คำเตือน!!
ในเนื้อหา Episode 7 จะมีฉากค่อนข้างรุนแรงและไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังรับประทานอาหารดื่มน้ำขอ ให้หลีกเลี่ยงนะคะเพื่อความปลอดภัย
___________________________________________________________________
EP 7
คืนนี้เป็นวันโกน ที่เห็นพระจันทร์เต็มดวงส่องสุขสว่าง มากกว่าคืนวันพระเสียอีก
ทับทิมมองบนท้องฟ้า แล้ววันนี้เธอว่างเป็นพิเศษ ไม่ต้องชงชา ไม่ต้องช่วยใครเลย เธอถูกให้ไปยืนต้อนรับแขกที่ถนนทางเข้าบ้านเท่านั้น
ภายในบ้านก็ช่างพิเศษ ดับไฟหมดและถูกแทนที่ด้วยโคมไฟเจ้าพายุที่ห่อยตรงรั่วทางเข้าของประตูใหญ่ทั้งสองฝั่ง และมีคบเพลิงก้านยาวด้ามจับทำมาจากสแตนเลต ปักดินไว้โดยไล่มาจากบ้านของยาวมาตลอดถนนเส้นเล็กไปถึงถนนเส้นใหญ่ เพื่อให้เหล่าแขกทั้งหลายที่จะเข้ามาขอพรได้เห็นเด่นชัดจากถนนเส้นใหญ่ เหมือนเชิญชวนให้เข้ามาขอพรค่ำคืนนี้
การขอพรในค่ำคืนนี้ ช่างพิเศษแท้เขาว่านอกจากจะมีชาวบ้านแล้ว ยังมีรถคันใหญ่ที่หรูหราอลัง หลายคันมาจอดข้างทาง เหล่าเศรษฐีทั้งหลายต่างเดินลงมาจากรถ แต่ยากนักที่จะรู้ว่าเป็นใครพวกเขาเหล่านั้นสวมหน้ากากไม่เปิดเผยใบหน้าให้เห็น หน้ากากแต่ละคนอยู่ ในฟอร์มเดียวกันหมด เป็นหน้ากากสีขาวมีแค่ร่องดวงตาไม่มีปากมีแต่เพียงจมูกโด่งเป็นสันแล้วหายใจได้สบาย มองรวมๆ ก็ดูเรียบง่ายและดูหลอนภายในเวลาเดียวกัน
รวมถึงชาวบ้านก็ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มเศรษฐีเหล่านั้นเลย ทุกคนล้วนแล้วสวมหน้ากากฟอร์มเดียวกันหมด เหมือนถูกเทียบเชิญมา อุปมาหน้ากากก็เหมือนบัตรเชิญแล้วสวมมันเข้าไปในงาน
เมื่อเข้าไปภายในบ้าน เพชรและพลอยก็ใส่ชุดสีขาวสง่างามรวมถึงแม่ยืนอยู่ด้านหน้าน้องทั้งสอง กลางลานพิธีกรรมนี้ช่างไม่ธรรมดา
พวกเขาทั้งสามแม่ลูกอยู่กลางลานบ้าน ซึ่งมีพลบเพลิงปักดินล้อมไว้เป็นวงกลม ดูขลังและน่าตื่นตา จากลานที่โล่งๆ ของบ้าน บัดนี้ก็แน่นไปด้วยผู้คนที่รายล้อมรอบจนเป็นวงกลมจากด้านในสุดจะเป็นกลุ่มเศรษฐีที่มีสิทธิ์ได้เข้าใกล้เพชรและพลอยส่วนด้านนอกก็เป็นคนชนชั้นกลางไล่ออกมาเป็นวงนอกเรื่อยๆ ถึงจะเป็นชาวบ้านธรรมดา
“ได้เวลาแล้ว” เสียงแม่ขบอกกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ
อาสาวออกมาปิดประตูรั้วบานใหญ่จากด้านนอกแล้วก็เดินมาหาทับทิม
“อาไปค้างบ้านเพื่อนก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ทับทิมก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มตอบ แล้วมองดูแผ่นหลังของอาสาวเธอค่อยๆ เดินหายไปไกลจนสุดสายตาที่บนถนนเส้นใหญ่ แล้วจึงหันไปมองที่บ้าน บัดนี้ ก็ปิดประตูล็อคลงกรจนสนิท มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่นอกบ้าน
