[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สวัสดีค่ะ วันเวลาที่ล่วงไปแล้วกับเหตุการณ์ต่างๆนั่นมิได้หมายความว่าจะเริ่มเบาบางลง กลับเริ่มข้อแม้ที่ทำให้ขบคิดในการดำรงชีวิตต่อไป สิ่งที่เข้ามา
ในแต่ละโอกาสแต่ละจังหวะ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดนึกมาก่อน ชีวิตคนเหล่านี้จะเป็นไปอย่างที่ท่านผู้อ่านนึกหรือเปล่า ติดตามดูนะคะ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่มาแสดงตนให้เห็น อบอุ่นในมิตรภาพค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่แล้ว... https://ppantip.com/topic/40069642
https://ppantip.com/topic/40078551
https://ppantip.com/topic/40088519
https://ppantip.com/topic/40096645
https://ppantip.com/topic/40103688
บทที่ 6
หลังจากเสร็จงาน Thai night แล้วคุณเก่งได้เลี้ยงขอบคุณผู้ช่วยให้งานผ่านพ้นไปด้วยดี รายได้จากการขายบัตรและเครื่องดื่ม คือเบียร์ทำให้จำนวนรายรับสูงจนดีใจไปตามๆกัน ไม่เหนื่อยเปล่า คุณเก่งพูดอย่างยิ้มแย้มกับทุกๆคน ในการนี้จะเป็นการเลี้ยงเพื่อขอบคุณคุณบัวและคุณนกที่ช่วยมารำให้ สองสาวจะเดินทางกลับอังกฤษในวันรุ่งขึ้น พรรคพวกต่างรู้สึกเสียดายเพราะกำลังจะสนิทสนมกันมากขึ้นอยู่แล้ว กลับต้องมาจากไป ตอนนี้เพ็ญระพีที่มีสาวปูจากดืสเซลดอร์ฟที่มาค้างทุกสัปดาห์ตอนซ้อมรำก็จะไม่ได้มาอีกแล้ว คงเหลือคุณแมวที่ต่างก็เรียกว่าครูกันทุกคนทั้งที่ไม่ได้อาวุโสกว่าสาวๆคนอื่นเท่าไหร่ที่ดูว่ายังอยู่ที่นี่กับแฟนหรือสามีอีกนาน
การไปเรียนภาษาที่ Volkshochschule ในตอนเย็นสัปดาห์ละสองวันนั้น ทำให้เพ็ญระพีได้เพื่อนต่างชาติหนึ่งคน หล่อนเป็นพม่าแต่งงานกับชายเยอรมันที่รู้สึกว่าเป็นอาจารย์ระดับน้องๆโปรเฟรสเซ่อร์เชียว แน่นอนหล่อนพูดอังกฤษกับเพ็ญระพี เมื่อสื่อสารกันได้ก็ย่อมจะมีเรื่องพูดคุยกันมาก คุยไปถึงอาหารการกินเมื่อครูแหม่มสอนเรื่องอาหาร หล่อนนุ่งซิ่นและเสื้อปิดคอตัวสั้นเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ นอกนั้นมาจากตุรกีและทางกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย พี่วิทย์ยังช่วยไปรับจากที่ทำงานและไปส่งจนรอรับกลับอีกด้วย
เมื่องานเลี้ยงเลิกลา สองสาวอังกฤษถึงกับทำตาแดงๆตอนจะกลับไปโดยคุณธวัชเป็นเจ้าของแขกทั้งสองนี้
พวกเขามาแล้วก็ไป มีแต่เราที่ไม่อยากจากเยอรมันไปไหนเลยจริงๆ เพ็ญระพีรำพึงอยู่ในใจ...
อากาศขมุกขมัว เซื่องซึมมืดครึ้มทำให้รู้สึกหนาวเย็นผิวกาย บรรยากาศสะลึมสะลือแม้จะสายแล้ว คงเหมาะกับคนชอบนอน แต่คนไม่นอนกลางวันก็ต้องหาอะไรทำ แมกกาซีนเล่มเล็กๆมีสีสันก็พลิกอ่านจนจบไปแล้ว คนอยู่เมืองหนาวเขาทำอะไรกันนะ วันหยุดสองวันนี้ได้ใช้ไปแล้วหนึ่งวันในการซักผ้า สระผม ตัดเล็บ แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรอีกดี ชีวิตที่นี่เป็นอย่างนี้ อย่างเงียบเหงา ได้แต่ผุดลุกผุดนั่งมองออกไปจากห้อง เห็นต้นไม้ที่ด้านหลังเป็นตึกที่เยื้องไป เพื่อการมองเห็นทิวทัศน์ วันอันซึมเซาก็จะผ่านไปจากวันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง เป็นเดือนเป็นปี เป็นความจำเจไหมสำหรับคนอยู่มายาวนาน..
