⚠️
เนื้อหาใน EP นี้ ขอแนะนำ แนะนำให้อ่านตอนท้องว่าง และคนที่จะไดเอท หลีกเลี่ยงอ่านระหว่างทานข้าว พิซซ่า ชาบู หมูกะทะ สตาร์บัค ดื่มน้ำ สูตรชานมไข่มุก ทานเค้ก และอาหารว่าง
เตือนแล้วน้าาา
ep 5
เวลานี้ก็พลบค่ำมากแล้ว ความเงียบเชียบก็เริ่มคืบคานเข้ามา ระหว่างทางบนท้องถนนเส้นหลักที่รถอาสาวขับผ่าน ภายในรถตรงเบาะข้างคนขับ ทับทิมที่ยังนั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างประตูรถ เธอหันซ้ายแลขวา ก็ยังไม่พบชาวบ้านขับรถผ่านสวนทางมาเลยแม้แต่คันเดียว ทั้งเดินริมถนน แม้แต่ปั่นจักรยานก็ยังไม่มี จะว่าไปแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานวัดคืนนั้น ทำเอาทุกคนต้องรีบเข้าบ้าน คงไม่กล้าออกจากบ้านเมื่อถึงเวลาใกล้พลบค่ำ เหมือนว่าพวกเขายังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่มากมาย
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าความมืดเริ่มค่อยๆ กลืนกินเข้ามา ทุกทีๆ ทุกอย่างเริ่มเห็นเป็นเงา ตะคุ่มๆ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เริ่มกลับรัง มองบนท้องฟ้าสีส้มของดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินดัดสีน้ำเงินเข้ม จะเห็นเหล่านกน้อยใหญ่บินกลับรัง แมลงที่หากินกลางคืนเริ่มส่งเสียงบรรเลง สัตว์กลางคืนค่อยๆ ออกมาหากิน
รถของอาสาวมาจอดที่บนถนนเส้นหลัก อาสาวส่งทับทิมแค่นั้น ที่เหลือตัวทับทิมต้องเดินเข้าบ้านเอง
อาสาว “อาตัดสินใจแล้วล่ะ จะไปงานศพเจ้า ‘ อุ๊ ’ น่ะ ก็นะ ต่อให้ไม่ถูกกัน แต่ก็ไม่ควรจะเกรียดเครียดแค้นกันหรอก”
“แล้วอา จะกลับมามั้ย?” ทับทิมถาม
อาสาว “อาค้างบ้านเพื่อนน่ะ..เอ็งก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะกัน”
อาสาวเลื่อนบานกระจกปิดสนิทแล้วขับรถออกไปทันที
ทับทิมยืนดูรถของอาสาวที่ขับออกไปไกลจนสุดสายตา และทุกครั้งที่ทับทิมได้แต่ยืนมองมันด้วยความอึดอัด และก็ทุกครั้งอีกล่ะ ที่อาสาวไม่เคยมานอนบ้านเลย หากจะมานอน ก็กลับมาดึกมากๆ แบบที่ว่าไม่มีใครอยากจะออกมาเปิดปะตูให้ด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วส่วนมากเขาไม่เคยอยู่บ้านเลย ยกเว้นวันโกน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด พอถามป้าก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างไร หากจะมี ก็แค่คำตอบสั้นๆ ที่ป้าบอกเป็นประจำเมื่อเขาเริ่มรำคาญทับทิมมากเข้า คือ ‘ความอึดอัด’
ระหว่างที่ทับทิมกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเล็ก ซึ่งเป็นทางเข้าบ้านประจำที่เธอคุ้นเคย
จนกระทั้งเธอเดินผ่านจุดที่ทิ้งขยะประจำของหมู่บ้าน เธอถึงกลับหยุดเดินแล้วเอามือมาปิดที่จมูกทันที มันมีกลิ่นบางอย่างเข้ามาตีจมูกเธอ กลิ่นเหม็นของมันเข้าไปท่วมถึงในท้องแล้วตีกลับออกมาจนอยากจะอาเจียนเสียตรงนั้นทันที กลิ่นมันเหมือนซากอะไรสักอย่างที่เน่ามาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน
มีอะไรบางอย่างมันดึงดูดให้เธอต้องมองไปยังที่กองขยะที่เน่าพะเนินเทินทึกครงนั้น แล้ว อยู่ๆ ก็ มีเลือดเหมือนเป็นก้อนเมือกๆ มีหมองสีเหลืองข้นๆ ไหลปะปนออกมาจากกองขยะตามด้วยเศษเนื้อพังผืดไหลลงมากระทบกับพื้นปูนดัง แผละ แล้ว ค่อยๆ ไหลปนกับน้ำเลือดน้ำหนองนองออกมานอกบริเวณที่ทิ้งขนะเลยออกไปถึงพื้นถนน แล้วจากนั้นตรงยอดบนสุดของกองขยะ ค่อยๆ ถลายลงมา มีร่างในชุดสีขาวที่หันหลังให้ทับทิม ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า ทำให้เธอเห็นแผ่นหลังที่เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยก้อนน้ำเลือดน้ำหนองและสิ่งปฏิกูล เลอะไปตั้งแต่กลางหลังลงมาจนถึงผ้าถุงสีขาว แล้วร่างของมัน ค่อยๆ ยืนจนเหยียดตรง
ฉับพลันนั้นเอง อากาศโดยรอบเริ่มเย็นลงทันที เสียงแมลงและสัตว์เล็กที่หากินกลางคืนเงียบหายไปอย่างน่าพิศวง เสมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่บริเวณนั้นเลยแม้แต่ตัวเดียว
ทับทิมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับร่างในชุดขาวตรงหน้าเหลือเกิน
ในหัวของเธอคิดอยู่ว่าร่างในชุดขาวตรงหน้า มาทำอะไรที่กองขยะเน่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล แล้วนี่ก็ค่ำแล้วนะ..ไม่ไปสวดมนต์ทำวัดเย็นหรือ มาทำอะไรที่นี่ตรงนี้กันนะ ทำไมรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ในหัวของทับทิมกำลังคิดไป ต่างๆ นาๆ เธอเริ่มก้าวเท้าถอยหลังไปทีละก้าว และทีละก้าว ให้ห่างจากสิ่งที่ยืนหันหลังอยู่เบื้องหน้า เมื่อร่างนั้นมันค่อยๆ หันกลับมา ทำให้ทับทิมเห็นรูปร่างลักษณะเต็มตา เธอถึงกับส่ายศีรษะตัวสั่นเทา
ดวงตาสองข้างของมันของโบ๋ แล้วมีเมือกดำๆ คนกับหนอนขี้ยั่วยั่วตัวใหญ่ไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา แล้วปากของมันก็อ้าออกเผยให้เห็นอวัยวะภายในที่เน่าเละจนไม่รู้รูปร่างทะลักออกมาพร้อมกับหนอนยั้วเยี้ยจำนวนมาก ไหลกองลงมากระทบกับพื้นดัง เพละ!
มันจ้องมาแล้วเอียงคอ ยกมือชี้นิ้วมาที่ทับทิม
เหมือนจะรู้จักเธอ
ใช่...แล้ว
นี่..คือแม่ชีที่ถูกยิงตายในงานวัดคืนนั้น!!
ทับทิมรีบวิ่งให้เร็วที่สุด วิ่งเข้าไปยังบ้านแล้วรีบปิดประตูรั้วบ้านล๊อคทันที พอเธอมองผ่านลูกกรงไปด้านนอก ผีแม่ชีมันหายไปแล้ว!? เธอจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ประตูรั้วมองออกไปด้านนอกอีกครึ้ง
เพียงเสี่ยววินาทีนั้งเอง ดวงตาที่โบ๋เต็มไปด้วยเมือกสีดำแล้วหนอนยั้วเยี้ยที่ไหลทะลักเกือบประสานเข้ากับดวงตาของทับทิมในระยะเผาขน!!
เอาเธอสะดุ้งโหยงผวากระโจนถอยหลังเกือบไปชนป้าที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ป้า “อะไรของเอ็งเนี่ยฮะ!?”
ทับทิมหันกลับไปมองที่ประตูรั่วอีกครั้ง ผีแม่ชี…หายไปแล้ว?!
