ชายโสร่งแดง ตอน กุมารี วน เวียน 2

กระทู้สนทนา
รุ่งเช้าก็มาถึง
ทับทิมงัวเงียตื่นขึ้น ลุกจากเตียงเก็บที่นอนจนเรียบร้อย  เธอยังได้ยินเสียงยายที่ยังนอนไอ้แห้งๆ เป็น ระยะๆ อยู่ที่เตียงด้านในสุดของห้อง ซึ่งจุดนั้น ทั้งอับและมืด  ไม่เข้าใจว่าทำไมยายถึงชอบนอนตรงนั้นกัน
เสียงป้าทำกับข้าวอยู่ในครัวป้าตะหลิวกระทบกะทะดังมาเป็นระยะ เสียงผัดดังฉ่าเสมือนเสียงกลองตีเรียกทัพน้ำย่อย ให้ขับเคลื่อน น้ำปลาปรุงรสถูกเยาะลงไป กลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอโพยฟุ้งดึงดูดชวนให้หิ้วมากขั้น หล่อนเทกับข้าว ลงไปในจานสำรับอาหารที่จัดไว้สองชุด
 
นานก็มีเสียงบีบแตรรถดังมาจากทางเข้าที่หน้าประตูบานใหญ่ พอทับทิมได้ยิน เธอจึงรีบไปดูปรากฏว่าเป็นรถแม่กับรถอาสาวที่จอดรออยู่ เสียงบีบแตรรถแม่ ดังใส่ทับทิมทำเอาเธอสะดุ้ง จึงต้องรีบไปเปิดประตูให้รถเข้ามาในบ้าน ขณะที่เธอเปิดประตูจนบานประตูเกือบจะสุด เธอเหลือบไปเห็น ....
เสือโคร่ง! 
มันยืนอยู่กลางถนนทางเข้าบ้าน มันคับคล้ายคับคาเหมือนจะฝันแต่ไม่ใช่ฝัน แต่ร่างกายเธอยังครบถ้วนอยู่!? 
แล้วเสือตัวนั้นจ้องเขม่งมายังเธอ แล้วกำลังจะเดินเข้ามา จนกระทั้งความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบีบอัดเบียดเข้าด้านข้างตัวเธอ 
ทับทิมตั้งสติแล้วมองสิ่งที่เบียดเธอ
นั่น....
รถของแม่เบียดเธอจนเซล้มคะมำลงพื้น แขนของเธอข้างหนึ่งรีบรับน้ำหนักทั้งหมดของตนไว้ทัน แต่ ความเจ็บปวดก็บังเกิดขั้นฉับพลัน เธอเม้มปากไม่ให้ตัวเองกรีดร้อง เพราะทุกครั้งที่เธอร้อง แม่จะดุด่าเธอซ้ำ หรือไม่ก็ตีเธอต่อหน้า น้องๆ ทั้งสอง เธอทั้งอายทั้งเจ็บ แล้วไม่อยากให้เกิดอีก เธอจึงอดกลั้นมันไว้ แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองยืนขึ้น ปั้นหน้าข่มความเจ็บปวดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในจังหวะเดียวกับที่แม่ลงจากรถ พร้อมกับ เพชรและพลอย 
ทับทิมที่กำลังจะทักแม่ แต่แม่และน้องทั้งสองรีบเดินเข้าไปในบ้านตามด้วยอาสาว
 เธอได้แต่กระพริบตาปริบๆ แล้วค่อยๆ มองไปยังถนนตรงหน้าบ้านอีกครั้ง
เสือตัวนั้นมันไม่อยู่แล้ว?
จากนั้นเธอจึงยกมือข้างที่รับบาดเจ็บขึ้นมาดูอาการ จะเห็นว่านิ้วก้อยของเธอหักงอจนผิดรูป เธอสูบลมหายใจซูดใหญ่ๆ แล้วใช้มืออีกข้างดัดนิ้วก้อยของเธอ
 
กร๊อบ!!
.....
 
