[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สวัสดีค่ะ ใช้เวลากับการปรับปรุงคำ ด้วยเรื่องนี้เขียนไว้กว่า 2 ปีแล้วค่ะ อยากวางในโอกาสครบ 5 ปีที่เริ่มวางนิยายมาค่ะ เรื่องนี้สาวๆควรได้อ่านเกี่ยวกับการลงทุนทุกอย่างย่อมมีต้นทุน ถ้าลงถูกคนถูกเวลาก็ย่อมคุ้มทุน ต้นทุนของความรักของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนลงทุนด้วยชีวิต ซึ่งไม่น่าจะต้องถึงขนาดนั้น ความรักเป็นแค่อารมณ์ของมนุษย์ตราบใดที่กามเทพยังไม่แผลงศรก็ต้องมีสติ แต่โดนศรแล้วก็ยากจะเปลี่ยนชะตากรรมละค่ะ ความรักที่ดีคือความสุขค่ะ ... 'พลอยแดง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรก
https://m.ppantip.com/topic/40069642?
" คุณวิทยาอยู่ไหม เอ้อ..."
" อ๋อ อยู่ค่ะ เดี๋ยวนะคะ" หล่อนหันกลับเข้าไป ผ่านส่วนแรกของห้องมีที่ประตูผนังอีกชั้น สามารถปิดช่องทางผ่านด้วยม่าน ส่วนหน้าแคบๆจะมีอ่างล้างหน้าซีกหนึ่ง อีกซีกเป็นตู้ใส่เสื้อผ้าและช่องชั้นใส่ของ
เมื่อหล่อนมาเรียกพี่ชาย พี่ก็ออกมาคุยหน้าห้อง ได้ยินแว่วๆว่ามาชวนไปดูการแข่งฟุตบอลของนักเรียนไทยที่นี่
เมื่อเขาไปแล้ว จึงรู้ว่าเขาอยู่หอพักเดียวกันนี้ แต่คนละตึก
วันต่อมาจึงได้มาชมการแข่งขันฟุตบอลของนักเรียนไทยต่างเมืองที่มาร่วมเตะบอลกัน ซึ่งผู้ชมเป็นผู้หญิงนับคนได้ ทั้งฝรั่งที่ตามแฟนมาเชียร์ด้วย
สายวันหนึ่งพี่ชายรับโทรศัพท์รวมที่ดังหน้าห้องครัว ที่อยู่ตรงข้ามห้อง และเข้ามาเรียกหล่อนให้รับโทรศัพท์ พร้อมพูดว่า อย่าคุยนานนักเปลืองเงิน
ทำให้นึกได้ว่าน่าจะเป็นคนที่หล่อนส่งจดหมายไปเมื่อมาถึงได้สองวัน และจดหมายนั้นต่างแตกแผกไปจากฉบับอื่นๆ เพราะฉบับนี้เขียนจากเยอรมันถึงคนในเยอรมัน
จดหมายฉบับนี้อยากจะตั้งชื่อว่า จดหมายวัดใจ..
แน่นอนที่ใจหล่อนเต้นระรัวกับการรับโทรศัพท์ครั้งนี้ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรบ้าง
เมื่อเดินมาจับโทรศัพท์ที่วางอยู่ สูดหายใจหนึ่งหนลึกๆก่อนจะกรอกเสียงพูดว่า
" สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีฮะ" เสียงฝ่ายโน้นตอบมา
"........ ต้องหยุดฟังใจตนเองเต้นแรง
" เพ็ญมาเที่ยวจริงๆเหรอ กลับเมื่อไร" ในจดหมายเขียนบอกสั้นๆว่าลาพักร้อนมาเยี่ยมพี่ชาย และให้เบอร์ติดต่อไป ถ้าเขาพอมีเวลาว่าง
นั่นก็เพียงพอแล้วว่าเขาจะสนใจโทรมาไหม
" เพ็ญลางานสองเดือนค่ะ"
