'ยุทธพงศ์' แฉ บิ๊กการเมืองมท.-คม. เบื้องหลังล็อกสเปก ซ่อมทางหลวง200 ล้าน ที่สารคาม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2215522
“ยุทธพงศ์” ชี้ บิ๊กการเมือง “มท. – คม.” อยู่เบื้องหลัง 4 โครงการยกระดับทางหลวง 200 กว่าล้าน ด้าน “บิ๊กป๊อก” เด้งรับสอบ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 4 มิถุนายน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … วาระแรก ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอ วงเงิน 88,452,579,900 บาท เพื่อโอนงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณต่างๆได้รับตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไปตั้งเป็นงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นำไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของงบประมาณดังกล่าวด้วยตัวเอง
ต่อมาเวลา 16.02 น. วันที่ 4 มิถุนายน ที่รัฐสภา นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนอยู่สภาฯ มาตั้งแต่ปี 44 ถือเป็นครั้งแรกที่โอนงบแบบนี้ ตนเห็นด้วยที่ว่าจำเป็นต้องหาเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาโควิด แต่การใช้เงินเที่ยวนี้ต้องระวัง รอบคอบ เพราะเงินที่นำไปใช้ต้องเกิดประโยชน์ ทั้งนี้ การโอนงบไม่โปร่งใส ส่วนที่ควรจะตัดไปช่วยแก้ปัญหาโควิดก็ไม่ตัด ส่วนที่ไม่ควรตัดก็ตัดทิ้ง เช่น โครงการก่อสร้างยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง 4 โครงการ งบกว่า 200 ล้านบาทใน จ.มหาสารคาม ซึ่งผู้ชนะเป็นผู้รับเหมารายเดิม น่าแปลกใจที่มีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียว ประมูลต่ำกว่าราคากลางแค่ 1.5 หมื่นบาทเกือบทุกโครงการ อาจมีการล็อกสเป็กโดยผู้รับเหมาต้องเป็นชั้นพิเศษ มีผลงานการบำรุง จะต้องมีโรงงานผสมแอสฟัลต์รัศมีไม่เกิน 100 กม.จากรัศมีก่อสร้าง คนอื่นก็มาแข่งขันไม่ได้ ถึงได้ผู้รับเหมารายเดียวทั้งจังหวัด
นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า ส.ส.ทั้งจังหวัดมหาสารคาม ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ มหาสารคามขอให้ทบทวนและสอบภายใน 7 วัน ถึงวันนี้ผู้ว่าฯ ยังเงียบ สุดท้ายมีการเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยทั้ง 4 สัญญา ทำแบบนี้แสดงว่าผู้ว่าฯ ไม่กลัวป๋าฉิ่ง สืบเบื้องหลังแล้วพบว่ามีบิ๊กการเมืองในกระทรวงมหาดไทยและคมนาคมเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ทำให้ผู้ว่าฯ ไม่กลัว แม้ว่าป๋าฉิ่งจะให้ตรวจสอบแล้ว ดังนั้นที่ผู้ว่าฯ หดหัวไม่กล้าตรวจสอบทั้งที่ ส.ส.ทั้งจังหวัดไปร้องเรียน ผู้ว่าฯ ยังเฉยเพราะเหตุนี้หรือไม่ ไหนนายกฯ บอกว่าใครโกงจะจัดการ ตนมาบอกขนาดนี้แล้วจะจัดการหรือไม่ ดังนั้นขอให้นายกฯ สั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปตรวจสอบว่าใครสั่งการเบื้องหลัง นี่คือตัวอย่างของความไม่โปร่งใส
จากนั้น พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า โครงการดังกล่างเป็นงบจากกลุ่มจังหวัด โดยผู้ว่าฯมหาสารคามได้มอบให้อำนาจให้กรมทางหลวงดำเนินการ และส่งต่อให้ไปแขวงการทางเป็นผู้ดำเนินการ และมีบริษัทแห่งหนึ่งสามารถประมูลได้งานตามที่นายยุทธพงศ์กล่าว ซึ่งขณะนี้ได้มีเรื่องร้องเรียนให้ผู้ว่าฯยกเลิกสัญญา แต่ไม่สามารถดำเนินการ ทำให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้ฝ่ายตรวจสอบไปดำเนินการแล้ว หากผลออกมาอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ก้าวไกล ชำแหละกลาโหม ไม่จริงใจโอนงบ ดาวน์น้อยผ่อนหนัก-ไม่เข้าเนื้อ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4254796