เช้านี้พวกเขากินข้าวแยกเป็น สองวงเช่นเคย ทับทิม ป้า อาสาว กินข้าววงเดียวกัน ส่วนแม่ แยกไปกินกับเพชรและพลอยที่โต๊ะกลม แม่เอาของดีๆ ไปกินกับน้องๆ ส่วนของที่ไม่น่ากิน ก็มาอยู่ที่วงนี้ ส่วนยาย..ก็ไม่มีใครสักคนที่จะปลุกให้มาทานข้าวด้วยกัน คงเห็นว่ายายไม่สบายให้นอนพักเสียดีกว่า
จนกระทั้งเสียงหัวเราะอาสาวดังลั่น
“เอ็งนี่นะเห็นเสือ!!! ฮ่าๆ Vะเหงเสียงหัวเราะอาสาวดัง้อา”
เสียงหัวเราะของอาสาวทำเอาเพชรกับพลอยมองมายังวงของพวกเขา 
“เห็น จริงๆ นะอา” ทับทิมแย้ง “ที่แรกก็นึกว่าฝัน..พอเมื่อเช้า เห็นมันเลย”
ป้า “กินข้าวห้ามพูดเรื่องฝัน มันจะทำให้บ้านอดยาก”
ทับทิมถึงกับหน้าสลด
อาสาว “มันสมัยไหนกันแล้ว เสือเสอที่ไหนมี...แถวนี้ทำนากันหมด ไฟฟ้าทั่วถึงทุกบ้าน ไร้สาระ ไร้สาระ กินข้าว”
พลอยที่ฟังดังนั้นแสยะยิ้มออกมา “พี่ทับทิมเห็นเสือที่ไหนล่ะจ๊ะ”
ทับทิมกำลังจะอ้าปากตอบ
 
บึ้ง!!
 
เสียงแม่ทุบโต๊ะดังสนั่น ทำเอาคนในบ้านเงียบกริบ พลอยก็ยิ้มหวานเมื่อเห็นหน้าของทับทิมซีดเผือก
“กินข้าวไม่คุยกัน”แม่กล่าว
ทุกคนก็ต่างกันทานข้าวอย่างเงียบเฉียบ บรรยากาศแสนจะอึดอัด กับข้านทำมาอร่อยแค่ไหนก็ยังจืดชืดไปเลย จนผ่านไปพักใหญ่ๆ  
อารมณ์ของแม่เริ่มกลับปกติ จึงทานข้าวไปคุยกับน้องๆ ไปต่ออย่างมีความสุข
ทับทิมจึง ได้โอกาศถามอาสาวเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน
“เมื่อคืนเป็นไงบ้างอา?”
 อาสาว “เป็นกลุ่มอันธพาลเดิมๆ ที่มีปัญหามานานแล้ว”
ทับทิม “ไม่ถึงอย่างงั้นล่ะ?”
  อาสาว “เพราะอีกไม่กี่วัน ก็จะมีงานวัดแล้ว หลวงพ่อที่วัดอนุญาตให้นำเพชรกับพลอย เข้ามาให้ชาวบ้านขอพรที่วัดได้ เพื่อเรียกรายได้เข้าวัด แต่ก็มีชาวบ้านบางกลุ่มไม่ยอม เจรจาล่ม ก็เป็นอย่างที่เห็นแบบเมื่อคืนไง.. ไม่นึกเลยคราวนี้จะทำกันขนาดนี้....คุกคามมาถึงคนในบ้าน” 
ทับทิมมองไปที่เพชรกับพลอบแล้วจึงหันกลับมามองที่อาสาว 
อาสาว “ อ๋อ! ส่วนเรื่อง เพชร กับ พลอย ไม่มีใครรู้ว่าออกจากบ้านตอนไหน อากับเพื่อนๆ ตามหาทั้งคืนจนดึกมาก  สุดท้ายก็ไม่เจอแล้ว อาก็เลยไปค้างบ้านเพื่อนในคืนนั้นเลย เช้ามืดอาจึงตัดสินใจโทรหาแม่เอ็ง...ตอนนั้นแม่เอ็งกำลังขับรถกลับบ้านอยู่พอดี พอแม่เอ็งรับโทรศัพท์ อาเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังและ เรื่องเพชรกับพลอยหายไปตั้งแต่เมื่อคืนด้วย แต่แม่เอ็ง บอกอาว่า เพชรกับพลอย หลับอยู่ในรถของแม่เอ็งแล้ว”
ทับทิมนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงถามอาสาวต่อว่า “แล้วพวกนั้นล่ะ อาแจ้งตำรวจยัง”
ป้ากระแอมเสียง เป็นนัยยะ บอกให้อาสาว กับทับทิมหยุดคุยก่อน พอทับทิมชำเลืองตาไปที่แม่ 
ใช่เลยเรากันดังไป..แม่มองตาแดงก่ำเลย
อาสาวพูดต่อ “ไม่ต้องหรอก..พอมาถึงทั้ง ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ผู้ใหญ่บ้าน ชาว บ้าน มุงเต็มไปหมดเลย”
ทับทิม “อ้าว..ยังไงอ่ะ อา? ”
ขณะที่ทับทิมกับอาสาว กล้าคำสั่งยังคุยกันต่อ โดยที่พวกยังไม่ทันสัง เกตุว่า จานที่ใส่เศษอาหารและกระดูกที่วงทานข้าววงนั้นกำลังจะเขวี้ยง ใส่หัวทับทิมหางยังไม่หยุดคุย
อาสาว “เมื่อคืนจะยกพวกตีพวกมันซะหน่อย  เพื่อนอาตัดสินใจยิ่งปืนขึ้นฟ้าขู่พวกมันเฉยๆ ..แล้วพออาขับไล่ตามไป รถก็ดันดับกลางทางซะนี่ เช็ดหลายรอบก็ไม่มีอะไรเสีย ทั้งอา ทั้งเพื่อน ช่วยกันหาจนผ่านเป็นชั่วโมงๆ มันก็สตารท์ติดได้เองเฉย แต่พอไปถึง ทุกอย่างก็...”
ทับทิม “ยังไงอ่ะ?”
พอจบประโยคที่ทับทิม แม่ของเธอหมดความอดทนคว้าจานเศษอาหารจะเขวี้ยงใส่หัวทับทิมให้แตกจะได้เข็ดและหลากจำ ว่าเวลาทานข้าวห้ามคุยกัน!
 