"ได้รับจดหมายแล้วแปลกใจมาก อย่าถามเลยว่าทำไมแปลกใจ แล้วจะไปเที่ยวไหนบ้างล่ะ"
" ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าจะไปอังกฤษก่อน ไปงานชุมนุมนักเรียนไทยในอังกฤษ วันศุกร์นี้ค่ะ" ก็อีกสองวันข้างหน้านี้
"ไปอย่างไรฮะ "
"บินกันไปทั้งหมดสี่คน พี่วิทย์และผู้ชายอีกสองคนค่ะ"
"ดีนะ ได้ไปอังกฤษ กลับเมื่อไรฮะ"
" ไปเข้าค่ายกับเขาทั้งสามสัปดาห์ แล้วคงจะกลับค่ะ"
"อยากให้ทำอะไรก็บอกมาแล้วกันนะ ขอให้เที่ยวให้สนุกฮะ"
"ขอบคุณค่ะ แค่นี้นะคะ" เพราะคำพูดพี่ที่บอกว่าอย่าโทรนานเชียวที่ทำให้ต้องเป็นฝ่ายจบการพูด แค่เขาโทรมา แค่นี้ก็ยินดีเป็นนักหนาแล้ว
เพราะสิ่งที่ได้ทำไว้กับเขา มันคงเกินที่จะให้อภัยจริงๆ
เมื่อแขวนโทรศัพท์เข้าที่แล้วเดินเลยไปห้องน้ำ นั่งสงบสติอยู่พักใหญ่ จึงเดินกลับมาที่ห้อง
ภูพิงค์ค่อยๆแขวนโทรศัพท์ลง ในใจนึกทบทวนไปถึงคนพูดปลายสาย พลางเดินกลับเข้าห้องพักของตนเอง ทิ้งตัวลงนอนกับที่นอน แสงสว่างที่สาดเข้ามาเพียงอ่อนๆ ทำให้เห็นจมูกโด่งทำให้ดวงหน้าราวกับแขกขาว หรือพวกอารยันที่มาอาศัยอยู่เอเชียใต้ มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีแทน การอยู่เมืองหนาวหลายปีช่วยทำให้ผิวสีอ่อนกว่าอยู่เมืองไทยขึ้นมาบ้าง แต่นั่นก็มิได้ทำให้สาวฝรั่งอดที่จะชื่นชมเสมอ
ภูพิงค์หลับตาลงถอนใจเบาๆ รอยแผลใจที่พยายามสมานด้วยเวลาจนเกือบจะดีแล้วเชียว สะเก็ดแผลกลับมาถูกเปิดอ้าในนาทีแรกทีเห็นลายมือจ่าหน้าบนจดหมายที่ไม่ได้มีริ้วแถบเมล์อากาศดังเช่นเคย หรือว่าฝากใครมาส่งในเมื่อประทับตราในประเทศนี้
เมื่อได้เปิดอ่านก็ยิ่งทำให้เกิดความประหลาดใจเป็นเท่าทวีคูณ หล่อนมาเยอรมัน อ่านสองสามเที่ยวแล้วได้ใจความว่า มาเยี่ยมพี่ชาย และสิ่งที่ตามติดมาด้วยคือเบอร์โทร เขาควรหรือไม่ควรโทรนะ เมื่อหนึ่งวันกับหนึ่งคืนผ่านไป เขาจึงได้ตัดสินใจโทร พร้อมที่จะรับฟังว่าหล่อนจะมีอะไรมาบอกกับเขาอีก...
เขายังจำความรู้สึกของการรับฟังคำบอกเล่าครั้งสุดท้ายที่เขากลับเมืองไทย นั่นทำให้เขาต้องพากายใจที่บอบช้ำนั่งนับชั่วโมงบนเครื่องบินด้วยการทบทวนเรื่องราวย้ำคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่ได้หลับนอนและทานอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องเลย
การบินกลับไทยเที่ยวนั้น จิตใจขาไปกับขากลับต่างกันเหมือนไปจากสวรรค์กลับทางนรกก็ไม่ปาน...
