[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สวัสดีค่ะ นิยายตอนนี้อาจจะวางคลาดเคลื่อน จะพยายามทำให้สี่วันพบกันครั้งหนึ่ง เผื่อใครคิดถึง ภูพิงค์- เพ็ญระพี หรืออาจคิดถึงผู้เขียนรวมๆกันไปก็ย่อมได้ นิยายเรื่องนี้ภาษาไทยแตกฉานขึ้นจึงมีบทบรรยายเป็นส่วนมาก ผิดกับเรื่องก่อน ที่บทพูดจะแยะมากทีเดียว ก็พยายามทำให้ลึกซึ้งด้วยตัวละครน้อยกว่าเรื่องที่แล้วค่ะ ขอบคุณท่านผู้ติดตามอ่านนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่แล้ว... https://ppantip.com/topic/40069642
https://ppantip.com/topic/40078551
https://ppantip.com/topic/40088519
บทที่ 4
อนาวิลเช็ดถ้วยชามด้วยผ้าที่เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ล้างและนำเข้าใส่ในตู้ใต้ที่ล้างจาน เมื่อได้เช็ดโต๊ะอาหารแล้วทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เพื่อนคนสุดท้าย
มีรถจึงขับกลับไปภายหลังได้
เขาได้รับคำขอบคุณจากเพื่อนๆโดยเฉพาะคุณพิษณุเจ้าของงาน ในความเรียบร้อยของงานเขาก็มีแก่ใจนึกว่าแขกคนหนึ่งไม่ค่อยสนุก เขาอยากจะชวนหล่อนคุยหารือให้บริการเล็กๆน้อยๆกับหล่อน หากแต่พี่ชายของหล่อนหรือเพื่อนๆจะรู้สึกได้ เขาจึงต้องเฉยเสียและรู้สึกใจหายเมื่อหล่อนลากลับไปก่อนพี่ชายซึ่งยังดื่มเบียร์เฮฮาอยู่จนงานเลิกรา เนื่องว่าการได้เห็นดวงหน้าขาวนวลผ่องใสเป็นใยนั้นทำให้เขารู้สึกว่าดี.. หล่อนยังไม่สนิทสนมกับใคร และคงไม่ได้ชายตาให้ใครทั้งนั้น แม้จะมีหนุ่มบางคนลอบสบตาหล่อนอยู่ ราวกับว่าหล่อนจะถือตัวอยู่ไม่น้อย เพิ่งมีความรู้สึกว่าแปลกที่มันมีอะไรก็ไม่รู้ดึงดูดให้เขาสนใจหล่อน นับได้ตั้งแต่วันที่เขาได้ปล่อยไก่ทักทายด้วยคิดว่าพี่ชายหล่อนมีเพื่อนชาวเอเชียมาอยู่ในห้องในวันแรกที่พบกัน เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสทำธุระเรื่องการขออยู่ที่นี่ให้หล่อน เขาตั้งใจเป็นหนักหนาว่าจะพยายามจนถึงที่สุด เพื่อความสุขความรื่นรมย์ที่อาจจะบังเกิดขึ้นในความเหงาของหนุ่มฉกรรจ์อย่างเขา
และก่อนที่ใครๆจักเข้ามาใกล้ชิดหล่อน เขาคงต้องเร่งรีบเป็นคนเริ่มแรกที่คนอื่นน่าจะมองเห็นได้ ในกรณีที่เกิดพึงพอใจ ความรักมันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนกัน เขาไม่ยอมเป็นผู้ที่ใกล้เกลือกินด่างหรอกนะ เขาบอกกับตนเองอย่างหมายมั่น
ภูพิงค์หยิบจดหมายฉบับนั้นด้วยความโล่งใจและดีใจตามติดกันมา เขากลับจากทำงานแล้วรีบซื้ออาหารสำหรับมื้อเย็น เนื่องจากไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหารเอง เขาซื้อ Sauerbraten และ Kartoffelsalat มา เนื้อวัวอบในน้ำขลุกขลิกสีลูกเกดแสนอร่อยแต่ราคาก็แพงไปด้วย ส่วนสลัดมันฝรั่งสามารถหาซื้อได้ในราคาไม่แพงนัก เขาเอาอาหารใส่ไว้ในตู้เย็นในครัวก่อนที่จะเดินไปไขประตูห้อง สอดลูกกุญแจถูกๆผิดๆเหมือนกับในหนังที่เขาดูว่าชายสูงอายุเชิญสาวมาที่บ้าน ด้วยความตื่นเต้นสอดลูกกุญแจไม่เข้ารู จนต้องเขินพูดออกตัวว่า ผมคงต้องไขกุญแจจนถึงเช้าแน่
