนจะออกมา
โซ่รัก บทที่ 16
.
“รพินเป็นแฟนกับเรานะ” คำพูดของผู้ชายคนหนึ่งที่เคยพูดต่อหน้าเธอ รูปถ่ายค่อย ๆ เลื่อนไปทีละรูป ๆ เธอเก็บไว้ในอัลบั้มโทรศัพท์มือถือ น้ำตาเม็ดใส ๆ ค่อย ๆ ไหลลงมาเปื้อนใบหน้า
เธอรีบยกมือขึ้นมาเช็ดออก น้ำตาแห่งความดีใจที่มนัสได้เจอคนดี ๆ ผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควร เธอนั่งดูรูปตัวเองกับมนัสบนเตียงของอรรถพล เหลือบมองลูกสาวตัวน้อยหลับสนิทไปแล้ว น้ำตายิ่งพร่างพรายไหลออกมา เธอรีบยกมือปิดปากตัวเองกันเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยิน
ส่วนพ่อของลูกนอนโซฟาห้องรับแขก มันเป็นข้อตกลงของเธอกับเขา หากวันไหนมานอนที่นี่ อรรถพลจะต้องไปนอนห้องรับแขก เดือนหน้ามนัสกำลังจะแต่งงานกับศศิกานต์ เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ตัวเองร้องไห้ไม่ใช่เพราะตนเสียใจหรือเสียดายที่มนัสแต่งงาน ทว่ามันเป็นความดีใจมากกว่าที่เขาได้เจอกับผู้หญิงดี ๆ
ตอนนี้เธอกับมนัสเป็นเพื่อนที่เข้าใจกัน มนัสรู้ความจริงก่อนที่จะมีแฟนใหม่ด้วยซ้ำ เขาไม่ถือสาหาความเรื่องที่ผ่านมาหากเธอต้องการจะกลับมาเหมือนเดิม เขาไม่สนใจใส่ใจอดีตที่เลวร้ายของเธอ กลับเป็นเธอเองที่ไม่ยินดีรับความรักจากเขาอีก มนัสควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้
สองปีที่แล้ว
“รพินเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย เราไม่สนใจ เราไม่สนใจว่ารพินจะผ่านอะไรมา ชมพูก็เข้ากับเราได้นะรพิน” เป็นคำพูดขอร้องอ้อนวอนเธอ เมื่อครั้งที่มนัสรู้ความจริง และตามเธอมาถึงบ้านสวน สุดท้ายก็โดนเธอปฏิเสธไป
“เราเป็นเพื่อนกันเถอะมนัส มนัสควรได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่านี้ เรามีลูกแล้ว”
“ทำไมรพิน! คนอื่นที่เค้ามีลูกติดมาแล้วเค้ายังรักกันได้เลย บางคนสองคนสามคนก็ยังรักกันได้เลย” มนัสดูไม่เข้าใจตรรกะของเธอ ไม่เข้าใจว่าเธอปฏิเสธตนเองทำไม ทั้งที่ก็รับได้ทุกอย่าง และเธอก็รู้ว่าเขารักเธอจากใจจริง
อรพินไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้เขา แววตาสื่อถึงความจริงใจ รับรู้ว่าเขารักเธอจริงดังที่พูด และรักลูกสาวของเธอด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเธอถึงไม่อยากกลับไปคบกับเขาอีก หัวใจมันไม่ได้ร่ำร้องหาเขาอีกแล้ว
“เราเป็นเพื่อนกันเถอะนะมนัส มนัสเข้าใจเราใช่มั้ย” อรพินจับมือเขาขึ้นมากุมไว้ ทว่าแฝงไปด้วยความรู้สึกของเพื่อนคนหนึ่ง มนัสยอมรับความจริงและยอมเข้าใจเธอทุกอย่าง ยอมรับการตัดสินใจของเธอ
“ขอบใจนะมนัสที่เข้าใจเรา”
“เพราะเรารักรพินไง เรายอมรับการตัดสินใจของรพิน เรารักรพินจากใจ เราไม่อยากให้คนที่เรารักต้องลำบากใจ โอเค! ต่อจากนี้ไปเราคือเพื่อนกัน วันไหนที่เราผ่านมาแถวนี้เราขอแวะหาได้มั้ย”
“ได้สิ ได้เสมอ” อรพินยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะปล่อยมือมนัส ก่อนที่มนัสจะเดินจากไป
