วันพฤหัสบดี ยามดึก ชายหนุ่มเดินกลับมาปากซอยเป็นรอบที่สิบได้มั้ง ความสงสัยในตัวเองมีมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่วะ กับผู้หญิงที่เจอ
ไม่กี่ครั้ง พูดไม่กี่คำ โดนตบมาสองที เขาทำอะไรอยู่เนี่ย
เขาลางานมาตั้งแต่บ่าย เฝ้ารอจนฟ้ามืด เดินไปดูที่บ้านหล่อน เขารู้ว่าห้องหล่อนอยู่ตรงไหน จากเงาของหล่อนตอนที่วิ่งไปหยิบเสื้อให้เขา ไฟห้องมืดแปลว่ายังไม่กลับ เขาจึงกลับมาดักรอที่ปากซอย รอนานจนต้องกลับไปดูที่บ้านหล่อนอีกที เห็นห้องยังมืด ก็เดินกลับมาอีก เป็นอยู่อย่างนี้ แค่เพื่อรอที่จะเห็นหน้า ยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรกับหล่อน นี่เขากำลังทำอะไรอยู่วะ
ตั้งแต่แรกเจอ ที่หล่อนตบเขาด้วยความเข้าใจผิด หล่อนมาไถ่โทษด้วยการแอ่นก้นให้จับ ความจริงเขากะว่าจะแค่แตะพอเป็นพิธีให้หล่อนสบายใจ
แต่สัมผัสที่หนั่นแน่นหยุ่นเด้งสู้มือ ทำให้เขาลืมตัวเผลอบีบลงไป นั่นคงทำให้หล่อนโกรธ เขาจึงหนีทันที พบเจอกันครั้งที่สอง เขาได้สละเสื้อให้หล่อน มันช่างคุ้มค่า เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เขายิ้มได้อยู่หลายวัน แต่วันนี้หล่อนคืนเสื้อให้เขา มันรู้สึกเหมือนหล่อนคืนความรู้สึกและความสัมพันธ์คืนมา จนเขากับหล่อนไม่มีอะไรต่อกันอีก เขาจึงได้พูดอะไรโง่ๆออกไปเพียงเพราะไม่อยากให้หล่อนลืมเขา แต่นั่นดูเหมือนจะทำให้หล่อนโกรธอย่างจริงจัง เขาว้าวุ่นใจจนบอกไม่ถูก เหมือนความรู้สึกมันบอกว่าต้องเจอหล่อนให้ได้ จึงต้องมาเฝ้ารออยู่อย่างนี้
ชิบเอ๊ย แค่เผลอไปซื้อกาแฟกระป๋องที่ตู้อัตโนมัติมาเติมพลังแป๊บเดียว หล่อนเดินเข้าซอยไปแล้ว เขารีบตามไป แสงไฟหน้ารถแยงตาทำให้เขาเห็นไม่ถนัด แต่พอเข้าไปใกล้ เชี่ย อะไรวะนั่น ไอ้ชั่วที่ไหนกำลังจะฉุดหล่อน กลางคืนแสกๆ ช่างกล้านักนะ เขากำหมัดแน่น เดินเข้าไป แต่อีกคนในรถก้าวออกมา โชว์มีดให้เขาดู
"อย่าเป็นพระเอก ไปให้พ้นไป"
โอเค เขาไม่ถนัดใช้กำลังอยู่แล้ว เขาเป็นผู้ใช้ปัญญา เขาถอยออกมา จำได้จากการเดินผ่านหลายรอบ ว่ากองขยะของร้านตัดผมตรงต้นซอยนั่น มีราวลูกกรงไม้เก่าทิ้งอยู่ เขาไปกระชากดึงท่อนไม้ขนาดเหมาะมือที่เป็นซี่ลูกกรงมาเหน็บซ่อนไว้ที่ขอบกางเกงด้านหลังแล้วรีบกลับไปช่วยหล่อน
เชี่ย เกือบไปแล้ว พวกมันยัดหล่อนใส่รถได้แล้ว กำลังจะขับหนีไป ถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกแค่นิดเดียวล่ะก็
ไอ้ตัวถือมีดก้าวมาหาเขา
"จะมาทำไมอีก อยากตายรึไงวะ"
"ผมลืมของน่ะครับ"
"กูบอกให้มึ-ไปไง"