เช้านี้คนสามคนมีสองพี่น้องและคุณอนาวิล ที่เมื่อวานได้ไปทำวีซ่าที่เมืองถัดไป ได้ทำความรู้จักกับคุณวินตามพี่วิทย์เรียก ส่วนคุณธวัชผู้ร่วมทางอีกคนไปนัดพบกันที่แอร์พอร์ทห่างจากที่นี่ไป 40 กมได้ เมื่อไปรับตั๋วเพราะจองแบบสายฟ้าแลบแล้วก็ได้ขึ้นเครื่องซึ่งใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Heathrow ของลอนดอน ได้ขึ้นแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่เอิร์ลคอร์ท ไปกดกริ่งเรียกก็มีคนไทยออกมารับและพาไปนั่งเรือชมแม่น้ำเทมส์ในตอนบ่ายเป็นการเปิดหูเปิดตาครั้งแรก สนุกสนานด้วยมุขตลกของคุณธวัชที่ตัวโตกว่าใครและเป็นคนมีเสน่ห์สมชายทีเดียว
คืนนั้นพวกจากเยอรมันแยกย้ายกันไปนอนห้องนอนของนักเรียนไทยที่สละห้องให้ เพื่อเช้าจะได้ออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานชุมนุมหน้าร้อนของสยามสมาคม ซึ่งจัดที่โรงเรียนประจำเหนือลอนดอนขึ้นไปนั่งรถโคชราวสามชั่วโมง
ที่นั่นก็ได้พบกับพวกนักเรียนไทยในอังกฤษมากมาย ทั้งชายหญิงและมีผู้ใหญ่ในวงการศึกษาไทยที่นี่มาร่วมงานด้วย
หลังจากแนะนำตัวพวกมาจากเยอรมันแล้ว ต่างก็แยกกันไปนอนหอหญิงและชาย หล่อนได้ห้องรวมกับนักศึกษาเลขานุการิณีจากเมืองแฟรงฟิลด์ เมื่อชำระเนื้อตัวแล้ว ก็ออกมาทานอาหารเย็นร่วมกัน โต๊ะที่ทานอาหารเป็นโต๊ะยาวนั่งได้ราวยี่สิบคนสองด้าน ทุกคนต่างจับคู่คุยกัน หล่อนมองไม่เห็นพวกพี่วิทย์แล้วจนกระทั่งได้เวลาเดินกลับไปนอนเรือนนอน
ก่อนนอนหล่อนนึกถึงการเดินทางมายุโรปเที่ยวนี้ ซึ่งในความหมายคือมาเยี่ยมพี่ทั้งๆที่พี่ไม่ได้เป็นอะไรจนต้องมาเยี่ยม หากแต่ความรู้สึกมันอยากจะมา มาเยอรมันสักหน แม้คำพูดของใครคนหนึ่งเคยกล่าวว่า เมื่อไรเราจะได้พบกันสักครั้งในเยอรมัน? ยังจำได้แม้ว่าคนพูดอาจจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ก็ละนะ คนพูดมิใช่คนที่รับฟัง ที่อาจจะบันทึกคำพูดแต่ละคำเรื่องที่เล่าบอกในจดหมายตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นั่นสินะเราจะได้พบกันสักครั้งหนึ่งไหมในเยอรมัน คนมาตั้งไกล....
เช้าแรกของวันมีการปฐมนิเทศน์สมาชิกมาพร้อมกันหมดแล้ว มีการปิดประกาศตารางทำกิจกรรมทั้งวัน เริ่มจากการเตะบอลซึ่งถือเป็นหัวใจของงาน มีวิ่งกระสอบด้วย ส่วนทุกกลางคืนจะมีวงแบนด์มาแสดงให้ความสนุกสนาน จนถึงวันสุดท้ายมีการถ่ายรูปพาโนรามาร่วมกันทุกคนแต่งชุดสูท สาวๆสวยงาม มีsitdown dinner และการแสดงของนักเรียนไทยในอังกฤษด้วย ถือเป็นวันสำคัญที่จะได้ทานอาหารไทยคอร์สใหญ่ ส่วนอาหารสำหรับทุกวันเป็นข้าวและกับข้าวไทยต่างๆ อาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์
ขณะทานอาหารเช้า หล่อนนั่งคุยกับเพื่อนๆ สักพักก็เห็นคุณวินเดินตรงมาคิดว่าจะมาบอกอะไร เขากลับขอนั่งด้วย
" เชิญค่ะ คุณอ้อยขยับหน่อยนะคะ คุณอนาวิลค่ะ" เพ็ญบอกคุณอ้อยหันไปยิ้มให้ สาวๆอื่นถัดไปหันมามอง
"นักเรียนเยอรมันนี่หล่อทุกคนเลยไหมคะ " คุณอ้อยแย็ปด้วยคำพูดกับคุณวิน
" ถ้าคุณได้ไปเยอรมันนะครับ เลือกเอาได้เลยคนไหน เพราะที่นั่นหาผู้หญิงยาก ผิดกับที่นี่ครับ" คุณวินตอบอย่างยิ้มแย้ม
" หลังงานเลิกคุณก็ต้องเชิญพวกเราแล้วหละ ปิดซัมเมอร์ยังไม่รู้จะไปไหนเลยค่ะ"
