[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สวัสดีค่ะ ' พลอยแดง' นำเรื่องราวของสาวน้อยวิ่งตามหาความรักในตอนที่น่าจะเรียกว่า ' ได้อย่าง เสียอย่าง' มาให้ได้อ่านต่อค่ะ บางตอนตามท้องเรื่องอาจวนเวียนสักหน่อย เพราะพระเอกนางเอกยังไม่ได้เจอกันเลย ส่วนตัวประกอบจำเป็นต้องมีเพื่อได้เห็นชีวิตแท้จริงของนักเรียนนอก กรุณาช่วยนึกด้วยว่าเป็นนิยาย เพราะผู้เขียนสร้างสรรได้เพียงแค่นี้ ผู้อ่านที่อาจรู้ดีกว่า แต่ท่านก็มิได้มาเขียนนะคะ ในคอนเซ็ปคือความรักเท่านั้น ส่วนจะให้เกิดในเมืองไทยก็คงเขียนสู้นักเขียนคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ ด้วยประสบการณ์ไม่มี กรุณาช่วยเข้าใจผู้เขียนด้วยค่ะ ลืมบอกว่า เชิญวิจารณ์ได้ตามอัธยาศัยนะคะ
ขอขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามนิยายย้อนยุคนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่แล้ว... https://ppantip.com/topic/40069642
https://ppantip.com/topic/40078551
https://ppantip.com/topic/40088519
https://ppantip.com/topic/40096645
บทที่ 5
เมื่อซื้อการ์ดวันเกิดมาแล้ว หล่อนก็นึกถ้อยคำที่จะเขียนเพียงสั้นๆในการ์ด นึกอยู่หลายวันจนใกล้ถึงกำหนดแล้วพลันนึกได้ว่าจำเป็นต้องเขียนจดหมายเรื่องการอยู่ต่อที่นี่ไปที่เมืองไทยด้วย หล่อนได้เอ่ยกับพี่วิทย์ในเวลาต่อมา
พี่วิทย์บอกว่าเมื่ออะไรๆดูจะเป็นจริงแล้ว เขาก็จะช่วยเขียนจดหมายไปถึงเจ้านายเยอรมันที่เมืองไทยให้ พร้อมกันนั้นสองพี่น้องต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า พี่วิทย์ควรจะแนะนำตนเองเพื่อสมัครงานด้วย อาจจะเป็นการทำแทนน้อง หรือสมัครตามที่นายฝรั่งเคยถามหล่อนถึงพี่ชายที่เรียนอยู่ที่นี่เพื่อจะเปิดโรงงานใหม่และอยากได้เอ็นจิเนียร์พูดเยอรมันได้ เมื่อเห็นพ้องกันแล้ว พี่วิทยาก็จัดการเขียน Lebenslauf ( ประวัติ) ของตนเอง จดหมายลางานหรือลาออกจากงานที่เมืองไทยของหล่อนได้ส่งไปพร้อมประวัติและการแนะนำตัวของพี่ชายในคราวเดียวกัน จดหมายสองฉบับได้ส่งที่ไปรษณีย์ ต้องชั่งด้วยมีน้ำหนักนั้น ส่งไปถึงเมืองไทยแสนไกล และเมืองใกล้ในเยอรมันที่กลับดูว่าห่างไกลสุดที่จะไปมาหากันได้เลยทีเดียว
เพ็ญระพีได้เขียนจดหมายฉบับพิเศษให้พี่วีระรับรู้ว่าได้อยู่ต่อแล้วและพี่วีระก็ต้องอธิบายให้พ่อและแม่เข้าใจด้วย ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงจัดการเรื่องราวมาตลอด สิ่งที่มีผลพลอยได้คือ พี่วิทยาอาจจะได้งานทางอากาศด้วยก็เป็นได้ หล่อนก็หวังว่าทุกอย่างคงเป็นข่าวดีจึงรีบแจ้งมาก่อน
วันครบกำหนดลางานสองเดือนกับวันทำวีซ่าก็ฉิวเฉียดกันพอดีเหมือนโชคชะตาแกล้งให้ลุ้นระทึกกับวันอันจะพลิกเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งต่อไป
เพ็ญระพีรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ปลอดโปร่งที่สุด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เมื่อวันก่อนหล่อนได้ไปสมัครเรียนภาษาที่ Volkshochschule ที่อยู่เลยจากที่นี่ไปทางใต้ไม่ไกล เป็นอาคารเล็กๆมีห้องเรียนและสนามโล่งกับที่จอดรถ หล่อนได้รับการสัมภาษณ์กับครูผู้หญิงในช่วงสั้นๆ สรุปได้ว่าหล่อนฟังออกแต่พูดไม่ค่อยถูกไวยากรณ์ จึงได้เรียนเป็นเกรดสองซึ่งน่าจะซ้ำกับที่เคยเรียนมาแล้ว หากแต่หนังสือเรียนต่างกับที่เกอเธ่ ค่าเรียนไม่แพงสำหรับชั่วโมงเรียนเวลาหกโมงถึงหนึ่งทุ่ม สัปดาห์ละสองวัน การเดินทางสะดวกเพราะจากที่ทำงานมีรถรางไปสุดสายที่นั่น หากแต่ดูว่าคุณอนาวิลยินดีมาส่งและรับในวันแรกๆที่เรียน ทำให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันทีที่เขาขันอาสา
หล่อนมิได้เฉลียวในการรุกก้าวคืบของเขาเลยแม้แต่น้อย..