เมื่อถอดแจ๊คเก็ตออกแขวนแล้วก็ล้างมือที่อ่างเล็กที่มุมห้องก่อนจะทรุดตัวลงเก้าอี้ใกล้ช่องหน้าต่างที่มีม่านปิดอยู่ เขาชักเชือกม่านรูดไปด้านหนึ่ง จับจดหมายพลิกดูชื่อผู้ส่งทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว หากแต่ราวกับต้องการการยืนยันความเป็นหล่อนอีกครั้งหนึ่ง เปิดจดหมายลายมือที่เขียนอักษรความว่า
เพ็ญไม่ได้รีบตอบจดหมายดังเคย เพราะเพ็ญไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน วันนี้มีเลี้ยงกันที่หอก็ได้ไปร่วมด้วย ชีวิตคนไทยที่นี่เรียบง่ายดี ส่วนที่ทำให้มีเรื่องได้เขียนจดหมายนี้ก็คือ เพ็ญได้ฟังเพลงที่ห้องของคนหอคนหนึ่ง มันนำให้เพ็ญอดจะนึกถึงคุณภูไม่ได้ เพราะมีเพลงที่คุณภูเคยให้แผ่นเพ็ญมา จำได้ไหมคะ Till we meet again ไงคะ ถึงแม้จะได้ฟังรอบเดียวเพ็ญก็จำเนื้อได้หมดแล้ว อดไม่ได้ค่ะที่จะบอกมา แผ่นเสียงนั้นยังเก็บไว้อยู่ เสียงเพลงเคยเพราะพริ้งอย่างไรก็คงเพราะพริ้งอย่างนั้น หากแต่ว่าผู้ฟังๆแบบปัจจุบันที่เพลงยังให้ความหมายอยู่ หรือเป็นเพลงที่ผ่านพ้นไปแล้ว เพ็ญก็อยากรู้และอยากจะถามว่าเพลงนี้Update สำหรับเราหรือไม่คะ?
ตอนนี้ก็อยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงกำหนดกลับ ในช่วงเวลาที่รอ รอหลายอย่าง เคยรออย่างไรก็ยังต้องรออย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถบันดาลให้สิ่งที่รอเป็นจริงได้ เหมือนเคยบอกมาแล้วนะคะว่า ไม่รู้ว่ารออะไรในจดหมายฉบับที่เป็นปัญหา คำตอบเหมือนบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นคือผลที่ทำให้เกิดเหตุตามมาอีกหลายอย่าง ดังที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เพ็ญคิดว่าอะไรก็ตามมันมีช่วงเวลาของมัน เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานั้นแล้วก็ยากจะหมุนคืนเวลากลับมาได้ เพ็ญคงอยู่ในระหว่างช่วงที่กำลังจะผลัดเปลี่ยนเวลา ซึ่งเวลาส่วนที่เหลือนี้จะมีคุณค่าแก่การรั้งไว้ของใครไหม มันคงเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นไป ทำให้เพ็ญนึกไปถึงเพลงหนึ่ง River of no return เพ็ญเคยชอบเพราะดี หากแต่ตอนนี้นึกได้ว่าความหมายก็ดีด้วย
เพ็ญไม่ใช่คนแก่ที่ต้องมานึกถึงแต่ความหลัง หากแต่ว่าเพ็ญไม่มีความ (ก้าว)หน้าต่างหาก เพ็ญคงจมอยู่กับความหลังเพียงผู้เดียวในระยะนี้ และเชื่อว่าเพ็ญคงจะมีโอกาสใดๆบ้างสำหรับอนาคตของเพ็ญไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน มันคงแล้วแต่ Schicksal (ชะตากรรม)ของเพ็ญเพียงผู้เดียว?
ภูพิงค์อ่านจดหมายจบรอบแรกรู้สึกหนักและหน่วงบริเวณต้นคอจนต้องเอามือลูบไปมาอย่างแรง เมื่อค่อยๆอ่านอีกรอบก็ตระหนักได้ว่าเขาเจอคำถามฉกรรจ์ที่ว่า เพลงTill we meet again นั้น update ไหม เขารู้ว่าถ้ามันไม่ตกหล่นจากเวลาไป เขาก็คงต้องได้พบกับหล่อนใช่ไหม แต่นี่..
เขานึกไปถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ได้ประสบมา เขาเหมือนคนที่เพาะกล้าต้นไม้จนเติบโตสะพรั่ง แล้ววันหนึ่งก็ได้รู้ว่าสื่งที่เขาใช้เวลาฟูมฟักมาแสนนาน ต้องไปอยู่ในมือผู้อื่น คิดในแนวไหนก็มีแต่ความล้มเหลว เขาจะตอบได้อย่างไรว่าแก้วมันแตกไปแล้ว มันคงยากที่จะคืนดีได้ แต่นี่หล่อนเป็นคนและยังพยายามใช้สิทธิ์มาทวงถามทั้งๆที่ได้สละสิทธิ์ไปแล้ว
เขาจะลบเลือนความเศร้าเสียใจได้ในเร็ววันขนาดนี้เชียวหรือ ในเมื่อไม่สามารถดลบันดาลอะไรได้ เขาก็ขอให้เป็นไปตามชะตากรรมดั่งหล่อนว่า เขาไม่คิดว่าหล่อนจะมีความสุขเมื่อเขียนจดหมายนี้ หล่อนต้องคิดถึงเขาแม้หล่อนจะไปไหนมาไหนสักกี่ร้อยพันไมล์แล้วก็ตาม..
ภูพิงค์รู้ตัวเองว่าเขารู้สึกห่วงใยหล่อน และใจที่เคยแข็งแกร่งเพราะเจ็บปวดก็อ่อนยวบลง หลังจากอ่านจดหมายครั้งสุดท้ายไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไร
หรือว่าเราพร้อมที่จะอกหักเป็นครั้งที่สอง กับคนๆเดียว เขาเฝ้าถามตนเอง....
เหล่าชายหนุ่มในเมืองนี้ก็เริ่มคึกคักอีกหน เมื่อได้รับแจ้งจากคุณธวัชที่เป็นหัวเรือใหญ่ผู้ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับสามัคคีสมาคมในอังกฤษ ได้มาติดต่อคุณอนาวิลให้จัดการเรื่องต้อนรับ รวมทั้งการค้างคืนที่อาจจะยืมห้องว่างชาวหอเปลี่ยนสับที่นอนกัน เพราะมีบางคนไม่ได้อยู่ห้องหากแต่ไปพักที่อื่น
เนื่องจากเป็นวันหยุดเรียนหน้าร้อน เมื่อรวมทั้งจดหมายสาวที่ติดต่อผ่านมาทางคุณวิทยาด้วย ปรากฎว่ามีสามสายที่จะมาหรือผ่านมาที่เมืองนี้
สายแรกมุ่งตรงมาที่คุณธวัชซึ่งพักอยู่ห่างหอพักออกไปทางชานเมืองอีกด้านหนึ่ง สายที่มาตรงสู่คุณวิทยาเป็นสองสาวพี่น้อง ส่วนอีกสายหนึ่งจะมาตั้งต้นที่ Hannover และเดินสายลงใต้ผ่านเมืองนี้ก่อนไป München นับว่าสายนี้เที่ยวได้คุ้มกับการมาทีเดียว
เมื่อถึงวันที่จะได้เห็นหน้าตาสาวไทยจากอังกฤษ พี่วิทย์จำต้องไปขอห้องเพื่อนเยอรมันข้างห้อง นาม Peter ว่าพี่วิทย์จำเป็นต้องย้ายที่นอนมาเพื่อให้ห้องว่าง ส่วนเจ้าของห้องกลับไปบ้านนอกเมืองนี้ แขกของพี่วิทย์ได้ที่พักอย่างง่ายดาย
ส่วนแขกคนอื่นพี่วิทย์บอกว่าแล้วแต่ว่าเจ้าภาพจะจัดการอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือศูนย์รวมพักและอาหารการกินจะอยู่ที่นี่ พวกที่ไม่ได้อยู่หอพักนี้ หากแต่อยู่กระจัดกระจายกันออกไปนับรวมวันก่อนได้สิบสี่คนทั้งหมดนั้นจะได้ถือโอกาสมาทานอาหารที่นี่ ถ้าวันใดที่สาวๆจะมาพัก ซึ่งทางคุณอนาวิลจะเป็นศูนย์รวมข่าว
สองสาวแรกที่มาถึงหอพักโดยพี่วิทย์ไปรับที่สนามบินใกล้เมืองนั้นเป็นสาวผิวเข้มสองพี่น้อง ผู้พี่ชื่อเกดทำงานพยาบาล ส่วนน้องชื่อเก๋เรียนเลขานุการิณี การได้มีโอกาสมาเยือนประเทศใกล้เคียงถือว่าเป็นกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง ในเมื่อมีผู้รับรองแล้ว ไม่ควรจะทิ้งโอกาสดีนี้เสีย
วันต่อมาคุณธวัชก็พาสองสาวเพื่อนกัน ร่างเล็กทั้งคู่ คนหนึ่งดูเป็นคนทันสมัยมาก ชื่อบัว และอีกคนชื่อนกดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่กว่าบัวหน่อยหนึ่ง