โครม!! 
 
 
ทับทิม อาสาว ป้า หันไปดูที่ต้นเสียงนั้น
ป้ารีบลุกออกจากวงก่อนเป็นคนแรกเข้าไปยังห้องนอน รีบประคองยาย ที่ตกเตียงหน้าคว่ำพื้นขึ้นมา ตามด้วยอาสาวไปช่วยป้าพยุงยายขึ้นมานอนบนเตียง ทับทิมที่ตามไปดูก็เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลบนหน้าผากของยาย เธอสั่นทำอะไรไม่ถูก หันไปทางแม่และเพชรกับพลอย...พวกเขา..กำลังกินข้าวกันตามปกติ นี่...ไม่คิดจะมาช่วยเลยหรอ?! 
“ทับทิม!! เร็วสิ!  เอาน้ำแข็งมา” เสียงป้าเรียกสติขณะที่เอามือกดปากแผลที่หน้าฝากของยาย มีเลือดไหลออกมาจากซอกนิ้วของป้าลงมาเป็นสาย
“งั้นเอ็งไปเอาน้ำแข็งมา พี่จะประคองแม่ไว้” ป้าไปสั่งอาสาวแทน
แล้วอาสาวจึงรีบละจากยายไปนำน้ำแข็ง เดินผ่านทับทิมที่ยืนนิ่งอยู่
ทับทิมที่นิ่งไปไม่ได้ตกใจเลือดของยาย แต่ตกใจเหตุการณ์ตรงหน้า แม่กับน้องๆทานอาหารกันอย่างปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
...
ทับทิมเทข้าวที่เหลือลงถังขยะ เธอเหลือบไปเห็น เจ้าหมานวน ยืนกระดิกหางอยู่ที่ประตูหลังครัว
 
“ต้มข้าวให้แล้วก็ไปกินสิ ยังจะแย่งอาหารคนอีก” ทับทิมพูดกับเจ้าหมานวน เธอส่ายศีรษะ อย่างเอ็นดู 
จะว่าไปเจ้าหมานวนมันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวทับทิมมีชีวิตชีวาที่สุดแล้ว
ตอนที่ยายยังแข็งแรง ยายมักจะไปทำบุญรักษาศีลที่วัดเสมอ จนวันหนึ่ง มีเจ้าลุกหมาสีนวนมันเดินตามยายมา เหมือนมันอยากจะไปด้วย ยายจึงพามันมาที่บ้าน
ตอนนั้นเพชรกับพลอยก็เป็นที่รู้จักและโจทย์ขันเรื่องความอัศจรรย์ของพวกเขาโด่งดังไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านมาขอพรกันมากมายซึ่งต่างจากยาย ที่เลือกจะเข้าวัดและถือศีล บ่อยครั้งที่ยายกับแม่จะไม่ค่อยลงลอยในเรื่องนี้นัก  ในที่สุดแล้วก็ทางใครทางมัน
ส่วนตอนนั้น ตัวเธอเองยังอายุ 6 ขวบ ก็ถูกแม่ไล่ให้ไปอยู่หลังบ้าน ทุกครั้งที่มีคนมาขอพรที่บ้าน  เพราะตัวเธอไม่ได้มีสิ่งวิเศษอัศจรรย์ อันใดเลย ทุกครั้งที่ถูกไล่เธอมักจะไปนั่งกอดเข่าก้นหน้า ที่ลับคนอยู่เพียงคนเดียวเป็นประจำ ซึ่งตรงข้ามกับเสียงของแม่ที่มีความสุขกับน้องๆ ทั้งสอง เสียงคนมาขอพร เสียงของน้องให้พรพวกเขา เสียงหัวร่าเริงมีเวลาดีๆ ร่วมกัน ยังดังต่อเนื่องมาจากหน้าบ้าน
จนกระทั้งวันหนึ้ง มีอะไรเย็นๆ มาเลียที่มือ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ตรงหน้าคือเจ้าลูกหมาขนสีนวนปุกปุย กระดิกห่างดิกๆ แลบลิ้น แฮะๆ อยากจะมาเล่นด้วยกับเธอนักหนา
ความรู้สึกดีของเธอที่มีเพื่อนมันดีและมีความสุขจริงๆ
 