ฝูงนกนางนวลบินกันขวักไขว่ บ้างก็ร่อนถลาไปเกาะขอบกราบเรือสีขาวที่บรรทุกผู้คนท่องทะเลสาปโบเด้นเซ ( Boden See)
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เมฆสีฟ้าขาวทาบท้องฟ้ายามเย็น
ภูพิงค์ยืนใกล้รั้วแนวริมเขื่อนที่มีลานพื้นดินโล่งไปจรดอาคารร้านค้าแนวบริเวณทางเดินทอดสู่ชุมชน เขามายืนทอดสายตาสู่ความกว้างของทะเลสาปแต่ในความนึกคิดกลับล่องลอยไปไกลถึงคนอยู่ริมน้ำไรน์ คิดทบทวนถึงหล่อนบ่อยครั้งโดยเฉพาะเมื่อยามที่ขึ้นไปเมืองใหญ่มึนเช่น ได้พบคนหลายคนก็อดคิดถึงหล่อนไม่ได้ เป็นเวลาช่วงสั้นๆที่ได้พ้นจากความเงียบเหงาเมืองชายแดนไปสู่เมืองศูนย์กลางของทางใต้ก็ทำให้แต่ละวันผ่านพ้นไปได้
นกนางนวลตัวหนึ่งพาปีกสีขาวบินมาใกล้เขาแล้วก็บินผ่านหน้าไปราวกับมาทักทายทำให้เขาอดจะมองตามไม่ได้ ที่ราวรั้วถัดไปนกตัวหนึ่งยืนเกาะอยู่แล้ว คงเป็นคู่ของนก
นกบินไปบินมา บิน..หล่อนก็บินมา.. แล้วหล่อนได้เจอใครหรือยัง ตัวเขาเองใช่คนที่หล่อนบินมาหาไหม หล่อนยังรอเขาไหม หรือว่ามันเป็นหนังคนละม้วน ภาพคนละฉาก
ท้องฟ้ากว้างดูเวิ้งว้างแค่ไหนนกก็ยังบินไปมาในอากาศ อากาศ.. Luftpost จดหมายเดินอากาศข้ามฟากฟ้า นานเท่าไรแล้วละนี่ มิได้ว่างเว้นสักครา นับเป็นเวลายาวนานติดตรึงจนเหมือนสิ่งจำเป็นอยู่กับชีวิตประจำวัน..
ถ้าสิ่งนี้ขาดหายไป เขาถามตัวเองอย่างใจหาย มันใกล้เข้ามาแล้วด้วยลางบอกเหตุ เขาไม่กล้าคิดต่อ รีบเดินจากที่นั้นกลับที่พักโดยเร็ว..
นกนางนวลสีขาวสองตัวบินมาเกาะหินริมแม่น้ำไรน์ฟากที่เพ็ญระพียืนกินไอศกรีมวอลล์อยู่ อากาศไม่เย็นนักด้วยแสงแดดค่อนข้างแรงเพิ่งจะลาลับไปในยามเย็น ผู้คนเดินเล่นริมตลิ่งที่ลาดไปถึงชายน้ำ กระแสคลื่นเล็กๆกระทบฝั่งที่เต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่เล็ก
หล่อนมายืนได้สักพักที่นี่ หลังจากเบื่อนั่งอุดอู้อยู่ในห้อง เดินเท้ามาเรื่อยๆจากหอพัก ด้วยอยากจะสำรวจเส้นทางบริเวณที่อยู่รอบๆนี้ เมื่อเดินมาถึงเห็นซุ้มขายไอศกรีมก็อยากกินขึ้นมาเพราะเดินมาจนรู้สึกร้อนขึ้นบ้าง
หล่อนรู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ราวกับไม่มีสิ่งใดรบกวนเลย หล่อนสูดอากาศเต็มปอดไปหลายหนแล้ว ในความคิดว่านี่เป็นการอยู่ด้วยตนเองคนเดียวได้!