เมื่อมันเป็นฝ่ายเดินเข้ามา มันทำผิดแล้ว เขากางฝ่ามือซ้ายแกว่งล่อหลอก เอียงตัวเพื่อบังไม่ให้เห็นมือขวาที่ดึงท่อนไม้ออกมา เขาสืบเท้าสวนกลับไปข้างหน้าครึ่งก้าว เหวี่ยงท่อนไม้ฟาดหน้ามันอย่างแรง มันยกมือบังได้ทัน แต่กันได้ไม่หมด ยังคงโดนเข้าไปบางส่วนพอที่จะทำให้มันเสียหลัก เขาเตะท้องน้อยมัน ให้มันลดการ์ดลง แล้วฟาดเข้าที่หัวเต็มๆ จนมันลงไปนอนนิ่งสนิท
"กูลืมเอาชีวิตมึ-ไง" ไอ้กากเอ๊ย แค่มีดเล่มเดียวทำกร่าง ถ้ามีปืน ไม่ยึดอำนาจเป็นนายกเลยรึไงวะ
"อั๊กก" ชายหนุ่มกัดฟันร้อง ทรุดตัวคุกเข่า สองมือกดท้องด้านซ้าย ปล่อยท่อนไม้ลงพื้น เขากลัวว่าไอ้ตัวข้างหลังมันจะหนีไป คิดว่ามันน่าจะเห็นไม่ถนัด เลยแกล้งทำเป็นถูกแทง เพื่อล่อมันเข้ามา
เหอะ ไอ้พวกชั่วนี่มันหลอกง่ายจริง มันหยิบแป๊บเหล็กจากในรถมา แต่สู้ลูกหวดทีเผลอของเขาได้ที่ไหน เขาเคาะมันร่วงไปอีกคน
ความถนัดของเขาคือใช้ปัญญา อย่างที่ว่า ปัญญาประดุจดั่งอาวุธ เขาไม่ถนัดใช้กำลัง แต่ถนัดใช้อาวุธประดุจดั่งปัญญานี่แหละ
เขาเปิดประตูรถเข้าไปดูหญิงสาว เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้า จากแสงไฟในรถ หล่อนนอนหมดสติ เห็นที่สันจมูกมีคราบน้ำตา ความรู้สึกปวดหน่วงเกิดขึ้นในอก เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดอย่างเบามือ อยากจะลูบแก้มหล่อน แต่ต้องห้ามใจ เขาไม่ใช่ไอ้ชั่วพวกนั้น
เขากระซิบบอก แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ยิน
"ไม่เป็นไรนะ ผมมาแล้ว"
หันมองไอ้พวกชั่ว โทสะยังคุกรุ่น ถ้าแจ้งตำรวจ ความผิดพวกมันตอนนี้ ก็แค่ทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ไม่ถึงขั้นพยายามข่มขืน ข้อหาจิ๊บจ๊อยแค่นี้ เอาพวกมันเข้าคุกไม่ได้หรอก ต่อให้ติดคุกก็ไม่นาน แต่พวกมันจะรู้ชื่อและที่อยู่ของหล่อนที่เป็นผู้เสียหาย มันจะกลับมาล้างแค้นหล่อนน่ะสิ แต่จะให้ปล่อยพวกมันไปเฉยๆน่ะหรือ หึหึ
เรียกเขาว่าพระเอกงั้นหรือ รู้ตัวล่ะสิว่าพวกแกมันเป็นตัวร้าย รู้จักคำนี้มั้ย ถ้าเลือกเป็นตัวร้าย อย่าเสื-กหวังว่าจะได้ตายดี
เขาจับข้อเท้าซ้ายของไอ้ตัวใช้มีดยกขึ้น เหยียดขามันให้ตรง เล็งท่อนไม้ไปที่หัวเข่ามัน แล้วฟาดเต็มแรง
กร๊อบบ! มันบิดตัวฟื้นขึ้นมาทำท่าจะร้อง แต่แล้วก็สลบไปอีกรอบ เขาจัดการหักขามันอีกข้าง เพื่อนมันอีกคนก็โดนแบบเดียวกัน
ถ้ามันคิดจะล้างแค้น ให้มันนั่งรถเข็นมาเถอะ แต่ต้องหาให้เจอก่อนนะ ว่าเขาเป็นใคร
เขาโยนท่อนไม้ใส่รถมันเป็นที่ระลึก แล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมา พากลับ
...ชายหนุ่มใช้หน้าผากโขกกดกริ่ง รอสักพัก จนไฟในบ้านเปิด ชายหญิงมีอายุคู่หนึ่งเดินออกมา