ตอนนี้หล่อนก็มีเวลาว่างหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงสิ้นเดือนที่จะได้เข้าฝึกงานในโรงงานที่อยู่ใกล้กับแหล่งสรรพสินค้าในชุมชน แค่เดินด้วยเท้าก็ถึงได้ทั้งสองแห่งจากหอพักนี้
จดหมายที่ส่งทั้งทางไกลและใกล้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ในส่วนผู้รับในเยอรมัน เจ้าของห้องได้เห็นจดหมายสอดใต้ประตูห้องเข้ามา ใครคงใจดีช่วยหยิบมาให้ เพียงแค่เปิดประตูห้อง ภูพิงค์ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ มิใช่สินะ ฉงนสนเท่ห์มากกว่าที่ลายมือเป็นเพ็ญระพีด้วยรู้ดีว่าภายในซองแข็งคือการ์ดวันเกิดที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันหยุด Maria Himmelfahrt ( พระนางมารีขึ้นสู่สวรรค์ )พอดี เขาไม่ต้องไปทำงานและยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรในวันเกิดของตน รู้สึกงานเข้าเมื่อเห็นจดหมายนี้นี่เอง
ทุกวันนี้เรื่องที่เข้ามายึดสมองยามที่จะว่าง คือเรื่องราวของหล่อนที่เป็นปริศนาและสร้างความประหลาดใจไม่จบสิ้น เขาดูรอยประทับตราและที่อยู่ผู้ส่งก็มาจากที่เดิม นี่หล่อนยังไม่ได้กลับเมืองไทยหรือเลื่อนจากเดิม หรือว่าทิ้งจดหมายไว้ให้ใครช่วยมาส่งให้ในช่วงเวลานี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ
การ์ดที่เห็นเป็นภาพลูกเป็ดสีเหลืองตัวเล็กน่ารักที่กำลังกระโดดลงสระ มีฝอยน้ำกระจาย นี่หล่อนจะบอกอะไรกับเขาหรือเปล่า ทั้งที่ปกติหล่อนจะให้ภาพเป็นบูเก้ช่อดอกไม้แสนสวยอยู่เนืองๆ เขาไม่อยากคิดว่าหล่อนดีใจเมื่อได้กลับบ้าน ปีกลูกเป็ดที่ยกสูงนั้นเล่าแสดงความร่าเริงแท้ๆเทียว
นี่เขาต้องมาตีความรูปภาพไปใยกัน เขากวาดสายตาดูลายเส้นที่บรรจงเขียนมาว่า
ใจใครใจมัน.........ดูแลกันไว้
เดี๋ยวเกิดเป็นไร......จะได้บาดแผล
คนที่ทำไว้.............เขาไม่เหลียวแล
เป็นแผลกลัดหนอง..หมองอยู่คนเดียว
ถึงจะรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไร ก็ยังจำวันนี้ได้ ขอให้คุณภูมีความสุข
และอนาคตที่ก้าวไกลในวันนี้และวันหน้าตลอดไปค่ะ
เพ็ญเฟรนด์
ชื่อเน้นความหมายเสียด้วย! เพ็ญระพีหนอ หล่อนช่างมีเรื่องมากวนใจเขาอย่างมิหยุดหย่อน หล่อนอยู่ที่ไหนกันนี่...
สายวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เพ็ญระพีก็มานั่งจดรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อหามาใช้ เมื่อนึกถึงรายจ่ายเป็นตัวเงินก็ทำให้นึกไปถึงเงินส่วนที่อาจจะได้คืนจากค่าตั๋วเครื่องบิน นึกได้ดังนั้นจึงรีบเขียนจดหมายให้เพื่อนที่เป็นเลขานุการิณีของนายใหญ่ให้ช่วยจัดการให้ด้วยจดหมายพร้อมตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ในขากลับก็ถูกบรรจุซองเพื่อส่งไปรษณีย์ พี่วิทย์จึงต้องพาไปและได้เดินหาซื้อเสื้อผ้าที่จำเป็นสำหรับใส่ไปทำงานด้วย เป็นที่น่าขำว่าคนขายพาหล่อนไปแผนกเสื้อผ้าเด็ก ขนาดสามสิบหกและ สามสิบแปด พี่วิทย์บอกว่าดีแล้ว ราคาก็จะได้เด็กลงไปด้วย นอกจากนั้นรองเท้าสำหรับใส่ก็ต้องหาซื้อด้วยในคราวเดียวกัน หลายชั่วโมงที่เดินหาสิ่งของทำให้กลับถึงหอก็ค่ำมืดแล้ว แต่หล่อนหารู้ได้ไม่ว่า โทรศัพท์ที่กรีดเสียงดังบริเวณหน้าห้องไม่มีใครรับหลังจากกดกริ่งมายังห้องแล้วก็ตาม สักครู่เสียงก็เงียบหายไป
ภูพิงค์เดินกลับไปมา พื้นห้องเหมือนจะร้อนเป็นไฟ ทำให้เขาร้อนรุ่มไปหมด จากสำนวน ใจใครใจมันของหล่อน และหล่อนรู้สึกโดดเดี่ยว นี่เขาใจร้ายกับหล่อนไปหรือ จดหมายของเขาที่ส่งไปอาทิตย์ก่อนก็ไม่ได้ตอบกลับมา แต่ก็ยังมีแก่ใจส่งการ์ดวันเกิดมาให้ นี่หล่อนถูกทอดทิ้งหรือ เขาเฝ้าถามตนเอง จนอดรนทนไม่ได้ต้องโทรศัพท์ไปให้รู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน ไปไหนกันหมดจึงไม่รับสาย เขาเดินพล่านหยิบจดหมายใจความสั้นๆนั้นมาอ่านแล้วอ่านอีก เพิ่งค่อยๆได้รับรู้ว่าความหมายมันยาวเป็นร้อยเท่าทวีคูณ ทำไมเขาจะไม่รู้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเหมือนถูกหล่อนทุบด้วยคำพูด ทั้งๆที่แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยใช้คำแรงอย่างนี้มาก่อนเลย หล่อนโกรธเขาแล้วใช่ไหม เขายังมัวนั่งกังวลในความรู้สึกของหล่อนอยู่เลย และที่ตอกย้ำความรู้สึกอย่างแรงคือ เพ็ญเฟรนด์
หล่อนประชดเขาหรือเน้นความจริงว่าหล่อนเป็นดังเช่นนั้น..
โอ..ตาย.. มันมากเกินไปแล้ว คำที่หล่อนว่ามาในครั้งนี้
ในวันสุดสัปดาห์อนาวิลได้ต้อนรับแขกมาเยือนจากมึนเช่น เป็นคุณวิกรมและแฟนที่ชื่อดาราที่เก๋และเกดได้ไปพบและพักด้วย ทั้งสองขึ้นมาเพื่อจะทำพาสปอร์ตใหม่และวีซ่าด้วย จึงต้องพักแรมที่นี่ที่สะดวกและเป็นเมืองกลางประเทศ คนขึ้นเหนือล่องใต้มักจะอาศัยเป็นที่พักระหว่างทาง คุณวิกรมเคยได้พบพี่วิทยาตอนมาเตะฟุตบอลคราวงานชุมนุม ซึ่งครั้งนั้นคุณดาราไม่ได้มาร่วมงานด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต่างได้เห็นคุณดารา หล่อนดูเก๋ แต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอมที่หล่อนใช้ขจรขจายเมื่ออยู่ใกล้
เมื่อได้พบปะพูดคุยกันย่อมจะกล่าวถึงเก๋และเกด นัยว่าหนุ่มๆสนใจเป็นอย่างมาก แต่ด้วยหนทางเยอรมัน อังกฤษก็ไกล ประจวบกับทั้งสองสาวไม่ได้อยู่นานพอที่จะสานสัมพันธ์ได้ จึงได้แต่มาคุยแหย่กันเมื่อสองสาวกลับมาแล้ว เมื่อถามถึงจำนวนหนุ่มที่อยู่มึนเช่นกับจำนวนสาวๆที่นั่น คุณดาราหัวเราะบอกว่าสาวที่นั่นไม่มีว่างเลย หนุ่มต่างเมืองตามมาเฝ้าเป็นขาประจำก็หลายคู่ เมื่อถามว่าหนุ่มเมืองไหนที่สองสาวไปได้พบไหม คุณดาราตอบว่าพบซิไหนเลยจะหลุดลอดไปได้ แต่ที่น่าสนใจและพยายามอยู่ก็มีคุณภูพิงค์และเพื่อนเขาขึ้นมาจาก Konstanz
ได้ฟังเพียงแค่นี้เพ็ญระพีก็เพิ่งนึกถึงได้ว่าธุระของเขาที่ไปมึนเช่นที่บอกหล่อนนั้นคืออะไร เมื่อแยกจากพวกเขากลับมาที่ห้องแล้ว หล่อนตะโกนก้องอยู่ในใจว่า พอ...พอแล้ว...พอกันที...