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเมืองไทย ใครก็ไม่ได้คิดว่าหล่อนจะไม่ได้กลับไปทำงานอีก ทุกอย่างเป็นเหตุบังเอิญ นึกถึงนายที่อาจรอ และใครจะทำหน้าที่แทนหล่อนที่ทำงานเสมือนเลขา ใครจะแปลภาษาไทยของพนักงานที่ถือบัตรมาขอลาขอลายเซ็นจากนาย มีบางคนลาไปเผาย่า นายบอกว่าคนนี้คงมีย่าหลายคน ก็ต้องช่วยพูดว่าเป็นไปได้ ถ้าโดยรวมเขาไม่ได้ลาบ่อย การต้องลากับนายโดยตรงทำให้พนักงานไม่ค่อยกล้า ลดการลาได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศในโรงงานคงขาดสีสันไปบ้างเมื่อไม่มีเพ็ญระพีเดินให้พนักงานมองเพื่อพักสายตาจากงาน มีพนักงานสองคนมาบอกหล่อนว่าขอเอาชื่อไปตั้งให้ลูกสาว ด้วยชอบความเป็นตัวตนของหล่อน
วันต่อมาหลังเลิกงานกลับมาถึงหอหล่อนก็ได้รับจดหมายจากเพื่อนที่บริษัทเมืองไทย เพราะหล่อนไม่ได้กลับไปแล้ว เมื่อเปิดซองก็สร้างความแปลกใจและดีใจด้วยเป็นการ์ดวันเกิด จากภูพิงค์ตกค้าง ทำไมมันถึงเดินทางไปช้า ทั้งๆที่หล่อนก็ขึ้นเครื่องบินมาหลังวันเกิดตั้งสิบวัน ปกติจดหมายไม่เคยล่าช้าผิดพลาด หรือว่าเขาต้องตัดสินใจอยู่นาน เมื่อไม่ได้ติดต่อกันสามสี่เดือน
ถึงอย่างไรก็ตามการ์ดวันเกิดนี้ก็ดีต่อใจอย่างมาก และถ้าได้รับก่อนหล่อนคงไม่ต้องลุ้นว่าเป็นจดหมายวัดใจที่ได้เขียนส่งไปเมื่อเพิ่งมาถึงที่นี่
ภาพการ์ดดอกไม้มีเด็กหนุ่มยืนใส่หมวก ข้อความที่พิมพ์บนการ์ด Niemand wünscht Dir einen schönen Geburtstag...mehr als Ich ALLES GUTE! ไม่มีใครปรารถนาดีในวันเกิดของเธอเท่ากับฉัน ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีทุกๆอย่าง ลงชื่อภูพิงค์อย่างเดียว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนถ้อยคำด้วยลายมือของตนเองก็ตาม
เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว อากาศเริ่มหนาวขึ้น หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาในเวลากลางคืน ภาพคนขนต้นสนใส่ท้ายรถยื่นยาวออกมาวิ่งตามท้องถนนเต็มไปด้วยหิมะ ร้านค้าเริ่มตกแต่งร้านตั้งแต่เนิ่น การประดับประดาตกแต่งสิ่งละอันพันละน้อยตามหน้ากระจกร้านทำให้มีสีสันน่าดู เมื่อถึงวันคริสต์มาสจริงๆที่บริษัทหยุดสองสัปดาห์ไปเปิดทำการอีกทีหลังวันปีใหม่ไปแล้ว ตามโรงเรียนก็หยุดยาวเช่นกัน พี่วิทย์กำลังหาที่ไปในวันหยุดนี้
เมื่อใกล้จะถึงวันหยุดทุกคนต่างก็เตรียมหาซื้ออาหารและของขวัญให้แก่กัน เมื่อได้ไปเดินในศูนย์การค้า พี่วิทย์เตรียมของขวัญสองชิ้นเพื่อไปให้เจ้าของบ้านคือ Peter เพื่อนสนิทข้างห้องซึ่งจะกลับไปบ้านด้วยกันในวันที่ยี่สิบสี่เช้า ซึ่งตอนกลางคืนจะเป็นวัน Weihnachtenabend (Heiliger abend)
เพ็ญระพีได้ซื้อการ์ดหลายใบเพื่อส่งให้หลายคนรวมทั้งส่งไปที่เมืองไทยด้วย
การ์ดที่เดินทางใกล้ในเมืองของประเทศเดียวกันก็มาถึงมือผู้รับก่อนวันคริสต์มาสสี่วัน การได้รับการ์ดเนื่องในวันเทศกาลเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องตื่นเต้นมากนัก หากไม่ใช่มาจากคนที่เขาพูดกันว่ากลับไปเมืองไทยแล้ว เพ็ญระพีเธอเล่นตลกอะไรอีกนี่ การ์ด Weihnachtเยอรมันส่งมาจากที่อยู่ของหล่อน...
