[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สวัสดีค่ะ เราคงจากกันในตอนสุดท้ายนี้ เรื่องราวความรักที่ใช้เวลาเนิ่นนาน เป็นการลงทุน ที่คุ้มค่าไหม ขึ้นอยู่กับแนวคิดของแต่ละคนที่มีความรัก บ้างก็รู้สึกเสียโอกาส หรือเสียเวลา สำคัญที่ว่าลงทุนไปอย่างไร ถ้าต้นทุนสูงคิดดอกเบี้ยด้วยก็คงมีค่ามากมาย ความรักที่ไม่มีปัญหาคงจะหายากสักหน่อย อยากให้ทุกคนในโลกนี้ไม่ผิดหวังกับความรัก ที่บางทีกามเทพก็แผลงศรให้คนๆเดียวหลายหน คงแล้วแต่บุพเพสันนิวาสจริงเชียว...
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามอยู่ด้วยกันนะคะ เรื่องนี้อาจจะสั้นและจบอย่างนี้ ด้วยเขียนไว้นานแล้วค่ะ ' พลอยแดง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่แล้ว... https://ppantip.com/topic/40069642
https://ppantip.com/topic/40078551
https://ppantip.com/topic/40088519
https://ppantip.com/topic/40096645
https://ppantip.com/topic/40103688
https://ppantip.com/topic/40111709
https://ppantip.com/topic/40118338
บทที่ 8
ค่ำนี้เพ็ญระพีถึงเวรต้องไปรับโทรศัพท์ประจำหอ เรียก Telefon diens เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่เนื่องจากหล่อนยังไม่สามารถโต้ตอบข้อมูลที่อาจถูกถามได้ทั้งหมด หล่อนจึงจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากคุณอนาวิลให้มาช่วยรับโทรศัพท์แทนด้วย ดังนั้น หลังหกโมงเย็นทั้งคู่จึงได้มานั่งในห้องโทรศัพท์ด้วยกัน เมื่อนึกถึงการตอบรับและส่งสายไปยังส่วนกลุ่มเบอร์ห้องแล้ว ต้องกดกริ่งไปยังห้องที่เขาต้องการพูดด้วย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็กระจ่างในใจอีกข้อหนึ่งว่า ภูพิงค์ไม่เคยให้เบอร์ติดต่อของเขาแก่หล่อนเลย...
หล่อนไม่ทันได้สังเกตหรอกว่า อนาวิลมีท่าทีขัดเขินตอนที่นั่งรอและไม่มีสายเรียกเข้ามา
มีโปสการ์ดจากมึนเช่นคุณดาราเขียนมาเล่าว่า เรื่องวีซ่าก็ยังต้องหาวิธีต่อไป อาจจะจดทะเบียนสมรสซึ่งยังไม่ได้หาข้อมูลว่าจะได้อยู่ต่อได้อีกนานเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็ขอบคุณคุณอนาวิลและคุณเพ็ญด้วย เพิ่งได้พบกับคุณนพดลและคุณภูพิงค์ขึ้นมาที่นี เมื่อเราพูดถึงคุณเพ็ญว่ารู้จักกับคุณภูพิงค์ ดูเขาไม่ยินดีจะพูดคุยอะไร แม้เราจะเล่าถึงการมาพักกับคุณเพ็ญ เขาก็ไม่ไถ่ถามถึง ราวกับไม่รู้จัก เลยสงสัยว่าทำไมเจอแต่คนที่เราเข้าใจผิดแบบคุณอนาวิลหรืออย่างไร ก็แค่เล่าให้ฟังค่ะ
ไว้มีโอกาสลงไปเที่ยวมึนเช่นบ้างนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ
ขณะที่ทนนั่งรถขากลับจากมึนเช่นอย่างร้อนใจจนแทบจะอยากระเบิดออกมา เมื่อรถมาถึงที่พัก ภูพิงค์ก็แทบกระโจนออกจากรถ บอกเพื่อนว่าแล้วเจอกัน เขาเดินแกมวิ่งสู่ห้องตนเอง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่ได้ยินมาวันนี้ มันเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว ทำไมนะชีวิตเขาถึงต้องเดินอยู่บนเส้นทางแบบนี้ซ้ำซาก ทุกถ้อยคำที่ได้ฟังมาล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว มันยากเกินจะทำใจ...