“คืนนี้ เป็นคืนขอพรที่พิเศษที่สุดพวกท่านจะได้รับ เพียงแค่พวกท่านรู้กฎแห่งการแลกเปลี่ยน ทุกท่านจะเข้าใจว่า บางอย่างมันก็ต้องแลกมาเพื่อบางอย่างจะได้สมความปรารถนา”
เสียงของแม่เป่าประกาศเจตจำนงดังทั่ว แม่ยืนอยู่กลางวงล้อมของพลบเพลิงที่เรียงเป็นวงกลม โดยมีเพชรกับพลอยนั่งเก้าอี้ไม้อยู่ด้านหลังแม่ แล้วฟังแม่ที่พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ผู้คนที่สวมหน้ากากตั้งแต่วงในสุดกลุ่มเศรษฐีจนไปถึงชนชั้นเกษตรกรยืนฟังแม่อย่างเงียบเชียบและให้ความเคารพ
ป้าลากโต๊ะคลุมผ้าสีแดงขนาดใหญ่มาที่ข้างหน้าพิธี พอป้าดึงผ้าคลุมโต๊ะออก มีเขียง มีดทุกประเภท วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด มีคนสวมหน้ากากเดินเข้ามา
หยิบมีดที่บนโต๊ะเอามือของตัวเองวางไว้บนเขียง แล้วก็สับที่มือทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบและตื่นตะลึงแต่แทนที่จะได้ยินเสียงร้อง กลับแทนที่ด้วยเสียงพูด
“อัศจรรย์มาก!! ฉันมีทองไหลออกมาจากข้อมือ!”
ความยิ้มแย้มปิติยินดีมือที่ขาดของเขากลายเป็นทองคำและก็มีสร้อยทองคำไหลออกมาจากชิ้นเนื้อที่ขาด
เมื่อมองไปยังมือที่ตัดออกจากร่างกายก็ที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นทองคำแท้ เสียงของผู้คนที่ขอพรดังฮือฮาต่างกันตื่นตะลึงคว้าสมาร์ทโฟนถ่ายรูป บันทึกวีดีโอกันอย่างวุ่นวายชุลมุน
“นี่แหละค่ะ คือพลังอำนาจแห่งการขอพร พลังอำนาจของเพชรและพลอยทุกคนจะได้ทรัพย์อย่างรวดเร็วโดยคุณยอมสละอวัยวะและพลังอำนาจนี้ ดังนั้นอี พวกท่านก็จะมีสภาพร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยมีข้อแม้ว่า 7 วัน นับจากวันนี้ พวกท่านต้องมาที่นี่ ในหลังเที่ยงคืน หากผู้ใดไม่มาก็จะไม่มีอวัยวะงอกออกมาอีกเลย”
เมื่อแม่กล่าวจบ พวกเขาต่างเดินเข้าลุ่มล้อม มือคว้ามีดเป็นจำนวนมากที่ป้าเตรียมเอาไว้ หั่นและสับอวัยวะของตัวเองส่วนไหนก็ได้ไว้บนเขียงที่ ทุกส่วนของอวัยวะที่ถูกสับขาดออกจากกัน ทุกชิ้นส่วนอวัยยะก็จะร่วงหล่นกลายมาเป็นทองคำ
นี่คือคืนที่พวกเขารอคอยซึ่งต่างจากภายในวงกลมที่เพชรกับพลอยนั่งหน้านิ่ง เรียบเฉยเหมือนรูปปั้น ขยับเพียงแค่ปาก พูดพึมพำเหมือนกำลังไล่คาถา
ส่วนป้าของเธอก็มีหน้าที่ลับมีดและส่งตรงไปให้พวกเหล่าผู้มาขอพรกับมือ
เหล่าผู้มาขอพรทั้งหลายต่างกันกอบโกย ทองคำที่ตัดออกมาจากอวัยวะของตนเอง ให้มากที่สุด บ้างก็ตัดขาแขน ตัดหู แงะลูกตาตัวเองออกมาจนมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
เมื่อมีผู้ขอพรคนหนึ่งเอามีดของตนเองตัดหัวจนหลุดออกมาจากบ่า แล้วร่างของเขาก็ลงมากระแทกกับพื้นปู จนแตกกระจายกลายเป็นทองคำ ท่ามกลางผู้ขอพรที่ยืนมุงกันอยู่ ภาพเหล่านั้นกลับไม่ได้สร้างความตื่นตะลึง ตื่นกลัว ให้กับผู้คนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นด้วยซ้ำ?!