เช้าตื่นขึ้นมาก็เห็นหิมะแรกของชีวิต มันลอยเป็นฝอยฟ่องเบาหวิวร่วงหล่นจากฟ้า หล่อนยืนดูอย่างนานอย่างทำความรู้จักกับมัน หิมะที่ปลิวมาเกาะกระจกก็เป็นรูปซี่ๆดังภาพลายหิมะที่เคยเห็น มันแปลกดี ต่อมาพี่วิทย์ต้องเอาที่ขูดหิมะที่เกาะบนหน้ากระจกรถออก ดีว่ายังเพิ่งตกจึงไม่จับเป็นน้ำแข็ง
บ้านในชนบทชาวนาชาวไร่ของ Peter อยู่ห่างจากที่นี่ราวสองร้อยกิโลเมตร รถโฟล์คเต่าเก่าๆของพี่วิทย์วิ่งได้ไม่เร็วนักบน Autobahn จึงต้องขับชิดขวาให้คนอื่นแซงซ้ายไป เพ็ญระพีได้เห็นหิมะขาวโพลนบนกิ่งไม้ข้างทางมาเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน เมื่อมาถึงบ้าน Peter พี่ชายคนโตและแม่ก็ออกมาต้อนรับ หลังจากแนะนำตัวกันแล้วก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก ที่นั่นมีต้นคริสต์มาสตกแต่งอย่างสวยงามตั้งอยู่ สักพัก Peter ก็พาเดินชมรอบบ้าน หิมะขาวเกลื่อนอยู่ตามทางเดิน หล่อนกระชับเสื้อให้ปิดคอขึ้นไป หนาวแรกนี้ช่างเย็นเหมือนความเย็นลอดรูเสื้อผ้าเข้าไปได้ มีโรงนามีรถแทรคเตอร์กับกองฟางไว้ให้วัวกิน หลังบ้านมีต้น Birne ( ลูกแพร์ ) ยืนไร้ใบมีหิมะเกาะตามกิ่งก้าน
สองพี่น้องได้ห้องๆหนึ่งเป็นที่หลับนอน ตอนบ่ายเดินตาม Peter ดูว่าเขาจัดเริ่มทำอาหาร โดยเปิดตู้แช่ขนาดใหญ่ที่วางกับพื้นหยิบไก่งวงออกมา ส่วนที่มองเห็นคือซีกหนึ่งของหมูครึ่งตัวที่ยังมีซี่โครงอยู่ คงจะซื้อมาจากโรงฆ่าสัตว์ถึงยังไม่ได้ชำแหละอย่างนี้
เพลงคริสต์มาสดังอยู่รอบบ้าน ทำให้หล่อนร้องตามไปด้วย เพลง โอ ทันเนนเบา(Oh Tannenbaum) และเพลง โอ ดูโฟรลิเช่ (Oh Du Fröliche) โอ ดูเซลิเก้ ที่เคยไปร้องบนดาดฟ้าของสถาบันให้พวกอาจารย์ฝรั่งฟัง ต้นคริสต์มาสที่สายการบินลูฟฮันซ่าอุตส่าห์นำมาจากเยอรมัน นักศึกษาช่างไฟฟ้าก็ติดไฟประดับอย่างสวยงาม คุกกี้กลิ่นอบเชยก็ได้รับแจกให้กินเป็นครั้งแรก
ยามค่ำคืนนี้ทุกคนนั่งสวดภาวนาถึงพระเจ้า เราสองพี่น้องก็นั่งกุมกำมือสงบๆไปกับเขาด้วย หลังจากนั้นก็ทานอาหารและแจกของขวัญกัน บ้านนี้ไม่มีเด็กเลยอาจจะเคร่งขรึมไปหน่อย วันต่อมานั่งพักอยู่ในห้องก่อนกลับ มองลอดหน้าต่างดูหิมะโปรยเป็นปุยฝอยเล็กๆหล่นลงมา นึกแว่บไปถึงอนาวิลว่าเขาหาที่ไปในวันคริสต์มาสอันเงียบเหงาได้หรือเปล่า หรือเฝ้าหออย่างเดียวดาย ดานีลคงอยู่กับครอบครัวของเขา แล้วใจก็กระหวัดไปถึงภูพิงค์ว่า เมื่อเขาได้รับการ์ดแล้ว คงจะเป็นสิ่งยืนยันว่าเพ็ญระพียังคงอยู่ คงอยู่ที่เยอรมันนี้...
เมื่อภูพิงค์ได้เปิดการ์ดอ่านคำอวยพรคริสต์มาสของการ์ด และมีข้อความเขียนมาว่า อยู่ที่นี่สบายดี...
เขาตอบจดหมายนี้ในทันทีก็ว่าได้ หลังจากอ่านแล้วอ่านอีกกับข้อความไม่กี่ตัวของหล่อน เขามีคำอวยพร
Frohe Weihnachten und viel Glück im Neuen Jahr ตอบมาถึงหล่อนว่า...
ได้รับจดหมายของเพ็ญแล้ว รู้สึกว่าจดหมายแต่ละฉบับทำความแปลกใจให้ทั้งนั้นเลยนะ จนชักจะเคยชินเสียแล้ว ได้รับแล้วก็ไม่อยากจะคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น อย่างคราวก่อนจดหมายก็มาประทับตราที่ใกล้ๆเมืองนี้ ครั้งนี้ก็ได้ข่าวว่ากลับไปแล้วแต่เพิ่งรู้ก็จากการ์ดนี้เอง เพ็ญทำอะไรอยู่ เรียนหรือว่าทำงาน ถ้าเรียนก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วสินะ การเรียนที่นี่ยากกว่าที่คิด ทำให้ต้องดูหนังสือหนักมาก ถึงแม้จะปิดเทอมก็ต้องดูหนังสือเตรียมสอบ ถ้าเพ็ญเรียนหนังสืออยู่ก็คงมีวันหยุดตรงกันบ้างนะ หวังว่าจดหมายนี้คงไม่ทำความแปลกใจให้กับเพ็ญเพราะเขียนที่นี่ส่งที่นี่!