นพดลมองภูพิงค์ที่รีบลงจากรถราวกับนั่งปวดหนักมานานกว่าจะถึง เขาแปลกใจที่ภูพิงค์นั่งหน้าขึงเมื่อได้ยินเรื่องราวจากคุณดาราของคนชื่อเพ็ญที่ว่ารู้จักกันด้วยหรือ อาการไม่สบอารมณ์ไม่รู้เพราะจากเรื่องราวหรือวิธีการเล่าแบบสู่รู้ข่าวชาวบ้านของคุณดารา ทำให้ภูพิงค์ทำราวกับได้ยินชื่อแฟนเก่า ทั้งๆที่เขาก็เห็นเป็นชื่อเจ้าของจดหมายนี้มีมาถึงบ่อยๆ ภูพิงค์ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้เขาฟัง เขาเพิ่งนึกได้ว่าได้ยินพูดว่าคราวหน้าไปปารีสอีกจะแวะผ่านมาทาง Köln ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร
มีวันหยุดยาวOstern อีสเตอร์อีกแล้ว หลังผ่านวันคาร์เนวาลมาเดือนครึ่ง ทำให้ได้มีเวลากินไข่ต้มตามเทศกาลของเขา ไข่ไก่ทาสีต่างๆเห็นได้ทั่วไป
พี่วิทยากลับมาจากฝึกงานแล้ว เมื่อมาถึงก็บอกข่าวว่า คงต้องเตรียมกลับเมืองไทย รอไปรับใบจบอินจิเนียร์อีกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อเพ็ญระพีได้ยินรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที แล้วเราจะอยู่ได้ไหมนี่ เรื่องวีซ่าอยู่ต่อได้เพราะฝึกงานก็ใกล้จะหมด ยังไม่ได้ไปหาโรงเรียนเลย
แต่เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็เลยนิ่งเฉยเสีย ไว้ให้รู้ว่าพี่วิทย์จะไปแน่ๆเมื่อไรก็ต้องหาโรงเรียนให้หล่อนให้ได้ คำถามก็ผุดขึ้นมาอีกว่า นี่หล่อนจะเป็นนักเรียนอีกจริงหรือ เพื่ออะไร ในเมื่อกลับไปบ้านก็มีงานทำ และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยสาเหตุดั้งเดิมคืออยากอยู่ที่นี่ด้วยความหวังจะอยู่ใกล้ภูพิงค์และอยากอยู่เมืองนอก เมื่อได้อยู่แล้ว จนจะครบปีภูพิงค์ก็ไม่ได้คิดจะมาพบกับหล่อนเลย มีแต่พูดเหมือนคำหวานเติมเชื้อหรือซื้อเวลาไปเรื่อยๆ สงสัยว่าหล่อนต้องคิดให้จงหนักว่า เพื่ออะไรจึงจะอยู่ต่อ คำตอบมันคงเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว...
คุณเก่งมิได้ขาดการติดต่อเพราะกิจกรรมของนายกสมาคมต้องทำต่อเนื่อง โปรแกรมไปเยี่ยมชมโรงงานสองแห่งในเมืองที่ไม่ไกลนักก็เริ่มเข้าชมโรงงานตอนบ่าย สมาชิกร่วมร้อยคนจากเมืองใกล้เคียง เช่น Siegen, Dortmund Düsseldorf, Bonn และ Krefeldต่างขับรถมากันถือเป็นการได้เที่ยว โรงงานแรกที่ไม่นึกว่าจะได้ชม เป็นโรงงานทำ Condom กลิ่นพลาสติกมาก่อน หลายหนุ่มคุยขบขันกันต่างๆนาๆ เพ็ญระพีมองดูแกนเหล็กเรียงบนฐานแป้นกลมๆ ว่าแกนนั้นน่าจะเรียกDornใช้เสียบหลอดยาสีฟันแทนหุ้มด้วยถุงยางอนามัยต่อหน้านี้ หล่อนมองราวคนไม่เคยเห็นหรือมัวนึกถึงDornที่โรงงานก็เลยมิได้แสดงกิริยาอะไรออกไป ในฐานะที่เคยเดินในโรงงานมาก่อน หล่อนก็เดินหลังขบวนไหลตามระบบผลิตไปจนจบ ท้ายสุดรายการมีการแจกผลิตภัณฑ์ให้ผู้มาเยี่ยมทุกคน ส่วนของหล่อนก็ส่งให้พี่วิทย์ไป