" ยินดีครับ ติดต่อผ่านคุณเพ็ญเลยนะครับ" อ้อยหันมามองหล่อนๆก็เลยยิ้มให้ พร้อมนึกในใจว่า มานั่งก้นยังไม่ทันร้อน ก็มีสาวสนใจแล้วนะคุณวิน
พวกสาวๆจับกลุ่มได้ห้าคนมีหล่อนร่วมอยู่ด้วย ไปไหนก็เดินตามกันเป็นพรวน ซึ่งพี่วิทย์เห็นน้องได้พวกแล้วก็ไปลุยกับคุณธวัช เพราะพี่วิทย์ไม่ช่างพูดอาศัยร่วมวงสนุกไปด้วย
หลังรับอาหารเย็นที่เดินรับแจกแล้วก็นำมานั่งทานที่โต๊ะ ซึ่งสนทนาปราศัยกันจนทุกคนแปลกใจว่าหล่อนเพิ่งมาจากเมืองไทย ติดทีมเยอรมันมาด้วย
มีคนหนึ่งชื่ออ๋อมที่หล่อนรู้สึกถูกชะตามากซึ่งต่อมาก็ยังได้คบกัน ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกันโดยมิได้นึกมาก่อนอีกมากมาย
ดนตรีเริ่มบรรเลงแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งมาจากเมืองไทยรู้สึกว่า พวกเขาเต้นรำกันเก่งจังและบางคู่ก็แนบชิดสนิทมากๆด้วย เมื่อทุกคนสนใจฟังเพลงและเต้นรำ หล่อนก็เลี่ยงออกไปจากห้องโถงนั้น เดินลัดเลาะชายคาไปมองแสงจันทร์ส่องจางๆ แสงไฟทางเดินเจิดจ้ากว่า ด้วยอยากมีเวลาเดินชมต้นไม้และอยากคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ได้กำหนดทำไป ว่ามันควรจะเป็นไปต่ออย่างไร กลับจากงานชุมนุมนี้แล้ว จะไปเที่ยวไหน แล้วจะหาโอกาสนัดกับคุณภูพิงค์ได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือ มีสิทธิ์เขียนจดหมายไป เพราะสิทธิ์น่าจะยังคงอยู่ สามสัปดาห์นานเกินไปถ้าไม่ติดต่อไป คิดได้ดังนี้แล้วควรไปสอบถามหาที่เขียนและส่งจดหมายดีกว่า อย่างน้อยฉบับนี้ก็เขียนจากอังกฤษส่งไปเยอรมัน...
คืนหนึ่งขณะที่หล่อนเดินกลับเรือนนอนหอหญิง เพราะรู้สึกง่วง คนอื่นยังสนุกเฮฮาอยู่ เมื่อเดินออกจากอาคารไปตามทางเดินที่มีแสงไฟส่องสว่าง รู้สึกได้ว่ามีคนเดินตัดสนามหญ้ามาทางทิศนี้ เมื่อเข้ามาใกล้ก็รู้ว่าเป็นคุณอนาวิล แปลกใจ ที่เห็นเขาในตอนนี้
"กลับไปนอนแล้วเหรอ" เสียงเขาทอดยาว
" ค่ะ ไม่ได้เต้นรำนั่งนานๆก็ง่วงค่ะ"
"เห็นเดินคนเดียว มาส่งได้ใช่ไหมครับ"
หล่อนหัวเราะเบาๆ "มาแล้วนี่คะ"
"งานสนุกไหมครับ ได้เพื่อนบ้างไหม"
"คงได้น้อยกว่าคุณละค่ะ" หล่อนตอบอย่างมั่นใจ
" ก็ไม่แน่หรอกครับ งานยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ"
แน่ะ ว่าไปนั่น หล่อนหัวเราะคำพูดเขา
เขาเดินขึ้นมาระดับเดียวกับหล่อน แต่ไม่ได้พูดอะไร เท้าที่ทอดพร้อมกันท่ามกลางแสงไฟส่องสว่างมีเงาทาบทางเดินนั้น
" ถึงแล้ว นอนฝันดีนะครับ" เขาพูดเมื่อถึง ดวงตามองสู้แสงไฟที่แยงตาพอดี
"ค่ะ เช่นกันค่ะ ขอบคุณนะคะ" หล่อนตอบด้วยมารยาท
เขายืนยิ้ม แต่ยังไม่หันกลับไป หล่อนเดินหน้าต่อ เกือบเข้าชายคาหอก็หันไปมอง เห็นเขายังยืนอยู่เช่นเดิม จึงตรงกลับเข้าอาคารแล้วไขกุญแจเข้าห้อง
เมื่อแปรงฟันเสร็จก็เหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว คนที่เยอรมันคงหลับไปแล้ว แต่คนที่มาส่งคงจะกลับไปนอนฟุ้งซ่านในพฤติกรรมของตนเองแน่ๆเลย สาวอังกฤษตั้งแยะ ไม่ไปดูแล หรือว่ามันไกลกันเกินไป กว่าจะหลับตาลงได้สมองก็ตื้อเพราะสับสนในพฤติกรรมคนพวกเดียวกัน
(มีต่อ)
💖💕💘💋หักศรกามเทพ.. 2💋💖💕💘
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
" คุณวิทยาอยู่ไหม เอ้อ..."