ทับทิม “เมื่อกี้..หนูเห็นผีแม่ชียืนตรงนั้น” เธอชี้ไปที่ประตูรั้ว “แต่หายไปแล้ว”
พอทับทิมกล่าวจบ ป้าของเธอยืนแข็งทื่อเหมือนจะรับรู้สิ่งที่เธอเล่าแล้วจึงหันมามองเธอด้วยสายตาที่สั่นกลัว
ป้ากล่าว “หลังจากเกิดที่เรื่องในงานวัดคืนนั้น...แม่ชีนั่นน่ะ..มันวนเวียนรอบบ้านมา 3 วันแล้วล่ะทับทิม” เสียงของป้าสั่นเครือน้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมา “รู้ไหม...แม่เอ็งกับอาสาวน่ะ หาว่าป้าบ้า.. แต่ทับทิม...ป้า...ป้าไม่ได้บ้า..” เธอเอียงคอแล้วแสยะยิ้มมายังทับทิม “ ใช่มั้ย? ”
“ไม่นะจ๊ะ... ป้าไม่ได้บ้าหรอกทับทิมก็เห็นเหมือนกัน”
......
ภายในบ้านแม่ก็ยังคุยเล่นกับน้องๆ เสียงหัวเราะก็ยังดังรอดออกมาจากห้องส่วนของแม่ ทั้งๆ ที่ ห้องของแม่ปิดประตูจนสนิทแล้ว
ทับทิมที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องของแม่อย่างเหม่อลอย จนลืมตัวไปว่ามือของเธอไปจับกับลูกบิดประตูของห้องแม่ จนกระทั้งป้ามาจับมือทับทิมไว้ ทับทิมหันมามองป้าตัวเอง แล้วป้าส่ายศีรษะห้าม เธอจึงยอมให้ป้า พาเธอไปพักผ่อนยังห้องนอนทันที
เสียงไอแห้งๆ ของยายก็ยังดังเป็น ระยะๆ ที่มุมมืดของห้องนอนเฉกเช่นเคย
คืนนี้ ทับทิมนอนไวกว่าปกติ พอไม่มีสมาร์ทโฟนแล้ว มันรู้สึกเหมือนขาดปัจจัยอะไรบางอย่าง คืนนี้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด... จึงได้บังเกิดมีเสียงสวดที่เย็นยะเยือกดังลอยออกมาไม่ไกล
กุสะลา ธัมมา
อะกุสะลา ธัมมา
อัพ๎ยากะตา ธัมมา
ทับทิมได้ยินเสียงสวดอภิธรรมศพ ทำเอาเธอสะดุ้งตื่นกลางดึก พอลุกขึ้นมานั่งฟังให้แน่ใจเสียงสวด ก็เงียบหายไปแล้ว ตอนนี้เธอกลับสัมผัสถึงอากาศหนาวเย็นจนหายใจออกมาเป็นไอสีขาว นี่มันอะไร ทำไมอากาศมันถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้ ป้าของเธอยังหลับลึกอยู่บนเตียง พอเธอหันกลับไปมองที่เตียงของยาย
ยาย..ไม่อยู่บนเตียงแล้ว?!
ทับทิมรีบไปปลุกป้าทันที เขย่าแล้วเขย่าอีกป้าก็ยังไม่ตื่น สุดท้าย เธอจึงออกไปตามหายายด้วยตนเอง
พอเดินออกมาจากห้องนอน เธอสังเกตว่าบรรยากาศภายในบ้านเงียบและวังเวงมากกว่าปกติ พอมองไปยังห้องของแม่ ก็ดับไฟเงียบคงหลับสนิทไปนานแล้ว
มือทั้งสองของเธอถูไถกันจนเกิดความอบอุ่น เอามือมาแตะตามคอตามใบหน้าแล้วจึงกอดตัวเองด้วยความหนาวเหน็บ
ปิ้งป่อง!