...ชายหนุ่มบอกพวกเขาว่าเห็นหญิงสาวเป็นลมนอนอยู่ริมถนน จึงพามาส่ง เขาอุ้มหล่อนเข้าไปวางบนโซฟา ที่เหลือให้พ่อแม่หล่อนจัดการเอง
เขาเดินกลับมาเก็บของของหล่อน หนังสือและกระเป๋า ยังเห็นทั้งรถและพวกมันยังกองอยู่ที่เดิม ซอยนี้มันเปลี่ยวจริงๆ และนั่น เขาเดินไปเก็บแว่นตาที่เลนส์แตกไปข้างนึงขึ้นมา ฮึ่ม! ไอ้ชั่วพวกนี้
เขาเพิ่งนึกได้ จึงล้วงกระเป๋าเงินพวกมัน หยิบเงินกับบัตรประชาชนออกมา เงินใส่กระเป๋าของหล่อนเป็นค่าทำขวัญ ส่วนบัตรเป็นของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะได้รู้ใครเป็นผู้ต้องสงสัย
เขาไปที่บ้านหล่อนอีกครั้ง เอาหนังสือกับกระเป๋าไปคืน แล้วจึงกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาหยิบแว่นตา ที่ยังไม่ได้คืนออกมาดู เขาตั้งใจว่าจะเอาไปซ่อมให้พรุ่งนี้เช้า
แต่คืนนี้ ขอเก็บไว้ก่อนนะ
เห็นแว่นตาแล้วนึกถึงเจ้าของ นึกถึงความรู้สึกเมื่อครู่ ตอนที่หล่อนอยู่ในอ้อมแขน ยังจำได้ถึงไออุ่น และสัมผัสนุ่มนิ่ม
ยังจำได้ถึงกลิ่นสาบสาวที่ติดจมูก
ยังจำได้ถึงดวงหน้าที่อิงหัวไหล่อยู่ห่างไปเพียงคืบ ที่เขาพิจารณาแล้ว เห็นว่า
ตอนใส่แว่นน่ารักกว่าแฮะ
...........................................................................................................................................................................................
หรือจะเป็นบุพเพ 4 last part : ผมมาแล้ว
ไม่กี่ครั้ง พูดไม่กี่คำ โดนตบมาสองที เขาทำอะไรอยู่เนี่ย
เขาลางานมาตั้งแต่บ่าย เฝ้ารอจนฟ้ามืด เดินไปดูที่บ้านหล่อน เขารู้ว่าห้องหล่อนอยู่ตรงไหน จากเงาของหล่อนตอนที่วิ่งไปหยิบเสื้อให้เขา ไฟห้องมืดแปลว่ายังไม่กลับ เขาจึงกลับมาดักรอที่ปากซอย รอนานจนต้องกลับไปดูที่บ้านหล่อนอีกที เห็นห้องยังมืด ก็เดินกลับมาอีก เป็นอยู่อย่างนี้ แค่เพื่อรอที่จะเห็นหน้า ยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรกับหล่อน นี่เขากำลังทำอะไรอยู่วะ
ตั้งแต่แรกเจอ ที่หล่อนตบเขาด้วยความเข้าใจผิด หล่อนมาไถ่โทษด้วยการแอ่นก้นให้จับ ความจริงเขากะว่าจะแค่แตะพอเป็นพิธีให้หล่อนสบายใจ
แต่สัมผัสที่หนั่นแน่นหยุ่นเด้งสู้มือ ทำให้เขาลืมตัวเผลอบีบลงไป นั่นคงทำให้หล่อนโกรธ เขาจึงหนีทันที พบเจอกันครั้งที่สอง เขาได้สละเสื้อให้หล่อน มันช่างคุ้มค่า เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เขายิ้มได้อยู่หลายวัน แต่วันนี้หล่อนคืนเสื้อให้เขา มันรู้สึกเหมือนหล่อนคืนความรู้สึกและความสัมพันธ์คืนมา จนเขากับหล่อนไม่มีอะไรต่อกันอีก เขาจึงได้พูดอะไรโง่ๆออกไปเพียงเพราะไม่อยากให้หล่อนลืมเขา แต่นั่นดูเหมือนจะทำให้หล่อนโกรธอย่างจริงจัง เขาว้าวุ่นใจจนบอกไม่ถูก เหมือนความรู้สึกมันบอกว่าต้องเจอหล่อนให้ได้ จึงต้องมาเฝ้ารออยู่อย่างนี้
ชิบเอ๊ย แค่เผลอไปซื้อกาแฟกระป๋องที่ตู้อัตโนมัติมาเติมพลังแป๊บเดียว หล่อนเดินเข้าซอยไปแล้ว เขารีบตามไป แสงไฟหน้ารถแยงตาทำให้เขาเห็นไม่ถนัด แต่พอเข้าไปใกล้ เชี่ย อะไรวะนั่น ไอ้ชั่วที่ไหนกำลังจะฉุดหล่อน กลางคืนแสกๆ ช่างกล้านักนะ เขากำหมัดแน่น เดินเข้าไป แต่อีกคนในรถก้าวออกมา โชว์มีดให้เขาดู
"อย่าเป็นพระเอก ไปให้พ้นไป"
โอเค เขาไม่ถนัดใช้กำลังอยู่แล้ว เขาเป็นผู้ใช้ปัญญา เขาถอยออกมา จำได้จากการเดินผ่านหลายรอบ ว่ากองขยะของร้านตัดผมตรงต้นซอยนั่น มีราวลูกกรงไม้เก่าทิ้งอยู่ เขาไปกระชากดึงท่อนไม้ขนาดเหมาะมือที่เป็นซี่ลูกกรงมาเหน็บซ่อนไว้ที่ขอบกางเกงด้านหลังแล้วรีบกลับไปช่วยหล่อน
เชี่ย เกือบไปแล้ว พวกมันยัดหล่อนใส่รถได้แล้ว กำลังจะขับหนีไป ถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกแค่นิดเดียวล่ะก็
ไอ้ตัวถือมีดก้าวมาหาเขา
"จะมาทำไมอีก อยากตายรึไงวะ"
"ผมลืมของน่ะครับ"
"กูบอกให้มึ-ไปไง"
เมื่อมันเป็นฝ่ายเดินเข้ามา มันทำผิดแล้ว เขากางฝ่ามือซ้ายแกว่งล่อหลอก เอียงตัวเพื่อบังไม่ให้เห็นมือขวาที่ดึงท่อนไม้ออกมา เขาสืบเท้าสวนกลับไปข้างหน้าครึ่งก้าว เหวี่ยงท่อนไม้ฟาดหน้ามันอย่างแรง มันยกมือบังได้ทัน แต่กันได้ไม่หมด ยังคงโดนเข้าไปบางส่วนพอที่จะทำให้มันเสียหลัก เขาเตะท้องน้อยมัน ให้มันลดการ์ดลง แล้วฟาดเข้าที่หัวเต็มๆ จนมันลงไปนอนนิ่งสนิท
"กูลืมเอาชีวิตมึ-ไง" ไอ้กากเอ๊ย แค่มีดเล่มเดียวทำกร่าง ถ้ามีปืน ไม่ยึดอำนาจเป็นนายกเลยรึไงวะ
"อั๊กก" ชายหนุ่มกัดฟันร้อง ทรุดตัวคุกเข่า สองมือกดท้องด้านซ้าย ปล่อยท่อนไม้ลงพื้น เขากลัวว่าไอ้ตัวข้างหลังมันจะหนีไป คิดว่ามันน่าจะเห็นไม่ถนัด เลยแกล้งทำเป็นถูกแทง เพื่อล่อมันเข้ามา
เหอะ ไอ้พวกชั่วนี่มันหลอกง่ายจริง มันหยิบแป๊บเหล็กจากในรถมา แต่สู้ลูกหวดทีเผลอของเขาได้ที่ไหน เขาเคาะมันร่วงไปอีกคน
ความถนัดของเขาคือใช้ปัญญา อย่างที่ว่า ปัญญาประดุจดั่งอาวุธ เขาไม่ถนัดใช้กำลัง แต่ถนัดใช้อาวุธประดุจดั่งปัญญานี่แหละ
เขาเปิดประตูรถเข้าไปดูหญิงสาว เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้า จากแสงไฟในรถ หล่อนนอนหมดสติ เห็นที่สันจมูกมีคราบน้ำตา ความรู้สึกปวดหน่วงเกิดขึ้นในอก เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดอย่างเบามือ อยากจะลูบแก้มหล่อน แต่ต้องห้ามใจ เขาไม่ใช่ไอ้ชั่วพวกนั้น
เขากระซิบบอก แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ยิน