โรงงานที่ต้องเดินทางต่อมาเป็นโรงงานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รสชาติคล้ายหรือเหมือนแชมเปญ แต่เยอรมันเรียกSekt น้ำเมรัยสีใสราวกับตาตั๊กแตนออกเหลืองนิดหน่อยเมื่อรินใส่แก้วแชมเปญทรงสูงต่างกับแก้วไวน์ จะมองเห็นฟองอากาศเล็กๆลอยผุดจากก้นแก้วสู่ข้างบนบ้าง เมื่อได้ชิมกันย่อมรู้สึกว่าดีในรสชาติหอมด้วย แน่นอนว่าได้รับการชิมอย่างทั่วถึงและมากพอสมควรในบางคน เหมาะเป็นรายการปิดท้ายยามเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมขวด Sekt ที่จำหน่ายราคามิตรภาพกับผู้เข้าชมด้วย
หลังจากได้ไปโน่นมานี่จนเพลิดเพลินไปพักหนึ่ง เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตนเอง เพ็ญระพีก็นั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่ยังไม่ได้ไตร่ตรอง นับแต่ส่งจดหมายตอบรักคุณภูพิงค์กลับไปแล้ว รายงานข่าวจากคุณดารานั่นก็แสดงว่าได้พบเขาข่าวจากเมืองนี้ก็คงแล้วแต่คนจะหมดวีซ่าจะเล่าไป สงสัยว่าทำไมยังไม่มีจดหมายจากเขา คิดว่าเขาคงไม่รีบตอบหลังจากได้ข่าวทางนี้แล้ว โอกาสติดต่อกันมีทางเดียวคือจดหมาย เพราะเขาไม่เคยให้เบอร์ให้รูปหรือเล่าอะไรให้ฟัง เพ็ญระพีก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัว เขาเคยบอกอยากได้รูปหล่อน แต่ทำไมไม่ส่งให้หล่อนก่อนล่ะ จะได้เหมือนแลกกัน จะให้หล่อนแจกรูปใครง่ายๆนั่นคงไม่ใช่วิธีของหล่อน บางคนชอบอวดอ้างหลักฐานเป็นรูปก็คงต้องเป็นไปตามนั้น มีรุ่นพี่ไปเรียนที่ Berlin ก็ส่งรูปมาให้ เขายังส่งมาให้หล่อนได้ ทั้งๆที่เขียนจดหมายแค่ตอบไปหนเดียวเท่านั้น
กับคุณภูพิงค์อย่าได้คิดเกินเลยจาก Penfriend ดังที่หล่อนเคยสรุปไว้ ส่วนความในใจก็ถือเป็นความคิดส่วนบุคคลที่จะรัก โกรธ เกลียด หรือเพ้อเจ้อไปฝ่ายเดียวก็ย่อมได้ เวลาจะบ่งบอกความจริง แม้กับบางคนต้องใช้เวลานานสักหน่อย
ปัญหาต่อมาคือต้องคิดว่าหลังจากฝึกงานครบปีแล้วจะเอายังไงต่อ จะรอโชคชะตาไม่ได้ เพราะเอกสารต้องเดินเรื่องเอง มิใช่ซื้อหวยหรือเข้าบ่อนเสี่ยงโชค
เมื่อไม่รู้จะระบายกับใครก็เลยต้องมาพูดกับอนาวิลที่ตอนนี้ดูจะห่างกันไป เพราะด้วยพี่วิทย์กลับมาแล้ว เมื่อมีโอกาสตอนที่พี่วิทย์ไปติดต่อทำธุระ เพ็ญระพีจึงได้เดินมาที่ห้องอนาวิลในตอนบ่าย เมื่อเคาะประตู รอสักพักใหญ่จึงรู้ว่าเขาอยู่มาเปิดประตูด้วยหน้าตาเหมือนเพิ่งตื่นนอน
"นอนอยู่หรือคะ ขอโทษ งั้นค่ำๆเพ็ญมาใหม่ค่ะ " หล่อนรีบกล่าวและหันตัวกลับทันที
" เดี๋ยว เดี๋ยว ผมเผลองีบไป ว่าจะต้องออกไปซื้อของตอนบ่ายนี้ด้วย" เขารีบบอกหล่อนอย่างเร็ว
" เพ็ญขอเวลาแป๊บเดียวค่ะ แล้วคุณค่อยไปซื้อของ" เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ให้หล่อนเข้ามา
" นั่งก่อนครับมีอะไรหรือ" เขาถามพร้อมนั่งลงที่โซฟาด้วย
" คือพี่วิทย์บอกว่าจะกลับเมืองไทย ทีนี้ใกล้จะครบกำหนดฝึกงานหนึ่งปีของเพ็ญแล้ว จำได้ไหมคะ "
" จำได้ครับ ก็ให้พี่วิทย์กลับไป พอใกล้จะครบกำหนดคุณเพ็ญก็หาโรงเรียนหรือหาที่ฝึกงานใหม่" เขาพูดแบบรู้วิธี