อรพินหวนคิดถึงอดีตเมื่อคราวสองปีที่แล้ว ที่มนัสรู้ความจริง ตอนนี้เขากำลังจะแต่งงาน เพื่อนรักของเธอกำลังจะมีครอบครัวทั้งคนทำไมเธอจะไม่ไปร่วมยินดีล่ะ เหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนพอมีเวลาได้เตรียมตัว
อรพินดูนาฬิกาสี่ทุ่มกว่า เธอรีบเช็ดน้ำตา เก็บโทรศัพท์ไว้หัวเตียงและนอนลงข้าง ๆ ลูกสาว ข่มตาหลับยังไงก็นอนไม่หลับ หวนคิดถึงใบหน้าและคำพูดของอรรถพล เหตุการณ์เมื่อกลางวันมันเข้ามากวนใจเธอให้นอนไม่หลับ
“ทำไมต้องแคร์ยัยรพิน! งอนก็ปล่อยให้เค้างอนไปสิ” เธอนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาเพราะนอนไม่หลับ “ยังมีหน้ามาห้ามไม่ให้เราพาลูกไปเจอเพื่อนเราอีก เป็นใครกัน! มีสิทธิ์ในตัวลูกเพียงคนเดียวหรือไง” บ่นอุบอิบคนเดียว นึกหมั่นไส้อรรถพลไปด้วย
ข้างล่างของบ้าน อรรถพลก็ไม่ต่างกัน เขานอนไม่หลับอยู่บนโซฟารับแขก นอนพลิกตัวไปมาเช่นกัน นึกถึงข้อความที่มนัสส่งหาอรพิน ความหึงห่วงแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ เจ็บใจมากกว่าที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์หวงคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก และเป็นของเขาด้วย
“โถ่เว้ยทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ! กำลังจะไปได้สวยอยู่แล้วเชียว ทำไมแกต้องโผล่หน้ามาด้วย” อรรถพลพูดกับตัวเอง กดหมอนกำมือแน่นด้วยความกังวลและกลัวอยู่ในใจ “แกไม่มีทางเอาเมียชั้นไปได้หรอกไอ้น้องชาย” แล้วก็พลิกตัวกลับไปกลับมาเพราะนอนไม่หลับ
เสี้ยวนาทีคิดจะเข้าไปคุยกับอรพินเรื่องมนัส ก็ต้องหยุดชะงัก เดินกลับมานอนโซฟาที่เดิม มันเป็นสิทธิ์ของเธอที่จะคุยกับใครก็ได้ ทะเบียนสมรสก็ไม่มี แต่งงานกันก็ยังไม่ได้แต่ง มีสิทธิ์อะไรไปห้าม
คนข้างบนก็ไม่ต่างกัน อรพินเองก็นอนไม่ค่อยหลับ ในใจอยากลงมาคุย เคลียร์กับอรรถพลให้รู้เรื่อง ที่เข้าใจผิดเรื่องมนัส เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจสักหน่อย
เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ทำไมเธอต้องแคร์ความรู้สึกเขาด้วย จะเข้าใจอย่างไรทำไมต้องสนใจ ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว ความสัมพันธ์เป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกสาวเท่านั้นเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น อรพินก็นอนลงเหมือนเดิม พยายามข่มตาหลับลงให้ได้
เช้าตรู่อรพินตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนที่อรรถพลจะเข้ามา วันนี้เธอกับลูกสาวมีนัดกับมนัส
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูจากด้านนอก เธอเดาว่าต้องเป็นเจ้าของห้องแน่นอน รีบเดินไปเปิดให้ และก็เป็นอรรถพลจริง ๆ สีหน้าและแววตาของเขายังคงเหมือนเมื่อวาน และยังคงเงียบขรึมเช่นเดิม
“ไปหาแฟนต้องรีบตื่นเช้าขนาดนี้เลยเหรอ” เขาพูดประชด