ทับทิมสะดุ้งตกใจเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า ของสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง แต่เธอไม่รู้ว่าเสียงมาจากทางไหน
ปิ้งป่อง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังมาอีกครั้ง คราวนี้มันดังไกลออกไปจากนอกบ้าน เธอพบว่าบานประตูบ้านถูกเปิดออกทิ้งไว้นานเมื่อไรไม่รู้ เธอจึงเดินออกมายืนอยู่ตรงลานหน้าบ้าน มีแสง สลัวๆ ของไฟหลอดนีออนที่อยู่หน้าบ้านยังเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้สว่างเลยมีแต่นิด แต่ดีที่เธอพกไฟฉายติดตัวมาด้วย
อากาศข้างนอกหนาวเย็นลงมากกว่าในบ้านจนน่าแปลกใจ แล้วมันก็เงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงของแมลงและสัตว์กลางคืนดังออกเลย เหมือนว่าสัตว์และแมลงเหล่านั้นหายไปหมด มันเงียบจนผิดปกติ
เสียงกรามขบกระทบสั่น ลมหายใจเข้าออกพ่นมาเป็นไอสีขาวหนาจนเห็นชัดเจน ทับทิมสาดไฟฉายไปยังประตูรั่วหน้าบ้าน เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นประตูรั่วปิดสนิทอยู่
ปิ้งป่อง!
คราวนี้เสียงนั้น มันดังมาจากหลังบ้าน
เธอกลับหลังหันแล้วสาดแสงไฟฉายส่องทาง แล้วค่อยๆ เดินไปใกล้ที่มาของเสียง
ปิ้งป่อง
เสียงเริ่มดังมากขึ้น จนกระทั้งแสงไฟฉายก็ไปต้องหยุดตรงกองของเหลวสีดำๆ ที่ลากเป็นทางยาว พอทับทิมจ่องมองไปที่สิ่งนั้น เธอจึงก้มลงไปแตะแล้วเอาไฟฉายส่องที่นิ้ว
“เลือด!” ทับทิมอุทานแล้วลุกพรวนทันที ลมหายใจสั่นระรัว ไฟฉายในมือเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
จนเธอไม่ทันสังเกตว่า ประตูรั่วหน้าบ้านที่เธอยืนหันหลังให้อยู่ บัดนี้ กำลัง ค่อยๆ เปิดออกมาอย่าง ช้าๆ
ปิ้งป่อง
เสียงมันดังอยู่ใกล้ตัวทับทิมมาก ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มีบางสิ่งกำลังมุ่งตรงมายังเธอจากด้านหลัง ทับทิมรีบกลับหลังหันเอาไฟฉายสาดไปที่มันทันที แต่ภาพที่เห็นมีแต่ความว่างปล่า แต่กลับกันทับทิมต้องส่ายศีรษะไม่อยากจะเชื่อ เมื่อแสงไฟฉายสาดไปยังประตูรั่วบานใหญ่ ที่ถูกเปิดออกอ้าทิ้งไว้
“มะ..มัน.. ปะ เปิด ได้ไงเนี่ย..”เสียงเธอสั่นอย่างหวาดกลัว มีเพียงแค่ตัวเธอคนเดียวที่ยืนอยู่นอกบ้าน
ทับทิมจึงรีบหันตัวกลับไป จะวิ่งเข้าไปในบ้านทันที แต่แล้วมีบางอย่างประจันตรงหน้าเธอ เสียงกรี๊ดร้องยังไม่ทันดังออกมาจากปากก็ถูกปิดไว้อย่างรวดเร็ว!!
“ชู่! อย่าส่งเสียง นี่อาเอง”
อาสาวใช้นิ้วจุปากตัวเอง เพื่อเป็นสัญญานบอกเด็กสาวไม่ต้องตื่นกลัว เธอจึงพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับอาสาว อาสาวจึงค่อยๆ คลายมือออก
ทับทิม “อา..เข้ามาได้ไงง่ะ แล้วไม่ได้ค้างบ้านเพื่อนเหรอ?”
อาสาว “ถามทีละเรื่องดิ..อาเป็นห่วงป้าเอ็งเลยกลับมา เห็นประตูรั้วไม่ได้ล็อคน่ะ”
ทับทิม “ห๋า!?”
อาสาว “ห๋าอะไร? แล้วเอ็งมาทำอะไรนอกบ้านล่ะ มาดูดาวไง?”
ทับทิม “เปล่า”..หนูมาหายาย ยายหายไปไหนไม่รู้”
อาสาวหน้าถอดสีทันที ขณะที่กำลังจะกล่าวกับทับทิม ก็มีเสียงดังขึ้น
ปิ้งป่อง!