คุณอนาวิลได้ให้ที่พักให้ผู้มาเยือนทำธุระจนเสร็จและลากลับไปแล้ว
เมื่อมีข่าวว่าสองสาวที่คุณธวัชพามายังไม่ได้กลับไปอังกฤษเพราะใช้เวลาที่ผ่านไปท่องเที่ยวไปทั่วเยอรมัน ดูว่าจะเป็นคนมีฐานะดีทั้งคู่ หลังจากนี้หล่อนทั้งสองคงกลับเมืองไทย เพราะเรียนเลขาจบแล้ว เวลานี้ก็เลยหากำไรชีวิต หล่อนร่ำๆว่าอยากไปสวิตเซอร์แลนด์ นั่นเป็นประเทศน่าไปอย่างยิ่ง
สองสาวมาพักอยู่ที่หอได้สองคืนก็มีคนไทยคู่หนึ่งมาจากเมืองไทยนัยว่าจะไปอเมริกา แต่กลับเดินทางอ้อมมาทางนี้ด้วยปัญหาวีซ่าหรืออะไรทำนองนี้ หลังจากมีคนไทยหาห้องเช่าให้แล้วก็รอเวลาที่จะบินไปต่อ หากว่าคุณเก่งดำริที่จะจัดงาน Thai night ขึ้นเพื่อแสดงความเป็นไทยและวัฒนธรรม ให้ชาวต่างชาติดู ที่คุณเก่งเห็นว่ามีโอกาสเพราะมีสาวไทยมากพอที่จะแสดงการรำอะไรสักอย่างได้ ด้วยมีอีกหนึ่งสาวที่ได้มาเข้ากลุ่ม หล่อนมาจาก Düsseldorf ทำงานที่ร้านอาหารไทยที่นั่น ที่ทำให้เกิดความคิดจะแสดงการรำก็เพราะผู้หญิงที่มากับแฟนหล่อนจากเมืองไทยจบมาทางนาฎศิลป์ และพร้อมที่จะสอนรำให้ได้ คุณเก่งรีบฉกฉวยโอกาสจัดงานเลย
เมื่อเห็นพ้องต้องกันทั้งกรรมการสมาคมแล้ว จำนวนสาวที่นับได้มีอยู่ห้าคน ถ้าคิดว่าน้อยไป อาจจะเอาแฟนฝรั่งของใครสักคนมาหัดด้วยก็ได้ โดยกำหนดวันงานช่วง Herbst ฤดูใบไม้ร่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นตุลาคม การซ้อมใช้เวลาราวหนึ่งเดือน เมื่อดูว่างานจะไปได้ด้วยดีก็จะออกบัตรเพื่อจำหน่ายให้ชาวเยอรมันและคนไทยอื่นๆที่ทำงานสถานทูตด้วย ดังนั้นหนุ่มไทยเมืองนี้จึงดูว่าจะได้รับแจกภาระกิจกันแล้วทุกคน
ในช่วงเวลาที่คุณเก่งจะจัดงานใหญ่นี้ อีกผลงานใหญ่ยิ่งของเขาก็เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรม เมื่อเพ็ญระพีได้ไปทำงานเป็นวันแรก ซึ่งพี่วิทย์ได้ขับรถไปส่งและจะรับกลับตอนเย็นด้วย
เพ็ญระพีเตรียมชุดแต่งกายกางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ๊ตสีเนื้อพร้อมแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่เป็นคืนที่หล่อนนอนไม่ค่อยหลับ ความตื่นเต้นบวกความกังวลในการสื่อสารกับผู้อื่นเป็นปัญหาหนักอกอยู่ ส่วนเรื่องงานนั้นจากที่ Chef ได้นำแบบที่เขียนออกมาให้ดูในวันที่จะทำสัญญา หล่อนก็เข้าใจในแบบนั้น เพราะเป็นระบบเยอรมันแบบเดียวกับที่ทำอยู่ในบริษัทที่เมืองไทย
เมื่อย่างเท้าก้าวผ่านประตูกระจกบริษัทเข้ามา พนักงานชายวัยกลางคนทัก Guten Morgen ด้วยรอยยิ้มต้อนรับ หล่อนทักตอบไป และก้าวเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองที่เป็นออฟฟิศ Technische Büro ที่นั่นหล่อนต้องทักสวัสดีตอนเช้ากับทุกๆคนที่หล่อนเดินผ่าน เมื่อ Chef ที่ใส่สูทดูภูมิฐานกว่าคนอื่นๆที่มักใส่แจ็คเก็ตสวมทับเสื้อเชิ๊ตเท่านั้น เขาเดินมาหาแล้วส่งมือมาจับเขย่ากับหล่อน พลางเดินนำกลับไปยังผู้ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งนั่งเป็นคนสุดท้ายตามแนวโต๊ะเขียนแบบที่มีด้านติดหน้าต่างเป็นโต๊ะยาวชิดข้างฝาเป็นการใช้แนวเคาเตอร์ร่วมกันก็เรียกได้ บนโต๊ะของชายผอมสูงอายุชื่อ Fuchs มึรูปถ่ายเกี่ยวกับชิ้นงานเต็มไปหมด เนื่องจากในโรงงานผลิตเครื่องจักรช่วยในงานอุตสาหกรรม