" อ๋อ อยู่ค่ะ เดี๋ยวนะคะ" หล่อนหันกลับเข้าไป ผ่านส่วนแรกของห้องมีที่ประตูผนังอีกชั้น สามารถปิดช่องทางผ่านด้วยม่าน ส่วนหน้าแคบๆจะมีอ่างล้างหน้าซีกหนึ่ง อีกซีกเป็นตู้ใส่เสื้อผ้าและช่องชั้นใส่ของ
เมื่อหล่อนมาเรียกพี่ชาย พี่ก็ออกมาคุยหน้าห้อง ได้ยินแว่วๆว่ามาชวนไปดูการแข่งฟุตบอลของนักเรียนไทยที่นี่
เมื่อเขาไปแล้ว จึงรู้ว่าเขาอยู่หอพักเดียวกันนี้ แต่คนละตึก
วันต่อมาจึงได้มาชมการแข่งขันฟุตบอลของนักเรียนไทยต่างเมืองที่มาร่วมเตะบอลกัน ซึ่งผู้ชมเป็นผู้หญิงนับคนได้ ทั้งฝรั่งที่ตามแฟนมาเชียร์ด้วย
สายวันหนึ่งพี่ชายรับโทรศัพท์รวมที่ดังหน้าห้องครัว ที่อยู่ตรงข้ามห้อง และเข้ามาเรียกหล่อนให้รับโทรศัพท์ พร้อมพูดว่า อย่าคุยนานนักเปลืองเงิน
ทำให้นึกได้ว่าน่าจะเป็นคนที่หล่อนส่งจดหมายไปเมื่อมาถึงได้สองวัน และจดหมายนั้นต่างแตกแผกไปจากฉบับอื่นๆ เพราะฉบับนี้เขียนจากเยอรมันถึงคนในเยอรมัน
จดหมายฉบับนี้อยากจะตั้งชื่อว่า จดหมายวัดใจ..
แน่นอนที่ใจหล่อนเต้นระรัวกับการรับโทรศัพท์ครั้งนี้ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรบ้าง
เมื่อเดินมาจับโทรศัพท์ที่วางอยู่ สูดหายใจหนึ่งหนลึกๆก่อนจะกรอกเสียงพูดว่า
" สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีฮะ" เสียงฝ่ายโน้นตอบมา
"........ ต้องหยุดฟังใจตนเองเต้นแรง
" เพ็ญมาเที่ยวจริงๆเหรอ กลับเมื่อไร" ในจดหมายเขียนบอกสั้นๆว่าลาพักร้อนมาเยี่ยมพี่ชาย และให้เบอร์ติดต่อไป ถ้าเขาพอมีเวลาว่าง
นั่นก็เพียงพอแล้วว่าเขาจะสนใจโทรมาไหม
" เพ็ญลางานสองเดือนค่ะ"
"ได้รับจดหมายแล้วแปลกใจมาก อย่าถามเลยว่าทำไมแปลกใจ แล้วจะไปเที่ยวไหนบ้างล่ะ"
" ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าจะไปอังกฤษก่อน ไปงานชุมนุมนักเรียนไทยในอังกฤษ วันศุกร์นี้ค่ะ" ก็อีกสองวันข้างหน้านี้
"ไปอย่างไรฮะ "
"บินกันไปทั้งหมดสี่คน พี่วิทย์และผู้ชายอีกสองคนค่ะ"
"ดีนะ ได้ไปอังกฤษ กลับเมื่อไรฮะ"
" ไปเข้าค่ายกับเขาทั้งสามสัปดาห์ แล้วคงจะกลับค่ะ"
"อยากให้ทำอะไรก็บอกมาแล้วกันนะ ขอให้เที่ยวให้สนุกฮะ"
"ขอบคุณค่ะ แค่นี้นะคะ" เพราะคำพูดพี่ที่บอกว่าอย่าโทรนานเชียวที่ทำให้ต้องเป็นฝ่ายจบการพูด แค่เขาโทรมา แค่นี้ก็ยินดีเป็นนักหนาแล้ว
เพราะสิ่งที่ได้ทำไว้กับเขา มันคงเกินที่จะให้อภัยจริงๆ
เมื่อแขวนโทรศัพท์เข้าที่แล้วเดินเลยไปห้องน้ำ นั่งสงบสติอยู่พักใหญ่ จึงเดินกลับมาที่ห้อง