" อ้าว แล้วเพ็ญจะอยู่ยังไงล่ะ แล้วเรื่องฝึกงานหรือเรียน เพ็ญก็ชักไม่อยากเรียนแล้ว กลับไปทำงานกับพี่วิทย์ดีกว่า" หล่อนบอกตามความคิด
" คุณเพ็ญเบื่อที่นี่แล้วเหรอ ยังมีเวลาอีกกี่เดือนละนี่ " อนาวิลนั่งคำนวนเวลา
" เพ็ญมาอยู่จะครบปีแล้ว เว้นไปสองเดือนก็จะครบฝึกงานค่ะ"
" เอาละ ไปถามพี่วิทย์นะครับว่าเพ็ญจะอยู่ต่อ กลับไปทีหลัง กลับวันไหนก็ได้ ถ้าอยากกลับ หรือยังไม่อยากกลับก็หาที่ฝึกงานใหม่"
" ที่ฝึกงานจะหาได้อีกหรือคะถ้าได้ฝึกครบปีไปแล้ว " หล่อนกังขาในข้อนี้
" กฏทุกกฏมีข้อยกเว้น ว่าเราไม่ชอบงานแขนงที่ฝึกก็ขอแขนงอื่น นับหนึ่งใหม่น่าจะได้นะครับ ต้องลองไปถามคุณเก่งอีกที"
หล่อนถอนหายใจ นิ่งเงียบไป ก่อนจะถามอย่างทำทีไม่สนใจนักว่า
"ของคุณมีกำหนดกลับหลังพี่วิทย์นานเท่าใดคะ"
" ผมเหลืออีกสองเทอมแต่อาจจะอยู่ทำงานหาเงินสักพักค่อยกลับ " เขามองหน้าหล่อนแบบสงสัยที่หล่อนถาม ทั้งๆที่ไม่เคยพูดถึงกันเลย
" เพ็ญว่าอย่างที่คุณบอกถ้าหาที่ฝึกงานได้เพ็ญก็อยากอยู่หาเงินเหมือนกันค่ะ เมืองไทยกลับเมื่อไรก็ได้"
" ดีแล้วครับ ลองพูดกับพี่วิทย์ดูอีกทีนะครับ" เขาเห็นด้วยเรื่องทำงานหาเงิน เพราะรายได้หล่อนก็ดีมากๆ
" งั้นเพ็ญไปละ ขอบคุณนะ โล่งอกไปอีกอย่าง " หล่อนกล่าวขึ้นมา
" ผมไม่เห็นคุณเพ็ญจะต้องมีเรื่องหนักอกอะไรเลยนะครับ ไม่ว่าเรื่องไหน" เขาพูดเหมือนสัพยอกหล่อน
" อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ " หล่อนยิ้มเต็มที่ด้วยหล่อนก็หวังเต็มเปี่ยมเช่นกัน
" ไปซื้อของกับผมไหมครับ " เขาชวนขึ้นมาดื้อๆ
" เดี๋ยวอยู่รอพี่วิทย์อาจจะซื้ออะไรมากินด้วยแล้วค่ะ เพ็ญไปก่อนนะคะ" หล่อนลุกขึ้น ทำให้อนาวิลต้องลุกตาม นี่เขาก็ยังไม่มีโอกาสพูดบอกอะไรกับหล่อนทั้งนั้น พอดีพี่วิทย์กลับมาเลยต้องห่างกันไปอีกแล้ว แต่เขาก็เดินมาปิดประตูเมื่อหล่อนก้าวเท้าออกจากห้องไป
เพ็ญระพีเดินกลับอย่างโล่งใจต่างกับขาไปเลย นี่หล่อนต้องวิ่งวุ่นให้คนอื่นช่วยกันกว่าจะผ่านพ้นแต่ละเรื่องมาได้ก็ทำเอากังวลไปนานจนกว่าเรื่องจะผ่านไป นึกๆดูแล้ว คุณภูพิงค์ไม่เคยได้มีส่วนช่วยในการอยู่ที่นี่ของหล่อนเลย ทั้งๆที่การอยู่ของหล่อนก็เพื่อเขาทั้งนั้น เมื่อความห่างเหินแทรกเข้ามาดูว่าจะนำเอาความผิดของเขาลอยเด่นชัดขึ้นมาด้วย ไม่ผิดกันหรอกภูพิงค์ เพ็ญก็เขลาไปกับคุณด้วย....
เมื่อวิทยาได้รับใบจบการศึกษาแล้วก็จะกำหนดวันเดินทาง เมื่อได้ไถ่ถามเพ็ญระพีว่า
" ว่าอย่างไรเรื่องจะได้ต่อวีซ่าไหม"
" เพ็ญว่าจะกลับวันไหนก็ได้ ถ้าวีซ่าหมด แต่ว่าถ้าต่อวีซ่าโดยการฝึกงานใหม่ก็อยากจะอยู่ต่อค่ะ " หล่อนตอบตามที่รู้มา
" อยู่ได้เรอะคนเดียว " พี่วิทยาซาวเสียงดู
" เพ็ญอาจจะไม่คล่องเรื่องเดินทาง แต่เพ็ญก็คิดว่าเอาตัวรอดได้ เพราะก็เคยทำงานมาแล้วไม่ใช่เด็กนักเรียนจริง"
" แล้วคิดว่าถ้าย้ายที่ฝึกงาน อาจจะไม่สบายอย่างที่นี่ เราจะไหวมั้ย "
" ไม่ไหวก็กลับ ตามที่บอก แต่อยากได้เงินๆดีที่นี่"