(มีต่อ )
💔🎭⏰ หักศรกามเทพ..5 ⌛🎭💔
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 5
เมื่อซื้อการ์ดวันเกิดมาแล้ว หล่อนก็นึกถ้อยคำที่จะเขียนเพียงสั้นๆในการ์ด นึกอยู่หลายวันจนใกล้ถึงกำหนดแล้วพลันนึกได้ว่าจำเป็นต้องเขียนจดหมายเรื่องการอยู่ต่อที่นี่ไปที่เมืองไทยด้วย หล่อนได้เอ่ยกับพี่วิทย์ในเวลาต่อมา
พี่วิทย์บอกว่าเมื่ออะไรๆดูจะเป็นจริงแล้ว เขาก็จะช่วยเขียนจดหมายไปถึงเจ้านายเยอรมันที่เมืองไทยให้ พร้อมกันนั้นสองพี่น้องต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า พี่วิทย์ควรจะแนะนำตนเองเพื่อสมัครงานด้วย อาจจะเป็นการทำแทนน้อง หรือสมัครตามที่นายฝรั่งเคยถามหล่อนถึงพี่ชายที่เรียนอยู่ที่นี่เพื่อจะเปิดโรงงานใหม่และอยากได้เอ็นจิเนียร์พูดเยอรมันได้ เมื่อเห็นพ้องกันแล้ว พี่วิทยาก็จัดการเขียน Lebenslauf ( ประวัติ) ของตนเอง จดหมายลางานหรือลาออกจากงานที่เมืองไทยของหล่อนได้ส่งไปพร้อมประวัติและการแนะนำตัวของพี่ชายในคราวเดียวกัน จดหมายสองฉบับได้ส่งที่ไปรษณีย์ ต้องชั่งด้วยมีน้ำหนักนั้น ส่งไปถึงเมืองไทยแสนไกล และเมืองใกล้ในเยอรมันที่กลับดูว่าห่างไกลสุดที่จะไปมาหากันได้เลยทีเดียว
เพ็ญระพีได้เขียนจดหมายฉบับพิเศษให้พี่วีระรับรู้ว่าได้อยู่ต่อแล้วและพี่วีระก็ต้องอธิบายให้พ่อและแม่เข้าใจด้วย ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงจัดการเรื่องราวมาตลอด สิ่งที่มีผลพลอยได้คือ พี่วิทยาอาจจะได้งานทางอากาศด้วยก็เป็นได้ หล่อนก็หวังว่าทุกอย่างคงเป็นข่าวดีจึงรีบแจ้งมาก่อน
วันครบกำหนดลางานสองเดือนกับวันทำวีซ่าก็ฉิวเฉียดกันพอดีเหมือนโชคชะตาแกล้งให้ลุ้นระทึกกับวันอันจะพลิกเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งต่อไป
เพ็ญระพีรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ปลอดโปร่งที่สุด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เมื่อวันก่อนหล่อนได้ไปสมัครเรียนภาษาที่ Volkshochschule ที่อยู่เลยจากที่นี่ไปทางใต้ไม่ไกล เป็นอาคารเล็กๆมีห้องเรียนและสนามโล่งกับที่จอดรถ หล่อนได้รับการสัมภาษณ์กับครูผู้หญิงในช่วงสั้นๆ สรุปได้ว่าหล่อนฟังออกแต่พูดไม่ค่อยถูกไวยากรณ์ จึงได้เรียนเป็นเกรดสองซึ่งน่าจะซ้ำกับที่เคยเรียนมาแล้ว หากแต่หนังสือเรียนต่างกับที่เกอเธ่ ค่าเรียนไม่แพงสำหรับชั่วโมงเรียนเวลาหกโมงถึงหนึ่งทุ่ม สัปดาห์ละสองวัน การเดินทางสะดวกเพราะจากที่ทำงานมีรถรางไปสุดสายที่นั่น หากแต่ดูว่าคุณอนาวิลยินดีมาส่งและรับในวันแรกๆที่เรียน ทำให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันทีที่เขาขันอาสา
หล่อนมิได้เฉลียวในการรุกก้าวคืบของเขาเลยแม้แต่น้อย..