อาหารมื้อเย็นมื้อแรกที่ชาวเมืองไทยนี้ได้รับเชิญมาก็พร้อมที่จะสนุก บางคนมาดมั่นในการจีบเอาเทียว ซึ่งผู้นั้นมักจะเป็นผู้อาวุโสหน่อย เขาอยู่ในมาดขรึมตามสายตาของเพ็ญระพี คนหนึ่งคนใดในสองคนของกรุ๊ปที่มาต่างก็ Available หนึ่งคน ฉะนั้นในสี่สาวนี้จะมีโอกาสจีบได้สองสาว
วันแรกสาวสองคู่ก็ยังเกาะกันแจ ทั้งๆที่พวกหนุ่มอยากให้แยกกันเสียบ้าง สักพักใหญ่ความคุ้นเคยก็เริ่มขึ้น คุณธวัชจะเป็นผู้เล่าความเชยของแต่ละคนตอนที่มาเยอรมันใหม่ๆ นำมาเล่าด้วยความสนุกสนานใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าอับอาย ฝ่ายสาวอังกฤษก็เลยนำมุกความเชยที่โน่นมาเล่าตอบได้สนุกสนานไม่แพ้กันเลย
สองสาวบัวกับนกที่คุณธวัชพามาแล้วก็พากลับไปตอนดึกหลังทานอาหารเสร็จแล้วหนุ่มๆก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ส่วนแขกของพี่วิทย์ก็เดินตามก้นพี่วิทย์และเพ็ญระพีกลับมานอนที่ห้องของพี่วิทย์ คืนนี้ห้องได้มีโอกาสรับสามสาวซึ่งรวมทั้งเพ็ญระพีด้วย Schlafsack ถุงนอนสองถุงได้นำมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
สองวันผ่านไปเก๋และเกดจะต้องเดินทางไปมิวนิคเนื่องด้วยหล่อนได้นัดกับหนุ่มทางใต้คนหนึ่งที่เชิญมา หลังจากนั้นจะกลับมาที่นี่อีกหนก่อนบินกลับ
พี่วิทย์ได้ไปส่งหล่อนทั้งสองที่สถานีรถไฟในเมือง ได้สอนการดู Gleis ชานชาลา เวลาออกและถึงที่หมายของรถไฟให้สองพี่น้องด้วย
เมื่อแขกจากไป พี่วิทย์ได้พูดว่าดีเหมือนกัน เราจะได้พักบ้าง
วันต่อมาหลังจากเก๋และเกดไปแล้ว คุณธวัชได้พานกและบัวมาที่หออีกหน แต่บัวรู้สึกไม่สบายจึงได้พามาหาเพ็ญระพีที่ห้อง เมื่อซักถามกันแล้วก็น่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา แอสไพรินได้ถูกยื่นให้บัวดื่มกับน้ำ
สักพักก็มีเสียงเคาะประตูคุณเก่งมาพร้อมกับแอนนี่ภรรยา เมื่อเห็นมีแขกอยู่เต็มห้องจึงเรียกเพ็ญระพีไปคุยที่ห้องทานอาหาร คุณเก่งบอกว่าสงสัยต้องไปสมัครเกอเธ่เรียนภาษาเพื่อถ่วงเวลาทำเรื่องอื่น ตอนนี้ก็รอใบเอกสารที่เมืองไทยจะส่งมาถึง ซี่งเพ็ญระพีก็ตอบไม่ได้ว่าจะมาถึงวันไหน ได้แต่บอกกับคุณเก่งว่า แล้วจะรีบบอกเมื่อได้รับเอกสาร
เมื่อได้พูดธุระกันเสร็จแล้วคุณเก่งกับภรรยาก็ลาจากไป แต่ทิ้งความกังวลใจให้เพ็ญระพีเป็นอย่างมากในเรื่องต้องเข้าเรียนเกอเธ่นั้นหล่อนรู้ว่าแพงและที่ทำให้กังวลหนักยิ่งขึ้นคือต้องไปเรียนที่เมืองใกล้ๆนี้ เพราะเกอเธ่อยู่ในชนบทไม่ใช่ในเมืองใหญ่ แล้วหล่อนจะทำอย่างไร..
หลังจากเลี้ยงอาหารที่จัดในห้องใต้ดิน (Keller) ที่หอของคุณอนาวิลแล้ว ความวุ่นวายก็จางหายไป หากแต่เขาอยากให้เลี้ยงทุกวันก็น่าจะดี เพราะทุกคนจะมารวมกันหมายถึงเพ็ญระพีด้วย การลอบมองแอบสังเกตหล่อนโดยขณะที่ทุกคนสนใจกับแขกสาวๆ ทำให้เขาไม่ต้องระมัดระวังอาการมากนัก
ครบห้าวันที่เก๋และเกดไปมิวนิคก็ได้กลับมาพร้อมทั้งรูปถ่ายคนที่ต้อนรับทางโน้น เมื่อมีเวลาก่อนไปทานอาหารเย็นนอกหอ ที่พี่วิทย์จะพาไปเลี้ยงที่ Wienerwald ร้านอาหารมีไก่ย่างเป็นตัวชูโรง ก็เปิดรูปที่ถ่ายดู เพ็ญระพีก็เย็นกายวาบ ในรูปนั่นมีคุณภูพิงค์นั่งยิ้มรวมกลุ่มอยู่ด้วย...