ก้าวไกล - วันที่ 4 มิ.ย. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ถึงการโอนงบของกระทรวงกลาโหม ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... วาระแรก ระบุว่า
ตัดแบบไม่ตัด! เล่นแร่แปรธาตุแหกตาประชาชน กลาโหมไม่จริงใจในการตัดงบมาสู้โควิด-19 อย่างไรบ้าง? ]
วันนี้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงต่างๆ เพื่อไปตั้งไว้เป็นงบกลาง รายการเงินสำรองรายจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพิ่มเติม โดยมีมูลค่ารวมกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโควิด
ประเด็นที่น่าสนใจคือกระทรวงกลาโหม หากเรามองผิวเผินก็จะเห็นว่าเป็นกระทรวงที่ตัดลดงบประมาณและโอนคืนส่วนกลางมากที่สุดกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท! ฟังแค่นี้ก็เหมือนว่าประชาชนจะเป็นหนี้บุญคุณกระทรวงกลาโหมซะอย่างนั้น แต่เมื่อไปดูรายละเอียดก็จะพบว่าทั้งหมดที่ทำมานี้ “ไม่จริงใจ” ได้แก่
1. ไม่เข้าเนื้อ : ปกติการคิดประสิทธิภาพของหน่วยงานใดๆ สามารถดูได้จากเปอร์เซ็นต์ในการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งโดยค่าเฉลี่ย กระทรวงกลาโหมถือว่ามีการเบิกจ่ายประมาณ 80% จากงบประมาณประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้ นั่นหมายความว่าการตัดงบกลาโหม 1.7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% ครั้งนี้ ไม่ได้เข้าเนื้ออยู่แล้วเพราะปกติก็ไม่ได้เบิกจ่ายงบประมาณไปเกือบ 20% อยู่แล้ว
2. ดาวน์น้อยผ่อนหนัก : แต่เดิม มติ ครม. กำหนดให้ในปีแรกหน่วยงานต้องจ่ายงบลงทุนในโครงการต่างๆ 20% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดซึ่งเป็นงบผูกพันข้ามปี และสภาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับงบผูกพันข้ามปีได้
ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้ปีแรกมีการลงทุนในงบผูกพักมากเกินไป หรือน้อยเกินไปโดยจงใจเพื่อปักธงโครงการเอาไว้ เช่น ใส่งบลุงทุนปีแรกไปแค่ 1% แต่อ้างว่าเป็นงบผูกพัน สภาจึงไม่สามารถเข้าไปตัดโครงการเหล่านี้ได้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
แต่มติ ครม. ใหม่ กำหนดให้ลดงวดแรกเหลือ 15% ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคืองบจำนวนไม่น้อยที่กระทรวงกลาโหมยอมตัดออกนั้นถูกตัดจากการใช้เทคนิค “ดาวน์น้อยผ่อนหนัก” ซึ่งเป็นกระทรวงเดียวที่จ่ายเงินงวดแรกแค่ 10% ซึ่งเป็นการฝืนมติ ครม. ที่กำหนดไว้ที่ 15% และแท้จริงแล้วก็เท่ากับว่าไม่ได้อะไรออกไปมากมาย
เพราะจะต้องไปเบียดบังเพิ่มภาระให้งบประมาณในปีถัดๆ ไปอยู่ดีอันเนื่องจากเป็นงบผูกพันที่สภาจะเข้าไปตัดเข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้เลย มีเพียง 6 จาก 30 โครงการเท่านั้นที่กลาโหมยอมตัดออกในปีนี้(แต่ก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะกลับมาอีกหรือไม่)
หากยอมถอยโครงการในปีนี้ จะได้เงินเพิ่ม 2.2 พันล้านบาท ที่สามารถเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินเยียวยาประชาชนได้เพิ่มอีก 4.4 แสนคน หรือเอาไปเป็นวัคซีนให้ประชาชนได้อีก 2.2 ล้านคน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมติ ครม. เอง แต่กระทรวงกลาโหม (ที่ก็มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐมนตรีเช่นกัน) กลับเป็นกระทรวงเดียวแหกมติ ครม. เสียเอง นี่ไม่ใช่การ “เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า” หรือ?
สรุปแล้วกระทรวงกลาโหมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้ากระทรวงนั้น มีความจริงใจในการตัดลบงบประมาณที่ไม่จำเป็นมาช่วยเหลือประชาชนจากภัยโควิดมากน้อยแค่ไหนกันแน่? หรือนี่คือการเล่นแร่แปรธาตุแหกตาประชาชนไปวันๆ?
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/photos/a.108122120819817/147363773562318/
“ทิชา”ถามคนไทย จะต้องทำอะไรบ้าง ถ้าไม่ให้ “บิ๊กป้อม”เป็นนายกฯ
https://www.thansettakij.com/content/politics/437214
“ทิชา”โพสต์เฟซบุ๊ก ถามคนไทยจะต้องทำอะไรบ้างถ้าไม่ให้ “บิ๊กป้อม”เป็นนายกฯ พร้อมตอกย้ำ “ประวิตร”พร้อมพาประเทศ ฝ่าวิกฤติ หรือแค่อยากก่อนตาย
วันที่ 4 มิ.ย.2563 นาง
ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก อดีตสมาชิกสภาปฎิรูป (สปช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยกล่าวถึง พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกกลุ่มสามมิตร พยายามผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค แทนนาย
อุตตม สาวนายก ว่า
“ถ้าไม่ให้บูรพาพยัคฆ์ ร่วมกับลิ่วล้อหมุนการเมือง ส่งนายประวิตรขึ้นนายกฯ คนไทยต้องทำอะไรบ้าง ?”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4059637447443280&id=100001911932080
JJNY : 6in1 ยุทธพงศ์แฉล็อกสเปก/ก้าวไกลชำแหละกห./ทิชาถามคนไทย/จนท.ตรวจไร่ทวี/บุ๋มลั่นฟ้องปารีณา/พ.ค.คนกรุงว่างงาน9.6%
https://www.matichon.co.th/politics/news_2215522
“ยุทธพงศ์” ชี้ บิ๊กการเมือง “มท. – คม.” อยู่เบื้องหลัง 4 โครงการยกระดับทางหลวง 200 กว่าล้าน ด้าน “บิ๊กป๊อก” เด้งรับสอบ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 4 มิถุนายน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … วาระแรก ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอ วงเงิน 88,452,579,900 บาท เพื่อโอนงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณต่างๆได้รับตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไปตั้งเป็นงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นำไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของงบประมาณดังกล่าวด้วยตัวเอง
ต่อมาเวลา 16.02 น. วันที่ 4 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนอยู่สภาฯ มาตั้งแต่ปี 44 ถือเป็นครั้งแรกที่โอนงบแบบนี้ ตนเห็นด้วยที่ว่าจำเป็นต้องหาเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาโควิด แต่การใช้เงินเที่ยวนี้ต้องระวัง รอบคอบ เพราะเงินที่นำไปใช้ต้องเกิดประโยชน์ ทั้งนี้ การโอนงบไม่โปร่งใส ส่วนที่ควรจะตัดไปช่วยแก้ปัญหาโควิดก็ไม่ตัด ส่วนที่ไม่ควรตัดก็ตัดทิ้ง เช่น โครงการก่อสร้างยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง 4 โครงการ งบกว่า 200 ล้านบาทใน จ.มหาสารคาม ซึ่งผู้ชนะเป็นผู้รับเหมารายเดิม น่าแปลกใจที่มีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียว ประมูลต่ำกว่าราคากลางแค่ 1.5 หมื่นบาทเกือบทุกโครงการ อาจมีการล็อกสเป็กโดยผู้รับเหมาต้องเป็นชั้นพิเศษ มีผลงานการบำรุง จะต้องมีโรงงานผสมแอสฟัลต์รัศมีไม่เกิน 100 กม.จากรัศมีก่อสร้าง คนอื่นก็มาแข่งขันไม่ได้ ถึงได้ผู้รับเหมารายเดียวทั้งจังหวัด
นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า ส.ส.ทั้งจังหวัดมหาสารคาม ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ มหาสารคามขอให้ทบทวนและสอบภายใน 7 วัน ถึงวันนี้ผู้ว่าฯ ยังเงียบ สุดท้ายมีการเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยทั้ง 4 สัญญา ทำแบบนี้แสดงว่าผู้ว่าฯ ไม่กลัวป๋าฉิ่ง สืบเบื้องหลังแล้วพบว่ามีบิ๊กการเมืองในกระทรวงมหาดไทยและคมนาคมเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ทำให้ผู้ว่าฯ ไม่กลัว แม้ว่าป๋าฉิ่งจะให้ตรวจสอบแล้ว ดังนั้นที่ผู้ว่าฯ หดหัวไม่กล้าตรวจสอบทั้งที่ ส.ส.ทั้งจังหวัดไปร้องเรียน ผู้ว่าฯ ยังเฉยเพราะเหตุนี้หรือไม่ ไหนนายกฯ บอกว่าใครโกงจะจัดการ ตนมาบอกขนาดนี้แล้วจะจัดการหรือไม่ ดังนั้นขอให้นายกฯ สั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปตรวจสอบว่าใครสั่งการเบื้องหลัง นี่คือตัวอย่างของความไม่โปร่งใส
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า โครงการดังกล่างเป็นงบจากกลุ่มจังหวัด โดยผู้ว่าฯมหาสารคามได้มอบให้อำนาจให้กรมทางหลวงดำเนินการ และส่งต่อให้ไปแขวงการทางเป็นผู้ดำเนินการ และมีบริษัทแห่งหนึ่งสามารถประมูลได้งานตามที่นายยุทธพงศ์กล่าว ซึ่งขณะนี้ได้มีเรื่องร้องเรียนให้ผู้ว่าฯยกเลิกสัญญา แต่ไม่สามารถดำเนินการ ทำให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้ฝ่ายตรวจสอบไปดำเนินการแล้ว หากผลออกมาอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ก้าวไกล ชำแหละกลาโหม ไม่จริงใจโอนงบ ดาวน์น้อยผ่อนหนัก-ไม่เข้าเนื้อ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4254796
ก้าวไกล - วันที่ 4 มิ.ย. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ถึงการโอนงบของกระทรวงกลาโหม ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... วาระแรก ระบุว่า
ตัดแบบไม่ตัด! เล่นแร่แปรธาตุแหกตาประชาชน กลาโหมไม่จริงใจในการตัดงบมาสู้โควิด-19 อย่างไรบ้าง? ]
วันนี้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงต่างๆ เพื่อไปตั้งไว้เป็นงบกลาง รายการเงินสำรองรายจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพิ่มเติม โดยมีมูลค่ารวมกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโควิด
ประเด็นที่น่าสนใจคือกระทรวงกลาโหม หากเรามองผิวเผินก็จะเห็นว่าเป็นกระทรวงที่ตัดลดงบประมาณและโอนคืนส่วนกลางมากที่สุดกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท! ฟังแค่นี้ก็เหมือนว่าประชาชนจะเป็นหนี้บุญคุณกระทรวงกลาโหมซะอย่างนั้น แต่เมื่อไปดูรายละเอียดก็จะพบว่าทั้งหมดที่ทำมานี้ “ไม่จริงใจ” ได้แก่
1. ไม่เข้าเนื้อ : ปกติการคิดประสิทธิภาพของหน่วยงานใดๆ สามารถดูได้จากเปอร์เซ็นต์ในการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งโดยค่าเฉลี่ย กระทรวงกลาโหมถือว่ามีการเบิกจ่ายประมาณ 80% จากงบประมาณประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้ นั่นหมายความว่าการตัดงบกลาโหม 1.7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% ครั้งนี้ ไม่ได้เข้าเนื้ออยู่แล้วเพราะปกติก็ไม่ได้เบิกจ่ายงบประมาณไปเกือบ 20% อยู่แล้ว