ชายโสร่งแดง ตอน กุมารี วนเวียน 5
⚠️เนื้อหาใน EP นี้ ขอแนะนำ แนะนำให้อ่านตอนท้องว่าง และคนที่จะไดเอท หลีกเลี่ยงอ่านระหว่างทานข้าว พิซซ่า ชาบู หมูกะทะ สตาร์บัค ดื่มน้ำ สูตรชานมไข่มุก ทานเค้ก และอาหารว่าง
เตือนแล้วน้าาา
ep 5
เวลานี้ก็พลบค่ำมากแล้ว ความเงียบเชียบก็เริ่มคืบคานเข้ามา ระหว่างทางบนท้องถนนเส้นหลักที่รถอาสาวขับผ่าน ภายในรถตรงเบาะข้างคนขับ ทับทิมที่ยังนั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างประตูรถ เธอหันซ้ายแลขวา ก็ยังไม่พบชาวบ้านขับรถผ่านสวนทางมาเลยแม้แต่คันเดียว ทั้งเดินริมถนน แม้แต่ปั่นจักรยานก็ยังไม่มี จะว่าไปแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานวัดคืนนั้น ทำเอาทุกคนต้องรีบเข้าบ้าน คงไม่กล้าออกจากบ้านเมื่อถึงเวลาใกล้พลบค่ำ เหมือนว่าพวกเขายังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่มากมาย
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าความมืดเริ่มค่อยๆ กลืนกินเข้ามา ทุกทีๆ ทุกอย่างเริ่มเห็นเป็นเงา ตะคุ่มๆ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เริ่มกลับรัง มองบนท้องฟ้าสีส้มของดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินดัดสีน้ำเงินเข้ม จะเห็นเหล่านกน้อยใหญ่บินกลับรัง แมลงที่หากินกลางคืนเริ่มส่งเสียงบรรเลง สัตว์กลางคืนค่อยๆ ออกมาหากิน
รถของอาสาวมาจอดที่บนถนนเส้นหลัก อาสาวส่งทับทิมแค่นั้น ที่เหลือตัวทับทิมต้องเดินเข้าบ้านเอง
อาสาว “อาตัดสินใจแล้วล่ะ จะไปงานศพเจ้า ‘ อุ๊ ’ น่ะ ก็นะ ต่อให้ไม่ถูกกัน แต่ก็ไม่ควรจะเกรียดเครียดแค้นกันหรอก”
“แล้วอา จะกลับมามั้ย?” ทับทิมถาม
อาสาว “อาค้างบ้านเพื่อนน่ะ..เอ็งก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะกัน”
อาสาวเลื่อนบานกระจกปิดสนิทแล้วขับรถออกไปทันที
ทับทิมยืนดูรถของอาสาวที่ขับออกไปไกลจนสุดสายตา และทุกครั้งที่ทับทิมได้แต่ยืนมองมันด้วยความอึดอัด และก็ทุกครั้งอีกล่ะ ที่อาสาวไม่เคยมานอนบ้านเลย หากจะมานอน ก็กลับมาดึกมากๆ แบบที่ว่าไม่มีใครอยากจะออกมาเปิดปะตูให้ด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วส่วนมากเขาไม่เคยอยู่บ้านเลย ยกเว้นวันโกน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด พอถามป้าก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างไร หากจะมี ก็แค่คำตอบสั้นๆ ที่ป้าบอกเป็นประจำเมื่อเขาเริ่มรำคาญทับทิมมากเข้า คือ ‘ความอึดอัด’
ระหว่างที่ทับทิมกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเล็ก ซึ่งเป็นทางเข้าบ้านประจำที่เธอคุ้นเคย
จนกระทั้งเธอเดินผ่านจุดที่ทิ้งขยะประจำของหมู่บ้าน เธอถึงกลับหยุดเดินแล้วเอามือมาปิดที่จมูกทันที มันมีกลิ่นบางอย่างเข้ามาตีจมูกเธอ กลิ่นเหม็นของมันเข้าไปท่วมถึงในท้องแล้วตีกลับออกมาจนอยากจะอาเจียนเสียตรงนั้นทันที กลิ่นมันเหมือนซากอะไรสักอย่างที่เน่ามาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน
มีอะไรบางอย่างมันดึงดูดให้เธอต้องมองไปยังที่กองขยะที่เน่าพะเนินเทินทึกครงนั้น แล้ว อยู่ๆ ก็ มีเลือดเหมือนเป็นก้อนเมือกๆ มีหมองสีเหลืองข้นๆ ไหลปะปนออกมาจากกองขยะตามด้วยเศษเนื้อพังผืดไหลลงมากระทบกับพื้นปูนดัง แผละ แล้ว ค่อยๆ ไหลปนกับน้ำเลือดน้ำหนองนองออกมานอกบริเวณที่ทิ้งขนะเลยออกไปถึงพื้นถนน แล้วจากนั้นตรงยอดบนสุดของกองขยะ ค่อยๆ ถลายลงมา มีร่างในชุดสีขาวที่หันหลังให้ทับทิม ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า ทำให้เธอเห็นแผ่นหลังที่เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยก้อนน้ำเลือดน้ำหนองและสิ่งปฏิกูล เลอะไปตั้งแต่กลางหลังลงมาจนถึงผ้าถุงสีขาว แล้วร่างของมัน ค่อยๆ ยืนจนเหยียดตรง
ฉับพลันนั้นเอง อากาศโดยรอบเริ่มเย็นลงทันที เสียงแมลงและสัตว์เล็กที่หากินกลางคืนเงียบหายไปอย่างน่าพิศวง เสมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่บริเวณนั้นเลยแม้แต่ตัวเดียว
ทับทิมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับร่างในชุดขาวตรงหน้าเหลือเกิน
ในหัวของเธอคิดอยู่ว่าร่างในชุดขาวตรงหน้า มาทำอะไรที่กองขยะเน่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล แล้วนี่ก็ค่ำแล้วนะ..ไม่ไปสวดมนต์ทำวัดเย็นหรือ มาทำอะไรที่นี่ตรงนี้กันนะ ทำไมรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ในหัวของทับทิมกำลังคิดไป ต่างๆ นาๆ เธอเริ่มก้าวเท้าถอยหลังไปทีละก้าว และทีละก้าว ให้ห่างจากสิ่งที่ยืนหันหลังอยู่เบื้องหน้า เมื่อร่างนั้นมันค่อยๆ หันกลับมา ทำให้ทับทิมเห็นรูปร่างลักษณะเต็มตา เธอถึงกับส่ายศีรษะตัวสั่นเทา
ดวงตาสองข้างของมันของโบ๋ แล้วมีเมือกดำๆ คนกับหนอนขี้ยั่วยั่วตัวใหญ่ไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา แล้วปากของมันก็อ้าออกเผยให้เห็นอวัยวะภายในที่เน่าเละจนไม่รู้รูปร่างทะลักออกมาพร้อมกับหนอนยั้วเยี้ยจำนวนมาก ไหลกองลงมากระทบกับพื้นดัง เพละ!
มันจ้องมาแล้วเอียงคอ ยกมือชี้นิ้วมาที่ทับทิม
เหมือนจะรู้จักเธอ
ใช่...แล้ว
นี่..คือแม่ชีที่ถูกยิงตายในงานวัดคืนนั้น!!
ทับทิมรีบวิ่งให้เร็วที่สุด วิ่งเข้าไปยังบ้านแล้วรีบปิดประตูรั้วบ้านล๊อคทันที พอเธอมองผ่านลูกกรงไปด้านนอก ผีแม่ชีมันหายไปแล้ว!? เธอจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ประตูรั้วมองออกไปด้านนอกอีกครึ้ง
เพียงเสี่ยววินาทีนั้งเอง ดวงตาที่โบ๋เต็มไปด้วยเมือกสีดำแล้วหนอนยั้วเยี้ยที่ไหลทะลักเกือบประสานเข้ากับดวงตาของทับทิมในระยะเผาขน!!
เอาเธอสะดุ้งโหยงผวากระโจนถอยหลังเกือบไปชนป้าที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ป้า “อะไรของเอ็งเนี่ยฮะ!?”
ทับทิมหันกลับไปมองที่ประตูรั่วอีกครั้ง ผีแม่ชี…หายไปแล้ว?!