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ต่างกันรุมทึ้งแย่งทองดำของผู้ขอพรที่ตัดหัวตัวเอง ราวกับนกแร้งกินซาก
เหตุการณ์นี้มีความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น ทำให้ผู้ขอพรคนหนึ่งเอาทองคำไปเยอะมาก จนเขาถูกมีดเสียบจากด้านหลังทะลุมาถึงหัวใจ ผู้ที่เสียบก็ถูกปาดคอในเวลาเดียวกันจนเลือดไหลออกมาแต่แทนที่จะเป็น สีแดงฉานกลับกลายเป็นเปลวแผ่นทองคำที่ออกมาจากแผลที่ปาดตรงคอและร่างของทั้งคู่ก็กลายเป็นทองคำ ล้มลงแตกกระจายเป็นก้อนทองคำที่บางส่วนก็ยังคงรูปร่างของอวัยวะและบางส่วนยังคงรูปร่างของเศษใบหน้าที่แตกออกแม้กระทั่งอวัยวะภายในที่ไหลออกมาก็กลายเป็นทองคำเช่นกันจดเป็นจำนวนมากมาย ยิ่งเกิดความชุลมุนวุ่นวายรุมกันเก็บอย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงรอยยิ้มของแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุขดวงตาของเธอสะท้อนกับเปลวไฟวูบวาบตลอดเวลา เหมือนคนที่มีไฟลุกโชนโชติช่วงดั่งเป็นผู้มีอำนาจ
แต่ป้ากลับตรงกันข้าม เธอมีใบหน้าที่หมองคล้ำเหมือนคนจิตตกสายตาเลื่อนลอย ไม่ได้ยินดีกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย
ส่วนด้านนอกของรั้วบ้านมีทับทิมที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เธอยืนถ่ายวีดีโอบันทึกไว้ทุกอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งของเธอปิดปาก สีหน้าของทับทิมไม่ค่อยสู้ดีนักทั้งขาวซีดมีเหงื่อไหลออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหล่านั้น ทำเอาเธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่อเธอมองจากด้วยตาเนื้อจากภาพเหตุการณ์ตรงหน้าซึ่งแตกต่างจากภาพวีดีโอในสมาร์ทโฟนมากเพราะจะเห็นว่านั่นคือทองคำแต่ถ้าเธอมองลงไปในหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่กำลังบันทึกภาพนั้นไว้
จากลานพื้นปูนสีขาวกลางบ้านที่ถูกราดไปด้วยเลือดสดๆ ซากศพชิ้นเนื้อ มือ แขน ขา และอวัยวะเครื่องในที่ฉีกขาดจากการยื้อแย่งและอวัยวะบางส่วนที่ถูกตัดจากของมีคม ศพที่ถูกแทงจนพรุน บางศพไม่มีแขนและขา ดูเละจนไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ค่ำคืนนั้น....ก็ผ่านไปอย่างนั่นนานจนกระทั่งตอนเช้าวันที่ 7 ก็มาถึง...
ภายในครัว ป้ากำลังทำกับข้าวกำลังต้มหม้อในเตาแก๊ส พอเปิดฝาออกมาไอควันก็ โพยพุ่งขึ้นมาเป็น
พาเอากลิ่นมะนาวของต้มยำน้ำใสหอมฉุยฟุ้งกระจายไปทั่ว ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม อาหารถูกจัดเตรียมไว้ 2 สำรับ อาหารที่หรูและสวยงามก็จะรู้กันว่าเป็นของใครถ้าเดาถูกแล้วนั่นก็เป็นของแม่ เพชรและพลอย อาหารที่ถูกปรุงสุกและต้มจนเปื่อยที่อยู่ในหม้อถูกกระบวยกลม ตักขึ้นมาใส่ไว้ในชาม น้ำต้มยำเริ่มเทลงมาที่ชามและตามด้วยข้อนิ้วของมนุษย์ที่ถูกสับเป็นป้องๆ และดวงตาลงไปอย่างช้าๆ และบรรจงในชามใบใหญ่ที่สลักลวดลายอย่างสวยงามที่แสนอร่อยของโปรดปรานจากใครหลายๆ คน ถัดมาก็เป็นผัดผงกะหรี่ไข่เค็ม ซึ่งผัดรวมกับข้อต่อของนิ้วที่ถูกหั่นเป็นป้องๆ อย่างสวยงามจนดูเหมือนหางหมูมันเป็นสีที่สด ตัดกับสีเหลืองของผงกะหรี่ไข่เค็มพอดูไปแล้วใครๆ ก็เดาได้ว่านี่คือปลาหมึกกรอบหรือเปล่า แต่เปล่ามันคือหนังหนังมนุษย์ที่หมักซอสและผ่านกรรมวิธีจนมันเด้งและดูกรอบเติมสีอาหารจนกลายเป็นสีเดียวกับปลาหมึกกรอบดูน่ารับประทานแยกไม่ออกเลย ถัดไปจากผัดผงกะหรี่ก็จะมีหม้อซึ้งขนาดใหญ่เมื่อเปิดฝาซึ้งออกก็จะพบกับห่อหมกที่ราดด้วยกะทิสีขาวข้นอย่างสวยงามแต่ห่อหมกนี้ไม่ได้เพียงแค่ได้เห็นเครื่องแกงหรือเนื้อละเอียดเนียนสีส้มสดอย่างเดียว ยังเห็นก้อนมันสมองปะปนอยู่กับเครื่องห่อหมกดูแล้วช่างน่ารับประทาน พอเปิดซึ้งชั้นที่ 2 ก็จะมี บางอย่างที่ขดเยาวๆ แบ่งเป็นป้องๆ ม้วนขดเป็นวงกลมเหมือนงูที่ขดอย่างสวยงามมันมีสีสันน่ารับประทานเหมือนกับไส้อั่วแต่มันคือไส้ของมนุษย์ที่ถูกยัดด้วยเครื่องในหลากหลายถูกบดจนละเอียดแล้วยัดเข้าไปในลำไส้พร้อมกับเครื่องเทศปรุงอาหารกลิ่นของมันหอมสมุนไพรมาก มากระทั่งถึงชั้นสุดท้ายของซึ้ง ก็คือลิ้นคนนึ่ง เรียงรายเป็นกลีบดอกบัวหลายๆ กลีบซ้อนกันซึ่งดูแล้วน่าจะมีมากกว่า 20 ลิ้นนึ่งจนสุกจนน่ารับประทานมีกลิ่นหอมของรากผักชีและข่าโชยออกมาจนเตะจมูก ทุกอย่างถูกเรียงรายไว้บนจานอย่างสวยงามเป็นวงกลมและก็เอาน้ำจิ้มรสจัดจ้านไว้ตรงกลางของจาน ถัดมาก็ขาดไม่ได้เลยคือของทอดเหมือนชุปแป้งเทมปุระกำลังถูกเรียงรายจะลงไปในจาน ในจานก็มีหูชุบแป้งทอดแป้งเทมปุระจมูกแป้งเทมปุระ ที่ถูกทอดจนกรอบแล้วน่ารับประทาน ของหวานนั่นแสนพิเศษสุดเมื่อป้าของเธอเดินไปยังตู้เย็นที่อยู่ถัดไปเมื่อเปิดตู้เย็นออกก็จะเห็นศีรษะของมนุษย์ที่โกนผมจนล้าน ดูแลเป็นศีรษะที่สวยงามหน้าตาดีเขาถูกเคลือบด้วยของหวานและภายในศีรษะถูกยัดด้วยเค้กเนียนนุ่มทำมาจากชีสผสมกับเค้กที่อัดแน่นและยัดเข้าไปในศีรษะถูกแต่งจนสวยงามแล้วป้าของเธอก็นำน้ำเชื่อมสีแดงที่หอมหวามราดลงไปที่ศีรษะ ที่ด้านในถูกยัดด้วยชีสเค้กจนกลิ่นหอมหวานละมุนของมันเหมือนเชื้อเชิญให้ทานให้ลิ้นสัมผัสกับเนื้อเนียนนุ่มของชีสเค้กที่อยู่ในนั้นอยู่ในศีรษะของมนุษย์อย่างเลี่ยงไม่ได้
ทุกอย่างถูกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะ ซึ่งมีแม่เพชรและพลอยกำลังนั่งรออยู่ วงที่ทับทิมนั่งอยู่จะมี ยาย และป้า ซึ่งครั้งนี้อาหารที่วงทับทิมนุ่งอยู่เป็นอาหารที่อยู่ในระดับเดียวกับวงของแม่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่จะได้เจอแบบนี้
แล้วทุกคนก็เริ่มรับประทาน ทับทิมว้าหูทอดเทมปุระ เธอมองไปที่มันและเข้าปาก ตามด้วยเยงเคี้ยว กรอบเหมือนเสียงกระเบื้องแตกดังท่วมตรงโพยลงปาก แล้วจึงตามด้วยเสียงกลืนลงคออย่างลื่นไหล
TBC
ชายโสร่งแดง ตอน กุมารี วนเวียน 7
คำเตือน!!
