สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ความตอนหนึ่งในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พศ 2562 มาตรา 120
หากลูกจ้างคนใดเห็นว่าการย้ายสถานประกอบกิจการดังกล่าวมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิต
ตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัวของลูกจ้างคนนั้น และไม่ประสงค์จะไปทำงาน ณ สถานประกอบ
กิจการแห่งใหม่ ต้องแจ้งให้นายจ้างทราบเป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ปิดประกาศ หรือ
นับแต่วันที่ย้ายสถานประกอบกิจการในกรณีที่นายจ้างมิได้ปิดประกาศตามวรรคหนึ่ง และให้ถือว่า
สัญญาจ้างสิ้นสุดลงในวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ
ไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๑๑๘
ซึ่งมาตรา 118 ก็คือการชดเชยตามอัตราการเลิกจ้างนั่นเองครับ
อย่าเขียนใบลาออกครับ คุณจะไม่ได้รับชดเชยอะไรเลย
หากลูกจ้างคนใดเห็นว่าการย้ายสถานประกอบกิจการดังกล่าวมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิต
ตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัวของลูกจ้างคนนั้น และไม่ประสงค์จะไปทำงาน ณ สถานประกอบ
กิจการแห่งใหม่ ต้องแจ้งให้นายจ้างทราบเป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ปิดประกาศ หรือ
นับแต่วันที่ย้ายสถานประกอบกิจการในกรณีที่นายจ้างมิได้ปิดประกาศตามวรรคหนึ่ง และให้ถือว่า
สัญญาจ้างสิ้นสุดลงในวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ
ไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๑๑๘
ซึ่งมาตรา 118 ก็คือการชดเชยตามอัตราการเลิกจ้างนั่นเองครับ
อย่าเขียนใบลาออกครับ คุณจะไม่ได้รับชดเชยอะไรเลย
ความคิดเห็นที่ 5
ผมไม่รู้จักเจ้าสัวแต่เคยทำงานเป็นผู้บริหารชั้นสูงที่หนึ่ง ผมว่ามันไม่ใช่ครับ เจ้าสัวคงไม่ลงมาออกนโยบายทำกับลูกจ้างแบบนี้ กรรมการผู้บริหารอย่างเจ้าสัวเขาดูพวกกำไร ขยายกิจการ ที่เกี่ยวกับรายได้จองธุรกิจมากกว่า เผลอๆเจ้าสัวไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วย กระจกมี2ด้านเสมอ คุณมองว่าบีบให้พนักงานออกโดยการย้ายสาขา แต่ในมุมผู้บริหารผมว่าไม่ใช่ ทำไมต้องทำเพื่อให้การจัดการมันวุ่นวายยุ่งยากมากขึ้น ต้องกลับไปถามฝ่ายบริหารมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
เมื่อฉันกำลังจะถูกเลิกจ้างจาก'ห้างดอกบัวสีเขียว'
ไม่ทราบว่าทางเจ้าสัวกับบริษัทเก่าได้ทำการตกลงก่อนซื้อขายกันว่าอย่างไร เพราะตอนนี้ทางบริษัทกำลังทำการ ‘’บีบพนักงานประจำ’’(TypC)ให้ลาออก ด้วยการให้ย้ายสาขา โดยให้ไปไกลกว่าสาขาเดิมที่อยู่ในระยะทางระหว่าง 10-30 กิโลเมตร หรือบางคนอาจจะไกลกว่านั้น โดยที่ไม่ได้ค่าโอนย้าย หรือ เพิ่มเงินในส่วนใดเพิ่มให้เลย (หรือถ้าพนักงานคนที่ถูกเลือกไม่สามารถย้ายไปยังสาขาที่กำหนดได้ ก็จะต้องลาออกจากงานทันที) และให้เงื่อนไขว่าจะสามารถกลับมาสมัครในตำแหน่งพนักงานประจำรายวัน(TypA)ได้
พอจะทราบนะคะว่าในทางกฎหมายคงไม่สามารถทำอะไรกับบริษัทได้เลย แต่ทางด้านมนุษยธรรมล่ะคะ?
คนๆหนึ่งที่จะต้องตกงานในช่วงวิกฤตแบบนี้!
หรือบางคนที่เป็นกำลังหลักของครอบครัว!
คุณทำกับพวกเขาแบบนี้เหรอคะ?
ตัวเราเอาจริงๆก็พอจะหาที่ทางไปต่อได้ แต่กับเพื่อนร่วมงานบางคน เป็นคุณลุงคุณป้า บางคนทำงานมาหลัก10ปี และด้วยอายุเกือบๆ40คุณจะให้เขาไปเริ่มใหม่ มันไม่ได้ง่ายเลยนะคะ ตอนนี้บรรยากาศในที่ทำงานเราแย่มาก ทุกคนไม่มีกะจิตกะใจกับการทำงานเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า โดนเลือกวันนี้อีก2วันต้องย้ายสาขา มันใช่แล้วเหรอคะ
ไหนล่ะคะ?? ไหนสโลแกนที่ว่า
ดูแลเพื่อนพนักงานด้วยใจ (นี่คือดูแลแล้วจริงๆใช่ไหมคะ)
*พนักงานTypC หรือ พนักงานประจำรายเดือน คิดรายได้เป็นรายเดือน มีสวัสดิการต่างๆให้
*พนักงานTypA หรือพนักงานประจำรายวัน
คิดรายได้ตามจำนวนวันที่ทำงานจริง
ปล.ขออภัยที่กระทู้นี้อาจจะดูแปลกๆและแท็กผิดห้องไปบ้าง แต่ทางเรารู้สึกเครียดและกดดัน และต้องการคนรับฟังจริงๆค่ะ