"ก็ตามใจ ทำอะไรก็คิดให้ดีๆ อายุมากขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว " ท้ายนี้เหมือนพี่วิทย์เทศน์ซะมากกว่า
" พี่ว่าย้ายมาอยู่ห้องพี่นี่ดีกว่านะ คนแถวนี้ดี แล้วเขาก็รู้จักเราแล้วด้วย" เขาแนะ
" ค่ะ " หล่อนรับปาก เป็นอันว่าในสองเดือนข้างหน้าไม่มีพี่วิทย์อยู่ด้วย และเป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือกลับบ้าน ซึ่งหล่อนรู้ดีว่า หล่อนเหมือนส่งพี่วิทย์ไปขัดดอกนายเยอรมันไว้แล้ว
พี่วิทย์จัดการธุระจนเสร็จหมด รวมทั้งบอกขายรถโฟล์คสวาเก้นคันเก่า แค่ติดป้ายจอดที่หอพักนี่ก็มีคนมาเขียนชื่อและเบอร์ให้โทรกลับ รถราคาถูกไม่ถึงห้าร้อยมาร์คก็ถูกขายต่อในเร็ววัน ด้วยพี่วิทย์ดูแลรักษาอย่างดี และเป็นรถคู่บ้านคู่เมืองชาวเยอรมันเลย
❀❀🕯 🌺 หักศรกามเทพ.. จบ🌺 🕯❀❀
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 8
ค่ำนี้เพ็ญระพีถึงเวรต้องไปรับโทรศัพท์ประจำหอ เรียก Telefon diens เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่เนื่องจากหล่อนยังไม่สามารถโต้ตอบข้อมูลที่อาจถูกถามได้ทั้งหมด หล่อนจึงจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากคุณอนาวิลให้มาช่วยรับโทรศัพท์แทนด้วย ดังนั้น หลังหกโมงเย็นทั้งคู่จึงได้มานั่งในห้องโทรศัพท์ด้วยกัน เมื่อนึกถึงการตอบรับและส่งสายไปยังส่วนกลุ่มเบอร์ห้องแล้ว ต้องกดกริ่งไปยังห้องที่เขาต้องการพูดด้วย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็กระจ่างในใจอีกข้อหนึ่งว่า ภูพิงค์ไม่เคยให้เบอร์ติดต่อของเขาแก่หล่อนเลย...
หล่อนไม่ทันได้สังเกตหรอกว่า อนาวิลมีท่าทีขัดเขินตอนที่นั่งรอและไม่มีสายเรียกเข้ามา
มีโปสการ์ดจากมึนเช่นคุณดาราเขียนมาเล่าว่า เรื่องวีซ่าก็ยังต้องหาวิธีต่อไป อาจจะจดทะเบียนสมรสซึ่งยังไม่ได้หาข้อมูลว่าจะได้อยู่ต่อได้อีกนานเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็ขอบคุณคุณอนาวิลและคุณเพ็ญด้วย เพิ่งได้พบกับคุณนพดลและคุณภูพิงค์ขึ้นมาที่นี เมื่อเราพูดถึงคุณเพ็ญว่ารู้จักกับคุณภูพิงค์ ดูเขาไม่ยินดีจะพูดคุยอะไร แม้เราจะเล่าถึงการมาพักกับคุณเพ็ญ เขาก็ไม่ไถ่ถามถึง ราวกับไม่รู้จัก เลยสงสัยว่าทำไมเจอแต่คนที่เราเข้าใจผิดแบบคุณอนาวิลหรืออย่างไร ก็แค่เล่าให้ฟังค่ะ
ไว้มีโอกาสลงไปเที่ยวมึนเช่นบ้างนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ
ขณะที่ทนนั่งรถขากลับจากมึนเช่นอย่างร้อนใจจนแทบจะอยากระเบิดออกมา เมื่อรถมาถึงที่พัก ภูพิงค์ก็แทบกระโจนออกจากรถ บอกเพื่อนว่าแล้วเจอกัน เขาเดินแกมวิ่งสู่ห้องตนเอง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่ได้ยินมาวันนี้ มันเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว ทำไมนะชีวิตเขาถึงต้องเดินอยู่บนเส้นทางแบบนี้ซ้ำซาก ทุกถ้อยคำที่ได้ฟังมาล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว มันยากเกินจะทำใจ...