( มีต่อ )
✉🌍❄️หักศรกามเทพ..4 🌨💖✉
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 4
อนาวิลเช็ดถ้วยชามด้วยผ้าที่เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ล้างและนำเข้าใส่ในตู้ใต้ที่ล้างจาน เมื่อได้เช็ดโต๊ะอาหารแล้วทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เพื่อนคนสุดท้าย
มีรถจึงขับกลับไปภายหลังได้
เขาได้รับคำขอบคุณจากเพื่อนๆโดยเฉพาะคุณพิษณุเจ้าของงาน ในความเรียบร้อยของงานเขาก็มีแก่ใจนึกว่าแขกคนหนึ่งไม่ค่อยสนุก เขาอยากจะชวนหล่อนคุยหารือให้บริการเล็กๆน้อยๆกับหล่อน หากแต่พี่ชายของหล่อนหรือเพื่อนๆจะรู้สึกได้ เขาจึงต้องเฉยเสียและรู้สึกใจหายเมื่อหล่อนลากลับไปก่อนพี่ชายซึ่งยังดื่มเบียร์เฮฮาอยู่จนงานเลิกรา เนื่องว่าการได้เห็นดวงหน้าขาวนวลผ่องใสเป็นใยนั้นทำให้เขารู้สึกว่าดี.. หล่อนยังไม่สนิทสนมกับใคร และคงไม่ได้ชายตาให้ใครทั้งนั้น แม้จะมีหนุ่มบางคนลอบสบตาหล่อนอยู่ ราวกับว่าหล่อนจะถือตัวอยู่ไม่น้อย เพิ่งมีความรู้สึกว่าแปลกที่มันมีอะไรก็ไม่รู้ดึงดูดให้เขาสนใจหล่อน นับได้ตั้งแต่วันที่เขาได้ปล่อยไก่ทักทายด้วยคิดว่าพี่ชายหล่อนมีเพื่อนชาวเอเชียมาอยู่ในห้องในวันแรกที่พบกัน เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสทำธุระเรื่องการขออยู่ที่นี่ให้หล่อน เขาตั้งใจเป็นหนักหนาว่าจะพยายามจนถึงที่สุด เพื่อความสุขความรื่นรมย์ที่อาจจะบังเกิดขึ้นในความเหงาของหนุ่มฉกรรจ์อย่างเขา
และก่อนที่ใครๆจักเข้ามาใกล้ชิดหล่อน เขาคงต้องเร่งรีบเป็นคนเริ่มแรกที่คนอื่นน่าจะมองเห็นได้ ในกรณีที่เกิดพึงพอใจ ความรักมันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนกัน เขาไม่ยอมเป็นผู้ที่ใกล้เกลือกินด่างหรอกนะ เขาบอกกับตนเองอย่างหมายมั่น
ภูพิงค์หยิบจดหมายฉบับนั้นด้วยความโล่งใจและดีใจตามติดกันมา เขากลับจากทำงานแล้วรีบซื้ออาหารสำหรับมื้อเย็น เนื่องจากไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหารเอง เขาซื้อ Sauerbraten และ Kartoffelsalat มา เนื้อวัวอบในน้ำขลุกขลิกสีลูกเกดแสนอร่อยแต่ราคาก็แพงไปด้วย ส่วนสลัดมันฝรั่งสามารถหาซื้อได้ในราคาไม่แพงนัก เขาเอาอาหารใส่ไว้ในตู้เย็นในครัวก่อนที่จะเดินไปไขประตูห้อง สอดลูกกุญแจถูกๆผิดๆเหมือนกับในหนังที่เขาดูว่าชายสูงอายุเชิญสาวมาที่บ้าน ด้วยความตื่นเต้นสอดลูกกุญแจไม่เข้ารู จนต้องเขินพูดออกตัวว่า ผมคงต้องไขกุญแจจนถึงเช้าแน่
เมื่อถอดแจ๊คเก็ตออกแขวนแล้วก็ล้างมือที่อ่างเล็กที่มุมห้องก่อนจะทรุดตัวลงเก้าอี้ใกล้ช่องหน้าต่างที่มีม่านปิดอยู่ เขาชักเชือกม่านรูดไปด้านหนึ่ง จับจดหมายพลิกดูชื่อผู้ส่งทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว หากแต่ราวกับต้องการการยืนยันความเป็นหล่อนอีกครั้งหนึ่ง เปิดจดหมายลายมือที่เขียนอักษรความว่า