ในเนื้อหา Episode 7 จะมีฉากค่อนข้างรุนแรงและไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังรับประทานอาหารดื่มน้ำขอ ให้หลีกเลี่ยงนะคะเพื่อความปลอดภัย
ทับทิมมองบนท้องฟ้า แล้ววันนี้เธอว่างเป็นพิเศษ ไม่ต้องชงชา ไม่ต้องช่วยใครเลย เธอถูกให้ไปยืนต้อนรับแขกที่ถนนทางเข้าบ้านเท่านั้น
ภายในบ้านก็ช่างพิเศษ ดับไฟหมดและถูกแทนที่ด้วยโคมไฟเจ้าพายุที่ห่อยตรงรั่วทางเข้าของประตูใหญ่ทั้งสองฝั่ง และมีคบเพลิงก้านยาวด้ามจับทำมาจากสแตนเลต ปักดินไว้โดยไล่มาจากบ้านของยาวมาตลอดถนนเส้นเล็กไปถึงถนนเส้นใหญ่ เพื่อให้เหล่าแขกทั้งหลายที่จะเข้ามาขอพรได้เห็นเด่นชัดจากถนนเส้นใหญ่ เหมือนเชิญชวนให้เข้ามาขอพรค่ำคืนนี้
การขอพรในค่ำคืนนี้ ช่างพิเศษแท้เขาว่านอกจากจะมีชาวบ้านแล้ว ยังมีรถคันใหญ่ที่หรูหราอลัง หลายคันมาจอดข้างทาง เหล่าเศรษฐีทั้งหลายต่างเดินลงมาจากรถ แต่ยากนักที่จะรู้ว่าเป็นใครพวกเขาเหล่านั้นสวมหน้ากากไม่เปิดเผยใบหน้าให้เห็น หน้ากากแต่ละคนอยู่ ในฟอร์มเดียวกันหมด เป็นหน้ากากสีขาวมีแค่ร่องดวงตาไม่มีปากมีแต่เพียงจมูกโด่งเป็นสันแล้วหายใจได้สบาย มองรวมๆ ก็ดูเรียบง่ายและดูหลอนภายในเวลาเดียวกัน
รวมถึงชาวบ้านก็ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มเศรษฐีเหล่านั้นเลย ทุกคนล้วนแล้วสวมหน้ากากฟอร์มเดียวกันหมด เหมือนถูกเทียบเชิญมา อุปมาหน้ากากก็เหมือนบัตรเชิญแล้วสวมมันเข้าไปในงาน
เมื่อเข้าไปภายในบ้าน เพชรและพลอยก็ใส่ชุดสีขาวสง่างามรวมถึงแม่ยืนอยู่ด้านหน้าน้องทั้งสอง กลางลานพิธีกรรมนี้ช่างไม่ธรรมดา
พวกเขาทั้งสามแม่ลูกอยู่กลางลานบ้าน ซึ่งมีพลบเพลิงปักดินล้อมไว้เป็นวงกลม ดูขลังและน่าตื่นตา จากลานที่โล่งๆ ของบ้าน บัดนี้ก็แน่นไปด้วยผู้คนที่รายล้อมรอบจนเป็นวงกลมจากด้านในสุดจะเป็นกลุ่มเศรษฐีที่มีสิทธิ์ได้เข้าใกล้เพชรและพลอยส่วนด้านนอกก็เป็นคนชนชั้นกลางไล่ออกมาเป็นวงนอกเรื่อยๆ ถึงจะเป็นชาวบ้านธรรมดา
“ได้เวลาแล้ว” เสียงแม่ขบอกกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ
อาสาวออกมาปิดประตูรั้วบานใหญ่จากด้านนอกแล้วก็เดินมาหาทับทิม
“อาไปค้างบ้านเพื่อนก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ทับทิมก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มตอบ แล้วมองดูแผ่นหลังของอาสาวเธอค่อยๆ เดินหายไปไกลจนสุดสายตาที่บนถนนเส้นใหญ่ แล้วจึงหันไปมองที่บ้าน บัดนี้ ก็ปิดประตูล็อคลงกรจนสนิท มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่นอกบ้าน
“คืนนี้ เป็นคืนขอพรที่พิเศษที่สุดพวกท่านจะได้รับ เพียงแค่พวกท่านรู้กฎแห่งการแลกเปลี่ยน ทุกท่านจะเข้าใจว่า บางอย่างมันก็ต้องแลกมาเพื่อบางอย่างจะได้สมความปรารถนา”