นพดลมองภูพิงค์ที่รีบลงจากรถราวกับนั่งปวดหนักมานานกว่าจะถึง เขาแปลกใจที่ภูพิงค์นั่งหน้าขึงเมื่อได้ยินเรื่องราวจากคุณดาราของคนชื่อเพ็ญที่ว่ารู้จักกันด้วยหรือ อาการไม่สบอารมณ์ไม่รู้เพราะจากเรื่องราวหรือวิธีการเล่าแบบสู่รู้ข่าวชาวบ้านของคุณดารา ทำให้ภูพิงค์ทำราวกับได้ยินชื่อแฟนเก่า ทั้งๆที่เขาก็เห็นเป็นชื่อเจ้าของจดหมายนี้มีมาถึงบ่อยๆ ภูพิงค์ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้เขาฟัง เขาเพิ่งนึกได้ว่าได้ยินพูดว่าคราวหน้าไปปารีสอีกจะแวะผ่านมาทาง Köln ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร
มีวันหยุดยาวOstern อีสเตอร์อีกแล้ว หลังผ่านวันคาร์เนวาลมาเดือนครึ่ง ทำให้ได้มีเวลากินไข่ต้มตามเทศกาลของเขา ไข่ไก่ทาสีต่างๆเห็นได้ทั่วไป
พี่วิทยากลับมาจากฝึกงานแล้ว เมื่อมาถึงก็บอกข่าวว่า คงต้องเตรียมกลับเมืองไทย รอไปรับใบจบอินจิเนียร์อีกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อเพ็ญระพีได้ยินรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที แล้วเราจะอยู่ได้ไหมนี่ เรื่องวีซ่าอยู่ต่อได้เพราะฝึกงานก็ใกล้จะหมด ยังไม่ได้ไปหาโรงเรียนเลย
แต่เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็เลยนิ่งเฉยเสีย ไว้ให้รู้ว่าพี่วิทย์จะไปแน่ๆเมื่อไรก็ต้องหาโรงเรียนให้หล่อนให้ได้ คำถามก็ผุดขึ้นมาอีกว่า นี่หล่อนจะเป็นนักเรียนอีกจริงหรือ เพื่ออะไร ในเมื่อกลับไปบ้านก็มีงานทำ และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยสาเหตุดั้งเดิมคืออยากอยู่ที่นี่ด้วยความหวังจะอยู่ใกล้ภูพิงค์และอยากอยู่เมืองนอก เมื่อได้อยู่แล้ว จนจะครบปีภูพิงค์ก็ไม่ได้คิดจะมาพบกับหล่อนเลย มีแต่พูดเหมือนคำหวานเติมเชื้อหรือซื้อเวลาไปเรื่อยๆ สงสัยว่าหล่อนต้องคิดให้จงหนักว่า เพื่ออะไรจึงจะอยู่ต่อ คำตอบมันคงเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว...
คุณเก่งมิได้ขาดการติดต่อเพราะกิจกรรมของนายกสมาคมต้องทำต่อเนื่อง โปรแกรมไปเยี่ยมชมโรงงานสองแห่งในเมืองที่ไม่ไกลนักก็เริ่มเข้าชมโรงงานตอนบ่าย สมาชิกร่วมร้อยคนจากเมืองใกล้เคียง เช่น Siegen, Dortmund Düsseldorf, Bonn และ Krefeldต่างขับรถมากันถือเป็นการได้เที่ยว โรงงานแรกที่ไม่นึกว่าจะได้ชม เป็นโรงงานทำ Condom กลิ่นพลาสติกมาก่อน หลายหนุ่มคุยขบขันกันต่างๆนาๆ เพ็ญระพีมองดูแกนเหล็กเรียงบนฐานแป้นกลมๆ ว่าแกนนั้นน่าจะเรียกDornใช้เสียบหลอดยาสีฟันแทนหุ้มด้วยถุงยางอนามัยต่อหน้านี้ หล่อนมองราวคนไม่เคยเห็นหรือมัวนึกถึงDornที่โรงงานก็เลยมิได้แสดงกิริยาอะไรออกไป ในฐานะที่เคยเดินในโรงงานมาก่อน หล่อนก็เดินหลังขบวนไหลตามระบบผลิตไปจนจบ ท้ายสุดรายการมีการแจกผลิตภัณฑ์ให้ผู้มาเยี่ยมทุกคน ส่วนของหล่อนก็ส่งให้พี่วิทย์ไป
โรงงานที่ต้องเดินทางต่อมาเป็นโรงงานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รสชาติคล้ายหรือเหมือนแชมเปญ แต่เยอรมันเรียกSekt น้ำเมรัยสีใสราวกับตาตั๊กแตนออกเหลืองนิดหน่อยเมื่อรินใส่แก้วแชมเปญทรงสูงต่างกับแก้วไวน์ จะมองเห็นฟองอากาศเล็กๆลอยผุดจากก้นแก้วสู่ข้างบนบ้าง เมื่อได้ชิมกันย่อมรู้สึกว่าดีในรสชาติหอมด้วย แน่นอนว่าได้รับการชิมอย่างทั่วถึงและมากพอสมควรในบางคน เหมาะเป็นรายการปิดท้ายยามเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมขวด Sekt ที่จำหน่ายราคามิตรภาพกับผู้เข้าชมด้วย