2. ดาวน์น้อยผ่อนหนัก : แต่เดิม มติ ครม. กำหนดให้ในปีแรกหน่วยงานต้องจ่ายงบลงทุนในโครงการต่างๆ 20% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดซึ่งเป็นงบผูกพันข้ามปี และสภาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับงบผูกพันข้ามปีได้
ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้ปีแรกมีการลงทุนในงบผูกพักมากเกินไป หรือน้อยเกินไปโดยจงใจเพื่อปักธงโครงการเอาไว้ เช่น ใส่งบลุงทุนปีแรกไปแค่ 1% แต่อ้างว่าเป็นงบผูกพัน สภาจึงไม่สามารถเข้าไปตัดโครงการเหล่านี้ได้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
แต่มติ ครม. ใหม่ กำหนดให้ลดงวดแรกเหลือ 15% ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคืองบจำนวนไม่น้อยที่กระทรวงกลาโหมยอมตัดออกนั้นถูกตัดจากการใช้เทคนิค “ดาวน์น้อยผ่อนหนัก” ซึ่งเป็นกระทรวงเดียวที่จ่ายเงินงวดแรกแค่ 10% ซึ่งเป็นการฝืนมติ ครม. ที่กำหนดไว้ที่ 15% และแท้จริงแล้วก็เท่ากับว่าไม่ได้อะไรออกไปมากมาย
เพราะจะต้องไปเบียดบังเพิ่มภาระให้งบประมาณในปีถัดๆ ไปอยู่ดีอันเนื่องจากเป็นงบผูกพันที่สภาจะเข้าไปตัดเข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้เลย มีเพียง 6 จาก 30 โครงการเท่านั้นที่กลาโหมยอมตัดออกในปีนี้(แต่ก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะกลับมาอีกหรือไม่)
หากยอมถอยโครงการในปีนี้ จะได้เงินเพิ่ม 2.2 พันล้านบาท ที่สามารถเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินเยียวยาประชาชนได้เพิ่มอีก 4.4 แสนคน หรือเอาไปเป็นวัคซีนให้ประชาชนได้อีก 2.2 ล้านคน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมติ ครม. เอง แต่กระทรวงกลาโหม (ที่ก็มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐมนตรีเช่นกัน) กลับเป็นกระทรวงเดียวแหกมติ ครม. เสียเอง นี่ไม่ใช่การ “เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า” หรือ?
สรุปแล้วกระทรวงกลาโหมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้ากระทรวงนั้น มีความจริงใจในการตัดลบงบประมาณที่ไม่จำเป็นมาช่วยเหลือประชาชนจากภัยโควิดมากน้อยแค่ไหนกันแน่? หรือนี่คือการเล่นแร่แปรธาตุแหกตาประชาชนไปวันๆ?
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/photos/a.108122120819817/147363773562318/
“ทิชา”ถามคนไทย จะต้องทำอะไรบ้าง ถ้าไม่ให้ “บิ๊กป้อม”เป็นนายกฯ
https://www.thansettakij.com/content/politics/437214
“ทิชา”โพสต์เฟซบุ๊ก ถามคนไทยจะต้องทำอะไรบ้างถ้าไม่ให้ “บิ๊กป้อม”เป็นนายกฯ พร้อมตอกย้ำ “ประวิตร”พร้อมพาประเทศ ฝ่าวิกฤติ หรือแค่อยากก่อนตาย
วันที่ 4 มิ.ย.2563 นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก อดีตสมาชิกสภาปฎิรูป (สปช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยกล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกกลุ่มสามมิตร พยายามผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค แทนนายอุตตม สาวนายก ว่า
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4059637447443280&id=100001911932080