เสียงของแม่เป่าประกาศเจตจำนงดังทั่ว แม่ยืนอยู่กลางวงล้อมของพลบเพลิงที่เรียงเป็นวงกลม โดยมีเพชรกับพลอยนั่งเก้าอี้ไม้อยู่ด้านหลังแม่ แล้วฟังแม่ที่พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ผู้คนที่สวมหน้ากากตั้งแต่วงในสุดกลุ่มเศรษฐีจนไปถึงชนชั้นเกษตรกรยืนฟังแม่อย่างเงียบเชียบและให้ความเคารพ
ป้าลากโต๊ะคลุมผ้าสีแดงขนาดใหญ่มาที่ข้างหน้าพิธี พอป้าดึงผ้าคลุมโต๊ะออก มีเขียง มีดทุกประเภท วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด มีคนสวมหน้ากากเดินเข้ามา
หยิบมีดที่บนโต๊ะเอามือของตัวเองวางไว้บนเขียง แล้วก็สับที่มือทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบและตื่นตะลึงแต่แทนที่จะได้ยินเสียงร้อง กลับแทนที่ด้วยเสียงพูด
“อัศจรรย์มาก!! ฉันมีทองไหลออกมาจากข้อมือ!”
ความยิ้มแย้มปิติยินดีมือที่ขาดของเขากลายเป็นทองคำและก็มีสร้อยทองคำไหลออกมาจากชิ้นเนื้อที่ขาด
เมื่อมองไปยังมือที่ตัดออกจากร่างกายก็ที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นทองคำแท้ เสียงของผู้คนที่ขอพรดังฮือฮาต่างกันตื่นตะลึงคว้าสมาร์ทโฟนถ่ายรูป บันทึกวีดีโอกันอย่างวุ่นวายชุลมุน
“นี่แหละค่ะ คือพลังอำนาจแห่งการขอพร พลังอำนาจของเพชรและพลอยทุกคนจะได้ทรัพย์อย่างรวดเร็วโดยคุณยอมสละอวัยวะและพลังอำนาจนี้ ดังนั้นอี พวกท่านก็จะมีสภาพร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยมีข้อแม้ว่า 7 วัน นับจากวันนี้ พวกท่านต้องมาที่นี่ ในหลังเที่ยงคืน หากผู้ใดไม่มาก็จะไม่มีอวัยวะงอกออกมาอีกเลย”
เมื่อแม่กล่าวจบ พวกเขาต่างเดินเข้าลุ่มล้อม มือคว้ามีดเป็นจำนวนมากที่ป้าเตรียมเอาไว้ หั่นและสับอวัยวะของตัวเองส่วนไหนก็ได้ไว้บนเขียงที่ ทุกส่วนของอวัยวะที่ถูกสับขาดออกจากกัน ทุกชิ้นส่วนอวัยยะก็จะร่วงหล่นกลายมาเป็นทองคำ
นี่คือคืนที่พวกเขารอคอยซึ่งต่างจากภายในวงกลมที่เพชรกับพลอยนั่งหน้านิ่ง เรียบเฉยเหมือนรูปปั้น ขยับเพียงแค่ปาก พูดพึมพำเหมือนกำลังไล่คาถา
ส่วนป้าของเธอก็มีหน้าที่ลับมีดและส่งตรงไปให้พวกเหล่าผู้มาขอพรกับมือ
เหล่าผู้มาขอพรทั้งหลายต่างกันกอบโกย ทองคำที่ตัดออกมาจากอวัยวะของตนเอง ให้มากที่สุด บ้างก็ตัดขาแขน ตัดหู แงะลูกตาตัวเองออกมาจนมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
เมื่อมีผู้ขอพรคนหนึ่งเอามีดของตนเองตัดหัวจนหลุดออกมาจากบ่า แล้วร่างของเขาก็ลงมากระแทกกับพื้นปู จนแตกกระจายกลายเป็นทองคำ ท่ามกลางผู้ขอพรที่ยืนมุงกันอยู่ ภาพเหล่านั้นกลับไม่ได้สร้างความตื่นตะลึง ตื่นกลัว ให้กับผู้คนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นด้วยซ้ำ?!