( มีต่อ )
🎅❄️☁️🐤หักศรกามเทพ..6 🐤☁️❄️🌐
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 6
หลังจากเสร็จงาน Thai night แล้วคุณเก่งได้เลี้ยงขอบคุณผู้ช่วยให้งานผ่านพ้นไปด้วยดี รายได้จากการขายบัตรและเครื่องดื่ม คือเบียร์ทำให้จำนวนรายรับสูงจนดีใจไปตามๆกัน ไม่เหนื่อยเปล่า คุณเก่งพูดอย่างยิ้มแย้มกับทุกๆคน ในการนี้จะเป็นการเลี้ยงเพื่อขอบคุณคุณบัวและคุณนกที่ช่วยมารำให้ สองสาวจะเดินทางกลับอังกฤษในวันรุ่งขึ้น พรรคพวกต่างรู้สึกเสียดายเพราะกำลังจะสนิทสนมกันมากขึ้นอยู่แล้ว กลับต้องมาจากไป ตอนนี้เพ็ญระพีที่มีสาวปูจากดืสเซลดอร์ฟที่มาค้างทุกสัปดาห์ตอนซ้อมรำก็จะไม่ได้มาอีกแล้ว คงเหลือคุณแมวที่ต่างก็เรียกว่าครูกันทุกคนทั้งที่ไม่ได้อาวุโสกว่าสาวๆคนอื่นเท่าไหร่ที่ดูว่ายังอยู่ที่นี่กับแฟนหรือสามีอีกนาน
การไปเรียนภาษาที่ Volkshochschule ในตอนเย็นสัปดาห์ละสองวันนั้น ทำให้เพ็ญระพีได้เพื่อนต่างชาติหนึ่งคน หล่อนเป็นพม่าแต่งงานกับชายเยอรมันที่รู้สึกว่าเป็นอาจารย์ระดับน้องๆโปรเฟรสเซ่อร์เชียว แน่นอนหล่อนพูดอังกฤษกับเพ็ญระพี เมื่อสื่อสารกันได้ก็ย่อมจะมีเรื่องพูดคุยกันมาก คุยไปถึงอาหารการกินเมื่อครูแหม่มสอนเรื่องอาหาร หล่อนนุ่งซิ่นและเสื้อปิดคอตัวสั้นเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ นอกนั้นมาจากตุรกีและทางกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย พี่วิทย์ยังช่วยไปรับจากที่ทำงานและไปส่งจนรอรับกลับอีกด้วย
เมื่องานเลี้ยงเลิกลา สองสาวอังกฤษถึงกับทำตาแดงๆตอนจะกลับไปโดยคุณธวัชเป็นเจ้าของแขกทั้งสองนี้
พวกเขามาแล้วก็ไป มีแต่เราที่ไม่อยากจากเยอรมันไปไหนเลยจริงๆ เพ็ญระพีรำพึงอยู่ในใจ...
อากาศขมุกขมัว เซื่องซึมมืดครึ้มทำให้รู้สึกหนาวเย็นผิวกาย บรรยากาศสะลึมสะลือแม้จะสายแล้ว คงเหมาะกับคนชอบนอน แต่คนไม่นอนกลางวันก็ต้องหาอะไรทำ แมกกาซีนเล่มเล็กๆมีสีสันก็พลิกอ่านจนจบไปแล้ว คนอยู่เมืองหนาวเขาทำอะไรกันนะ วันหยุดสองวันนี้ได้ใช้ไปแล้วหนึ่งวันในการซักผ้า สระผม ตัดเล็บ แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรอีกดี ชีวิตที่นี่เป็นอย่างนี้ อย่างเงียบเหงา ได้แต่ผุดลุกผุดนั่งมองออกไปจากห้อง เห็นต้นไม้ที่ด้านหลังเป็นตึกที่เยื้องไป เพื่อการมองเห็นทิวทัศน์ วันอันซึมเซาก็จะผ่านไปจากวันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง เป็นเดือนเป็นปี เป็นความจำเจไหมสำหรับคนอยู่มายาวนาน..