ตอนนี้หล่อนก็มีเวลาว่างหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงสิ้นเดือนที่จะได้เข้าฝึกงานในโรงงานที่อยู่ใกล้กับแหล่งสรรพสินค้าในชุมชน แค่เดินด้วยเท้าก็ถึงได้ทั้งสองแห่งจากหอพักนี้
จดหมายที่ส่งทั้งทางไกลและใกล้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ในส่วนผู้รับในเยอรมัน เจ้าของห้องได้เห็นจดหมายสอดใต้ประตูห้องเข้ามา ใครคงใจดีช่วยหยิบมาให้ เพียงแค่เปิดประตูห้อง ภูพิงค์ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ มิใช่สินะ ฉงนสนเท่ห์มากกว่าที่ลายมือเป็นเพ็ญระพีด้วยรู้ดีว่าภายในซองแข็งคือการ์ดวันเกิดที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันหยุด Maria Himmelfahrt ( พระนางมารีขึ้นสู่สวรรค์ )พอดี เขาไม่ต้องไปทำงานและยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรในวันเกิดของตน รู้สึกงานเข้าเมื่อเห็นจดหมายนี้นี่เอง
ทุกวันนี้เรื่องที่เข้ามายึดสมองยามที่จะว่าง คือเรื่องราวของหล่อนที่เป็นปริศนาและสร้างความประหลาดใจไม่จบสิ้น เขาดูรอยประทับตราและที่อยู่ผู้ส่งก็มาจากที่เดิม นี่หล่อนยังไม่ได้กลับเมืองไทยหรือเลื่อนจากเดิม หรือว่าทิ้งจดหมายไว้ให้ใครช่วยมาส่งให้ในช่วงเวลานี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ
การ์ดที่เห็นเป็นภาพลูกเป็ดสีเหลืองตัวเล็กน่ารักที่กำลังกระโดดลงสระ มีฝอยน้ำกระจาย นี่หล่อนจะบอกอะไรกับเขาหรือเปล่า ทั้งที่ปกติหล่อนจะให้ภาพเป็นบูเก้ช่อดอกไม้แสนสวยอยู่เนืองๆ เขาไม่อยากคิดว่าหล่อนดีใจเมื่อได้กลับบ้าน ปีกลูกเป็ดที่ยกสูงนั้นเล่าแสดงความร่าเริงแท้ๆเทียว
นี่เขาต้องมาตีความรูปภาพไปใยกัน เขากวาดสายตาดูลายเส้นที่บรรจงเขียนมาว่า
ใจใครใจมัน.........ดูแลกันไว้
เดี๋ยวเกิดเป็นไร......จะได้บาดแผล
คนที่ทำไว้.............เขาไม่เหลียวแล
เป็นแผลกลัดหนอง..หมองอยู่คนเดียว
ถึงจะรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไร ก็ยังจำวันนี้ได้ ขอให้คุณภูมีความสุข
และอนาคตที่ก้าวไกลในวันนี้และวันหน้าตลอดไปค่ะ
เพ็ญเฟรนด์
ชื่อเน้นความหมายเสียด้วย! เพ็ญระพีหนอ หล่อนช่างมีเรื่องมากวนใจเขาอย่างมิหยุดหย่อน หล่อนอยู่ที่ไหนกันนี่...
สายวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เพ็ญระพีก็มานั่งจดรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อหามาใช้ เมื่อนึกถึงรายจ่ายเป็นตัวเงินก็ทำให้นึกไปถึงเงินส่วนที่อาจจะได้คืนจากค่าตั๋วเครื่องบิน นึกได้ดังนั้นจึงรีบเขียนจดหมายให้เพื่อนที่เป็นเลขานุการิณีของนายใหญ่ให้ช่วยจัดการให้ด้วยจดหมายพร้อมตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ในขากลับก็ถูกบรรจุซองเพื่อส่งไปรษณีย์ พี่วิทย์จึงต้องพาไปและได้เดินหาซื้อเสื้อผ้าที่จำเป็นสำหรับใส่ไปทำงานด้วย เป็นที่น่าขำว่าคนขายพาหล่อนไปแผนกเสื้อผ้าเด็ก ขนาดสามสิบหกและ สามสิบแปด พี่วิทย์บอกว่าดีแล้ว ราคาก็จะได้เด็กลงไปด้วย นอกจากนั้นรองเท้าสำหรับใส่ก็ต้องหาซื้อด้วยในคราวเดียวกัน หลายชั่วโมงที่เดินหาสิ่งของทำให้กลับถึงหอก็ค่ำมืดแล้ว แต่หล่อนหารู้ได้ไม่ว่า โทรศัพท์ที่กรีดเสียงดังบริเวณหน้าห้องไม่มีใครรับหลังจากกดกริ่งมายังห้องแล้วก็ตาม สักครู่เสียงก็เงียบหายไป