จานใบแล้วใบเล่าถูกล้างให้สะอาด ต้องล้างทั้งหมดนี้ ต่อให้มันกองสูงจนเลยหัวเธอก็ตาม จานทั้งหมดเป็นของแม่และน้องๆ
 
ภายในห้องนอน ป้ายังประคบเย็นให้ยายอยู่ ส่วนอาสาวก็คุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้าน ทางแม่ที่นั่งอยู่กับน้องๆ ก็ลุกออกไปที่รถแล้วนำของให้ เพชรกับพลอย ซึ่งมี ตุ๊กตา ของเล่นเด็กผู้หญิง ของเล่นเด็กผู้ชาย เสื้อผ้า นำมาให้ แล้วพูดคุยอย่างมีความสุข
“เพชรลูกแม่ พลอยลูกแม่ แม่จะไปทำมาค้าขาย ถ้าแม่ขายดี แม่ซื้อขนม ของเล่น ซื้อชุดเครื่อง เสื้อผ้าสวยๆ ให้กับลูกๆ นะ แม่พวกหนูนะลูก พวกลูกๆคือที่พึงของแม่” แม่กล่าวกับน้องทั้งสองคนแล้วจูบหน้าฝากอย่างแผ่วเบาดังปุยนุ่นด้วยความรักอันเต็มล้น ขณะที่ ทับทิมได้ยินทุกประโยค
 
เพล้ง!! 
 
เธอเผลอทำจานกระเบื้องแตก เธอจึงรีบก้มไปเก็บเศษจานทันที แต่ยังไม่ทันเอื้อมถึง
ทันใดนั้นเธอหน้าคะมำ เอามือยันพื้นจนลืมไปว่าตรงนั้นยังมีเศษจาน เธอจึงโดนเศษที่แหลมคมฝังเข้าไปในมือ ทำให้เธอยันพื้นไม่ได้จึงล้มลงไปทั้งตัว เธอรีบมองไปยังต้นเหตุ เธอถึงกับนิ่งตาค้าง
 
แม่ถีบเธอ!! 
 
“..ทำจานน้องแตกใช่มั้ย!! ”
แม่เข้ามากระชากผมหางม้าของเธอ แล้วตบไปที่หน้าของเธอซ้ำ ทำให้เธอกระเด็นไปโดนกองจานจนหล่นมาทับตัวเธอทั้งหมด เสียงจานกระเบื้องแตกลงพื้นแล้วตามด้วยทั้งขยะทุ้มใส่เธอ ทั้งเศษอาหารทั้งของเหลวหลายๆที่รวมกับในถังขยะกระจายสาดเรี่ยราดนองเต็มพื้นใส่ตัวเธอ และทั่วพื้นห้องครัว
เธอรีบขดตัวเพื่อปกป้องกันตัวเอง ในจังหวะเดียวกับที่กำลังแม่ง้างลำแข้ง จะเตะไปที่ชายโครงของเธอ อาสาวก็เข้ามาในห้องครัวพอที่
ทุกอย่างหยุดทันทีขณะที่มือของอาสาวยังยกหูคุยโทรศัพท์อยู่
อาสาวบอกเพื่อนในโทรศัพย์ “เดี๋ยวซักครู่นะ..” เขาหันมาถามแม่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อะไรกันล่ะเนี่ย? ”
“มันทำจานของเพชรกับพลอยแตก” แล้วแม่ก็เดินออกมาจากครัวไป
อาสาวมองทับทิมที่จมกองเศษจานแตก เศษอาหารและของเหลวจากน้ำขยะที่เจิ่งนองรวมกันกลายเป็นกลิ่นตีจากท้องขึ้นมาชวนอาเจียนอยู่
“ที่หลังล้างให้ระวังด้วยนะ..แม่เอ็งต้องเสียเงินเสียเวลาหาซื้อใหม่” อาสาวส่ายศีรษะ แล้วยกโทรศัพท์คุยกับเพื่อนต่อพร้อมกับเดินออกจากครัวไป
เมื่อเสียงผีเท้าค่อยๆ หายไปจากครัว ทับทิมจึงค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมานั่ง
แล้วค่อยๆ ใช้มือดึงเศษจานกระเบื้องที่เสียบเข้าไปในเนื้อ ออกมาที่ละชิ้น และที่ละชิ้น มีเสียงสะอื้นไห้เล็ดรอดออกมา แต่ก็ไม่มีใครที่ได้ยินเลย
TCB
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่