ฝูงนกนางนวลบินกันขวักไขว่ บ้างก็ร่อนถลาไปเกาะขอบกราบเรือสีขาวที่บรรทุกผู้คนท่องทะเลสาปโบเด้นเซ ( Boden See)
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เมฆสีฟ้าขาวทาบท้องฟ้ายามเย็น
ภูพิงค์ยืนใกล้รั้วแนวริมเขื่อนที่มีลานพื้นดินโล่งไปจรดอาคารร้านค้าแนวบริเวณทางเดินทอดสู่ชุมชน เขามายืนทอดสายตาสู่ความกว้างของทะเลสาปแต่ในความนึกคิดกลับล่องลอยไปไกลถึงคนอยู่ริมน้ำไรน์ คิดทบทวนถึงหล่อนบ่อยครั้งโดยเฉพาะเมื่อยามที่ขึ้นไปเมืองใหญ่มึนเช่น ได้พบคนหลายคนก็อดคิดถึงหล่อนไม่ได้ เป็นเวลาช่วงสั้นๆที่ได้พ้นจากความเงียบเหงาเมืองชายแดนไปสู่เมืองศูนย์กลางของทางใต้ก็ทำให้แต่ละวันผ่านพ้นไปได้
นกนางนวลตัวหนึ่งพาปีกสีขาวบินมาใกล้เขาแล้วก็บินผ่านหน้าไปราวกับมาทักทายทำให้เขาอดจะมองตามไม่ได้ ที่ราวรั้วถัดไปนกตัวหนึ่งยืนเกาะอยู่แล้ว คงเป็นคู่ของนก
นกบินไปบินมา บิน..หล่อนก็บินมา.. แล้วหล่อนได้เจอใครหรือยัง ตัวเขาเองใช่คนที่หล่อนบินมาหาไหม หล่อนยังรอเขาไหม หรือว่ามันเป็นหนังคนละม้วน ภาพคนละฉาก
ท้องฟ้ากว้างดูเวิ้งว้างแค่ไหนนกก็ยังบินไปมาในอากาศ อากาศ.. Luftpost จดหมายเดินอากาศข้ามฟากฟ้า นานเท่าไรแล้วละนี่ มิได้ว่างเว้นสักครา นับเป็นเวลายาวนานติดตรึงจนเหมือนสิ่งจำเป็นอยู่กับชีวิตประจำวัน..
ถ้าสิ่งนี้ขาดหายไป เขาถามตัวเองอย่างใจหาย มันใกล้เข้ามาแล้วด้วยลางบอกเหตุ เขาไม่กล้าคิดต่อ รีบเดินจากที่นั้นกลับที่พักโดยเร็ว..
นกนางนวลสีขาวสองตัวบินมาเกาะหินริมแม่น้ำไรน์ฟากที่เพ็ญระพียืนกินไอศกรีมวอลล์อยู่ อากาศไม่เย็นนักด้วยแสงแดดค่อนข้างแรงเพิ่งจะลาลับไปในยามเย็น ผู้คนเดินเล่นริมตลิ่งที่ลาดไปถึงชายน้ำ กระแสคลื่นเล็กๆกระทบฝั่งที่เต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่เล็ก
หล่อนมายืนได้สักพักที่นี่ หลังจากเบื่อนั่งอุดอู้อยู่ในห้อง เดินเท้ามาเรื่อยๆจากหอพัก ด้วยอยากจะสำรวจเส้นทางบริเวณที่อยู่รอบๆนี้ เมื่อเดินมาถึงเห็นซุ้มขายไอศกรีมก็อยากกินขึ้นมาเพราะเดินมาจนรู้สึกร้อนขึ้นบ้าง
หล่อนรู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ราวกับไม่มีสิ่งใดรบกวนเลย หล่อนสูดอากาศเต็มปอดไปหลายหนแล้ว ในความคิดว่านี่เป็นการอยู่ด้วยตนเองคนเดียวได้!