ภูพิงค์เดินกลับไปมา พื้นห้องเหมือนจะร้อนเป็นไฟ ทำให้เขาร้อนรุ่มไปหมด จากสำนวน ใจใครใจมันของหล่อน และหล่อนรู้สึกโดดเดี่ยว นี่เขาใจร้ายกับหล่อนไปหรือ จดหมายของเขาที่ส่งไปอาทิตย์ก่อนก็ไม่ได้ตอบกลับมา แต่ก็ยังมีแก่ใจส่งการ์ดวันเกิดมาให้ นี่หล่อนถูกทอดทิ้งหรือ เขาเฝ้าถามตนเอง จนอดรนทนไม่ได้ต้องโทรศัพท์ไปให้รู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน ไปไหนกันหมดจึงไม่รับสาย เขาเดินพล่านหยิบจดหมายใจความสั้นๆนั้นมาอ่านแล้วอ่านอีก เพิ่งค่อยๆได้รับรู้ว่าความหมายมันยาวเป็นร้อยเท่าทวีคูณ ทำไมเขาจะไม่รู้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเหมือนถูกหล่อนทุบด้วยคำพูด ทั้งๆที่แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยใช้คำแรงอย่างนี้มาก่อนเลย หล่อนโกรธเขาแล้วใช่ไหม เขายังมัวนั่งกังวลในความรู้สึกของหล่อนอยู่เลย และที่ตอกย้ำความรู้สึกอย่างแรงคือ เพ็ญเฟรนด์
หล่อนประชดเขาหรือเน้นความจริงว่าหล่อนเป็นดังเช่นนั้น..
โอ..ตาย.. มันมากเกินไปแล้ว คำที่หล่อนว่ามาในครั้งนี้
ในวันสุดสัปดาห์อนาวิลได้ต้อนรับแขกมาเยือนจากมึนเช่น เป็นคุณวิกรมและแฟนที่ชื่อดาราที่เก๋และเกดได้ไปพบและพักด้วย ทั้งสองขึ้นมาเพื่อจะทำพาสปอร์ตใหม่และวีซ่าด้วย จึงต้องพักแรมที่นี่ที่สะดวกและเป็นเมืองกลางประเทศ คนขึ้นเหนือล่องใต้มักจะอาศัยเป็นที่พักระหว่างทาง คุณวิกรมเคยได้พบพี่วิทยาตอนมาเตะฟุตบอลคราวงานชุมนุม ซึ่งครั้งนั้นคุณดาราไม่ได้มาร่วมงานด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต่างได้เห็นคุณดารา หล่อนดูเก๋ แต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอมที่หล่อนใช้ขจรขจายเมื่ออยู่ใกล้
เมื่อได้พบปะพูดคุยกันย่อมจะกล่าวถึงเก๋และเกด นัยว่าหนุ่มๆสนใจเป็นอย่างมาก แต่ด้วยหนทางเยอรมัน อังกฤษก็ไกล ประจวบกับทั้งสองสาวไม่ได้อยู่นานพอที่จะสานสัมพันธ์ได้ จึงได้แต่มาคุยแหย่กันเมื่อสองสาวกลับมาแล้ว เมื่อถามถึงจำนวนหนุ่มที่อยู่มึนเช่นกับจำนวนสาวๆที่นั่น คุณดาราหัวเราะบอกว่าสาวที่นั่นไม่มีว่างเลย หนุ่มต่างเมืองตามมาเฝ้าเป็นขาประจำก็หลายคู่ เมื่อถามว่าหนุ่มเมืองไหนที่สองสาวไปได้พบไหม คุณดาราตอบว่าพบซิไหนเลยจะหลุดลอดไปได้ แต่ที่น่าสนใจและพยายามอยู่ก็มีคุณภูพิงค์และเพื่อนเขาขึ้นมาจาก Konstanz
ได้ฟังเพียงแค่นี้เพ็ญระพีก็เพิ่งนึกถึงได้ว่าธุระของเขาที่ไปมึนเช่นที่บอกหล่อนนั้นคืออะไร เมื่อแยกจากพวกเขากลับมาที่ห้องแล้ว หล่อนตะโกนก้องอยู่ในใจว่า พอ...พอแล้ว...พอกันที...