“พี่อรรถ รพินกับมนัสเรา...” เธอไม่ทันได้พูดจบ อรรถพลก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“พี่รู้ครับ! พี่รู้ว่ารพินกับเค้ารักกัน พี่คือตัวปัญหา ตัวต้นเหตุให้รพินกับเค้าต้องเลิกกัน วันนี้กลับมารักกันแล้ว พี่ยินดีด้วยนะ” อรรถพลด้วยน้ำเสียบราบเรียบ ฝืนยิ้มให้เธอ หัวใจสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนดวงตากำลังสร้างเม็ดน้ำตาให้มันไหลออกมาให้ได้ “และก็พี่ฝากขอโทษเค้าด้วย อ่อ! พี่ยังยืนยันคำเดิมนะว่าถ้าจะไปหาแฟนน่ะ ไม่ต้องพาชมพูไปด้วย”
“พี่อรรถกำลังเข้าใจรพินผิดนะคะ รพินกับมนัสเรา อืมม์ ค่ะ! ขอบคุณที่อวยพรเราสองคนนะคะ “ อรพินไม่ต้องการอธิบายความจริงให้อรรถพลฟังอีกต่อไป ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะรับฟังก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย
“ชมพูก็ลูกของรพินเหมือนกันค่ะ รพินมีสิทธิ์ที่จะพาไปไหนก็ได้ เจอใครก็ได้ อ่อ วันไหนที่รพินแต่งงาน เชิญพี่อรรถได้มั้ยคะ แล้วอีกอย่าง! หยุดใช้ลูกเป็นเครื่องมือให้รพินใจอ่อนเถอะค่ะ รพินไม่ได้รักพี่อรรถ”
“รพิน”! เป็นคำพูดที่ฟังดูธรรมดา แต่ว่าเขากลับเจ็บปวดมากที่สุด
“ชมพูลูก ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้คุณแม่จะพาไปเที่ยวหาลุงมนัส ชมพูจำลุงมนัสได้มั้ยคะ “ อรพินไม่สนใจเขา เดินมานั่งบนเตียงปลุกลูกสาวให้ตื่น อาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกกับเธอ
เด็กหญิงงัวเงียตื่นขึ้นมา คนเป็นแม่จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ลูกสาวเสร็จสรรพ ก่อนจะลงมาข้างล่าง
“รพินเดี๋ยวพี่ไปส่งรพินกับลูกเอง นัดเจอกันที่ไหนเหรอ”
“ขอบคุณค่ะพี่อรรถ แต่ไม่เป็นไรค่ะ มนัสเค้าจะมารับรพินเอง” พูดลอยหน้าลอยตาให้อรรถพลเจ็บใจเล่น ทว่าตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนกันที่พูดเช่นนี้ออกมา ทั้งที่มันไม่ใช่ความจริงเลย เธอกับมนัสเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
“งั้นเหรอ โอเค! ดูแลลูกพี่ให้ดี ๆ ล่ะ” ขอบตาแดง มีเม็ดน้ำใส ๆ คลอที่เบ้าแต่ว่าเขาไม่ยอมให้มันไหลลงมาแน่นอน
“ค่ะ” ก่อนที่สองคนแม่ลูกจะเดินลงมาข้างล่าง ปล่อยให้เขาอยู่ในห้องนอนคนเดียว ซึ่งอรรถพลก็ไม่ได้ตามลงมา
ไม่นานก็มีรถเก๋งสีดำขับมาจอดหน้าบ้าน ไม่ใช่รถใครที่ไหน เป็นรถของมนัสเอง “คุณแม่ ยัยอรรพินขอตัวนะคะ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองและหลานแม่ดี ๆ นะ” ทั้งอรอุมาและผู้เป็นแม่รู้ความจริงทั้งหมด จึงไม่เคลือบแคลงใจที่อรพินพาลูกไปกับชายอื่น “ปล่อยให้เจ้าอรรถงอนไปแบบนั้นแหละ อยากเป็นคนไม่มีเหตุผลนัก” ทั้งสองคนเข้าข้างเธอกันหมด
ทุกคนเดินมาส่งเธอกับลูกสาวที่หน้าบ้านยกเว้นก็แต่อรรถพลที่แอบดูอยู่หน้าต่างชั้นสองของบ้าน มนัสยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม ทำเอานางชบาแม่ของอรรถพล และอรอุมารู้สึกเกรงใจ รู้สึกผิดแทนลูกชายของตนขึ้นมา ทุกอย่างมันสายไปแล้ว แก้ไขอะไรก็คงไม่ทัน
“ชมพูสวัสดีลุงมนัสยังคะ” อรพินสั่งให้ลูกสาวสวัสดีแขก
“สวัสดีค่ะลุงมนัส” เด็กหญิงยกมือไหว้อยากน่ารักน่าเอ็นดู