เพ็ญไม่ได้รีบตอบจดหมายดังเคย เพราะเพ็ญไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน วันนี้มีเลี้ยงกันที่หอก็ได้ไปร่วมด้วย ชีวิตคนไทยที่นี่เรียบง่ายดี ส่วนที่ทำให้มีเรื่องได้เขียนจดหมายนี้ก็คือ เพ็ญได้ฟังเพลงที่ห้องของคนหอคนหนึ่ง มันนำให้เพ็ญอดจะนึกถึงคุณภูไม่ได้ เพราะมีเพลงที่คุณภูเคยให้แผ่นเพ็ญมา จำได้ไหมคะ Till we meet again ไงคะ ถึงแม้จะได้ฟังรอบเดียวเพ็ญก็จำเนื้อได้หมดแล้ว อดไม่ได้ค่ะที่จะบอกมา แผ่นเสียงนั้นยังเก็บไว้อยู่ เสียงเพลงเคยเพราะพริ้งอย่างไรก็คงเพราะพริ้งอย่างนั้น หากแต่ว่าผู้ฟังๆแบบปัจจุบันที่เพลงยังให้ความหมายอยู่ หรือเป็นเพลงที่ผ่านพ้นไปแล้ว เพ็ญก็อยากรู้และอยากจะถามว่าเพลงนี้Update สำหรับเราหรือไม่คะ?
ตอนนี้ก็อยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงกำหนดกลับ ในช่วงเวลาที่รอ รอหลายอย่าง เคยรออย่างไรก็ยังต้องรออย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถบันดาลให้สิ่งที่รอเป็นจริงได้ เหมือนเคยบอกมาแล้วนะคะว่า ไม่รู้ว่ารออะไรในจดหมายฉบับที่เป็นปัญหา คำตอบเหมือนบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นคือผลที่ทำให้เกิดเหตุตามมาอีกหลายอย่าง ดังที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เพ็ญคิดว่าอะไรก็ตามมันมีช่วงเวลาของมัน เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานั้นแล้วก็ยากจะหมุนคืนเวลากลับมาได้ เพ็ญคงอยู่ในระหว่างช่วงที่กำลังจะผลัดเปลี่ยนเวลา ซึ่งเวลาส่วนที่เหลือนี้จะมีคุณค่าแก่การรั้งไว้ของใครไหม มันคงเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นไป ทำให้เพ็ญนึกไปถึงเพลงหนึ่ง River of no return เพ็ญเคยชอบเพราะดี หากแต่ตอนนี้นึกได้ว่าความหมายก็ดีด้วย
เพ็ญไม่ใช่คนแก่ที่ต้องมานึกถึงแต่ความหลัง หากแต่ว่าเพ็ญไม่มีความ (ก้าว)หน้าต่างหาก เพ็ญคงจมอยู่กับความหลังเพียงผู้เดียวในระยะนี้ และเชื่อว่าเพ็ญคงจะมีโอกาสใดๆบ้างสำหรับอนาคตของเพ็ญไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน มันคงแล้วแต่ Schicksal (ชะตากรรม)ของเพ็ญเพียงผู้เดียว?
ภูพิงค์อ่านจดหมายจบรอบแรกรู้สึกหนักและหน่วงบริเวณต้นคอจนต้องเอามือลูบไปมาอย่างแรง เมื่อค่อยๆอ่านอีกรอบก็ตระหนักได้ว่าเขาเจอคำถามฉกรรจ์ที่ว่า เพลงTill we meet again นั้น update ไหม เขารู้ว่าถ้ามันไม่ตกหล่นจากเวลาไป เขาก็คงต้องได้พบกับหล่อนใช่ไหม แต่นี่..
เขานึกไปถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ได้ประสบมา เขาเหมือนคนที่เพาะกล้าต้นไม้จนเติบโตสะพรั่ง แล้ววันหนึ่งก็ได้รู้ว่าสื่งที่เขาใช้เวลาฟูมฟักมาแสนนาน ต้องไปอยู่ในมือผู้อื่น คิดในแนวไหนก็มีแต่ความล้มเหลว เขาจะตอบได้อย่างไรว่าแก้วมันแตกไปแล้ว มันคงยากที่จะคืนดีได้ แต่นี่หล่อนเป็นคนและยังพยายามใช้สิทธิ์มาทวงถามทั้งๆที่ได้สละสิทธิ์ไปแล้ว
เขาจะลบเลือนความเศร้าเสียใจได้ในเร็ววันขนาดนี้เชียวหรือ ในเมื่อไม่สามารถดลบันดาลอะไรได้ เขาก็ขอให้เป็นไปตามชะตากรรมดั่งหล่อนว่า เขาไม่คิดว่าหล่อนจะมีความสุขเมื่อเขียนจดหมายนี้ หล่อนต้องคิดถึงเขาแม้หล่อนจะไปไหนมาไหนสักกี่ร้อยพันไมล์แล้วก็ตาม..