คุณอนาวิลได้ให้ที่พักให้ผู้มาเยือนทำธุระจนเสร็จและลากลับไปแล้ว
เมื่อมีข่าวว่าสองสาวที่คุณธวัชพามายังไม่ได้กลับไปอังกฤษเพราะใช้เวลาที่ผ่านไปท่องเที่ยวไปทั่วเยอรมัน ดูว่าจะเป็นคนมีฐานะดีทั้งคู่ หลังจากนี้หล่อนทั้งสองคงกลับเมืองไทย เพราะเรียนเลขาจบแล้ว เวลานี้ก็เลยหากำไรชีวิต หล่อนร่ำๆว่าอยากไปสวิตเซอร์แลนด์ นั่นเป็นประเทศน่าไปอย่างยิ่ง
สองสาวมาพักอยู่ที่หอได้สองคืนก็มีคนไทยคู่หนึ่งมาจากเมืองไทยนัยว่าจะไปอเมริกา แต่กลับเดินทางอ้อมมาทางนี้ด้วยปัญหาวีซ่าหรืออะไรทำนองนี้ หลังจากมีคนไทยหาห้องเช่าให้แล้วก็รอเวลาที่จะบินไปต่อ หากว่าคุณเก่งดำริที่จะจัดงาน Thai night ขึ้นเพื่อแสดงความเป็นไทยและวัฒนธรรม ให้ชาวต่างชาติดู ที่คุณเก่งเห็นว่ามีโอกาสเพราะมีสาวไทยมากพอที่จะแสดงการรำอะไรสักอย่างได้ ด้วยมีอีกหนึ่งสาวที่ได้มาเข้ากลุ่ม หล่อนมาจาก Düsseldorf ทำงานที่ร้านอาหารไทยที่นั่น ที่ทำให้เกิดความคิดจะแสดงการรำก็เพราะผู้หญิงที่มากับแฟนหล่อนจากเมืองไทยจบมาทางนาฎศิลป์ และพร้อมที่จะสอนรำให้ได้ คุณเก่งรีบฉกฉวยโอกาสจัดงานเลย
เมื่อเห็นพ้องต้องกันทั้งกรรมการสมาคมแล้ว จำนวนสาวที่นับได้มีอยู่ห้าคน ถ้าคิดว่าน้อยไป อาจจะเอาแฟนฝรั่งของใครสักคนมาหัดด้วยก็ได้ โดยกำหนดวันงานช่วง Herbst ฤดูใบไม้ร่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นตุลาคม การซ้อมใช้เวลาราวหนึ่งเดือน เมื่อดูว่างานจะไปได้ด้วยดีก็จะออกบัตรเพื่อจำหน่ายให้ชาวเยอรมันและคนไทยอื่นๆที่ทำงานสถานทูตด้วย ดังนั้นหนุ่มไทยเมืองนี้จึงดูว่าจะได้รับแจกภาระกิจกันแล้วทุกคน
ในช่วงเวลาที่คุณเก่งจะจัดงานใหญ่นี้ อีกผลงานใหญ่ยิ่งของเขาก็เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรม เมื่อเพ็ญระพีได้ไปทำงานเป็นวันแรก ซึ่งพี่วิทย์ได้ขับรถไปส่งและจะรับกลับตอนเย็นด้วย
เพ็ญระพีเตรียมชุดแต่งกายกางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ๊ตสีเนื้อพร้อมแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่เป็นคืนที่หล่อนนอนไม่ค่อยหลับ ความตื่นเต้นบวกความกังวลในการสื่อสารกับผู้อื่นเป็นปัญหาหนักอกอยู่ ส่วนเรื่องงานนั้นจากที่ Chef ได้นำแบบที่เขียนออกมาให้ดูในวันที่จะทำสัญญา หล่อนก็เข้าใจในแบบนั้น เพราะเป็นระบบเยอรมันแบบเดียวกับที่ทำอยู่ในบริษัทที่เมืองไทย
เมื่อย่างเท้าก้าวผ่านประตูกระจกบริษัทเข้ามา พนักงานชายวัยกลางคนทัก Guten Morgen ด้วยรอยยิ้มต้อนรับ หล่อนทักตอบไป และก้าวเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองที่เป็นออฟฟิศ Technische Büro ที่นั่นหล่อนต้องทักสวัสดีตอนเช้ากับทุกๆคนที่หล่อนเดินผ่าน เมื่อ Chef ที่ใส่สูทดูภูมิฐานกว่าคนอื่นๆที่มักใส่แจ็คเก็ตสวมทับเสื้อเชิ๊ตเท่านั้น เขาเดินมาหาแล้วส่งมือมาจับเขย่ากับหล่อน พลางเดินนำกลับไปยังผู้ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งนั่งเป็นคนสุดท้ายตามแนวโต๊ะเขียนแบบที่มีด้านติดหน้าต่างเป็นโต๊ะยาวชิดข้างฝาเป็นการใช้แนวเคาเตอร์ร่วมกันก็เรียกได้ บนโต๊ะของชายผอมสูงอายุชื่อ Fuchs มึรูปถ่ายเกี่ยวกับชิ้นงานเต็มไปหมด เนื่องจากในโรงงานผลิตเครื่องจักรช่วยในงานอุตสาหกรรม
(มีต่อ )