ภูพิงค์ค่อยๆแขวนโทรศัพท์ลง ในใจนึกทบทวนไปถึงคนพูดปลายสาย พลางเดินกลับเข้าห้องพักของตนเอง ทิ้งตัวลงนอนกับที่นอน แสงสว่างที่สาดเข้ามาเพียงอ่อนๆ ทำให้เห็นจมูกโด่งทำให้ดวงหน้าราวกับแขกขาว หรือพวกอารยันที่มาอาศัยอยู่เอเชียใต้ มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีแทน การอยู่เมืองหนาวหลายปีช่วยทำให้ผิวสีอ่อนกว่าอยู่เมืองไทยขึ้นมาบ้าง แต่นั่นก็มิได้ทำให้สาวฝรั่งอดที่จะชื่นชมเสมอ
ภูพิงค์หลับตาลงถอนใจเบาๆ รอยแผลใจที่พยายามสมานด้วยเวลาจนเกือบจะดีแล้วเชียว สะเก็ดแผลกลับมาถูกเปิดอ้าในนาทีแรกทีเห็นลายมือจ่าหน้าบนจดหมายที่ไม่ได้มีริ้วแถบเมล์อากาศดังเช่นเคย หรือว่าฝากใครมาส่งในเมื่อประทับตราในประเทศนี้
เมื่อได้เปิดอ่านก็ยิ่งทำให้เกิดความประหลาดใจเป็นเท่าทวีคูณ หล่อนมาเยอรมัน อ่านสองสามเที่ยวแล้วได้ใจความว่า มาเยี่ยมพี่ชาย และสิ่งที่ตามติดมาด้วยคือเบอร์โทร เขาควรหรือไม่ควรโทรนะ เมื่อหนึ่งวันกับหนึ่งคืนผ่านไป เขาจึงได้ตัดสินใจโทร พร้อมที่จะรับฟังว่าหล่อนจะมีอะไรมาบอกกับเขาอีก...
เขายังจำความรู้สึกของการรับฟังคำบอกเล่าครั้งสุดท้ายที่เขากลับเมืองไทย นั่นทำให้เขาต้องพากายใจที่บอบช้ำนั่งนับชั่วโมงบนเครื่องบินด้วยการทบทวนเรื่องราวย้ำคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่ได้หลับนอนและทานอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องเลย
การบินกลับไทยเที่ยวนั้น จิตใจขาไปกับขากลับต่างกันเหมือนไปจากสวรรค์กลับทางนรกก็ไม่ปาน...
เช้านี้คนสามคนมีสองพี่น้องและคุณอนาวิล ที่เมื่อวานได้ไปทำวีซ่าที่เมืองถัดไป ได้ทำความรู้จักกับคุณวินตามพี่วิทย์เรียก ส่วนคุณธวัชผู้ร่วมทางอีกคนไปนัดพบกันที่แอร์พอร์ทห่างจากที่นี่ไป 40 กมได้ เมื่อไปรับตั๋วเพราะจองแบบสายฟ้าแลบแล้วก็ได้ขึ้นเครื่องซึ่งใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Heathrow ของลอนดอน ได้ขึ้นแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่เอิร์ลคอร์ท ไปกดกริ่งเรียกก็มีคนไทยออกมารับและพาไปนั่งเรือชมแม่น้ำเทมส์ในตอนบ่ายเป็นการเปิดหูเปิดตาครั้งแรก สนุกสนานด้วยมุขตลกของคุณธวัชที่ตัวโตกว่าใครและเป็นคนมีเสน่ห์สมชายทีเดียว
คืนนั้นพวกจากเยอรมันแยกย้ายกันไปนอนห้องนอนของนักเรียนไทยที่สละห้องให้ เพื่อเช้าจะได้ออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานชุมนุมหน้าร้อนของสยามสมาคม ซึ่งจัดที่โรงเรียนประจำเหนือลอนดอนขึ้นไปนั่งรถโคชราวสามชั่วโมง
ที่นั่นก็ได้พบกับพวกนักเรียนไทยในอังกฤษมากมาย ทั้งชายหญิงและมีผู้ใหญ่ในวงการศึกษาไทยที่นี่มาร่วมงานด้วย