หลังจากได้ไปโน่นมานี่จนเพลิดเพลินไปพักหนึ่ง เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตนเอง เพ็ญระพีก็นั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่ยังไม่ได้ไตร่ตรอง นับแต่ส่งจดหมายตอบรักคุณภูพิงค์กลับไปแล้ว รายงานข่าวจากคุณดารานั่นก็แสดงว่าได้พบเขาข่าวจากเมืองนี้ก็คงแล้วแต่คนจะหมดวีซ่าจะเล่าไป สงสัยว่าทำไมยังไม่มีจดหมายจากเขา คิดว่าเขาคงไม่รีบตอบหลังจากได้ข่าวทางนี้แล้ว โอกาสติดต่อกันมีทางเดียวคือจดหมาย เพราะเขาไม่เคยให้เบอร์ให้รูปหรือเล่าอะไรให้ฟัง เพ็ญระพีก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัว เขาเคยบอกอยากได้รูปหล่อน แต่ทำไมไม่ส่งให้หล่อนก่อนล่ะ จะได้เหมือนแลกกัน จะให้หล่อนแจกรูปใครง่ายๆนั่นคงไม่ใช่วิธีของหล่อน บางคนชอบอวดอ้างหลักฐานเป็นรูปก็คงต้องเป็นไปตามนั้น มีรุ่นพี่ไปเรียนที่ Berlin ก็ส่งรูปมาให้ เขายังส่งมาให้หล่อนได้ ทั้งๆที่เขียนจดหมายแค่ตอบไปหนเดียวเท่านั้น
กับคุณภูพิงค์อย่าได้คิดเกินเลยจาก Penfriend ดังที่หล่อนเคยสรุปไว้ ส่วนความในใจก็ถือเป็นความคิดส่วนบุคคลที่จะรัก โกรธ เกลียด หรือเพ้อเจ้อไปฝ่ายเดียวก็ย่อมได้ เวลาจะบ่งบอกความจริง แม้กับบางคนต้องใช้เวลานานสักหน่อย
ปัญหาต่อมาคือต้องคิดว่าหลังจากฝึกงานครบปีแล้วจะเอายังไงต่อ จะรอโชคชะตาไม่ได้ เพราะเอกสารต้องเดินเรื่องเอง มิใช่ซื้อหวยหรือเข้าบ่อนเสี่ยงโชค
เมื่อไม่รู้จะระบายกับใครก็เลยต้องมาพูดกับอนาวิลที่ตอนนี้ดูจะห่างกันไป เพราะด้วยพี่วิทย์กลับมาแล้ว เมื่อมีโอกาสตอนที่พี่วิทย์ไปติดต่อทำธุระ เพ็ญระพีจึงได้เดินมาที่ห้องอนาวิลในตอนบ่าย เมื่อเคาะประตู รอสักพักใหญ่จึงรู้ว่าเขาอยู่มาเปิดประตูด้วยหน้าตาเหมือนเพิ่งตื่นนอน
"นอนอยู่หรือคะ ขอโทษ งั้นค่ำๆเพ็ญมาใหม่ค่ะ " หล่อนรีบกล่าวและหันตัวกลับทันที
" เดี๋ยว เดี๋ยว ผมเผลองีบไป ว่าจะต้องออกไปซื้อของตอนบ่ายนี้ด้วย" เขารีบบอกหล่อนอย่างเร็ว
" เพ็ญขอเวลาแป๊บเดียวค่ะ แล้วคุณค่อยไปซื้อของ" เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ให้หล่อนเข้ามา
" นั่งก่อนครับมีอะไรหรือ" เขาถามพร้อมนั่งลงที่โซฟาด้วย
" คือพี่วิทย์บอกว่าจะกลับเมืองไทย ทีนี้ใกล้จะครบกำหนดฝึกงานหนึ่งปีของเพ็ญแล้ว จำได้ไหมคะ "
" จำได้ครับ ก็ให้พี่วิทย์กลับไป พอใกล้จะครบกำหนดคุณเพ็ญก็หาโรงเรียนหรือหาที่ฝึกงานใหม่" เขาพูดแบบรู้วิธี
" อ้าว แล้วเพ็ญจะอยู่ยังไงล่ะ แล้วเรื่องฝึกงานหรือเรียน เพ็ญก็ชักไม่อยากเรียนแล้ว กลับไปทำงานกับพี่วิทย์ดีกว่า" หล่อนบอกตามความคิด
" คุณเพ็ญเบื่อที่นี่แล้วเหรอ ยังมีเวลาอีกกี่เดือนละนี่ " อนาวิลนั่งคำนวนเวลา
" เพ็ญมาอยู่จะครบปีแล้ว เว้นไปสองเดือนก็จะครบฝึกงานค่ะ"
" เอาละ ไปถามพี่วิทย์นะครับว่าเพ็ญจะอยู่ต่อ กลับไปทีหลัง กลับวันไหนก็ได้ ถ้าอยากกลับ หรือยังไม่อยากกลับก็หาที่ฝึกงานใหม่"
" ที่ฝึกงานจะหาได้อีกหรือคะถ้าได้ฝึกครบปีไปแล้ว " หล่อนกังขาในข้อนี้