ทับทิม “เมื่อกี้..หนูเห็นผีแม่ชียืนตรงนั้น” เธอชี้ไปที่ประตูรั้ว “แต่หายไปแล้ว”
พอทับทิมกล่าวจบ ป้าของเธอยืนแข็งทื่อเหมือนจะรับรู้สิ่งที่เธอเล่าแล้วจึงหันมามองเธอด้วยสายตาที่สั่นกลัว
ป้ากล่าว “หลังจากเกิดที่เรื่องในงานวัดคืนนั้น...แม่ชีนั่นน่ะ..มันวนเวียนรอบบ้านมา 3 วันแล้วล่ะทับทิม” เสียงของป้าสั่นเครือน้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมา “รู้ไหม...แม่เอ็งกับอาสาวน่ะ หาว่าป้าบ้า.. แต่ทับทิม...ป้า...ป้าไม่ได้บ้า..” เธอเอียงคอแล้วแสยะยิ้มมายังทับทิม “ ใช่มั้ย? ”
“ไม่นะจ๊ะ... ป้าไม่ได้บ้าหรอกทับทิมก็เห็นเหมือนกัน”
......
ภายในบ้านแม่ก็ยังคุยเล่นกับน้องๆ เสียงหัวเราะก็ยังดังรอดออกมาจากห้องส่วนของแม่ ทั้งๆ ที่ ห้องของแม่ปิดประตูจนสนิทแล้ว
ทับทิมที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องของแม่อย่างเหม่อลอย จนลืมตัวไปว่ามือของเธอไปจับกับลูกบิดประตูของห้องแม่ จนกระทั้งป้ามาจับมือทับทิมไว้ ทับทิมหันมามองป้าตัวเอง แล้วป้าส่ายศีรษะห้าม เธอจึงยอมให้ป้า พาเธอไปพักผ่อนยังห้องนอนทันที
เสียงไอแห้งๆ ของยายก็ยังดังเป็น ระยะๆ ที่มุมมืดของห้องนอนเฉกเช่นเคย
คืนนี้ ทับทิมนอนไวกว่าปกติ พอไม่มีสมาร์ทโฟนแล้ว มันรู้สึกเหมือนขาดปัจจัยอะไรบางอย่าง คืนนี้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด... จึงได้บังเกิดมีเสียงสวดที่เย็นยะเยือกดังลอยออกมาไม่ไกล
กุสะลา ธัมมา
อะกุสะลา ธัมมา
อัพ๎ยากะตา ธัมมา
ทับทิมได้ยินเสียงสวดอภิธรรมศพ ทำเอาเธอสะดุ้งตื่นกลางดึก พอลุกขึ้นมานั่งฟังให้แน่ใจเสียงสวด ก็เงียบหายไปแล้ว ตอนนี้เธอกลับสัมผัสถึงอากาศหนาวเย็นจนหายใจออกมาเป็นไอสีขาว นี่มันอะไร ทำไมอากาศมันถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้ ป้าของเธอยังหลับลึกอยู่บนเตียง พอเธอหันกลับไปมองที่เตียงของยาย
ยาย..ไม่อยู่บนเตียงแล้ว?!
ทับทิมรีบไปปลุกป้าทันที เขย่าแล้วเขย่าอีกป้าก็ยังไม่ตื่น สุดท้าย เธอจึงออกไปตามหายายด้วยตนเอง
พอเดินออกมาจากห้องนอน เธอสังเกตว่าบรรยากาศภายในบ้านเงียบและวังเวงมากกว่าปกติ พอมองไปยังห้องของแม่ ก็ดับไฟเงียบคงหลับสนิทไปนานแล้ว
มือทั้งสองของเธอถูไถกันจนเกิดความอบอุ่น เอามือมาแตะตามคอตามใบหน้าแล้วจึงกอดตัวเองด้วยความหนาวเหน็บ
ปิ้งป่อง!