หลังจากแนะนำตัวพวกมาจากเยอรมันแล้ว ต่างก็แยกกันไปนอนหอหญิงและชาย หล่อนได้ห้องรวมกับนักศึกษาเลขานุการิณีจากเมืองแฟรงฟิลด์ เมื่อชำระเนื้อตัวแล้ว ก็ออกมาทานอาหารเย็นร่วมกัน โต๊ะที่ทานอาหารเป็นโต๊ะยาวนั่งได้ราวยี่สิบคนสองด้าน ทุกคนต่างจับคู่คุยกัน หล่อนมองไม่เห็นพวกพี่วิทย์แล้วจนกระทั่งได้เวลาเดินกลับไปนอนเรือนนอน
ก่อนนอนหล่อนนึกถึงการเดินทางมายุโรปเที่ยวนี้ ซึ่งในความหมายคือมาเยี่ยมพี่ทั้งๆที่พี่ไม่ได้เป็นอะไรจนต้องมาเยี่ยม หากแต่ความรู้สึกมันอยากจะมา มาเยอรมันสักหน แม้คำพูดของใครคนหนึ่งเคยกล่าวว่า เมื่อไรเราจะได้พบกันสักครั้งในเยอรมัน? ยังจำได้แม้ว่าคนพูดอาจจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ก็ละนะ คนพูดมิใช่คนที่รับฟัง ที่อาจจะบันทึกคำพูดแต่ละคำเรื่องที่เล่าบอกในจดหมายตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นั่นสินะเราจะได้พบกันสักครั้งหนึ่งไหมในเยอรมัน คนมาตั้งไกล....
เช้าแรกของวันมีการปฐมนิเทศน์สมาชิกมาพร้อมกันหมดแล้ว มีการปิดประกาศตารางทำกิจกรรมทั้งวัน เริ่มจากการเตะบอลซึ่งถือเป็นหัวใจของงาน มีวิ่งกระสอบด้วย ส่วนทุกกลางคืนจะมีวงแบนด์มาแสดงให้ความสนุกสนาน จนถึงวันสุดท้ายมีการถ่ายรูปพาโนรามาร่วมกันทุกคนแต่งชุดสูท สาวๆสวยงาม มีsitdown dinner และการแสดงของนักเรียนไทยในอังกฤษด้วย ถือเป็นวันสำคัญที่จะได้ทานอาหารไทยคอร์สใหญ่ ส่วนอาหารสำหรับทุกวันเป็นข้าวและกับข้าวไทยต่างๆ อาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์
ขณะทานอาหารเช้า หล่อนนั่งคุยกับเพื่อนๆ สักพักก็เห็นคุณวินเดินตรงมาคิดว่าจะมาบอกอะไร เขากลับขอนั่งด้วย
" เชิญค่ะ คุณอ้อยขยับหน่อยนะคะ คุณอนาวิลค่ะ" เพ็ญบอกคุณอ้อยหันไปยิ้มให้ สาวๆอื่นถัดไปหันมามอง
"นักเรียนเยอรมันนี่หล่อทุกคนเลยไหมคะ " คุณอ้อยแย็ปด้วยคำพูดกับคุณวิน
" ถ้าคุณได้ไปเยอรมันนะครับ เลือกเอาได้เลยคนไหน เพราะที่นั่นหาผู้หญิงยาก ผิดกับที่นี่ครับ" คุณวินตอบอย่างยิ้มแย้ม
" หลังงานเลิกคุณก็ต้องเชิญพวกเราแล้วหละ ปิดซัมเมอร์ยังไม่รู้จะไปไหนเลยค่ะ"
" ยินดีครับ ติดต่อผ่านคุณเพ็ญเลยนะครับ" อ้อยหันมามองหล่อนๆก็เลยยิ้มให้ พร้อมนึกในใจว่า มานั่งก้นยังไม่ทันร้อน ก็มีสาวสนใจแล้วนะคุณวิน
พวกสาวๆจับกลุ่มได้ห้าคนมีหล่อนร่วมอยู่ด้วย ไปไหนก็เดินตามกันเป็นพรวน ซึ่งพี่วิทย์เห็นน้องได้พวกแล้วก็ไปลุยกับคุณธวัช เพราะพี่วิทย์ไม่ช่างพูดอาศัยร่วมวงสนุกไปด้วย
หลังรับอาหารเย็นที่เดินรับแจกแล้วก็นำมานั่งทานที่โต๊ะ ซึ่งสนทนาปราศัยกันจนทุกคนแปลกใจว่าหล่อนเพิ่งมาจากเมืองไทย ติดทีมเยอรมันมาด้วย