"ไม่เป็นไรนะ ผมมาแล้ว"
หันมองไอ้พวกชั่ว โทสะยังคุกรุ่น ถ้าแจ้งตำรวจ ความผิดพวกมันตอนนี้ ก็แค่ทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ไม่ถึงขั้นพยายามข่มขืน ข้อหาจิ๊บจ๊อยแค่นี้ เอาพวกมันเข้าคุกไม่ได้หรอก ต่อให้ติดคุกก็ไม่นาน แต่พวกมันจะรู้ชื่อและที่อยู่ของหล่อนที่เป็นผู้เสียหาย มันจะกลับมาล้างแค้นหล่อนน่ะสิ แต่จะให้ปล่อยพวกมันไปเฉยๆน่ะหรือ หึหึ
เรียกเขาว่าพระเอกงั้นหรือ รู้ตัวล่ะสิว่าพวกแกมันเป็นตัวร้าย รู้จักคำนี้มั้ย ถ้าเลือกเป็นตัวร้าย อย่าเสื-กหวังว่าจะได้ตายดี
เขาจับข้อเท้าซ้ายของไอ้ตัวใช้มีดยกขึ้น เหยียดขามันให้ตรง เล็งท่อนไม้ไปที่หัวเข่ามัน แล้วฟาดเต็มแรง
กร๊อบบ! มันบิดตัวฟื้นขึ้นมาทำท่าจะร้อง แต่แล้วก็สลบไปอีกรอบ เขาจัดการหักขามันอีกข้าง เพื่อนมันอีกคนก็โดนแบบเดียวกัน
ถ้ามันคิดจะล้างแค้น ให้มันนั่งรถเข็นมาเถอะ แต่ต้องหาให้เจอก่อนนะ ว่าเขาเป็นใคร
เขาโยนท่อนไม้ใส่รถมันเป็นที่ระลึก แล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมา พากลับ
...ชายหนุ่มใช้หน้าผากโขกกดกริ่ง รอสักพัก จนไฟในบ้านเปิด ชายหญิงมีอายุคู่หนึ่งเดินออกมา
...ชายหนุ่มบอกพวกเขาว่าเห็นหญิงสาวเป็นลมนอนอยู่ริมถนน จึงพามาส่ง เขาอุ้มหล่อนเข้าไปวางบนโซฟา ที่เหลือให้พ่อแม่หล่อนจัดการเอง
เขาเดินกลับมาเก็บของของหล่อน หนังสือและกระเป๋า ยังเห็นทั้งรถและพวกมันยังกองอยู่ที่เดิม ซอยนี้มันเปลี่ยวจริงๆ และนั่น เขาเดินไปเก็บแว่นตาที่เลนส์แตกไปข้างนึงขึ้นมา ฮึ่ม! ไอ้ชั่วพวกนี้
เขาเพิ่งนึกได้ จึงล้วงกระเป๋าเงินพวกมัน หยิบเงินกับบัตรประชาชนออกมา เงินใส่กระเป๋าของหล่อนเป็นค่าทำขวัญ ส่วนบัตรเป็นของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะได้รู้ใครเป็นผู้ต้องสงสัย
เขาไปที่บ้านหล่อนอีกครั้ง เอาหนังสือกับกระเป๋าไปคืน แล้วจึงกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาหยิบแว่นตา ที่ยังไม่ได้คืนออกมาดู เขาตั้งใจว่าจะเอาไปซ่อมให้พรุ่งนี้เช้า
แต่คืนนี้ ขอเก็บไว้ก่อนนะ
เห็นแว่นตาแล้วนึกถึงเจ้าของ นึกถึงความรู้สึกเมื่อครู่ ตอนที่หล่อนอยู่ในอ้อมแขน ยังจำได้ถึงไออุ่น และสัมผัสนุ่มนิ่ม
ยังจำได้ถึงกลิ่นสาบสาวที่ติดจมูก
ยังจำได้ถึงดวงหน้าที่อิงหัวไหล่อยู่ห่างไปเพียงคืบ ที่เขาพิจารณาแล้ว เห็นว่า
ตอนใส่แว่นน่ารักกว่าแฮะ
...........................................................................................................................................................................................