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเมืองไทย ใครก็ไม่ได้คิดว่าหล่อนจะไม่ได้กลับไปทำงานอีก ทุกอย่างเป็นเหตุบังเอิญ นึกถึงนายที่อาจรอ และใครจะทำหน้าที่แทนหล่อนที่ทำงานเสมือนเลขา ใครจะแปลภาษาไทยของพนักงานที่ถือบัตรมาขอลาขอลายเซ็นจากนาย มีบางคนลาไปเผาย่า นายบอกว่าคนนี้คงมีย่าหลายคน ก็ต้องช่วยพูดว่าเป็นไปได้ ถ้าโดยรวมเขาไม่ได้ลาบ่อย การต้องลากับนายโดยตรงทำให้พนักงานไม่ค่อยกล้า ลดการลาได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศในโรงงานคงขาดสีสันไปบ้างเมื่อไม่มีเพ็ญระพีเดินให้พนักงานมองเพื่อพักสายตาจากงาน มีพนักงานสองคนมาบอกหล่อนว่าขอเอาชื่อไปตั้งให้ลูกสาว ด้วยชอบความเป็นตัวตนของหล่อน
วันต่อมาหลังเลิกงานกลับมาถึงหอหล่อนก็ได้รับจดหมายจากเพื่อนที่บริษัทเมืองไทย เพราะหล่อนไม่ได้กลับไปแล้ว เมื่อเปิดซองก็สร้างความแปลกใจและดีใจด้วยเป็นการ์ดวันเกิด จากภูพิงค์ตกค้าง ทำไมมันถึงเดินทางไปช้า ทั้งๆที่หล่อนก็ขึ้นเครื่องบินมาหลังวันเกิดตั้งสิบวัน ปกติจดหมายไม่เคยล่าช้าผิดพลาด หรือว่าเขาต้องตัดสินใจอยู่นาน เมื่อไม่ได้ติดต่อกันสามสี่เดือน
ถึงอย่างไรก็ตามการ์ดวันเกิดนี้ก็ดีต่อใจอย่างมาก และถ้าได้รับก่อนหล่อนคงไม่ต้องลุ้นว่าเป็นจดหมายวัดใจที่ได้เขียนส่งไปเมื่อเพิ่งมาถึงที่นี่
ภาพการ์ดดอกไม้มีเด็กหนุ่มยืนใส่หมวก ข้อความที่พิมพ์บนการ์ด Niemand wünscht Dir einen schönen Geburtstag...mehr als Ich ALLES GUTE! ไม่มีใครปรารถนาดีในวันเกิดของเธอเท่ากับฉัน ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีทุกๆอย่าง ลงชื่อภูพิงค์อย่างเดียว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนถ้อยคำด้วยลายมือของตนเองก็ตาม
เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว อากาศเริ่มหนาวขึ้น หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาในเวลากลางคืน ภาพคนขนต้นสนใส่ท้ายรถยื่นยาวออกมาวิ่งตามท้องถนนเต็มไปด้วยหิมะ ร้านค้าเริ่มตกแต่งร้านตั้งแต่เนิ่น การประดับประดาตกแต่งสิ่งละอันพันละน้อยตามหน้ากระจกร้านทำให้มีสีสันน่าดู เมื่อถึงวันคริสต์มาสจริงๆที่บริษัทหยุดสองสัปดาห์ไปเปิดทำการอีกทีหลังวันปีใหม่ไปแล้ว ตามโรงเรียนก็หยุดยาวเช่นกัน พี่วิทย์กำลังหาที่ไปในวันหยุดนี้
เมื่อใกล้จะถึงวันหยุดทุกคนต่างก็เตรียมหาซื้ออาหารและของขวัญให้แก่กัน เมื่อได้ไปเดินในศูนย์การค้า พี่วิทย์เตรียมของขวัญสองชิ้นเพื่อไปให้เจ้าของบ้านคือ Peter เพื่อนสนิทข้างห้องซึ่งจะกลับไปบ้านด้วยกันในวันที่ยี่สิบสี่เช้า ซึ่งตอนกลางคืนจะเป็นวัน Weihnachtenabend (Heiliger abend)
เพ็ญระพีได้ซื้อการ์ดหลายใบเพื่อส่งให้หลายคนรวมทั้งส่งไปที่เมืองไทยด้วย
การ์ดที่เดินทางใกล้ในเมืองของประเทศเดียวกันก็มาถึงมือผู้รับก่อนวันคริสต์มาสสี่วัน การได้รับการ์ดเนื่องในวันเทศกาลเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องตื่นเต้นมากนัก หากไม่ใช่มาจากคนที่เขาพูดกันว่ากลับไปเมืองไทยแล้ว เพ็ญระพีเธอเล่นตลกอะไรอีกนี่ การ์ด Weihnachtเยอรมันส่งมาจากที่อยู่ของหล่อน...