ภูพิงค์รู้ตัวเองว่าเขารู้สึกห่วงใยหล่อน และใจที่เคยแข็งแกร่งเพราะเจ็บปวดก็อ่อนยวบลง หลังจากอ่านจดหมายครั้งสุดท้ายไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไร
หรือว่าเราพร้อมที่จะอกหักเป็นครั้งที่สอง กับคนๆเดียว เขาเฝ้าถามตนเอง....
เหล่าชายหนุ่มในเมืองนี้ก็เริ่มคึกคักอีกหน เมื่อได้รับแจ้งจากคุณธวัชที่เป็นหัวเรือใหญ่ผู้ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับสามัคคีสมาคมในอังกฤษ ได้มาติดต่อคุณอนาวิลให้จัดการเรื่องต้อนรับ รวมทั้งการค้างคืนที่อาจจะยืมห้องว่างชาวหอเปลี่ยนสับที่นอนกัน เพราะมีบางคนไม่ได้อยู่ห้องหากแต่ไปพักที่อื่น
เนื่องจากเป็นวันหยุดเรียนหน้าร้อน เมื่อรวมทั้งจดหมายสาวที่ติดต่อผ่านมาทางคุณวิทยาด้วย ปรากฎว่ามีสามสายที่จะมาหรือผ่านมาที่เมืองนี้
สายแรกมุ่งตรงมาที่คุณธวัชซึ่งพักอยู่ห่างหอพักออกไปทางชานเมืองอีกด้านหนึ่ง สายที่มาตรงสู่คุณวิทยาเป็นสองสาวพี่น้อง ส่วนอีกสายหนึ่งจะมาตั้งต้นที่ Hannover และเดินสายลงใต้ผ่านเมืองนี้ก่อนไป München นับว่าสายนี้เที่ยวได้คุ้มกับการมาทีเดียว
เมื่อถึงวันที่จะได้เห็นหน้าตาสาวไทยจากอังกฤษ พี่วิทย์จำต้องไปขอห้องเพื่อนเยอรมันข้างห้อง นาม Peter ว่าพี่วิทย์จำเป็นต้องย้ายที่นอนมาเพื่อให้ห้องว่าง ส่วนเจ้าของห้องกลับไปบ้านนอกเมืองนี้ แขกของพี่วิทย์ได้ที่พักอย่างง่ายดาย
ส่วนแขกคนอื่นพี่วิทย์บอกว่าแล้วแต่ว่าเจ้าภาพจะจัดการอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือศูนย์รวมพักและอาหารการกินจะอยู่ที่นี่ พวกที่ไม่ได้อยู่หอพักนี้ หากแต่อยู่กระจัดกระจายกันออกไปนับรวมวันก่อนได้สิบสี่คนทั้งหมดนั้นจะได้ถือโอกาสมาทานอาหารที่นี่ ถ้าวันใดที่สาวๆจะมาพัก ซึ่งทางคุณอนาวิลจะเป็นศูนย์รวมข่าว
สองสาวแรกที่มาถึงหอพักโดยพี่วิทย์ไปรับที่สนามบินใกล้เมืองนั้นเป็นสาวผิวเข้มสองพี่น้อง ผู้พี่ชื่อเกดทำงานพยาบาล ส่วนน้องชื่อเก๋เรียนเลขานุการิณี การได้มีโอกาสมาเยือนประเทศใกล้เคียงถือว่าเป็นกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง ในเมื่อมีผู้รับรองแล้ว ไม่ควรจะทิ้งโอกาสดีนี้เสีย
วันต่อมาคุณธวัชก็พาสองสาวเพื่อนกัน ร่างเล็กทั้งคู่ คนหนึ่งดูเป็นคนทันสมัยมาก ชื่อบัว และอีกคนชื่อนกดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่กว่าบัวหน่อยหนึ่ง
อาหารมื้อเย็นมื้อแรกที่ชาวเมืองไทยนี้ได้รับเชิญมาก็พร้อมที่จะสนุก บางคนมาดมั่นในการจีบเอาเทียว ซึ่งผู้นั้นมักจะเป็นผู้อาวุโสหน่อย เขาอยู่ในมาดขรึมตามสายตาของเพ็ญระพี คนหนึ่งคนใดในสองคนของกรุ๊ปที่มาต่างก็ Available หนึ่งคน ฉะนั้นในสี่สาวนี้จะมีโอกาสจีบได้สองสาว