" กฏทุกกฏมีข้อยกเว้น ว่าเราไม่ชอบงานแขนงที่ฝึกก็ขอแขนงอื่น นับหนึ่งใหม่น่าจะได้นะครับ ต้องลองไปถามคุณเก่งอีกที"
หล่อนถอนหายใจ นิ่งเงียบไป ก่อนจะถามอย่างทำทีไม่สนใจนักว่า
"ของคุณมีกำหนดกลับหลังพี่วิทย์นานเท่าใดคะ"
" ผมเหลืออีกสองเทอมแต่อาจจะอยู่ทำงานหาเงินสักพักค่อยกลับ " เขามองหน้าหล่อนแบบสงสัยที่หล่อนถาม ทั้งๆที่ไม่เคยพูดถึงกันเลย
" เพ็ญว่าอย่างที่คุณบอกถ้าหาที่ฝึกงานได้เพ็ญก็อยากอยู่หาเงินเหมือนกันค่ะ เมืองไทยกลับเมื่อไรก็ได้"
" ดีแล้วครับ ลองพูดกับพี่วิทย์ดูอีกทีนะครับ" เขาเห็นด้วยเรื่องทำงานหาเงิน เพราะรายได้หล่อนก็ดีมากๆ
" งั้นเพ็ญไปละ ขอบคุณนะ โล่งอกไปอีกอย่าง " หล่อนกล่าวขึ้นมา
" ผมไม่เห็นคุณเพ็ญจะต้องมีเรื่องหนักอกอะไรเลยนะครับ ไม่ว่าเรื่องไหน" เขาพูดเหมือนสัพยอกหล่อน
" อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ " หล่อนยิ้มเต็มที่ด้วยหล่อนก็หวังเต็มเปี่ยมเช่นกัน
" ไปซื้อของกับผมไหมครับ " เขาชวนขึ้นมาดื้อๆ
" เดี๋ยวอยู่รอพี่วิทย์อาจจะซื้ออะไรมากินด้วยแล้วค่ะ เพ็ญไปก่อนนะคะ" หล่อนลุกขึ้น ทำให้อนาวิลต้องลุกตาม นี่เขาก็ยังไม่มีโอกาสพูดบอกอะไรกับหล่อนทั้งนั้น พอดีพี่วิทย์กลับมาเลยต้องห่างกันไปอีกแล้ว แต่เขาก็เดินมาปิดประตูเมื่อหล่อนก้าวเท้าออกจากห้องไป
เพ็ญระพีเดินกลับอย่างโล่งใจต่างกับขาไปเลย นี่หล่อนต้องวิ่งวุ่นให้คนอื่นช่วยกันกว่าจะผ่านพ้นแต่ละเรื่องมาได้ก็ทำเอากังวลไปนานจนกว่าเรื่องจะผ่านไป นึกๆดูแล้ว คุณภูพิงค์ไม่เคยได้มีส่วนช่วยในการอยู่ที่นี่ของหล่อนเลย ทั้งๆที่การอยู่ของหล่อนก็เพื่อเขาทั้งนั้น เมื่อความห่างเหินแทรกเข้ามาดูว่าจะนำเอาความผิดของเขาลอยเด่นชัดขึ้นมาด้วย ไม่ผิดกันหรอกภูพิงค์ เพ็ญก็เขลาไปกับคุณด้วย....
เมื่อวิทยาได้รับใบจบการศึกษาแล้วก็จะกำหนดวันเดินทาง เมื่อได้ไถ่ถามเพ็ญระพีว่า
" ว่าอย่างไรเรื่องจะได้ต่อวีซ่าไหม"
" เพ็ญว่าจะกลับวันไหนก็ได้ ถ้าวีซ่าหมด แต่ว่าถ้าต่อวีซ่าโดยการฝึกงานใหม่ก็อยากจะอยู่ต่อค่ะ " หล่อนตอบตามที่รู้มา
" อยู่ได้เรอะคนเดียว " พี่วิทยาซาวเสียงดู
" เพ็ญอาจจะไม่คล่องเรื่องเดินทาง แต่เพ็ญก็คิดว่าเอาตัวรอดได้ เพราะก็เคยทำงานมาแล้วไม่ใช่เด็กนักเรียนจริง"
" แล้วคิดว่าถ้าย้ายที่ฝึกงาน อาจจะไม่สบายอย่างที่นี่ เราจะไหวมั้ย "
" ไม่ไหวก็กลับ ตามที่บอก แต่อยากได้เงินๆดีที่นี่"
"ก็ตามใจ ทำอะไรก็คิดให้ดีๆ อายุมากขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว " ท้ายนี้เหมือนพี่วิทย์เทศน์ซะมากกว่า
" พี่ว่าย้ายมาอยู่ห้องพี่นี่ดีกว่านะ คนแถวนี้ดี แล้วเขาก็รู้จักเราแล้วด้วย" เขาแนะ
" ค่ะ " หล่อนรับปาก เป็นอันว่าในสองเดือนข้างหน้าไม่มีพี่วิทย์อยู่ด้วย และเป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือกลับบ้าน ซึ่งหล่อนรู้ดีว่า หล่อนเหมือนส่งพี่วิทย์ไปขัดดอกนายเยอรมันไว้แล้ว
พี่วิทย์จัดการธุระจนเสร็จหมด รวมทั้งบอกขายรถโฟล์คสวาเก้นคันเก่า แค่ติดป้ายจอดที่หอพักนี่ก็มีคนมาเขียนชื่อและเบอร์ให้โทรกลับ รถราคาถูกไม่ถึงห้าร้อยมาร์คก็ถูกขายต่อในเร็ววัน ด้วยพี่วิทย์ดูแลรักษาอย่างดี และเป็นรถคู่บ้านคู่เมืองชาวเยอรมันเลย