เช้าตื่นขึ้นมาก็เห็นหิมะแรกของชีวิต มันลอยเป็นฝอยฟ่องเบาหวิวร่วงหล่นจากฟ้า หล่อนยืนดูอย่างนานอย่างทำความรู้จักกับมัน หิมะที่ปลิวมาเกาะกระจกก็เป็นรูปซี่ๆดังภาพลายหิมะที่เคยเห็น มันแปลกดี ต่อมาพี่วิทย์ต้องเอาที่ขูดหิมะที่เกาะบนหน้ากระจกรถออก ดีว่ายังเพิ่งตกจึงไม่จับเป็นน้ำแข็ง
บ้านในชนบทชาวนาชาวไร่ของ Peter อยู่ห่างจากที่นี่ราวสองร้อยกิโลเมตร รถโฟล์คเต่าเก่าๆของพี่วิทย์วิ่งได้ไม่เร็วนักบน Autobahn จึงต้องขับชิดขวาให้คนอื่นแซงซ้ายไป เพ็ญระพีได้เห็นหิมะขาวโพลนบนกิ่งไม้ข้างทางมาเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน เมื่อมาถึงบ้าน Peter พี่ชายคนโตและแม่ก็ออกมาต้อนรับ หลังจากแนะนำตัวกันแล้วก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก ที่นั่นมีต้นคริสต์มาสตกแต่งอย่างสวยงามตั้งอยู่ สักพัก Peter ก็พาเดินชมรอบบ้าน หิมะขาวเกลื่อนอยู่ตามทางเดิน หล่อนกระชับเสื้อให้ปิดคอขึ้นไป หนาวแรกนี้ช่างเย็นเหมือนความเย็นลอดรูเสื้อผ้าเข้าไปได้ มีโรงนามีรถแทรคเตอร์กับกองฟางไว้ให้วัวกิน หลังบ้านมีต้น Birne ( ลูกแพร์ ) ยืนไร้ใบมีหิมะเกาะตามกิ่งก้าน
สองพี่น้องได้ห้องๆหนึ่งเป็นที่หลับนอน ตอนบ่ายเดินตาม Peter ดูว่าเขาจัดเริ่มทำอาหาร โดยเปิดตู้แช่ขนาดใหญ่ที่วางกับพื้นหยิบไก่งวงออกมา ส่วนที่มองเห็นคือซีกหนึ่งของหมูครึ่งตัวที่ยังมีซี่โครงอยู่ คงจะซื้อมาจากโรงฆ่าสัตว์ถึงยังไม่ได้ชำแหละอย่างนี้
เพลงคริสต์มาสดังอยู่รอบบ้าน ทำให้หล่อนร้องตามไปด้วย เพลง โอ ทันเนนเบา(Oh Tannenbaum) และเพลง โอ ดูโฟรลิเช่ (Oh Du Fröliche) โอ ดูเซลิเก้ ที่เคยไปร้องบนดาดฟ้าของสถาบันให้พวกอาจารย์ฝรั่งฟัง ต้นคริสต์มาสที่สายการบินลูฟฮันซ่าอุตส่าห์นำมาจากเยอรมัน นักศึกษาช่างไฟฟ้าก็ติดไฟประดับอย่างสวยงาม คุกกี้กลิ่นอบเชยก็ได้รับแจกให้กินเป็นครั้งแรก
ยามค่ำคืนนี้ทุกคนนั่งสวดภาวนาถึงพระเจ้า เราสองพี่น้องก็นั่งกุมกำมือสงบๆไปกับเขาด้วย หลังจากนั้นก็ทานอาหารและแจกของขวัญกัน บ้านนี้ไม่มีเด็กเลยอาจจะเคร่งขรึมไปหน่อย วันต่อมานั่งพักอยู่ในห้องก่อนกลับ มองลอดหน้าต่างดูหิมะโปรยเป็นปุยฝอยเล็กๆหล่นลงมา นึกแว่บไปถึงอนาวิลว่าเขาหาที่ไปในวันคริสต์มาสอันเงียบเหงาได้หรือเปล่า หรือเฝ้าหออย่างเดียวดาย ดานีลคงอยู่กับครอบครัวของเขา แล้วใจก็กระหวัดไปถึงภูพิงค์ว่า เมื่อเขาได้รับการ์ดแล้ว คงจะเป็นสิ่งยืนยันว่าเพ็ญระพียังคงอยู่ คงอยู่ที่เยอรมันนี้...
เมื่อภูพิงค์ได้เปิดการ์ดอ่านคำอวยพรคริสต์มาสของการ์ด และมีข้อความเขียนมาว่า อยู่ที่นี่สบายดี...
เขาตอบจดหมายนี้ในทันทีก็ว่าได้ หลังจากอ่านแล้วอ่านอีกกับข้อความไม่กี่ตัวของหล่อน เขามีคำอวยพร
Frohe Weihnachten und viel Glück im Neuen Jahr ตอบมาถึงหล่อนว่า...
ได้รับจดหมายของเพ็ญแล้ว รู้สึกว่าจดหมายแต่ละฉบับทำความแปลกใจให้ทั้งนั้นเลยนะ จนชักจะเคยชินเสียแล้ว ได้รับแล้วก็ไม่อยากจะคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น อย่างคราวก่อนจดหมายก็มาประทับตราที่ใกล้ๆเมืองนี้ ครั้งนี้ก็ได้ข่าวว่ากลับไปแล้วแต่เพิ่งรู้ก็จากการ์ดนี้เอง เพ็ญทำอะไรอยู่ เรียนหรือว่าทำงาน ถ้าเรียนก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วสินะ การเรียนที่นี่ยากกว่าที่คิด ทำให้ต้องดูหนังสือหนักมาก ถึงแม้จะปิดเทอมก็ต้องดูหนังสือเตรียมสอบ ถ้าเพ็ญเรียนหนังสืออยู่ก็คงมีวันหยุดตรงกันบ้างนะ หวังว่าจดหมายนี้คงไม่ทำความแปลกใจให้กับเพ็ญเพราะเขียนที่นี่ส่งที่นี่!
( มีต่อ )