วันแรกสาวสองคู่ก็ยังเกาะกันแจ ทั้งๆที่พวกหนุ่มอยากให้แยกกันเสียบ้าง สักพักใหญ่ความคุ้นเคยก็เริ่มขึ้น คุณธวัชจะเป็นผู้เล่าความเชยของแต่ละคนตอนที่มาเยอรมันใหม่ๆ นำมาเล่าด้วยความสนุกสนานใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าอับอาย ฝ่ายสาวอังกฤษก็เลยนำมุกความเชยที่โน่นมาเล่าตอบได้สนุกสนานไม่แพ้กันเลย
สองสาวบัวกับนกที่คุณธวัชพามาแล้วก็พากลับไปตอนดึกหลังทานอาหารเสร็จแล้วหนุ่มๆก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ส่วนแขกของพี่วิทย์ก็เดินตามก้นพี่วิทย์และเพ็ญระพีกลับมานอนที่ห้องของพี่วิทย์ คืนนี้ห้องได้มีโอกาสรับสามสาวซึ่งรวมทั้งเพ็ญระพีด้วย Schlafsack ถุงนอนสองถุงได้นำมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
สองวันผ่านไปเก๋และเกดจะต้องเดินทางไปมิวนิคเนื่องด้วยหล่อนได้นัดกับหนุ่มทางใต้คนหนึ่งที่เชิญมา หลังจากนั้นจะกลับมาที่นี่อีกหนก่อนบินกลับ
พี่วิทย์ได้ไปส่งหล่อนทั้งสองที่สถานีรถไฟในเมือง ได้สอนการดู Gleis ชานชาลา เวลาออกและถึงที่หมายของรถไฟให้สองพี่น้องด้วย
เมื่อแขกจากไป พี่วิทย์ได้พูดว่าดีเหมือนกัน เราจะได้พักบ้าง
วันต่อมาหลังจากเก๋และเกดไปแล้ว คุณธวัชได้พานกและบัวมาที่หออีกหน แต่บัวรู้สึกไม่สบายจึงได้พามาหาเพ็ญระพีที่ห้อง เมื่อซักถามกันแล้วก็น่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา แอสไพรินได้ถูกยื่นให้บัวดื่มกับน้ำ
สักพักก็มีเสียงเคาะประตูคุณเก่งมาพร้อมกับแอนนี่ภรรยา เมื่อเห็นมีแขกอยู่เต็มห้องจึงเรียกเพ็ญระพีไปคุยที่ห้องทานอาหาร คุณเก่งบอกว่าสงสัยต้องไปสมัครเกอเธ่เรียนภาษาเพื่อถ่วงเวลาทำเรื่องอื่น ตอนนี้ก็รอใบเอกสารที่เมืองไทยจะส่งมาถึง ซี่งเพ็ญระพีก็ตอบไม่ได้ว่าจะมาถึงวันไหน ได้แต่บอกกับคุณเก่งว่า แล้วจะรีบบอกเมื่อได้รับเอกสาร
เมื่อได้พูดธุระกันเสร็จแล้วคุณเก่งกับภรรยาก็ลาจากไป แต่ทิ้งความกังวลใจให้เพ็ญระพีเป็นอย่างมากในเรื่องต้องเข้าเรียนเกอเธ่นั้นหล่อนรู้ว่าแพงและที่ทำให้กังวลหนักยิ่งขึ้นคือต้องไปเรียนที่เมืองใกล้ๆนี้ เพราะเกอเธ่อยู่ในชนบทไม่ใช่ในเมืองใหญ่ แล้วหล่อนจะทำอย่างไร..
หลังจากเลี้ยงอาหารที่จัดในห้องใต้ดิน (Keller) ที่หอของคุณอนาวิลแล้ว ความวุ่นวายก็จางหายไป หากแต่เขาอยากให้เลี้ยงทุกวันก็น่าจะดี เพราะทุกคนจะมารวมกันหมายถึงเพ็ญระพีด้วย การลอบมองแอบสังเกตหล่อนโดยขณะที่ทุกคนสนใจกับแขกสาวๆ ทำให้เขาไม่ต้องระมัดระวังอาการมากนัก
ครบห้าวันที่เก๋และเกดไปมิวนิคก็ได้กลับมาพร้อมทั้งรูปถ่ายคนที่ต้อนรับทางโน้น เมื่อมีเวลาก่อนไปทานอาหารเย็นนอกหอ ที่พี่วิทย์จะพาไปเลี้ยงที่ Wienerwald ร้านอาหารมีไก่ย่างเป็นตัวชูโรง ก็เปิดรูปที่ถ่ายดู เพ็ญระพีก็เย็นกายวาบ ในรูปนั่นมีคุณภูพิงค์นั่งยิ้มรวมกลุ่มอยู่ด้วย...
( มีต่อ )