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ต่างกันรุมทึ้งแย่งทองดำของผู้ขอพรที่ตัดหัวตัวเอง ราวกับนกแร้งกินซาก
เหตุการณ์นี้มีความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น ทำให้ผู้ขอพรคนหนึ่งเอาทองคำไปเยอะมาก จนเขาถูกมีดเสียบจากด้านหลังทะลุมาถึงหัวใจ ผู้ที่เสียบก็ถูกปาดคอในเวลาเดียวกันจนเลือดไหลออกมาแต่แทนที่จะเป็น สีแดงฉานกลับกลายเป็นเปลวแผ่นทองคำที่ออกมาจากแผลที่ปาดตรงคอและร่างของทั้งคู่ก็กลายเป็นทองคำ ล้มลงแตกกระจายเป็นก้อนทองคำที่บางส่วนก็ยังคงรูปร่างของอวัยวะและบางส่วนยังคงรูปร่างของเศษใบหน้าที่แตกออกแม้กระทั่งอวัยวะภายในที่ไหลออกมาก็กลายเป็นทองคำเช่นกันจดเป็นจำนวนมากมาย ยิ่งเกิดความชุลมุนวุ่นวายรุมกันเก็บอย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงรอยยิ้มของแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุขดวงตาของเธอสะท้อนกับเปลวไฟวูบวาบตลอดเวลา เหมือนคนที่มีไฟลุกโชนโชติช่วงดั่งเป็นผู้มีอำนาจ
แต่ป้ากลับตรงกันข้าม เธอมีใบหน้าที่หมองคล้ำเหมือนคนจิตตกสายตาเลื่อนลอย ไม่ได้ยินดีกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย
ส่วนด้านนอกของรั้วบ้านมีทับทิมที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เธอยืนถ่ายวีดีโอบันทึกไว้ทุกอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งของเธอปิดปาก สีหน้าของทับทิมไม่ค่อยสู้ดีนักทั้งขาวซีดมีเหงื่อไหลออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหล่านั้น ทำเอาเธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่อเธอมองจากด้วยตาเนื้อจากภาพเหตุการณ์ตรงหน้าซึ่งแตกต่างจากภาพวีดีโอในสมาร์ทโฟนมากเพราะจะเห็นว่านั่นคือทองคำแต่ถ้าเธอมองลงไปในหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่กำลังบันทึกภาพนั้นไว้
จากลานพื้นปูนสีขาวกลางบ้านที่ถูกราดไปด้วยเลือดสดๆ ซากศพชิ้นเนื้อ มือ แขน ขา และอวัยวะเครื่องในที่ฉีกขาดจากการยื้อแย่งและอวัยวะบางส่วนที่ถูกตัดจากของมีคม ศพที่ถูกแทงจนพรุน บางศพไม่มีแขนและขา ดูเละจนไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ค่ำคืนนั้น....ก็ผ่านไปอย่างนั่นนานจนกระทั่งตอนเช้าวันที่ 7 ก็มาถึง...
ภายในครัว ป้ากำลังทำกับข้าวกำลังต้มหม้อในเตาแก๊ส พอเปิดฝาออกมาไอควันก็ โพยพุ่งขึ้นมาเป็น
พาเอากลิ่นมะนาวของต้มยำน้ำใสหอมฉุยฟุ้งกระจายไปทั่ว ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม อาหารถูกจัดเตรียมไว้ 2 สำรับ อาหารที่หรูและสวยงามก็จะรู้กันว่าเป็นของใครถ้าเดาถูกแล้วนั่นก็เป็นของแม่ เพชรและพลอย อาหารที่ถูกปรุงสุกและต้มจนเปื่อยที่อยู่ในหม้อถูกกระบวยกลม ตักขึ้นมาใส่ไว้ในชาม น้ำต้มยำเริ่มเทลงมาที่ชามและตามด้วยข้อนิ้วของมนุษย์ที่ถูกสับเป็นป้องๆ และดวงตาลงไปอย่างช้าๆ และบรรจงในชามใบใหญ่ที่สลักลวดลายอย่างสวยงามที่แสนอร่อยของโปรดปรานจากใครหลายๆ คน ถัดมาก็เป็นผัดผงกะหรี่ไข่เค็ม ซึ่งผัดรวมกับข้อต่อของนิ้วที่ถูกหั่นเป็นป้องๆ อย่างสวยงามจนดูเหมือนหางหมูมันเป็นสีที่สด ตัดกับสีเหลืองของผงกะหรี่ไข่เค็มพอดูไปแล้วใครๆ ก็เดาได้ว่านี่คือปลาหมึกกรอบหรือเปล่า แต่เปล่ามันคือหนังหนังมนุษย์ที่หมักซอสและผ่านกรรมวิธีจนมันเด้งและดูกรอบเติมสีอาหารจนกลายเป็นสีเดียวกับปลาหมึกกรอบดูน่ารับประทานแยกไม่ออกเลย ถัดไปจากผัดผงกะหรี่ก็จะมีหม้อซึ้งขนาดใหญ่เมื่อเปิดฝาซึ้งออกก็จะพบกับห่อหมกที่ราดด้วยกะทิสีขาวข้นอย่างสวยงามแต่ห่อหมกนี้ไม่ได้เพียงแค่ได้เห็นเครื่องแกงหรือเนื้อละเอียดเนียนสีส้มสดอย่างเดียว ยังเห็นก้อนมันสมองปะปนอยู่กับเครื่องห่อหมกดูแล้วช่างน่ารับประทาน พอเปิดซึ้งชั้นที่ 2 ก็จะมี บางอย่างที่ขดเยาวๆ แบ่งเป็นป้องๆ ม้วนขดเป็นวงกลมเหมือนงูที่ขดอย่างสวยงามมันมีสีสันน่ารับประทานเหมือนกับไส้อั่วแต่มันคือไส้ของมนุษย์ที่ถูกยัดด้วยเครื่องในหลากหลายถูกบดจนละเอียดแล้วยัดเข้าไปในลำไส้พร้อมกับเครื่องเทศปรุงอาหารกลิ่นของมันหอมสมุนไพรมาก มากระทั่งถึงชั้นสุดท้ายของซึ้ง ก็คือลิ้นคนนึ่ง เรียงรายเป็นกลีบดอกบัวหลายๆ กลีบซ้อนกันซึ่งดูแล้วน่าจะมีมากกว่า 20 ลิ้นนึ่งจนสุกจนน่ารับประทานมีกลิ่นหอมของรากผักชีและข่าโชยออกมาจนเตะจมูก ทุกอย่างถูกเรียงรายไว้บนจานอย่างสวยงามเป็นวงกลมและก็เอาน้ำจิ้มรสจัดจ้านไว้ตรงกลางของจาน ถัดมาก็ขาดไม่ได้เลยคือของทอดเหมือนชุปแป้งเทมปุระกำลังถูกเรียงรายจะลงไปในจาน ในจานก็มีหูชุบแป้งทอดแป้งเทมปุระจมูกแป้งเทมปุระ ที่ถูกทอดจนกรอบแล้วน่ารับประทาน ของหวานนั่นแสนพิเศษสุดเมื่อป้าของเธอเดินไปยังตู้เย็นที่อยู่ถัดไปเมื่อเปิดตู้เย็นออกก็จะเห็นศีรษะของมนุษย์ที่โกนผมจนล้าน ดูแลเป็นศีรษะที่สวยงามหน้าตาดีเขาถูกเคลือบด้วยของหวานและภายในศีรษะถูกยัดด้วยเค้กเนียนนุ่มทำมาจากชีสผสมกับเค้กที่อัดแน่นและยัดเข้าไปในศีรษะถูกแต่งจนสวยงามแล้วป้าของเธอก็นำน้ำเชื่อมสีแดงที่หอมหวามราดลงไปที่ศีรษะ ที่ด้านในถูกยัดด้วยชีสเค้กจนกลิ่นหอมหวานละมุนของมันเหมือนเชื้อเชิญให้ทานให้ลิ้นสัมผัสกับเนื้อเนียนนุ่มของชีสเค้กที่อยู่ในนั้นอยู่ในศีรษะของมนุษย์อย่างเลี่ยงไม่ได้
ทุกอย่างถูกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะ ซึ่งมีแม่เพชรและพลอยกำลังนั่งรออยู่ วงที่ทับทิมนั่งอยู่จะมี ยาย และป้า ซึ่งครั้งนี้อาหารที่วงทับทิมนุ่งอยู่เป็นอาหารที่อยู่ในระดับเดียวกับวงของแม่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่จะได้เจอแบบนี้
แล้วทุกคนก็เริ่มรับประทาน ทับทิมว้าหูทอดเทมปุระ เธอมองไปที่มันและเข้าปาก ตามด้วยเยงเคี้ยว กรอบเหมือนเสียงกระเบื้องแตกดังท่วมตรงโพยลงปาก แล้วจึงตามด้วยเสียงกลืนลงคออย่างลื่นไหล
TBC