ทับทิมสะดุ้งตกใจเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า ของสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง แต่เธอไม่รู้ว่าเสียงมาจากทางไหน
ปิ้งป่อง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังมาอีกครั้ง คราวนี้มันดังไกลออกไปจากนอกบ้าน เธอพบว่าบานประตูบ้านถูกเปิดออกทิ้งไว้นานเมื่อไรไม่รู้ เธอจึงเดินออกมายืนอยู่ตรงลานหน้าบ้าน มีแสง สลัวๆ ของไฟหลอดนีออนที่อยู่หน้าบ้านยังเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้สว่างเลยมีแต่นิด แต่ดีที่เธอพกไฟฉายติดตัวมาด้วย
อากาศข้างนอกหนาวเย็นลงมากกว่าในบ้านจนน่าแปลกใจ แล้วมันก็เงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงของแมลงและสัตว์กลางคืนดังออกเลย เหมือนว่าสัตว์และแมลงเหล่านั้นหายไปหมด มันเงียบจนผิดปกติ
เสียงกรามขบกระทบสั่น ลมหายใจเข้าออกพ่นมาเป็นไอสีขาวหนาจนเห็นชัดเจน ทับทิมสาดไฟฉายไปยังประตูรั่วหน้าบ้าน เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นประตูรั่วปิดสนิทอยู่
ปิ้งป่อง!
คราวนี้เสียงนั้น มันดังมาจากหลังบ้าน
เธอกลับหลังหันแล้วสาดแสงไฟฉายส่องทาง แล้วค่อยๆ เดินไปใกล้ที่มาของเสียง
ปิ้งป่อง
เสียงเริ่มดังมากขึ้น จนกระทั้งแสงไฟฉายก็ไปต้องหยุดตรงกองของเหลวสีดำๆ ที่ลากเป็นทางยาว พอทับทิมจ่องมองไปที่สิ่งนั้น เธอจึงก้มลงไปแตะแล้วเอาไฟฉายส่องที่นิ้ว
“เลือด!” ทับทิมอุทานแล้วลุกพรวนทันที ลมหายใจสั่นระรัว ไฟฉายในมือเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
จนเธอไม่ทันสังเกตว่า ประตูรั่วหน้าบ้านที่เธอยืนหันหลังให้อยู่ บัดนี้ กำลัง ค่อยๆ เปิดออกมาอย่าง ช้าๆ
ปิ้งป่อง
เสียงมันดังอยู่ใกล้ตัวทับทิมมาก ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มีบางสิ่งกำลังมุ่งตรงมายังเธอจากด้านหลัง ทับทิมรีบกลับหลังหันเอาไฟฉายสาดไปที่มันทันที แต่ภาพที่เห็นมีแต่ความว่างปล่า แต่กลับกันทับทิมต้องส่ายศีรษะไม่อยากจะเชื่อ เมื่อแสงไฟฉายสาดไปยังประตูรั่วบานใหญ่ ที่ถูกเปิดออกอ้าทิ้งไว้
“มะ..มัน.. ปะ เปิด ได้ไงเนี่ย..”เสียงเธอสั่นอย่างหวาดกลัว มีเพียงแค่ตัวเธอคนเดียวที่ยืนอยู่นอกบ้าน
ทับทิมจึงรีบหันตัวกลับไป จะวิ่งเข้าไปในบ้านทันที แต่แล้วมีบางอย่างประจันตรงหน้าเธอ เสียงกรี๊ดร้องยังไม่ทันดังออกมาจากปากก็ถูกปิดไว้อย่างรวดเร็ว!!
“ชู่! อย่าส่งเสียง นี่อาเอง”
อาสาวใช้นิ้วจุปากตัวเอง เพื่อเป็นสัญญานบอกเด็กสาวไม่ต้องตื่นกลัว เธอจึงพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับอาสาว อาสาวจึงค่อยๆ คลายมือออก
ทับทิม “อา..เข้ามาได้ไงง่ะ แล้วไม่ได้ค้างบ้านเพื่อนเหรอ?”
อาสาว “ถามทีละเรื่องดิ..อาเป็นห่วงป้าเอ็งเลยกลับมา เห็นประตูรั้วไม่ได้ล็อคน่ะ”
ทับทิม “ห๋า!?”
อาสาว “ห๋าอะไร? แล้วเอ็งมาทำอะไรนอกบ้านล่ะ มาดูดาวไง?”
ทับทิม “เปล่า”..หนูมาหายาย ยายหายไปไหนไม่รู้”
อาสาวหน้าถอดสีทันที ขณะที่กำลังจะกล่าวกับทับทิม ก็มีเสียงดังขึ้น
ปิ้งป่อง!