6 บริษัทญี่ปุ่นขยายลงทุนไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รับรายงานจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ)เปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ METI ในการขยาย supply chain ในประเทศอาเซียน จำนวน 30 บริษัท
ทั้งนี้ เป็นการขยายการลงทุนในประเทศไทย 6 บริษัท ได้แก่
1. Amtech ผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ
2. San Alloy ผลิตโลหะผสม (Rare Metal)
3. Nadaka ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์
4. Nikkiso ผลิตอุปกรณ์การแพทย์
5. Nikki Fron ผลิตอุปกรณ์การแพทย์
6. Riki ผลิตเสื้อกาวน์
นอกจากนี้ มีบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนให้ขยายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนครั้งนี้ด้วย ได้แก่ เวียดนาม 15 บริษัทมาเลเซีย4 บริษัท ฟิลิปปินส์ 3 บริษัท ลาว 2 บริษัท เมียนมา 1 บริษัทและอินโดนีเซีย 1 บริษัท
https://www.bangkokbiznews.com/recommended/detail/2346?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=finance
เศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น จากผ่อนคลายล็อกดาวน์
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงาน ภาวะเศรษฐกิจ ไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น
มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำ เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
แต่ภาคการท่องเที่ยวหดตัวสูงต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังคงมีอยู่
มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 24.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน หดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวลดลงที่ร้อยละ 18.4 น้อยลงมากเมื่อเทียบกับร้อยละ 29.0 ในเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นตามการทยอยเปิดเมืองของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี อัตราการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้ายังอยู่ในระดับสูง สะท้อนรายได้ของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายปรับดีขึ้นในทุกหมวดเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับปัจจัยด้านรายได้และความเชื่อมั่นที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดสินค้าสอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับดีขึ้น ทั้งยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ และการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัวสูงขึ้นตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังอยู่ในระดับสูง และ
ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แม้ปรับดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ
มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 18.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าสำคัญ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสินค้าทุน ส่วนหนี่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในระยะเดียวกันของปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น
การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายประจำขยายตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงตามการเบิกจ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อซ่อมบำรุงถนนเป็นสำคัญ ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเนื่อง แม้จะติดลบน้อยลงจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบเล็กน้อย สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ สำหรับตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์จากการขายสุทธิตราสารหนี้และการถอนเงินฝากในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และด้านหนี้สินจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวสูง จากผลของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และภาคการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูง
แต่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวกเล็กน้อย
ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยจากที่เกินดุลสูงในไตรมาสก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ประกอบกับเป็นฤดูกาลส่งกลับกำไรและเงินปันผลกลับต่างประเทศของบริษัทต่างชาติในไทย ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน
: อ่านเพิ่มเติม รายงาน ภาวะเศรษฐกิจ และการเงินเดือนมิถุนายน 2563
https://www.businesstoday.co/business/31/07/2020/ภาวะเศรษฐกิจ-5/
มีข่าวดีที่เป็นความหวังและแสงสว่างขึ้นมาบ้างก็ยังดีค่ะ
เชื่อมั่นว่าจะดีขึ้นๆ และดีขึ้น
💎💎💎/มาลาริน/ข่าวดีค่ะ... 6 บริษัทญี่ปุ่นลงทุนไทย แบงก์ชาติเผย ศก.ไทยเดือน มิ.ย.กระเตื้องขึ้น แต่ท่องเที่ยวยังหดตัว
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รับรายงานจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ)เปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ METI ในการขยาย supply chain ในประเทศอาเซียน จำนวน 30 บริษัท
ทั้งนี้ เป็นการขยายการลงทุนในประเทศไทย 6 บริษัท ได้แก่
1. Amtech ผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ
2. San Alloy ผลิตโลหะผสม (Rare Metal)
3. Nadaka ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์
4. Nikkiso ผลิตอุปกรณ์การแพทย์
5. Nikki Fron ผลิตอุปกรณ์การแพทย์
6. Riki ผลิตเสื้อกาวน์
นอกจากนี้ มีบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนให้ขยายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนครั้งนี้ด้วย ได้แก่ เวียดนาม 15 บริษัทมาเลเซีย4 บริษัท ฟิลิปปินส์ 3 บริษัท ลาว 2 บริษัท เมียนมา 1 บริษัทและอินโดนีเซีย 1 บริษัท
https://www.bangkokbiznews.com/recommended/detail/2346?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=finance
เศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น จากผ่อนคลายล็อกดาวน์
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงาน ภาวะเศรษฐกิจ ไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น
มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำ เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
แต่ภาคการท่องเที่ยวหดตัวสูงต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังคงมีอยู่
มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 24.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน หดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวลดลงที่ร้อยละ 18.4 น้อยลงมากเมื่อเทียบกับร้อยละ 29.0 ในเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นตามการทยอยเปิดเมืองของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี อัตราการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้ายังอยู่ในระดับสูง สะท้อนรายได้ของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายปรับดีขึ้นในทุกหมวดเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับปัจจัยด้านรายได้และความเชื่อมั่นที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดสินค้าสอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับดีขึ้น ทั้งยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ และการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัวสูงขึ้นตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แม้ปรับดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ
มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 18.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าสำคัญ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสินค้าทุน ส่วนหนี่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในระยะเดียวกันของปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น
การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายประจำขยายตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงตามการเบิกจ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อซ่อมบำรุงถนนเป็นสำคัญ ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเนื่อง แม้จะติดลบน้อยลงจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบเล็กน้อย สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ สำหรับตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์จากการขายสุทธิตราสารหนี้และการถอนเงินฝากในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และด้านหนี้สินจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวสูง จากผลของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และภาคการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูง
แต่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวกเล็กน้อย
ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยจากที่เกินดุลสูงในไตรมาสก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ประกอบกับเป็นฤดูกาลส่งกลับกำไรและเงินปันผลกลับต่างประเทศของบริษัทต่างชาติในไทย ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน
: อ่านเพิ่มเติม รายงาน ภาวะเศรษฐกิจ และการเงินเดือนมิถุนายน 2563
https://www.businesstoday.co/business/31/07/2020/ภาวะเศรษฐกิจ-5/
มีข่าวดีที่เป็นความหวังและแสงสว่างขึ้นมาบ้างก็ยังดีค่ะ
เชื่อมั่นว่าจะดีขึ้นๆ และดีขึ้น