มีคนหนึ่งชื่ออ๋อมที่หล่อนรู้สึกถูกชะตามากซึ่งต่อมาก็ยังได้คบกัน ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกันโดยมิได้นึกมาก่อนอีกมากมาย
ดนตรีเริ่มบรรเลงแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งมาจากเมืองไทยรู้สึกว่า พวกเขาเต้นรำกันเก่งจังและบางคู่ก็แนบชิดสนิทมากๆด้วย เมื่อทุกคนสนใจฟังเพลงและเต้นรำ หล่อนก็เลี่ยงออกไปจากห้องโถงนั้น เดินลัดเลาะชายคาไปมองแสงจันทร์ส่องจางๆ แสงไฟทางเดินเจิดจ้ากว่า ด้วยอยากมีเวลาเดินชมต้นไม้และอยากคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ได้กำหนดทำไป ว่ามันควรจะเป็นไปต่ออย่างไร กลับจากงานชุมนุมนี้แล้ว จะไปเที่ยวไหน แล้วจะหาโอกาสนัดกับคุณภูพิงค์ได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือ มีสิทธิ์เขียนจดหมายไป เพราะสิทธิ์น่าจะยังคงอยู่ สามสัปดาห์นานเกินไปถ้าไม่ติดต่อไป คิดได้ดังนี้แล้วควรไปสอบถามหาที่เขียนและส่งจดหมายดีกว่า อย่างน้อยฉบับนี้ก็เขียนจากอังกฤษส่งไปเยอรมัน...
คืนหนึ่งขณะที่หล่อนเดินกลับเรือนนอนหอหญิง เพราะรู้สึกง่วง คนอื่นยังสนุกเฮฮาอยู่ เมื่อเดินออกจากอาคารไปตามทางเดินที่มีแสงไฟส่องสว่าง รู้สึกได้ว่ามีคนเดินตัดสนามหญ้ามาทางทิศนี้ เมื่อเข้ามาใกล้ก็รู้ว่าเป็นคุณอนาวิล แปลกใจ ที่เห็นเขาในตอนนี้
"กลับไปนอนแล้วเหรอ" เสียงเขาทอดยาว
" ค่ะ ไม่ได้เต้นรำนั่งนานๆก็ง่วงค่ะ"
"เห็นเดินคนเดียว มาส่งได้ใช่ไหมครับ"
หล่อนหัวเราะเบาๆ "มาแล้วนี่คะ"
"งานสนุกไหมครับ ได้เพื่อนบ้างไหม"
"คงได้น้อยกว่าคุณละค่ะ" หล่อนตอบอย่างมั่นใจ
" ก็ไม่แน่หรอกครับ งานยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ"
แน่ะ ว่าไปนั่น หล่อนหัวเราะคำพูดเขา
เขาเดินขึ้นมาระดับเดียวกับหล่อน แต่ไม่ได้พูดอะไร เท้าที่ทอดพร้อมกันท่ามกลางแสงไฟส่องสว่างมีเงาทาบทางเดินนั้น
" ถึงแล้ว นอนฝันดีนะครับ" เขาพูดเมื่อถึง ดวงตามองสู้แสงไฟที่แยงตาพอดี
"ค่ะ เช่นกันค่ะ ขอบคุณนะคะ" หล่อนตอบด้วยมารยาท
เขายืนยิ้ม แต่ยังไม่หันกลับไป หล่อนเดินหน้าต่อ เกือบเข้าชายคาหอก็หันไปมอง เห็นเขายังยืนอยู่เช่นเดิม จึงตรงกลับเข้าอาคารแล้วไขกุญแจเข้าห้อง
เมื่อแปรงฟันเสร็จก็เหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว คนที่เยอรมันคงหลับไปแล้ว แต่คนที่มาส่งคงจะกลับไปนอนฟุ้งซ่านในพฤติกรรมของตนเองแน่ๆเลย สาวอังกฤษตั้งแยะ ไม่ไปดูแล หรือว่ามันไกลกันเกินไป กว่าจะหลับตาลงได้สมองก็ตื้อเพราะสับสนในพฤติกรรมคนพวกเดียวกัน
(มีต่อ)