“สวัสดีค่ะ มาให้ลุงกอดหน่อยมา หอมด้วย อุ้ยตัวหอมจังเลยค่ะ “ มนัสย่อตัวลงโอบกอดหลานสาว หอมแก้มไปหนึ่งที เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอรรถพลทั้งหมด เขายืนกอดอกมองดูอยู่หน้าต่างชั้นบนของบ้าน นึกหมั่นไส้มนัสที่สุด มีสิทธิ์อะไรมาหอมลูกสาวของเขา ทำอย่างกับเป็นพ่อลูกสามีภรรยากันอย่างนั้น “ป้ากานต์บ่นอยากเจอหนูรู้มั้ยคะ”
“ชมพูไปเที่ยวอย่าลืมของฝากอาอรนะ โอเค๊!” อรอุมาผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลานสาวแต่รักสุดหัวใจ บัดนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะเด็กหญิงอารมณ์ดีที่จะได้ไปเที่ยวต่างหาก จึงไม่อยากทะเลาะกับใคร
“โอเค” เด็กหญิงทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค ”ให้คุณด้าสามอัน ให้อาอรอันเดียว” เด็กหญิงตอบน้ำเสียงใสแจ๋ว ยังออกเสียงพยัญชนะบางตัวไม่ชัด ทุกคนหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่
“ฝากรพินกับหลานด้วยนะคะ ไปกันเถอะสายมากแล้ว”
“ครับ” หลังจากที่ทุกคนเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย มนัสก็ขับรถออกไป มุ่งหน้าไปที่จุดนับพบกับศศิกานต์แฟนของตน ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อรรถพลรีบวิ่งลงมาจากบ้าน และรีบขับรถตามไปห่าง ๆ โดยมีแม่และน้องยื่นดูพร้อมส่ายหัวให้กับการกระทำของเขา
“แม่ไม่รู้จะช่วยพี่เรายังไงยัยอร รพินใจแข็งจริง ๆ “
“คุณแม่เชื่ออรนะคะ อรเป็นเพื่อนสนิทรพิน เดี๋ยวคู่นี้ก็กลับมารักกัน ถ้ารพินไม่รักพี่อรรถ รพินไม่ยอมทำขนาดนี้หรอก พี่อรรถเอาชมพูมาอ้างแค่ไหนรพินก็ไม่ยอมหรอก ถ้าไม่มีใจให้พี่อรรถบ้างแล้ว”
“แม่ขอให้เป็นอย่างนั้นนะลูก” สองคนแม่ลูกยืนคุยกัน สายตามองไปที่รถของอรรถพลขณะที่วิ่งไปไกลลับตา ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ทั้งสามคนจูงมือเด็กหญิงเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า คนที่พบเห็นต่างคิดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันทั้งนั้น ทันใดนั้นเด็กหญิงก็อ้อนให้อุ้มตนเอง “ชมพูเดินเองค่ะ งอแงลุงมนัสไม่พามาเที่ยวอีกนะ”
“ไม่เป็นไรรพิน มาคุณลุงอุ้มเองค่ะ” ไม่พูดเฉย ๆ ย่อตัวลงอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา พร้อมเดินไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่นัดกับศศิกานต์เอาไว้
มีบุคคลหนึ่งแอบตามมาติด ๆ อรรถพลแอบตามพวกเขามาอยู่ห่าง ๆ แอบดูด้วยความไม่ชอบใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องตามมาดูด้วย มันยิ่งทำให้ตนเองเจ็บปวดกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังอยากจะเห็น
ทั้งสามคนขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นข้างบน อรรถพลแอบวิ่งตามไปห่าง ๆ โดยไม่ให้ทุกคนรู้ตัว พวกเขากำลังไปร้านอาหารญี่ปุ่น “อยากกินก็ไม่บอกจะได้พามา” บ่นอุบอิบคนเดียวและคอยแอบดูอยู่ห่าง ๆ
ตอนนี้อรพินกับมนัสและลูกสาว เข้าไปในร้านอาหารแล้ว จะตามเข้าไปทั้งสามคนก็รู้ตัวพอดี เขาจึงหาที่นั่งรอแถวนี้ รอด้วยความกระวนกระวาย ใจจดใจจ่อเมื่อไหร่ทุกคนจะออกมา